บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
36,469 views
โดย ผศ.ดร.ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ อาจารย์ประจำวิชากฎหมายภาษีอากร
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล คือ บุคคลประเภทหนึ่งที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายซึ่งไม่ได้เป็น บุคคลธรรมดา (ส่วนมากมักอยู่ในรูปบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด) แต่กฎหมายให้ถือว่ามีสถานะเป็นเสมือนบุคคลทั่วไปและสามารถทำกิจกรรมหลายอย่างได้เหมือนบุคคลทั่วไป เช่น ทำสัญญาซื้อขายได้ มีเจ้าของทรัพย์สินได้ แต่จะไม่สามารถทำกิจกรรมบางอย่างเหมือนบุคคลธรรมดาได้ เช่น ใช้สิทธิเลือกตั้ง บวชเป็นพระภิกษุ จดทะเบียนสมรส รับบุตรบุญธรรม เป็นต้น
โดยปกติ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมีรายได้จะมีหน้าที่ต้องเสีย ภาษีเงินได้นิติบุคคล ด้วย ไม่ว่าจะตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยหรือตามกฎหมายต่างประเทศ1
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามกฎหมายไทย
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามกฎหมายไทยมักอยู่ในรูปแบบ
- บริษัทจำกัด
- ห้างหุ้นส่วนจำกัด
- ห้างหุ้นส่วนสามัญที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้ว
- บริษัทมหาชน
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามกฎหมายต่างประเทศ
ถ้าบริษัทหรือนิติบุคคลที่จดทะเบียนในต่างประเทศ เข้ามาทำกิจกรรมบางอย่างในไทยแล้วมีรายได้ก็มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทย
อื่นๆ ที่ถือว่าเป็นผู้เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล
นอกจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจะหมายถึงนิติบุคคลข้างต้นแล้ว กฎหมายยังหมายความรวมถึงกิจการรูปแบบอื่นๆ ที่ไม่ใช่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลด้วย ได้แก่
มูลนิธิและสมาคมที่ยังไม่เป็นองค์กรการกุศลสาธารณะ
มูลนิธิและสมาคม หากยังไม่ได้รับการประกาศให้เป็นองค์กรการกุศลสาธารณะแล้วมีรายได้เกิดขึ้นจะไม่ได้รับยกเว้นภาษี ทำให้มูลนิธิและสมาคมที่ยังไม่เป็นองค์กรการกุศลสาธารณะมีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทย
กิจการร่วมค้า (Joint Venture)
กิจการร่วมค้า (Joint Venture) ไม่ว่าจะเป็นการกิจการทางการค้าร่วมกันระหว่างบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนที่เป็นนิติบุคคลด้วยกัน หรือแม้แต่ระหว่างบริษัท/ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลกับบุคคลธรรมดา หากกิจการร่วมค้านั้นมีรายได้ก็มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทย
กิจการทางการค้าหรือหากำไรของรัฐบาลต่างประเทศและองค์การของรัฐบาลต่างประเทศ
ถ้ากิจการทางการค้าหรือหากำไรของรัฐบาลต่างประเทศและองค์การของรัฐบาลต่างประเทศนั้นเข้ามาในไทยแล้วมีรายได้ก็มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทยด้วย
กิจการทางการค้าหรือหากำไรของนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ
กิจการทางการค้าหรือหากำไรของนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศนั้น ถ้าเป็นนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศจะถือเป็นบริษัทหรือหุ้นส่วนนิติบุคคลตามประมวลรัษฎากรซึ่งอยู่ในข่ายต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลทันที แม้ว่าในประเทศที่ตั้งขึ้นนั้นจะไม่มีสถานะเป็นบริษัท ห้างหุ้นส่วน มูลนิธิ หรือสมาคมก็ตาม เช่น กองทุนรวมต่างประเทศ ดังนั้น ถ้านิติบุคคลนั้นเข้ามาในไทยแล้วมีรายได้ก็มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทย
นิติบุคคลที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี และประกาศในราชกิจจานุเบกษา
- ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย2
นิติบุคคลที่ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล
เป็นที่น่าสังเกตว่านิติบุคคลไทยบางประเภทก็ยังที่ไม่อยู่ในข่ายต้องเสียภาษี ซึ่งมักจะเป็นนิติบุคคลอื่นตามกฎหมายไทยที่ไม่ใช่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนฯ และไม่ใช่ส่วนราชการโดยตรง เช่น เนติบัณฑิตไทย สภาทนายความ สหกรณ์ สภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้าไทย นิติบุคคลอาคารชุด เป็นต้น จะไม่มีสถานะเป็นผู้เสียภาษีที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล เพราะแม้จะมีสถานะเป็นนิติบุคคลแต่ก็ไม่ใช่บริษัท ห้างหุ้นส่วน มูลนิธิ สมาคม หรือนิติบุคคลที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล
นอกจากนี้หน่วยงานส่วนราชการที่มีสถานะเป็นนิติบุคคลก็ไม่มีสถานะต้องเสียภาษีเงินได้ เช่นกัน เช่น กระทรวง จังหวัด อบต. เป็นต้น
ทั้งนี้นิติบุคคลที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ยังรวมถึงรัฐวิสาหกิจที่เป็น “องค์การของรัฐบาล” เช่น ธนาคารออมสิน ธอส. ธกส. ซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายพิเศษ (แต่ถ้ารัฐวิสาหกิจนั้นไม่ใช่ “องค์การของรัฐบาล” แต่เป็นบริษัท/ห้างหุ้นส่วน ซึ่งโดยมากจะเป็นรัฐวิสาหกิจที่รัฐมีทุนอยู่เกิน 50% เช่น การบินไทย บขส. TOT ธ.กรุงไทย เป็นต้น แบบนี้ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลเพราะเป็นบริษัท)
ส่วนองค์การมหาชน (ซึ่งมักไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไรเหมือนรัฐวิสาหกิจ) จะไม่อยู่ในข่ายต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล แม้จะระบบการบริหารจะไม่อยู่รูปแบบราชการก็ตาม
กระนั้นก็ตาม โดยมากแล้วการจัดชั้นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมักจะเป็นระบบชั้นเดียวหรือสองชั้น แต่ในบางประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา หน่วยการปกครองส่วนท้องถิ่นเรียกว่า เขตพิเศษ ซึ่งเป็นหน่วยการปกครองท้องถิ่นที่ตั้งขึ้นเพื่อให้มีภารกิจเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งอาจเกิดจากการจัดตั้งโดยหน่วยการปกครองท้องถิ่นหน่วยใดหน่วยหนึ่งหรืออาจเกิดจากการจัดตั้งร่วมกันของหลายท้องถิ่นเงินได้ประเภทที่ 4 คือ เงินได้พึงประเมิน ในรูปของ ดอกเบี้ย และเงินปันผล รวมถึงรายได้ลักษณะเดียวกัน ที่ทำให้ผู้รับเงินมีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในวงการภาษีบางครั้งก็เรียกว่า เงินได้ 40(4)1
ทั้งนี้ เงินได้ประเภทที่ 4 ไม่สามารถหักค่าใช้จ่ายได้เลย
อย่างไรก็ดี ถ้าคุณมีคู่สมรสที่จะแยกยื่นภาษีเองอยู่แล้ว คุณสามารถเลือกให้คู่สมรสนำเงินได้ประเภทนี้ของคุณไปยื่นเป็นรายได้ของเขาแทนก็ได้2
เงินได้ประเภทที่ 4 เป็นอะไรได้บ้าง?
1. ดอกเบี้ย
ดอกเบี้ยที่นับเป็นเงินได้ประเภทที่ 4 ได้แก่
- ดอกเบี้ยพันธบัตร
- ดอกเบี้ยเงินฝาก
- ดอกเบี้ยหุ้นกู้
- ดอกเบี้ยตั๋วเงิน
- ดอกเบี้ยเงินกู้ยืม
- ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่ต้องถูกหักภาษีไว้ ณ ที่ จ่ายตามกฎหมายว่าด้วยภาษีเงินได้ปิโตรเลียมเฉพาะส่วนที่เหลือจากถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่าย
- ผลต่างระหว่างราคาไถ่ถอนกับราคาจำหน่ายตั๋วเงินหรือตราสารหนี้ซึ่งบริษัทเงินทุนเป็นผู้ออกและจำหน่ายครั้งแรกในราคาต่ำกว่าราคาไถ่ถอน (Original Issue Discount bond: OID)
- เงินได้ทำนองเดียวกับดอกเบี้ย รวมถึงผลประโยชน์จากการให้กู้ยืมหรือสิทธิเรียกร้องในหนี้ทุกชนิด
ดอกเบี้ยต่อไปนี้ได้รับยกเว้นไม่ต้องยื่นภาษีก็ได้
- ดอกเบี้ยสลากออมสิน หรือดอกเบี้ยเงินฝากออมสินของรัฐบาลเฉพาะประเภทฝากเผื่อเรียก เช่น ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารออมสิน3 ดอกเบี้ยเงินฝาก ธ.ก.ส.4 ดอกเบี้ยสลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส.5 เป็นต้น
- ดอกเบี้ยเงินฝากประเภทออมทรัพย์ที่ได้รับจากสหกรณ์ออมทรัพย์6
- ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในไทยทั่วไปประเภทออมทรัพย์ที่รวมกันแล้วตลอดปีไม่เกิน ฿20,000 (หากเกิน ฿20,000 ต้องนำดอกเบี้ยนั้นมาคำนวณภาษีทั้งจำนวนตั้งแต่บาทแรกเลย)7 ทั้งนี้ เจ้าของบัญชีเงินฝากออมทรัพย์นี้จะต้องไม่คัดค้านการส่งข้อมูลดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ของธนาคารให้กรมสรรพากร8
- ดอกเบี้ยเงินฝากประจำธนาคารในประเทศไทยและจากสหกรณ์ออมทรัพย์ในประเทศเป็นรายเดือนติดต่อกันไม่น้อยกว่า 24 เดือน นับแต่วันที่ฝาก โดยมียอดเงินฝากทุกครั้งเท่ากันแต่ไม่เกิน ฿25,000 ต่อเดือนและรวมทั้งหมดแล้วต้องไม่เกิน ฿600,000 (ในทางปฏิบัติมักเรียกว่า เงินฝากประจำปลอดภาษี)9
- ดอกเบี้ยเงินฝากประจำธนาคารในไทยสำหรับผู้สูงอายุตั้งแต่อายุ 55 ปี ที่ฝากประจำตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป โดยดอกเบี้ยเงินฝากประจำทุกประเภทรวมกันแล้วตลอดปีไม่เกิน ฿30,000 (หากเกิน ฿30,000 ต้องนำดอกเบี้ยนั้นมาคำนวณภาษีทั้งจำนวนตั้งแต่บาทแรกเลย)10
- ดอกเบี้ยที่คุณยอมให้หักภาษี ณ ที่จ่าย 15% ไปแล้วและต้องการให้ภาษี ณ ที่จ่ายนั้นเป็นภาษีสุดท้ายไปเลย
2. เงินปันผล
โดยปกติ เงินปันผลหรือส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทไทยหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลไทย เป็นเงินได้ที่ต้องยื่นภาษี แต่กฎหมายก็เปิดโอกาสให้คุณเลือกไม่ยื่นภาษีก็ได้ถ้าคุณยอมให้หักภาษี ณ ที่จ่าย 10% ไปเลย และไม่ใช้สิทธิขอคืน เครดิตภาษีเงินปันผล
แม้เงินปันผลจะหักค่าใช้จ่ายไม่ได้แต่ก็สามารถใช้เครดิตภาษีเงินปันผลได้ ซึ่งจะช่วยประหยัดภาษีมากกว่าถ้าบริษัทที่จ่ายเงินปันผลนั้นเสียภาษีในอัตราที่สูงกว่าคุณ เช่น บริษัทเสียภาษีในอัตรา 20% แต่คุณน่าจะเสียภาษีในอัตรา 15%
นอกจากนี้ ยังมีเงินปันผลบางประเภทที่ได้รับยกเว้นภาษี เช่น เงินปันผลจากกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ที่ไม่ต้องนำไปยื่นภาษีด้วย
ทั้งนี้ ถ้าเลือกยื่นเงินปันผลแล้วต้องยื่นเงินปันผลทุกก้อนด้วย ทั้งเงินปันผลหุ้นและเงินปันผลกองทุนรวม11
2.1 เงินปันผลจากกองทุนรวมทั่วไปตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์เงินปันผลจากกองทุนรวม RMF/LTF หรือกองทุนรวมทั่วไป (รวมถึงกำไรจากการขายกองทุนรวม RMF/LTF) ที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2562 เป็นต้นมา เป็นเงินได้ที่ต้องเสียภาษีในฐานะเงินได้ประเภทที่ 4 แล้ว ดังนั้น ถ้าเลือกเงินปันผลจากกองทุนรวมนี้ไปยื่นภาษีแล้วต้องยื่นเงินปันผลทุกก้อน รวมทั้งเงินปันผลจากหุ้นด้วย
แต่ถ้าคุณได้รับเงินปันผลจากกองทุนรวมประเภทอื่น เช่น กองทุน RMF/LTF หรือกองทุนรวมทั่วไป ที่ได้รับก่อนวันที่ 20 สิงหาคม 2562 จะถือเป็น เงินได้ประเภทที่ 8
นอกจากเงินปันผลหรือส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทไทยหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลไทย ยังมีเงินปันผลรูปแบบอื่น ได้แก่ เงินปันผลจากบริษัทต่างประเทศ และเงินปันผลจากกองทุนรวมที่ไม่ตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งปัจจุบันแทบไม่มีเหลือแล้ว
2.3 เงินได้ทางอื่นจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในบางกรณีแม้จะไม่ได้รับเป็นเงินปันผลหรือส่วนแบ่งกำไรมาตรงๆ แต่ถ้าคุณได้รับเงินหรือผลประโยชน์ในลักษณะต่อไปนี้จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลก็ให้ถือว่าเป็นเงินได้ประเภทที่ 4 ด้วย
- เงินโบนัสที่คุณได้รับในฐานะผู้ถือหุ้นหรือหุ้นส่วน
- เงินลดทุนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล เฉพาะส่วนที่จ่ายไม่เกินกว่ากำไรและเงินที่กันไว้รวมกัน
- เงินเพิ่มทุนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่ตั้งจากกำไรที่ได้มาหรือเงินที่กันไว้รวมกัน
- ผลประโยชน์ที่ได้จากการที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลควบเข้ากันหรือรับช่วงกัน หรือเลิกกัน ซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าเงินทุน และไม่ได้รับยกเว้นภาษี
- ผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนการเป็นหุ้นส่วน หรือโอนหุ้น หุ้นกู้ พันธบัตร หรือ ตั๋วเงิน หรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือบุคคลอื่นเป็นผู้ออก เฉพาะส่วนที่ตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน (Capital gain)
Cryptocurrency และ Digital Token
ดูเพิ่ม การคำนวณภาษีคริปโท (ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา)
ทั้งคริปโทเคอร์เรนซี่เช่น Bitcoin (BTC), Litecoin (LTC) หรือ Ethereum (ETH) และ โทเคนดิจิทัล ที่เกิดขึ้นจากการระดมทุนผ่านการทำ ICO (Initial Coin Offering) ก็เป็นเงินได้ประเภทที่ 4 ด้วยเช่นกัน12 หากมีกำไรจากการขายหรือได้รับผลประโยชน์หรือส่วนแบ่งกำไรจากการถือครองก็จะต้องเสียภาษีด้วยเช่นกัน โดยจะถูก หักภาษี ณ ที่จ่าย ในอัตรา 15%13
เรื่องที่มักเข้าใจผิดบ่อย
- การรวมคำนวณภาษี
หลายคนเข้าใจผิดว่าถ้าเป็นเงินได้ประเภทที่ 4 แล้ว ถ้าเลือกนำมารวมคำนวณภาษีแล้วต้องนำมารวมทั้งประเภท แต่ความจริงแล้วคุณสามารถเลือกนำบางตัวที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายเป็นภาษีสุดท้ายไปแล้วมาคำนวณได้ เพียงแต่ว่าถ้าเลือกหมวดใดมาคำนวณแล้วต้องนำมารวมคำนวณทั้งหมวดเลย
เช่น ในกรณีที่มีเงินได้จากเงินปันผล และผลตอบแทนจากหุ้นกู้ คุณสามารถเลือกนำเงินปันผลมารวมคำนวณแต่เพียงอย่างเดียว แล้วปล่อยให้ผลตอบแทนจากหุ้นกู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายเป็นภาษีสุดท้ายก็ได้ เพียงแต่ว่าถ้าคุณตัดสินใจเลือกนำเงินปันผลมารวมคำนวณภาษีแล้ว จะต้องนำทั้งเงินปันผลหุ้น และเงินปันผลจากกองทุนรวมที่ได้รับ “ทุกตัว” มารวมคำนวณภาษีด้วยทั้งหมด จะเลือกเฉพาะเงินปันผลหุ้นหรือกองทุนรวมเพียงบางตัวมารวมคำนวณภาษีไม่ได้
- กรณีที่เงินปันผลหุ้นที่ได้รับ เป็นเงินได้ที่ได้รับการยกเว้นภาษี
เงินปันผลจากหุ้นที่ได้รับนั้นหากเป็นส่วนที่ได้รับยกเว้นภาษี (ไม่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10%) จะเป็นเงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษี ทำให้เงินได้ส่วนนี้ไม่สามารถนำไปใช้เป็นฐานเพื่อคำนวณเพดานสิทธิลดหย่อน SSF/ RMF ได้ เนื่องจากการคำนวณเพดานสิทธิลดหย่อนนี้จะต้องคำนวณจากเงินได้ที่ต้องเสียภาษีเท่านั้น
- ใครเป็นผู้ถือหุ้น เงินปันผลที่ได้ถือเป็นรายได้ของบุคคลนั้น
โดยปกติใครเป็นผู้ถือหุ้น เงินปันผลที่ได้รับก็ต้องเป็นรายได้ของคนนั้น แต่ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นยังอายุไม่บรรลุนิติภาวะ (อายุครบ 20 ปีบริบูรณ์และยังไม่ได้จดทะเบียนสมรส) เงินปันผลกลับไม่นับว่าเป็นรายได้ของเด็ก แต่ให้ถือเป็นเงินได้ของผู้ปกครอง (หรือถือว่าเป็นของพ่อไปเลยถ้าพ่อแม่จดทะเบียนสมรสกันและอยู่ร่วมกันตลอดปีภาษี)
ดังนั้น เด็กจะไม่สามารถใช้สิทธิขอเครดิตภาษีเงินปันผลได้ เพราะเงินปันผลนั้นเป็นของผู้ปกครอง การขอเครดิตภาษีเงินปันผลจึงเป็นสิทธิ์ของผู้ปกครองด้วย14
หากในปีภาษีนี้ คุณเป็นหนึ่งคนที่มีเงินได้ประเภทที่ 4 ไม่ว่าจะเป็น เงินได้ที่มาจากดอกเบี้ย หรือเงินปันผลที่ไม่ได้รับการยกเว้นภาษี (ไม่ต้องยื่นภาษี) คุณจะต้องเอาเงินได้ในส่วนนั้นมาคำนวณภาษีประจำปีด้วย และไม่ต้องกลัวว่าคุณจะปวดหัวและใช้เวลาไปกับการคำนวณภาษีมากกว่าเดิม เพราะคุณสามารถใช้โปรแกรมจาก iTAX เพื่อคำนวณภาษี และวางแผนภาษี พร้อมหา ตัวช่วยลดหย่อนภาษี ได้เช่นเคย
อ้างอิง
- ^
มาตรา 40(4) ประมวลรัษฎากร
- ^
ข้อ 2.2 หน้า 2-3 คำชี้แจงกรมสรรพากร เรื่อง แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากสามีและภริยา (ฉบับที่ 2), www.rd.go.th
- ^
มาตรา 42(8)(ก) ประมวลรัษฎากร
- ^
มาตรา 42(17) ประมวลรัษฎากร, ข้อ 2(69) กฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509), ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ 137)
นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศได้แก่นิติบุคคลประเภทใด
กิจการทางการค้าหรือหากำไรของนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศนั้น ถ้าเป็นนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศจะถือเป็นบริษัทหรือหุ้นส่วนนิติบุคคลตามประมวลรัษฎากรซึ่งอยู่ในข่ายต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลทันที แม้ว่าในประเทศที่ตั้งขึ้นนั้นจะไม่มีสถานะเป็นบริษัท ห้างหุ้นส่วน มูลนิธิ หรือสมาคมก็ตาม เช่น กองทุน ...บริษัท นิติบุคคล มีอะไรบ้าง
นิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ นั้นมีบัญญัติเอาไว้หลายประเภท เช่น ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด มูลนิธิ สมาคม เป็นต้น ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กิจการร่วมค้าใช้กฎหมายใด
1. กิจการร่วมค้าตามมาตรา 39 แห่งประมวลรัษฎากร ได้แก่ กิจการที่ดำเนินการร่วมกันเป็นทางค้าหรือหากำไร ระหว่างบริษัทกับบริษัท บริษัทกับห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลกับห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือระหว่างบริษัทและหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลกับบุคคลธรรมดา คณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือนิติบุคคลอื่น ...บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยต้องเสียภาษีในกรณีใด
1) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ง. ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน ในกรณีที่บริษัทห้างห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยมีสาขาไม่ว่าจะอยู่ในหรือนอก ประเทศไทย จะต้องนำกำไรสุทธิของสาขามารวมกำไรสุทธิของสำนักงานใหญ่เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลใน ประเทศไทย