เกียร์ออโต้
ข้อดี
- ขับง่าย สะดวก เพียงเหยียบคันเร่ง รถก็เคลื่อนตัวได้แล้ว
- ขับรถได้นิ่มๆ ผู้โดยสารนั่งสบาย ไม่ค่อยเกิดแรงกระชากอย่างรถเกียร์กระปุก
- เมื่อเบรกแล้ว สามารถเร่งคันเร่งได้ต่อทันที ไม่ต้องมามัวเหยียบคลัทช์ให้เมื่อย
- ในสภาวะที่รถจอดบนเนิน เมื่อจะออกตัว ไม่ต้องกังวลว่ารถจะไหลถอยหลัง
- เมื่อต้องยูเทิร์นหรืออยู่ในสถานการณ์ที่ต้องใช้ความเร็ว สามารถทำได้ทันที ไม่ต้องกังวลว่าเครื่องจะดับ
ข้อเสีย
- ราคารถเกียร์ออโต้มีราคาสูงกว่าเกียร์กระปุก
- เปลืองผ้าเบรกมากกว่า ด้วยความเคยตัวของนิสัยการขับขี่ คนขับรถเกียร์ออโต้มักจะแตะเบรกตลอดเวลาที่ต้องการให้รถวิ่งช้า การทำแบบนี้ทำให้เปลืองผ้าเบรกมากเพราะเบรกทำงานตลอดเวลา
- ค่าบำรุงรักษาที่แพงกว่า โดยเฉพาะหากชุดเกียร์พัง จ่ายค่าซ่อมทีเป็นแสน
- อายุการใช้งานสั้นกว่าเมื่อเทียบกับรถเกียร์กระปุก
เกียร์กระปุก
ข้อดี
- แรง สั่งได้ อยากจะเร็วเท่าไหร่ก็ทำได้ถึงใจ
- ค่าบำรุงรักษาที่ถูกกว่า
- อายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า
- ราคารถถูกกว่ารถเกียร์ออโต้
- อัตราการใช้เชื้อเพลิงประหยัดกว่า เนื่องด้วยระบบการทำงานของรถที่ไม่ซับซ้อนเท่ารถเกียร์ออโต้
- เข้าโค้ง ขึ้นดอย ทำได้ดีกว่า
ข้อเสีย
- ต้องคอยใช้มือบังคับเกียร์ตลอด ตั้งแต่การเข้าเกียร์ การเพิ่มเกียร์ การใส่เกียร์ถอยหลัง
- ต้องคอยเหยียบคลัทช์ทุกครั้งที่เปลี่ยนเกียร์ ทำให้รู้สึกเมื่อยขาหากต้องเจอสภาวะรถติด
- เกิดแรงกระชากของรถขณะเปลี่ยนเกียร์ ทำให้การขับขี่ไม่นิ่ม
- ต้องรู้ใจรถ เช่น จังหวะการปล่อยคลัทช์ที่พอดีเพื่อไม่ให้รถดับขณะเปลี่ยนเกียร์
ทั้งหมดนี้ก็คือข้อดีและข้อเสียของรถทั้ง 2 ประเภท ลองนำเอาข้อดีข้อเสียเหล่านี้ไปวิเคราะห์ถึงการขับขี่ของตัวเองดูนะครับว่าน่าจะเหมาะกับรถประเภทไหน สำหรับผมแล้วแนะนำให้ทดลองขับรถทั้ง 2 แบบนี้ดู แล้วดูว่าเราคล่องเท้ากับรถแบบใดมากกว่ากัน เพราะความคล่องจะช่วยให้การขับขี่นั้นปลอดภัยขึ้นได้ครับ .. ด้วยความปรารถนาดีจาก DriveHub ศูนย์รวมบริษัทเช่ารถอุดรที่ให้บริการรถเช่าคุณภาพดี เราได้รวบรวมผู้ให้บริการรถเช่าคุณภาพดีให้คุณได้เลือกใช้บริการในราคาย่อมเยา
ในยุคนี้ที่การจราจรคับคั่ง น้ำมันแพง ประกอบกับมีการรณรงค์เรื่องพลังงานสิ้นเปลือง ทำให้ “มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า” กลายเป็นตัวเลือกที่หลายคนให้ความสนใจ แต่ต้องยอมรับว่าช่วงที่ผ่านมา การใช้ไฟฟ้าเป็นพลังงานของมอเตอร์ไซค์นั้น ยังมีข้อจำกัดอยู่หลายอย่าง เช่น ความเร็ว ความแรง ระยะทาง การชาร์จแบต สถานีชาร์จ ฯลฯ ดังนั้นแม้ความต้องการใช้จะสูง ก็ไม่ได้ทำให้มันเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ...เกียร์ CVT และเกียร์ออโต้ (เกียร์อัตโนมัติ) ต่างเป็นหนึ่งในระบบเกียร์รถยนต์ที่หลายคนได้ยินกันบ่อย ๆ โดยเฉพาะในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ เราจะพบว่าค่ายรถยนต์เริ่มหันมาใช้เกียร์ CVT กันมากขึ้น ซึ่งหากใครที่กำลังเลือกซื้อรถยนต์ และสงสัยว่าเกียร์ CVT และเกียร์ออโต้แบบเดิม แตกต่างกันอย่างไร วันนี้ CARSOME ได้สรุปมาให้ทุกคนกันแล้ว
ซื้อรถยนต์มือสองกับ CARSOME การันตีคุณภาพรถยนต์ ผ่านการตรวจสภาพ 175 จุด พร้อมรับประกัน 1 ปีเต็ม ราคาคงที่ ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง ซื้อไปแล้วไม่พอใจ การันตีคืนเงินเต็มจำนวนภายใน 5 วัน
นึกถึงรถยนต์มือสองต้อง Carsome.co.th
สารบัญ
เกียร์ CVT คืออะไร?
การทำงานของเกียร์ CVT
รถที่ใช้เกียร์ CVT
ข้อดีของเกียร์ CVT และเกียร์ออโต้
ข้อเสียของเกียร์ CVT และเกียร์ออโต้
เกียร์ CVT คืออะไร?
CVT ย่อมาจากคำว่า Continuously Variable Transmission หรือก็คือระบบเกียร์แบบแปรผัน ซึ่งเป็นเกียร์ที่เปลี่ยนแปลงการทำงานตามกำลังที่ส่งมาจากเครื่องยนต์ โดยเกียร์ CVT ก็คือเกียร์ออโต้ประเภทหนึ่ง ที่มีอุปกรณ์ชุดเกียร์ที่แตกต่างกับเกียร์ออโต้ธรรมดา โดยทั่วไปแล้ว ในขณะขับขี่จะสามารถเปลี่ยนเกียร์ CVT ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความต่อเนื่องโดยไร้รอยต่อ แตกต่างกับระบบส่งกำลังอื่น ๆ ที่มีอัตราทดเกียร์คงที่และมีช่วงการเปลี่ยนเกียร์ที่ไม่ลื่นไหลเท่าไรนัก
ลักษณะการเปลี่ยนเกียร์อย่างไร้รอยต่อของ CVT มีจุดเด่นคือ ทำให้การเร่งความเร็วเป็นไปอย่างราบรื่นและช่วยทำให้ประหยัดเชื้อเพลิงได้ดียิ่งขึ้น
การทำงานของเกียร์ CVT
ระบบเกียร์ CVT ทำงานผ่านระบบรอก (Pulley) แตกต่างจากระบบเกียร์ธรรมดาที่มีอุปกรณ์และชิ้นส่วนมากมายเพื่อทำการเปลี่ยนเกียร์ ส่วนเกียร์ออโต้ก็ใช้ระบบไฮดรอลิกตอบสนองต่อแรงดันเพื่อเปลี่ยนเกียร์โดยผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องใช้แรงเอง
CVT ก็เคล้ายกับเกียร์ออโต้ในเรื่องที่ไม่ต้องการแรงจากผู้ขับขี่แต่เรื่องระบบและการทำงานก็แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง โดยในชุดเกียร์ของ CVT จะประกอบไปด้วยพูลเลย์ 2 ตัว ได้แก่ พูลเลย์ขับ (Drive Pulley) ต่อกับเครื่องยนต์ และพูลเลย์ตามหรือพูลเล่ย์กำลัง (Driven Pulley) ต่อกับเพลา มีสายพานที่ยืดหยุ่นเชื่อมต่อระหว่างพูลเลย์สองตัวนี้ โดยพูลเลย์จะทำงานสอดคล้องตามอัตราเร่งและรอบเครื่องยนต์
ความกว้างของพูลเลย์จะเปลี่ยนไปตามกำลังที่รถต้องการ เมื่อพูลเลย์ข้างหนึ่งใหญ่ขึ้น พูลเลย์อีกข้างจะเล็กลง และเนื่องจากพูลเลย์กับสายพานมีความยืดหยุ่นจึงสามารถให้อัตราทดเกียร์ที่ไม่จำกัด ต่างจากเกียร์ออโต้ที่มีเกียร์อย่างจำกัดนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม CVT ก็มีหลายประเภทที่ไม่ได้ใช้ระบบพูลเลย์ในการทำงาน ยกตัวอย่างเช่น Toroidal CVT ที่ใช้จานหมุนกับลูกกลิ้งในการส่งกำลังให้มีประสิทธิภาพเหมือนกับการใช้พูลเลย์ และ Hydrostatic CVT ที่ใช้ปั๊มในการควบคุมการไหลของของเหลวซึ่งจะทำให้เกิดการเคลื่อนที่แบบหมุน
นึกถึงรถยนต์มือสองต้อง Carsome.co.th
รถที่ใช้เกียร์ CVT
ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นมักจะใช้เกียร์ CVT มากกว่าผู้ผลิตรถยุโรป แต่ความนิยมในการใช้ CVT ก็เพิ่มมากขึ้นทั่วโลกเพราะ CVT มีความประหยัดน้ำมันมากกว่า โดยค่ายรถที่นิยมใช้ระบบ CVT ได้แก่ Mitsubishi, Subaru, Nissan, และพวกรถ SUV ต่าง ๆ แต่ค่ายยอดฮิตอย่าง Honda และ Toyota ก็เริ่มมีการใช้เทคโนโลยีระบบส่งกำลังแบบ CVT แล้วเช่นกัน ไม่ว่าจะใน Honda City, Toyota Yaris, Honda Accord, Honda Civic เป็นต้น
ข้อดีของเกียร์ CVT และเกียร์ออโต้
จุดเด่นของ CVT ที่ทำให้ใครหลายคนชื่นชอบคือความสามารถในการเปลี่ยนเกียร์อย่างต่อเนื่องและนุ่มนวล นั่นหมายความว่าเครื่องยนต์จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเสมอในทุกอัตราความเร็ว นอกจากนี้ CVT ยังช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้มากกว่า โดยเฉพาะการขับขี่ในเมือง เนื่องจาก CVT มักจะมีน้ำหนักเบากว่ารถระบบเกียร์ออโต้ทั่วๆ ไปและการทำงานที่มีความนุ่มนวลลื่นไหลกว่านั่นเอง
มาดูกันเลยดีกว่าว่าข้อดีของเกียร์ CVT เปรียบเทียบกับเกียร์ออโต้จะมีอะไรบ้าง
เกียร์ CVT
เกียร์ออโต้
- เครื่องยนต์สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเสมอ และสามารถปรับระดับเกียร์ได้อย่างไม่จำกัด
- การเปลี่ยนเกียร์นุ่มนวลไหลลื่น
- CVT สามารถดึงกำลังสูงสุดจากเครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็ก ทำให้สามารถเร่งความเร็วได้ดีกว่าเกียร์ออโต้ทั่วๆ ไป
- CVT ให้กำลังที่เหนือกว่าในการเร่งความเร็วหรือขึ้นทางลาดชัน ผู้ขับขี่ไม่ต้องกลัวการดีดกลับหรือการกระตุกของเกียร์อีกต่อไป
- CVT ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า เนื่องจากสามารถควบคุมช่วงความเร็วของรถได้ดี และยังเบากว่า รวมถึงประหยัดน้ำมันมากกว่าด้วย
- อาจให้ความรู้สึกในการควบคุมการขับขี่ที่ดีกว่าด้วยการปรับเปลี่ยนเกียร์ขึ้นลงเป็นสเต็ป
- ค่าบำรุงรักษาไม่แพง
- เกียร์ออโต้ให้ประสบการณ์ขับขี่ที่สัมผัสได้จริง
ข้อเสียของเกียร์ CVT และเกียร์ออโต้
ผู้ขับขี่บางคนอาจจะชอบการเปลี่ยนเกียร์และการเร่งความเร็วของเกียร์ออโต้มากกว่า ซึ่งสายซิ่งอาจจะรู้สึกขัดใจกับระบบเกียร์ CVT ไปบ้าง เพราะไม่ชินกับการเปลี่ยนเกียร์ที่มีความนุ่มนวลโดยไม่มีแรงกระชากเลย
เกียร์ CVT
เกียร์ออโต้
- ค่าบำรุงรักษา CVT มีราคาสูงกว่าระบบเกียร์ออโต้โดย CVT ต้องการน้ำมันพิเศษ น้ำมันเกียร์ และชิ้นส่วนเพิ่มเติมในการบำรุงรักษา
- อาจเกิดเสียงดังระหว่างการเร่งความเร็ว
- ผู้ขับขี่บางรายพบกับการสูญเสียความเร่งอย่างกะทันหัน และระบบเกียร์ที่มีความร้อนสูงเกินไป อาจพบการกระตุก ลื่น และสั่น เนื่องจากสายพานอาจสึกหรอหรือยืดตัวมากเกินไปได้
- รถเกียร์ออโต้มีความประหยัดน้ำมันน้อยกว่ารถเกียร์ CVT
- เกียร์ออโต้ปล่อยมลพิษมากกว่า
- ผู้ขับขี่ต้องเปลี่ยนเกียร์เองเมื่อขึ้นทางลาดชัน
เกียร์ CVT กับ เกียร์ออโต้ อะไรดีกว่ากันแน่
จะเห็นได้ว่าทั้งเกียร์ CVT และเกียร์ออโต้ก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไป ประโยชน์ของเกียร์ CVT หลัก ๆ คือการเปลี่ยนเกียร์ที่ให้ความรู้สึกนุ่มนวลและความประหยัดน้ำมัน แต่ก็อาจมีข้อเสียที่ไม่เหมาะกับคนเท้าหนักหรือสายซิ่งเท่าไรนัก นอกจากนี้ เกียร์ CVT อาจจะมีค่าบำรุงรักษาที่มากกว่าเกียร์ออโต้แบบเก่าอีกด้วย ดังนั้นควรเลือกระบบเกียร์ที่มีความเหมาะสมกับสไตล์การขับรถของตัวเองจึงจะดีที่สุด
เกียร์แต่ละประเภทนั้นมีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกันไป ทั้งเรื่องความทนทาน ค่าบำรุงรักษา รวมถึงเรื่องการช่วยประหยัดน้ำมัน การจะเลือกซื้อรถยนต์สักคันหนึ่ง นอกจากจะดูเรื่องเครื่องยนต์แล้ว อย่าลืมตรวจสอบระบบเกียร์และทำความเข้าใจระบบการทำงานให้ดี เพื่อที่คุณจะได้ใช้รถอย่างเต็มประสิทธิภาพ และช่วยยืดอายุการใช้งานของเกียร์ด้วยนั่นเอง