1.6. ฉกามาพจร เป็นแดนของเทวดาที่ยังเกี่ยวข้องในกาม มี 6 ชั้น คือ จาตุมหาราชิก , ดาวดึงส์ , ยามะ , ดุสิต , นิมมานรดี , ปรนิมมิตวสวดี
2. รูปภูมิ มี 1 กัณฑ์ คือ รูปาวจรภูมิ เป็นแดนของพรหมที่มีรูป แบ่งเป็น 16 ชั้น ตามภูมิธรรม เรียกว่า โสฬสพรหม
3. อรูปภูมิ มี 1 กัณฑ์ คือ อรูปาวจรภูมิ เป็นแดนของพรหมไม่มีรูป มีแต่จิต แบ่งเป็น4ชั้นคุณค่า
1. ด้านศาสนา ไตรภูมิพระร่วงเป็นหนังสืออ่านยาก ตั้งแต่สมัยสุโขทัยตลอดมาจนกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ผู้ที่นำไตรภูมิไปสู่ชาวบ้านก็คือพระสงฆ์
และนำไปโดยการเทศนา ทำภาษายากให้เป็นภาษาง่ายที่ชาวบ้านเข้าใจได้ โดยเฉพาะเนื้อเรื่องนั้นมีอิทธิพลต่อความรู้สึกนึกคิดเกี่ยวกับบาปบุญคุณโทษ การเกิด
การตาย เกี่ยวกับโลกทั้งสาม (ไตรภูมิ) ซึ่งทำให้คนสมัยกรุงสุโขทัยเข้าใจเรื่องชีวิตของตนเองว่าเกิดมาอย่างไร ตายแล้วไปไหน โลกที่อยู่ปัจจุบันและโลกหน้า
เป็นอย่างไร
2. ด้านภาษา สำนวนโวหารในไตรภูมิ โดยเฉพาะพรรณนาโวหารนั้นประณีตละเอียดลออเป็นอย่างยิ่ง จนทำให้นึกเห็นสมจริง ให้เห็นสภาพอันน่าสยอง
ขวัญของนรก สภาพอันรุ่งเรืองบรมสุขของสวรรค์ จนจิตรกรอาจถ่ายบทพรรณนานั้นลงเป็นภาพได้ เราจะเห็นภาพฝาผนังของวิหารและโบสถ์ตามวัดต่างๆ ไป
(นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงทางภาษาระหว่างสมัยพ่อขุนรามคำแหงกับสมัยพระมหาธรรมราชาลิไท)
3. ด้านสังคม มุ่งใช้คุณธรรมความดีเป็นพื้นฐานการสร้างสรรค์ความสุขในสังคม
4. ด้านอิทธิพลต่อกวียุคหลังกวียุคหลังได้ใช้ไตรภูมินี้เป็นแนวพรรณนาป่าหิมพานต์ เขาพระสุเมรุ วิมานพระอินทร์ ส่วนจิตรกรได้อาศัยความคิด ความเชื่อใน
ไตรภูมิ เป็นแนวการสร้างสรรค์งานศิลปะ รวมความว่า ไตรภูมิพระร่วงเป็นหนังสือเก่าชั้นวรรณคดีที่มีอิทธิพลต่อความคิดอ่านของคนไทยในเรื่องบาปบุญคุณ
โทษ ในด้านจิตรกรรมฝาผนังโบสถ์ต่างๆ และวรรณคดีตั้งแต่สมัยสุโขทัยจนถึงสมัยปัจจุบัน หนังสือนี้แสดงให้เห็นพระปรีชาสามารถของพระยาลิไทในด้าน
ศาสนา และใช้จริยธรรมในการบริหารบ้านเมือง และยังแสดงให้เห็นพระสติปัญญา ตลอดจนให้แนวคิดในเชิงปรัชญา สังคม และค่านิยมของสังคมเป็นอย่างดี
ยิ่งตัวอย่างในไตรภูมิพระร่วงผลแห่งการทำบาป
“คนผู้ใดกล่าวคำร้ายแก่สมณพราหมณ์ผู้มีศิลและพ่อแม่และผู้เฒ่าผู้แก่ครูปาทยาย คนผู้นั้นตาย ไปเกิดในนรกอันได้ขื่อว่า สุนักขนรกนั้นแล ในสุนักขนรกนั้น
มีหมา 4 สิ่ง หมาจำพวกหนึ่งนั้นขาว หมาจำพวกหนึ่งนั้นแดง หมาจำพวกหนึ่งนั้นดำ หมาจำพวกหนึ่งนั้นเหลือง และตัวหมาผู้นั้นใหญ่เท่าช้างสารทุกตัว ฝูงแร้ง
แลกาอันอยู่ในนรกนั้นใหญ่เท่าเกวียนทุกตัว ปากแร้งแลกาแลตีนนั่น เทียรย่อมเหล็กแดงลุกเป็นเปลวไฟอยู่มิได้เหือดสักคาบ แร้งแลกาหมาฝูงนั้นเทียรย่อมจิกแหก
หัวอกขบตอดคนทั้งหลายในนรกด้วยบาปกรรมของเขานั้น แลมิให้เขาอยู่สบายแลให้เขาเจ็บปวดสาหัส ได้เวทนาพ้นประมาณ ทนอยู่ในนรกอันชื่อสุนักขนรกนั้นแล”
//sanesapthong.wordpress.com/ประวัติ-เรื่องวรรณคดีส/
คุณค่าจากไตรภูมิพระร่วง
ไตรภูมิพระร่วงเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับจักรวาลวิทยา ซึ่งประกอบไปด้วยภูมิทั้ง ๓ คือกามภูมิ รูปภูมิ และอรูปภูมิ โดยกล่าวถึงสัตว์โลกในภูมิต่าง ๆ การอุบัติ การดำรงอยู่ และการเสื่อมสลาย การดับสูญของโลกและสัตว์โลก ซึ่งเป็นสภาวะที่เป็นไปตามกฎไตรลักษณ์ที่ไม่มีสิ่งใดเที่ยงแท้แน่นอน นอกจากพระนิพพาน ซึ่งให้คุณค่าในด้านต่างๆคือ
คุณค่าด้านศาสนา
ทำให้ผู้อ่านเข้าใจหลักธรรมของพุทธศาสนาได้ ๓ คือ เรื่องไตรวัฏฏ์ ไตรลักษณ์ ไตรสิกขา และหลักธรรมของพระมหากษัตริย์
๑.หลักธรรมเรื่องไตรวัฎฎ์ หรือวัฎฎะ ๓ คือ กิเลส กรรม และวิบาก หมายถึงกฎแห่งกรรมหรือการเวียนว่ายตายเกิด
กิเลส คือ ความชั่วต่าง ๆที่มีอยู่ในใจ ทั้งรัก โลภ โกรธ หลง ความเศร้าหมอง
กรรม คือ การกระทำที่เนื่องมาจากกิเลสข้างต้น
วิบาก คือ ผลแห่งกรรม ทำชั่วทำผิดผลก็คือความเดือดร้อน ทำดีผลก็ คือความสุขกาย สุขใจ เมื่อตายไปก็จะไปเกิดในภพภูมิที่ต่างกันตามวิบากของกรรม
แก่นของเรื่องไตรภูมิคือการเวียนว่ายตายเกิดในภพทั้งสามที่มนุษย์เลือกไม่ได้มนุษย์จะมีความทุกข์ความสุขไปตามกฎแห่งกรรมที่ทำไว้
๒.หลักธรรมเรื่องไตรลักษณ์ ไตรลักษณ์คือกฎของธรรมชาติ หรือกฎแห่งการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่ปรากฏในภูมิทั้งสามมี ๓ ลักษณะเหมือนกันหมดคือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
อนิจจัง คือความไม่เที่ยง ไม่แน่นอน
ทุกขัง คือความเป็นเป็นทุกข์คงทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้
อนัตตา คือ ความไม่มีตัวตน เป็นสภาพหาเจ้าของมิได้
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สามประการนี้ล้วนเป็นเหตุผลแก่กัน เกิดขึ้นสืบเนื่องกันไป
๓.หลักธรรมเรื่องไตรสิกขา คือข้อปฏิบัติเพื่อให้ดำเนินชีวิตไปในทางที่ดีงาม ถูกต้องมี ๓ ประการ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา
ศีล คือ ความประพฤติทางกาย วาจา ใจ ควรฝึกตนให้เป็นคนมีความสงบระงับทั้งทางกาย วาจา จึงเป็นกายสุจริต วจีสุจริต
สมาธิ คือ ความตั้งมั่นของใจที่อบรมดีแล้ว การมีจิตแจ่มใสปลอดโปร่ง ทำให้คิดหาความจริงได้สะดวก สมาธิจึงเป็นมโนสุจริต
ปัญญา คือความเข้าใจในหลักความจริงทั้ง ๔ คือ อริยสัจสี่ ต้องฝึกตนให้เข้าใจในเหตุผลของความทุกข์และความสุข เข้าใจในการเว้นจากทุจริต ประพฤติแต่สุจริตทั้งกาย วาจา ใจ จึงเป็นปัญญา
ไตรภูมิพระร่วงได้แสดงผลของศีล สมาธิ ปัญญา ให้เป็นรูปธรรมชัดเจน คือ ผลของผู้ไม่มีศีลคืออบายภูมิ ผลของผู้มีศีลคือ มนุสสภูมิและสวรรคภูมิ ผลของสมาธิคือ
รูปภูมิและอรูปภูมิ และผลของปัญญาคือ โลกุตรภูมิหรือนิพพาน ไตรสิกขาจึงเป็นการโน้มน้าวจิตใจให้บุคคลใฝ่ทำความดีในระดับต่าง ๆ คือใครทำความดีระดับใดก็ได้รับผลกรรมในระดับนั้น
คุณค่าด้านการเมืองการปกครอง
ในด้านการปกครองพระมหาธรรมราชาที่ ๑ ลิไทน่าจะมีพระประสงค์ในการพระราชนิพนธ์ไตรภูมิพระร่วงเพื่อใช้ในการปกครองบ้านเมืองและปกครองประชาชนให้ให้อยู่ในศีลธรรมทางอ้อม คือใช้พระพุทธศาสนาเป็นเครื่องมือทางการเมือง ไตรภูมิพระร่วงเน้นหลักของกรรม ใครทำดีทำชั่วย่อมได้รับวิบากตามกรรมที่กระทำไว้ โดยกำหนดโทษในเชิงสัญลักษณ์คือนรกและสวรรค์ โดยได้พรรณนาบาปของผู้ที่ทำชั่วและตกนรกไว้อย่างน่ากลัว พรรณนาบุญของผู้ที่ทำดีได้ไปสวรรค์ไว้อย่างวิจิตร อันเป็นสิ่งจูงใจหรือโน้มน้าวให้กระทำความดี อาจกล่าวได้ว่าไตรภูมิพระร่วงทำหน้าที่แทนกฎหมายก่อนที่จะมีการบัญญัติกฎหมายขึ้นใช้ ซึ่งกฎหมายนี้เป็นบทลงโทษทางใจที่ผ่านความเชื่อทางศาสนา และการพรรณนาด้วยการใช้ถ้อยคำภาษาและภาพพจน์ที่ให้เกิดจินตนาการและความแจ่มชัด ไตรภูมิพระร่วงเป็นเสมือนตำราส่งเสริมและจัดระเบียบความประพฤติและจริยธรรมของสังคมไทย ปลูกฝังอุดมการณ์ทางการเมืองโดยอยู่บนพื้นฐานของศาสนา กล่าวคือ เมื่อประชาชนอยู่ในศีลธรรม ละชั่ว ทำดี ทำบุญให้ทาน จิตใจผ่องใส สังคมและบ้านเมืองก็ดำรงอยู่ได้โดยปกติสุข
คุณค่าด้านความรู้
ความรู้เรื่องเพศศึกษา
ความรู้เรื่องการกำเนิดมนุษย์ สิ่งมีชีวิตในภูมิต่าง ๆ ในมนุสสภูมินับตั้งสภาพทางกายภาพของสตรีวัยเจริญพันธุ์ การปฏิสนธิ การตั้งครรภ์ วิวัฒนาการของทารกในครรภ์ ทำให้คนสุโขทัยรู้และเข้าใจเรื่องเพศได้แจ่มชัด
ปัญหาเรื่องเพศ ไตรภูมิพระร่วงกล่าวถึงปัญหาที่เกิดจากเรื่องเพศ ๒ ประการคือ การมีชู้และการทำแท้ง
โดยได้กล่าวถึงบทลง โทษของการมีชู้ ไว้ในนรกบ่าว ๓ ขุม ต่อเนื่องกันซึ่งมีความน่ากลัว
ปัญหาการทำแท้ง ซึ่งเกิดต่อเนื่องจากการมีชู้ เมื่อเกิดปัญหาการมีชู้ย่อมเกิดปัญหาการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ ไตรภูมิพระร่วงตอนเปรตภูมิ กล่าวถึงผู้หญิงที่มีความผิดยอมรับว่าทำแท้งต้องได้รับโทษเป็นเปรต สะท้อนให้เห็นว่าคนในสมัยสุโขทัยประสบปัญหาเรื่องนี้ โดยกล่าวถึงโทษไว้น่ากลัว เพื่อให้ให้ผู้คนตระหนักไม่มีชู้และไม่ทำแท้งเนื่องจากเป็นบาป
อุดมคติเกี่ยวกับเรื่องเพศ ไตรภูมิพระร่วงกล่าวถึงอุดมคติที่ทุกคนใฝ่ฝันจะไปเกิด ดินแดนนี้กล่าวถึงชีวิตอันอุดมสมบูรณ์ ไม่มีปัญหาเรื่องการมีชู้ และปัญหาการอยู่กินกันเป็นครอบครัว เพราะเขาอยู่กินกันเพียง ๗ วันเท่านั้น ไม่มีปัญหาเรื่องการคลอดลูกและเลี้ยงดูจนกระทั้งเติบใหญ่
ความรู้เรื่องโลกในอุดมคติ ไตรภูมิพระร่วงกล่าวถึงสัตว์โลกที่ต้องเวียนว่ายตายเกิด ต้องทนทุกข์อยู่ในจตุรบายแม้เกิดเป็นมนุษย์อยู่ในสุขคติภูมิก็ตาม ย่อมได้รับวิบากตามระดับของกรรมที่กระทำไว้ จึงมักไม่พอใจในสภาพความเป็นอยู่ของตน ต้องการดิ้นรนให้พ้นความเดือดร้อน ปรารถนาชีวิตที่รื่นรมย์ มีฐานะ มีหน้าตา ผิวพรรณที่งดงาม
ความปรารถนาดังกล่าวไตรภูมิพระร่วงได้เสนอไว้ในตอน อุตรกุรุทวีป ได้กล่าวถึงดินแดนนี้ไว้อย่างงดงาม ทั้งพฤติกรรมของผู้คน ชีวิตความเป็นอยู่ ซึ่งเป็นโลกในอุดมคติ