ซื้อเครื่องฟอกอากาศมา แต่ก็ไม่แน่ใจว่าควรเปิดตอนไหน จำเป็นต้องเปิดตลอดไหม แล้วกินไฟรึเปล่า วันนี้ไดกิ้นจะพามาไขคำตอบ พร้อมบอกทริคการใช้เครื่องฟอกอากาศให้คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพมากที่สุด ไปเริ่มกันเลย
เครื่องฟอกอากาศ เปิดตอนไหนดี
ภาพ: การเปิดใช้งานเครื่องฟอกอากาศ
“ควรเปิดใช้งานตอนที่รู้สึกว่าอากาศมีฝุ่นเยอะ มีกลิ่นไม่พึงประสงค์หรือมีมลภาวะที่ทำให้หายใจไม่สบาย”
หลาย ๆ คนที่มีเครื่องฟอกอากาศติดบ้านไว้อยู่แล้ว หรือกำลังมองหาซื้อเครื่องฟอกอากาศดี ๆ ซักเครื่อง คงตั้งคำถามและสงสัยว่า เครื่องฟอกอากาศควรเปิดตอนไหนดี ที่จริงแล้ว ควรเปิดใช้งานตอนที่รู้สึกว่าอากาศมีฝุ่นเยอะ มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ หรือมีมลภาวะที่ทำให้หายใจไม่สบายนั่นเอง เมื่อรู้สึกว่าอากาศสะอาดขึ้นแล้ว ค่อยปิดเครื่อง
ทั้งนี้ในเครื่องฟอกอากาศยุคปัจจุบันก็มีฟังก์ชันฉลาดล้ำ ๆ ที่ช่วยให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น อย่างเช่น เครื่องฟอกอากาศระบบสตรีมเมอร์รุ่น รุ่น MC40UVM6-7 จาก Daikin ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์ตรวจวัดฝุ่นถึง 6 ระดับ ตั้งแต่ฝุ่นขนาดใหญ่ไปจนถึงขนาดเล็ก ช่วยฟอกอากาศให้โดยอัตโนมัติเลยนั่นเอง
เครื่องฟอกอากาศต้องเปิดตลอดไหม
ภาพ: การใช้งานเครื่องฟอกอากาศ
“เปิดเครื่องจนอากาศสะอาดแล้วก็ปิดได้ ไม่ต้องเปิดตลอด”
ที่จริงประโยชน์หลักของเครื่องฟอกอากาศนั้น คือ การช่วยกรองสิ่งเจือปน ทั้งฝุ่น ละอองเกสร ควัน หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ในอากาศ เพื่อให้เราได้หายใจโล่งที่สุด เมื่อเปิดเครื่องและฟอกอากาศไปซักพักจนรู้สึกว่าอากาศสะอาดแล้ว ก็สามารถปิดเครื่องได้ ไม่จำเป็นต้องเปิดทำงานตลอดให้เปลืองนั่นเอง
เครื่องฟอกอากาศกินไฟไหม
ภาพ: การคำนวณบิล
ยุคค่าไฟแพงแบบนี้ หลายคนคงจะกังวลใจว่า เครื่องฟอกอากาศกินไฟไหม ? เพราะก็เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดหนึ่ง และอัตราการกินไฟก็จะขึ้นอยู่กับกำลังวัตต์ และระยะเวลาที่ใช้งานตัวเครื่องด้วย มีสูตรในการคำนวณง่าย ๆ คือ
“กำลังไฟฟ้า (วัตต์) x จำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้า ÷ 1000 x จำนวนชั่วโมงที่ใช้งานใน 1 วัน = จำนวนหน่วยยูนิตต่อวัน”
เช่น เครื่องฟอกอากาศ Daikin รุ่น MC55UVM6-7 ในโหมดมาตรฐาน ใช้กำลังไฟ 15 วัตต์ หากใช้งาน 24 ชั่วโมงต่อวัน จะคำนวณได้เป็น
15 x 1 ÷ 1000 x 24 = 0.36 ยูนิตต่อวัน
ประมาณค่าไฟฟ้ายูนิตละ 4 บาท ดังนั้น จะเสียค่าไฟอยู่ที่ 1.44 บาท ต่อวัน
จะเห็นได้ว่าเครื่องฟอกอากาศไมไ่ด้กินไฟอย่างที่คิด ถึงแม้จะเปิดใช้งานทั้งวันก็ตาม ยิ่งถ้าเลือกยี่ห้อและรุ่นที่ใช้กำลังไฟไม่เยอะ เหมาะสมกับขนาดห้อง แต่ยังคงฟอกอากาศได้อย่างมีคุณภาพ ก็จะประหยัดสุด ๆ และเพื่อความคุ้มค่า วันนี้เราเลยมีทริคในการใช้งานเครื่องฟอกอากาศมาฝากกัน
ทริค(ไม่)ลับ ใช้เครื่องฟอกอากาศยังไงให้คุ้มค่าและไม่เปลืองไฟ
1.เลือกเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะสมกับห้อง
ภาพ: การเลือกเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะสม
จะใช้เครื่องฟอกอากาศยังไงให้คุ้มค่า สิ่งที่สำคัญมาก ๆ ถ้ากำลังเล็งไว้ต้องรู้ คือต้องเลือกเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะสมกับห้องที่จะใช้งาน สัมพันธ์กับขนาดห้องเพื่อให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งแต่ละรุ่นก็มักจะมีระบุอยู่ที่ฉลาก รวมถึงเลือกดีไซน์เข้ากับห้อง วางเป็นเฟอร์นิเจอร์สวย ๆ แต่งบ้านได้ด้วยนั่นเอง
- ห้องขนาด 23 ตร.ม. เหมาะกับเครื่องฟอกที่มีปริมาณดูดอากาศ 3.0 ลบ.ม. / นาที
- ห้องขนาด 30 ตร.ม. เหมาะกับเครื่องฟอกที่มีปริมาณดูดอากาศ 4.0 ลบ.ม. / นาที
- ห้องขนาด 40 ตร.ม. เหมาะกับเครื่องฟอกที่มีปริมาณดูดอากาศ 5.5 ลบ.ม. / นาที
2. ใช้เครื่องฟอกอากาศในห้องปิด
ภาพ: การใช้เครื่องฟอกอากาศในพื้นที่ปิด
“เปิดใช้ในห้องปิด เครื่องฟอกอากาศไม่ทำงานหนัก”
หลายคนคงอยากให้อากาศในบ้านถ่ายเท เลยเปิดประตู หน้าต่าง แต่ในยุคที่มลภาวะอยู่รอบตัวแบบนี้ แนะนำว่าหากอยากให้อากาศในห้องสะอาด ควรเปิดใช้งานเครื่องฟอกอากาศในห้องปิด ไม่เปิดหน้าต่างหรือประตู เพราะจะทำให้อากาศที่มีฝุ่นไหลเวียนเข้ามาตลอด ๆ อากาศสะอาดที่ฟอกแล้วก็ลอยออกไปข้างนอก เครื่องฟอกอากาศจะทำงานหนัก ต้องเปลี่ยนแผ่นกรองเร็วขึ้น เพราะฝุ่นเข้าไปสะสมเยอะขึ้นอีกด้วย
3.ตรวจเช็คแผ่นกรอง ทำความสะอาดบ้าง
ภาพ: การตรวจเช็คสภาพแผ่นกรองอากาศ
“เช็คสภาพบ้าง เปลี่ยนแผ่นกรองตามกำหนด”
มีเครื่องฟอกอากาศติดบ้านแล้ว พอใช้ไปซักพักก็อย่าลืมว่าต้องคอยตรวจเช็คตัวแผ่นกรอง หรือส่วนต่าง ๆ ของตัวเครื่อง ทำความสะอาดเบื้องต้นบ้าง ยิ่งในช่วงที่ฝุ่นและมลภาวะเยอะด้วยแล้ว การใช้งานไปนาน ๆ จนฝุ่นสะสมที่แผ่นกรองหนาชั้น ก็ทำให้ประสิทธิภาพในการฟอกอากาศลดลง เพราะฉะนั้นเมื่อครบระยะเวลาก็ควรเปลี่ยนแผ่นกรองตามกำหนดด้วย
4. ทำความสะอาดห้องบ่อย ๆ
ภาพ: การทำความสะอาดห้อง
“ทำความสะอาดบ่อย ๆ ฝุ่นน้อยลง ห้องน่าอยู่”
ในอากาศนั้นมีฝุ่นลอยอยู่ฟุ้งเสมอ ถึงแม้จะใช้เครื่องฟอกอากาศช่วยกรองแล้ว แต่ก็คงป้องกันฝุ่นที่จะมาเกาะตามเฟอร์นิเจอร์ ตู้ โต๊ะไม่ได้ทั้งหมด การหมั่นทำความสะอาดห้องบ่อย ๆ ก็จะเป็นการช่วยให้เครื่องฟอกอากาศไม่ทำงานหนักจนเกินไป ห้องยังน่าอยู่ขึ้น ไม่เต็มไปด้วยคราบฝุ่นสกปรกอีกด้วย
5.เลือกใช้เครื่องฟอกอากาศคุณภาพดี
ภาพ: เลือกเครื่องฟอกอากาศคุณภาพดี
ในยุคนี้ เครื่องฟอกอากาศ คือ ด่านหน้าที่จะช่วยกรองและดักจับฝุ่น ฟอกอากาศในบ้านให้บริสุทธิ์ที่สุด ใคร ๆ ซื้อมาแล้วก็อยากจะใช้งานนาน ๆ ให้คุ้มค่ากันทั้งนั้น จึงต้องเลือกยี่ห้อ เลือกรุ่นให้ดี ต้องเหมาะกับการใช้งานและมีคุณภาพ ฟังก์ชันหลากหลาย ใช้งานได้ยาว ๆ ทนทาน ไม่ต้องดูแลยุ่งยาก ประหยัดเวลานั่นเอง
ถ้าอยากจะเลือกเครื่องฟอกอากาศคุณภาพดี ๆ สักเครื่องนึง Daikin ขอเป็นตัวเลือกดี ๆ แนะนำเครื่องฟอกอากาศระบบสตรีมเมอร์ในรุ่น MCK55TVM6 ที่มาพร้อมฟังก์ชันเด็ด ข้อดีหลากหลาย ที่ควรมีติดบ้านไว้ จะมีอะไรน่าสนใจบ้างมาดูกัน
เครื่องฟอกอากาศระบบสตรีมเมอร์จาก Daikin รุ่น MCK55TVM6 ดียังไง ?
ภาพ: เครื่องฟอกอากาศระบบสตรีมเมอร์จาก Daikin รุ่น MCK55TVM6
1.ระบบฟอกทั้งภายนอกและภายใน อากาศสะอาด มั่นใจได้
ภาพ: เทคโนโลยี Streamer
“ฟอกอากาศทั้งภายในและภายนอก สะอาด มั่นใจ”
หมดกังวลเรื่องเชื้อโรคที่ลอยปะปนมาในอากาศ ด้วยระบบฟอกอากาศภายนอกเครื่อง Active Plasma Ion ดักจับฝุ่น ปล่อยประจุลบเพื่อสลายโปรตีนของเชื้อโรค และระบบฟอกอากาศภายในเครื่อง Streamer ฆ่าเชื้อโรคด้วยการปล่อยประจุพลาสม่าของอิเล็คตรอนความเร็วสูง ยับยั้งไวรัส Covid-19 ได้ถึง 99.9 % ยืนยันผลทดสอบจากคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล หมดกังวลเรื่องเชื้อโรคที่ลอยปะปนมาในอากาศ ด้วยระบบฟอกอากาศภายนอกเครื่อง Active Plasma Ion ดักจับฝุ่น ปล่อยประจุลบเพื่อสลายโปรตีนของเชื้อโรค
และระบบฟอกอากาศภายในเครื่อง Streamer ฆ่าเชื้อโรคด้วยการปล่อยประจุพลาสม่าของอิเล็คตรอนความเร็วสูง ยับยั้งไวรัส Covid-19 ได้ถึง 99.9 % ยืนยันผลทดสอบจากคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล
2.แผ่นกรองกลิ่นใช้ได้ยาว ๆ บอกลาห้องเหม็น
ภาพ: แผ่นกรองกลิ่น Deodorizing filter
“แผ่นกรองกลิ่นที่ใช้ได้ตลอดยาว ๆ ไม่ต้องเปลี่ยน”
จะดีแค่ไหนถ้าห้องไร้กลิ่นไม่พึงประสงค์มากวนใจ มาแก้ปัญหานี้ด้วยแผ่นกรองกลิ่น (Carbon Filter) ที่ทำงานแบบ Cycle ยั้งกลิ่นมากวนใจได้ต่อเนื่อง สลายเชื้อโรคและกลิ่นบนแผ่นฟิลเตอร์ด้วยการฉายแสงสตรีมเมอร์ แถมใช้งานได้ยาว ๆ ตลอดอายุการใช้งาน ไม่ต้องเปลี่ยน เซฟเงินในกระเป๋าได้สบาย ๆ
3.ระบบเพิ่มความชื้น Humidifier ผิวไม่แห้งอีกต่อไป
ภาพ: ระบบเพิ่มความชื้น
“ผิวชุ่มชื้น ลดภูมิแพ้ ยั้งเชื้อโรค”
อีกหนึ่งฟังก์ชันเด็ดสำหรับชาวผิวแห้งที่กำลังกังวลว่าอากาศแห้ง ๆ จะทำให้เกิดริ้วรอย หรือผิวหยาบกร้าน ทาโลชั่นอย่างเดียวอาจไม่พอ มาเพิ่มความชุ่มชื้นให้อากาศในห้องด้วยระบบ Humidifier ลดอาการภูมิแพ้ แถมยังยับยั้งการเติบโตของเชื้อโรคด้วยการรักษาระดับความชื้นในอากาศให้เหมาะสม เพราะไวรัสจะแพร่กระจายได้ดีในอากาศแห้ง
4.แผ่นกรองฝุ่นใช้ได้ถึง 10 ปี เซฟเงินในกระเป๋าเหลือ ๆ
ภาพ: แผ่นกรองฝุ่นใช้ได้นาน 10 ปี
“ทางเลือกที่ฉลาด เพราะประหยัดไปตั้ง 62,000 บาท”
ใคร ๆ ก็อยากประหยัดเงินกันทั้งนั้น ไม่อยากเสียค่าซ่อมบำรุงหรือเปลี่ยนอะไหล่แพง ๆ งั้นเครื่องฟอกอากาศ Daikin ในรุ่น MCK55TVM6 คงตอบโจทย์สุด ๆ ด้วยแผ่นกรองฝุ่นแบบไฟฟ้าสถิต (Electrostatic HEPA Filter) ที่นอกจากจะช่วยกรองฝุ่นขนาดเล็ก 0.3 ไมครอนได้แล้ว ยังใช้งานได้ยาวถึง 10 ปี ช่วยเซฟค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแผ่นกรองฝุ่นทุก 6 เดือน รวม ๆ แล้วประหยัดไปประมาณ 62,000 บาทเลยทีเดียว