เทคโนโลยี VR หรือ AR มาใช้ในธุรกิจ อะไร ได้ บ้าง

ในโลกของการทำธุรกิจที่มีเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวช่วยให้ลูกค้า และ แบรนด์ใกล้ชิดกันมากขึ้น ย่อมมีคู่แข่งเด็ด ๆ ที่อยู่ในสังเวียนของการตลาดมากขึ้นเช่นเดียวกัน และ ในยุคสมัยของ Marketing 5.0 ที่ใช้ ข้อมูลลูกค้า และ Martech ที่ล้ำสมัยเข้ามาขับเคลื่อนธุรกิจ จะเน้นไปที่การให้ความสำคัญของการสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคลให้กับลูกค้า โดยหนึ่งในเทคโนโลยีจาก Martech ที่ยังคงพัฒนาให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งนั้่นก็คือ Virtual Reality หรือการสร้างโลกเสมือนเพื่อเปิดประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับผู้บริโภคค่ะ 

ถึงแม้ว่า Virtual Reality อาจไม่ใช่คำศัพท์ใหม่ที่น่าตื่นเต้นเหมือนในสมัยก่อน เมื่อเทียบกับ 5 – 10 ปีที่แล้ว แต่การนำ Virtaul Reality เข้ามาผสมผสานกับการทำตลาด เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างการรับรู้แบรนด์ และ ขยายฐานลูกค้า Customer Journey ให้กว้างขึ้น จะช่วยให้แบรนด์สามารถเพิ่มช่องทางในการสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ไม่ได้จำกัดแค่การสร้างภาพถ่าย และ วิดีโอ โดยเฉพาะการทำโฆษณาเพื่อดึงดูดความสนใจจากลูกค้า ซึ่ง STEPS Academy มีสถิติที่น่าสนใจมาฝากนักการตลาดที่เกี่ยวข้องกับความสำเร็จในการทำ Virtual Reality Marketing กันค่ะ

  • นักการตลาดวางแผนการทำโฆษณาแบบ Virtual Reality (VR) เพื่อสร้าง Reach ให้ได้ถึง 1 หมื่นสองพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2024 ซึ่งในปี 2021 นี้ สามารถสร้าง Reach ได้เกือบถึง 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว 
  • 67% ของนักการตลาดวางกลยุทธ์ในการสร้าง VR Ads 

ภาพจาก: marketresearchfuture 

  • แบรนด์ต่าง ๆ วางแผนการตลาดผสมผสานระหว่าง AR and VR เพื่อสร้างยอดขายให้ถึง 7 ล้านหกแสนดอลลาร์สหรัฐ ในปี2025
  • ในเดือนมกราคมปี 2021 ช่อง YouTube Virtual Reality มีผู้ติดตามมากถึง 3.4 ล้านคน
  • 55% ของผู้ที่ใช้ VR พบว่า VR สามารถสร้างประสบการณ์และความพึงพอใจได้ในระดับกลาง 
  • มีแนวโน้มว่า VR สามารถเพิ่มผู้ใช้งานบนอินเทอร์เน็ตได้สูงถึง 25% ในปี 2023 ที่จะถึงนี้

นี่เป็นตัวเลขสถิติแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นที่เราได้หยิบยกมาให้ดูค่ะ  สำหรับนักการตลาด ผู้ประกอบการ หรือ แบรนด์ที่สนใจวางแผนการทำโฆษณาให้แตกต่างจากคู่แข่ง แถมยังได้สร้างประสบการณ์และมุมมองด้านใหม่ ๆ กับลูกค้า ไปดูกันค่ะว่า Virtual Reality Ads คืออะไร และทำไมแบรนด์ของเราจะต้องเข้าถึงผู้บริโภคด้วยวิธีนี้ 

Virtual Reality Advertising คืออะไร?

Virtual Reality Ads คือการทำโฆษณาที่นำเทคโนโลยี (Martech) มาผสมผสานโลกเสมือนผ่านสินค้า และบริการที่แบรนด์มี เพื่อเปิดประสบการณ์ที่ล้ำสมัยให้กับลูกค้า 

ตัวอย่างเช่น หากธุรกิจของคุณขายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการเดินป่า ปีนเขา หรือกิจกรรมกลางแจ้ง การที่กลุ่มลูกค้าจะสามารถเข้าถึงสินค้า ได้ทดลองใช้ ได้รู้สึกถึงธรรมชาติกลางป่าเขาได้ สามารถใช้วิธีการจำลองโลกเสมือนกับว่าเราได้ทำกิจกรรมเหล่านั้นจริง ๆ แม้ว่าจะอยู่ที่บ้าน หรือออฟฟิศก็ตาม แต่การเปิดประสบการณ์ที่จำลองโลกเสมือนก็สามารถทำให้ลูกค้าตื่นเต้น และมีอารมณ์ร่วมไปกับภาพ และภาพเคลื่อนไหวจำลองได้เช่นเดียวกัน 

ประสบการณ์เสมือนจริงที่มอบให้กับลูกค้า เรียกได้ว่า “แม้อยู่ไกล แต่รู้สึกใกล้”

หลาย ๆ แบรนด์ทำโฆษณาที่มากกว่าการสร้างอารมณ์ร่วม นั่นคือการสร้างประสบการณ์ใหม่ในอารมณ์และความรู้สึกใหม่ ๆ ในรูปแบบของลูกค้าเอง ซึ่งนี่แหละค่ะจะเป็นจุดแข็งของการทำ Virtual Reality Ads ที่สามารถสร้าง ROI หรือผลตอบแทนจากการลงทุนให้กับธุรกิจได้มหาศาล หากนักการตลาดมีทั้งต้นทุนในการสร้างโฆษณาในรูปแบบการใช้ VR และไอเดียที่สร้างสรรค์ และ เติมไฟให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น ดังตัวอย่าง โฆษณาจาก Netflix ด้านล่างนี้ค่ะ

Netflix ได้สร้างปรากฏการณ์ Viral ไปทั่วโลกเมื่อได้โปรโมตซีรีส์เรื่องดังอย่าง Stranger Things ผ่านโฆษณาในรูปแบบ Virtual Reality เพื่อให้ผู้ชมได้เข้าไปอยู่ในบ้านจำลองของตัวละคร โดยมีฉากดัง และ ระทึกขวัญปรากฏอยู่โลกเสมือนจริง ทำให้ผู้ชมรู้สึกตื่นเต้นไปกับบรรยากาศ และเสียงที่น่าตื่นเต้น และ พิศวง

VR vs AR – แตกต่างกันอย่างไร?

เครื่องมือในการทำการตลาด หรือที่เราเรียกกันว่า Martech ในยุค Marketing 5.0 ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีที่นำสมัย ซึ่ง AR และ VR เป็นหนึ่งใน Martech เช่นเดียวกัน และด้วยความที่ชื่อย่อก็คล้าย ๆ กันก็อาจสร้างความสับสนให้กับคุณผู้อ่านได้ ซึ่งหากผู้เขียนขออธิบายความหมายแบบระหว่าง 2 สิ่งนี้ ดังนี้ค่ะ

Augmented Reality เป็นการผสมผสานระหว่างโลกจริงและโลกเสมือนด้วยการใช้เทคโนโลยี โดยเราสามารถดูภาพจำลองผ่านกล้อง

ภาพจาก: singlegrain

ตัวอย่างการโฆษณาจากแอป Skyview ที่จำลองการใช้งานผ่านหน้าจอมือถือ โดยผู้ใช้งานสามารถเห็นดวงดาวจำลองที่อยู่บนท้องฟ้าจริงในตำแหน่งต่าง ๆ 

  • Virtual Reality คือการใช้เทคโนโลยีเพื่อจำลองโลกเสมือนให้เหมือนกับโลกความเป็นจริง ซึ่งโปรแกรมที่สร้างมีความซับซ้อน และมีต้นทุนค่อนข้างสูง

ภาพจาก: singlegrain

IKEA ได้โฆษณาเพื่อจำลองการจัดแต่งบ้านผ่านแอป เพื่อให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจซื้อเฟอร์นิเจอร์ได้เร็วขึ้น เห็นภาพได้ง่ายขึ้น

ผู้เขียนได้นำ 6 ประโยชน์จากการทำโฆษณาในรูปแบบ Virtual Reality มาฝากพร้อมตัวอย่างเพื่อทำให้คุณผู้อ่านเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น จะมีข้อดีอะไรที่น่าสนใจบ้างเราไปดูกันเลยค่ะ

1)ช่วยปรัปรุง Customer Engagement

ข้อดีอันดับแรกของการใช้ VR Ads นั่นคือการปรับปรุงปฏิสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์ และ ลูกค้าให้ดีขึ้น และยังคงสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง เพื่อเปลี่ยนลูกค้าธรรมดา ให้กลายเป็นลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์ 

ภาพจาก financesonline

สถิติจาก financesonline เผยว่าธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากการทำ VR มากที่สุดคือธุรกิจเกม รองลงมาคือธุรกิจด้านสุขภาพ การศึกษา และเครื่องยนต์

2) ลูกค้าได้ทดลองใช้ก่อนตัดสินใจซื้อ

ความท้าทายของการขายสินค้าและบริการให้กับกลุ่มเป้าหมายใหม่ คือการที่ลูกค้ายังไม่มีประสบการณ์ได้ลองสัมผัส ได้เห็น และรู้สึก รวมทั้งการมีประสบการณ์ในการใช้ผลิตภัณฑ์ในชีวิตจริง ดังนั้น นักการตลาดสามารถเปลี่ยนความท้าทายให้กลายเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นได้ด้วยการทำ VR Ads ดังตัวอย่างด้านล่างนี้ค่ะ 

แบรนด์รถชื่อดังอย่าง Volvo มีไอเดียให้ลูกค้าได้ทดลองขับรถผ่านการนำเสนอโฆษณา ด้วยการสร้างโลกเสมือน ให้ผู้ชมได้รู้สึกว่ากำลังขับรถไปตามเส้นทางธรรมชาติในยามเย็น

3) เป็นกลยุทธ์การทำคอนเทนต์แนะนำสินค้าใหม่ ๆ 

หลาย ๆ แบรนด์เลือกใช้ Virtual Reality มาทำโฆษณาเพื่อโปรโมตสินค้าตัวใหม่ ในรูปแบบที่น่าสนใจ และอาจกลายเป็น Buzz Word หรือ Viral ซึ่งสามารถเปิดโอกาสในการเพิ่ม Conversion และ Traffic ไปยังเว็บไซต์ให้กับแบรนด์ได้ไม่ยาก

ตัวอย่างจาก Patrón Tequila แบรนด์ที่มีผลิตภัณฑ์เป็นเตกีล่า ออกแบบโฆษณาด้วยการสร้าง Virtual Reality เพื่อให้ผู้ชมได้เห็นขั้นตอนการผลิตเตกีล่าตั้งแต่เริ่มต้น จนกลายเป็นสินค้าที่วางขาย ผ่านการเล่าเรื่องในรูปแบบ Storytelling ที่ทำให้ผู้ชมเห็นถึงความใส่ใจของแบรนด์ และ คุณภาพในการผลิต เพื่อทำให้ลูกค้ารู้สึกเชื่อถือ 

4) ลูกค้ามีรูปแบบการเดินทางในแบบของตัวเอง

จากที่กล่าวไปข้างต้นคร่าว ๆ แล้วว่า Virtual Reality สามารถสร้าง Customer Journey ในรูปแบบเฉพาะบุคคล ซึ่งได้มากกว่าความรู้สึกที่มีอารมณ์ร่วมไปกับคอนเทนต์ ซึ่งการเดินทางของลูกค้าจะพาลูกค้าไปสู่ในขั้นตอนการตัดสินใจซื้อที่ง่ายขึ้น และเกิดการซื้อซ้ำหากประสบการณ์ที่ได้รับนั้นเป็นไปในเชิงบวก 

ตัวอย่างที่ผู้เขียนจะมาหยิบยกเพื่อให้เห็นภาพในการสร้าง Customer Journey คือ National Geographic ที่ได้ร่วมมือกับ Oculus VR ในการสร้างโลกเสมือนเพื่อเดินทางไปยังแอนตาร์กติกา มาชู ปิกชู เพื่อดูความสวยงามของธรรมชาติ และ ร่องร่อยอารยธรรมของคนสมัยก่อน โดยที่ผู้ชมไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยังสถานที่จริง แต่ยังสามารถสร้างการเดินทางของลูกค้าให้เกิดขึ้นได้

ภาพจาก: singlegrain

5) ไม่มีข้อจำกัดในด้านภาษา

การทำคอนเทนต์และโฆษณาส่วนใหญ่จะใช้ “ภาษา” ในการสื่อสารและสร้างเรื่องราวร้อยเรียงออกมา แต่ Virtual Reality จะเน้นการสร้างโลกจำลองออกมาเพื่อทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าอยู่ในสถานที่จริง รู้สึกได้จริง โดยไม่ต้องใช้การสนทนาก็ยังเข้าใจได้   

6) สามารถสร้าง Conversion Rates ได้สูงกว่าการทำโฆษณาทั่วไป

นักการตลาดรู้ดีว่าวิดีโอคือคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์บริโภคยุคใหม่ และสร้าง Conversion Rate ได้ดี ซึ่ง VR เป็นหนึ่งในการสร้างวิดีโอออกมาให้ผู้ชมได้ดูกัน ยิ่งหากวิดีโอที่เราสร้างไปอยู่บนหน้า Landing Page ด้วยแล้วจะสามารถเพิ่ม Conversion Rate ได้มากถึง 80% เลยทีเดียว

ตัวอย่าง VR Ads จาก Oculus ที่สร้างห้องทำงานจำลองให้ผู้ใช้งานได้รู้สึกสนุกไปกับการทำงาน 

สรุป 

Virtual Reality Ads คือการนำเทคโนโลยี (Martech) มาใช้ในการสร้างโลกเสมือนเพื่อนำเสนอสินค้าและบริการของแบรนด์ให้โดดเด่น แตกต่างไปจากคู่แข่ง อีกทั้งยังเป็นการเปลี่ยนประสบการณ์ของลูกค้าให้กลายเป็นประสบการณ์ที่มีความเฉพาะบุคลลมากขึ้นโดยประโยชน์ในการทำโฆษณาผ่าน VR คือ 

  • การปรับปรุง Customer Engagement 
  • ช่วยลูกค้าตัดสินใจในการซื้อสินค้าผ่านการทดลองใช้
  • ใช้เป็นกลยุทธ์แนะนำสินค้าใหม่ 
  • สามารถสร้างประสบการณ์ในการเดินทางของลูกค้าในแบบของตัวเอง
  • ไม่มีข้อจำกัดด้านภาษา
  • สร้าง Conversion Rate ได้ดีขึ้น

ที่มา: //www.singlegrain.com

VR หรือ AR มาใช้ในธุรกิจอะไรได้บ้าง

ในขณะที่ VR ก็ถูกนำไปใช้อุตสาหกรรมต่างๆ เช่นกันนอกเหนือจากธุรกิจด้านความบันเทิง อาทิ ธุรกิจสุขภาพ หมอและพยาบาลสามารถใช้ VR ในการฝึกซ้อมการผ่าตัดและรักษาผู้ป่วยซึ่งเป็นหุ่นเสมือนที่ VR สร้างขึ้น ใครดูซีรีส์แนวหมอผ่าตัดของฝรั่งจะต้องเคยเห็นว่า VR จะถูกนำไปใช้ในการจำลองการผ่าตัดเพื่อประเมินและลดความเสี่ยง

เทคโนโลยี VR ถูกนําไปใช้ในด้านใดบ้าง

ซึ่งเทคโนโลยี VR ก็ถูกนำมาใช้เพื่อ 'สร้างประสบการณ์เสมือนจริง' โดยเริ่มต้นที่ เน้นให้ความบันเทิงผ่านเกมเพลย์ต่าง ๆ จนปัจจุบันกลายเป็นเทคโนโลยีที่สามารถสนับสนุนด้านธุรกิจ เช่น ธุรกิจยานยนต์, ซอฟต์แวร์ ไปจนถึงอสังหาริมทรัพย์ อย่างการจำลองสถานที่จริง เป็นต้น

เทคโนโลยี VR และ AR คืออะไร มีประโยชน์อย่างไรในยุคปัจจุบัน

เทคโนโลยี Augmented Reality (AR) และ Virtual Reality (VR) เป็นเทคโนโลยีโลกเสมือนที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเสริมสร้างประสบการณ์เสมือนจริงให้แก่ผู้ใช้โดยมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันไปซึ่งขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน (มนชนก ช่อศรีงาม, 2563) โดยที่ Augmented Reality คือ เทคโนโลยีการนำวัตถุเสมือนที่สามารถเป็นได้ทั้งภาพ วิดีโอ หรือ ...

การนำเทคโนโลยี AR ไปใช้งานด้านใดบ้าง

นอกจากนี้ AR ยังถูกนำมาใช้ในโซเชียลมีเดียแอปพลิเคชั่นอย่าง Instagram, Facebook และ Snapchat โดยการสร้างฟีเจอร์ต่างๆให้ผู้ใช้งานได้ทดลองตกแต่งใบหน้า เพิ่มมงกุฎ เปลี่ยนสีลิปสติก หรือแม้กระทั่งแต่งหน้าเป็นเพศตรงข้าม สิ่งเหล่านี้นับได้ว่าเป็น AR ในชีวิตประจำวันที่เรารู้จักและคุ้นชิน

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน อาจารย์ ตจต ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf lmyour แปลภาษา ชขภใ ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมฟรี 2566 ขขขขบบบยข ่ส ศัพท์ทางทหาร military words หนังสือราชการ ตัวอย่าง หยน แปลบาลีเป็นไทย ไทยแปลอังกฤษ ประโยค การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ข้อสอบโอเน็ต ม.3 ออกเรื่องอะไรบ้าง พจนานุกรมศัพท์ทหาร เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด แปลภาษามลายู ยาวี Bahasa Thailand กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมออนไลน์ การ์ดจอมือสอง ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย คะแนน o-net โรงเรียน ค้นหา ประวัติ นามสกุล บทที่ 1 ที่มาและความสําคัญของปัญหา ร. ต จ แบบฝึกหัดเคมี ม.5 พร้อมเฉลย แปลภาษาอาหรับ-ไทย ใบรับรอง กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน PEA Life login Terjemahan บบบย มือปราบผีพันธุ์ซาตาน ภาค2 สรุปการบริหารทรัพยากรมนุษย์ pdf สอบโอเน็ต ม.3 จําเป็นไหม เช็คยอดค่าไฟฟ้า แจ้งไฟฟ้าดับ แปลภาษา มาเลเซีย ไทย แผนที่ทวีปอเมริกาเหนือ ่้แปลภาษา Google Translate กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน ก่อนจะนิ่งก็ต้องกลิ้งมาก่อน เนื้อเพลง ข้อสอบโอเน็ตม.3 มีกี่ข้อ คะแนนโอเน็ต 65 ตม กรุงเทพ มีที่ไหนบ้าง