ว่ากันว่าตากระตุกจะมาพร้อมกับลางร้าย! มาดูกันดีกว่าลางร้ายที่ว่าหมายถึงอะไร และอะไรเป็นสาเหตุที่แท้จริงของตากระตุก พร้อมแล้วมาดูกันค่า
พูดถึงเรื่องตากระตุก อาการที่ใครหลายคนต้องเคยเป็นกันแถมยังต้องเคยได้ยินความเชื่อที่ว่า "ขวาร้าย ซ้ายดี" พูดเลยว่าเป็นอาการที่ชวนให้วิตกกังวลถึงเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว ยังพาให้รำคาญอีกด้วยค่ะ วันนี้ Wongnai Beauty พามาดูสาเหตุที่แท้จริงของอาการตากระตุก แท้จริงแล้วเป็นเรื่องของลางร้าย หรือปัญหาสุขภาพกันแน่! ใครที่ตากระตุกอยู่ตามมาดูให้ห่วงกังวลกันเลยยย
สาเหตุของอาการตากระตุก
เกิดจากภาวะหดเกร็ง หรือกระตุกของกล้ามเนื้อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งบนใบหน้า ซึ่งอาจจะเป็นมุมปาก หนังตา หรือกล้ามเนื้อรอบลูกตาข้างใดข้างหนึ่ง ทั้งนี้สาเหตุเกิดจากความเครียด กังวลใจ การนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ รวมไปถึงปัญหาเกี่ยวกับดวงตา ก็เป็นสาเหตุที่ให้หนังตากระตุกได้ ใครที่มีอาการตากระตุก โดยมากจะหายเองได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่จะก่อให้เกิดความรำคาญ หากเป็นบ่อยควรรีบไปปรึกษาแพทย์
คำทำนายอาการตากระตุก
ตากระตุกในช่วงเช้า (ตั้งแต่ตื่นนอนใกล้รุ่ง)
เขม่นเปลือกตาซ้าย : จะเกิดปากเสียงทะเลาะวิวาท หรือมีเรื่องเดือดร้อนเข้ามาถึงตัว
เขม่นเปลือกตาขวา : จะมีญาติมิตรที่อาศัยอยู่ต่างแดนเดินทางมาหา
ตากระตุกในช่วงสาย (09.00-12.00)
เขม่นเปลือกตาซ้าย: จะมีเรื่องที่ไม่ดีไม่งามเกิดขึ้นในครอบครัว
เขม่นเปลือตาขวา : ญาติมิตรที่อาศัยอยู่ต่างแดน หรือต่างถิ่นจะนำเอาลาภมาให้
ตากระตุกในช่วงบ่าย (13.00-16.00 น.)
เขม่นเปลือกตาซ้าย : จะมีเพศตรงข้ามพูดถึง หรือเดินทางมาหา
เขม่นเปลือกตาขวา : สิ่งที่คิดไว้ หรือสิ่งที่ตั้งใจว่าจะทำจะประสบผลสำเร็จ
ตากระตุกในช่วงกลางคืน (ตั้งแต่ 19.00 น. เป็นต้นไป)
เขม่นเปลือกตาซ้าย : จะมีข่าวดีเข้ามาในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น หรืออาจได้ลาภจากงานที่ทำเอาไว้
เขม่นเปลือกตาขวา : จะเกิดเรื่องทะเลาเบาะแว้งกับคนในครอบครัว
วิธีหลีกเลี่ยงอาการตากระตุก
นอกจากเรื่องของโชคลางแล้ว สิ่งที่ควรให้ความสำคัญก็คือปัญหาสุขภาพนั่นเองค่ะ อาการตากระตุกที่เป็นอยู่บ่อย ๆ ก่อให้เกิดความรำคาญตามมา ทางที่ดีเราควรพักสายตาบ่อย ๆ ลดการใช้คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้น้อยลง ลดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีก พยายามทำจิตใจให้สบาย ไม่กังวล ที่สำคัญต้องนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอด้วย หากทำตามนี้แล้วอาการตากระตุกยังไม่หาย ต้องรีบปรึกษาแพทย์ด่วน
ภาวะหนังตากระตุก หรือ ตาเขม่น เป็นอาการที่กล้ามเนื้อรอบดวงตามีการเกร็งกระตุก หดตัวผิดปกติ มักเริ่มจากอาการเล็กน้อย และค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้น บางรายมีอาการรุนแรงถึงขั้นรบกวนการมองเห็นตาปิดและลืมตาไม่ขึ้น
สาเหตุส่วนใหญ่
- โรคตา หรือ กระจกตาที่ทำให้เกิดการระคายเคือง เช่น ตาแห้ง จากการใช้สายตา หรือ เพ่งจอ คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน
- ความเครียด ไม่ได้พักผ่อน
อาการ
- กะพริบตาถี่มากขึ้นหรือรอบตากระตุก อาจเกิดได้ทั้งข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง
- กรณีรุนแรงผู้ป่วยจะมีอาการกะพริบตาค้าง หรือ ไม่สามารถลืมตาขึ้นเองได้ ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นแบบไม่รู้ตัว เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้
แนะนำ
- หากมีอาการกระตุกเพียงเล็กน้อย แนะนำให้ผักสายตา หยอดน้ำตาเทียม
- หากมีอาการเรื้อรัง ควรรีบพบจักษเพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและประเมินการรักษาต่อไป
ข้อมูล ณ วันที่ 21 เมษายน 2565
ที่มา : รศ. พญ.พริมา หิธัญวิวัฒน์กุล
ฝ่ายจักษุวิทยา
ตากระตุกส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นเพียงไม่กี่นาที แต่บางครั้งการกระตุกของเปลือกตาอาจคงอยู่เป็นเวลาหลายวันหรือนานกว่านั้น หากคุณมีอาการตากระตุกที่ไม่หายไปอย่างรวดเร็ว รีบไปพบผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพตา.
ศัพท์แพทย์สำหรับการกระตุกของตานี้เรียกว่า ตากระตุก (myokymia)
หากคุณพบอาการตากระตุกและไม่หายไป อาจเป็นสัญญาณถึงภาวะทางระบบประสาทที่ร้ายแรง ซึ่งส่งผลต่อเปลือกตา เช่น ตากะพริบค้างหรือใบหน้าเกร็งครึ่งซีก ภาวะที่ค่อนข้างหายากเหล่านี้มีความชัดเจนและรุนแรงกว่าตากระตุกทั่วไป และควรได้รับการประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพตาทันที
อะไรทำให้เกิดตากระตุก
สาเหตุที่ทำให้เกิดตากระตุก ได้แก่:
ความเครียด
ความล้า
อาการเมื่อยล้าทางสายตา
คาเฟอีน
แอลกอฮอล์
ตาแห้ง
การขาดสารอาหาร
ภูมิแพ้
หากคุณมักจะมีอาการตากระตุก ให้ดูรายการนี้อย่างละเอียดและสังเกตว่าตัวกระตุ้นใดที่อาจเกิดกับคุณ บางครั้งการปรับเปลี่ยนอาหารและวิถีชีวิตเล็กน้อยสามารถลดความเสี่ยงของการตากระตุก หรือช่วยให้เปลือกตากระตุกหายไปได้อย่างมาก
สาเหตุของตากระตุก
1. ความเครียด
แน่นอนว่า ความเครียดเป็นสาเหตุที่พบบ่อยของอาการตากระตุก โยคะ ฝึกการหายใจ ใช้เวลากับเพื่อนหรือสัตว์เลี้ยง และใช้เวลาในกิจวัตรประจำวันมากขึ้นเป็นวิธีลดความเครียดซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เปลือกตากระตุก
2. ความล้า
การนอนหลับไม่เพียงพอไม่ว่าจะเป็นเพราะความเครียด หรือสาเหตุอื่น ๆ อาจทำให้ตากระตุกได้ การนอนให้เพียงพอและจัดตารางการนอนให้สม่ำเสมอสามารถช่วยได้
3. อาการเมื่อยล้าทางสายตา
อาการเมื่อยล้าทางสายตา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาการเมื่อยล้าทางสายตาจากอุปกรณ์ดิจิตอล จากการใช้คอมพิวเตอร์แท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนมากเกินไป ซึ่งนี่ยังเป็นสาเหตุที่พบบ่อยของเปลือกตากระตุก
ปฏิบัติตาม"กฎ 20-20-20" เมื่อใช้อุปกรณ์ดิจิทัล: ทุก ๆ 20 นาทีมองออกไปจากหน้าจอและปล่อยให้ดวงตาของคุณโฟกัสไปที่วัตถุที่อยู่ไกล (อย่างน้อย 20 ฟุต) เป็นเวลา 20 วินาทีหรือนานกว่านั้น ซึ่งจะช่วยลดความเมื่อยล้าที่อาจทำให้ตากระตุก
นอกจากนี้ควรสอบถามผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสายตาของคุณเกี่ยวกับแว่นตาคอมพิวเตอร์ เพื่อบรรเทาอาการเมื่อยล้าทางสายตาจากอุปกรณ์ดิจิตอล
4. คาเฟอีน
การดื่มคาเฟอีกมากเกินไปอาจทำให้เกิดตากระตุก ลองลดกาแฟ ชา และน้ำอัดลม (หรือเปลี่ยนไปใช้แบบที่ไม่มีคาเฟอีน) สักหนึ่งหรือสองสัปดาห์ แล้วสังเกตว่าอาการตากระตุกหายไปหรือไม่
5. แอลกอฮอล์
หากคุณมีอาการตากระตุกหลังจากดื่มเบียร์ ไวน์ หรือสุราให้ลองงดสักระยะหนึ่ง เนื่องจากการบริโภคแอลกอฮอล์อาจทำให้เปลือกตากระตุก
6. ตาแห้ง
ผู้ใหญ่หลายคนต่างพบปัญหา ตาแห้งโดยเฉพาะหลังจากอายุ 50 ปี ตาแห้งเป็นเรื่องปกติมากในผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ ทานยาบางชนิด (โดยเฉพาะยาแก้แพ้และยาแก้ซึมเศร้า) ใส่คอนแทคเลนส์ และบริโภคคาเฟอีนและ/หรือแอลกอฮอล์
หากคุณมีเปลือกตากระตุกและดวงตาของคุณรู้สึกเป็นเม็ดหรือแห้ง ให้ไปพบผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลดวงตาของคุณเพื่อประเมินอาการตาแห้ง การคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวดวงตาของคุณอาจทำให้ตากระตุกหายไปและลดความเสี่ยงของการเกิดตากระตุกในอนาคต
7. การขาดสารอาหาร
รายงานบางฉบับชี้ให้เห็นว่า การขาดสารอาหารทางโภชนาการบางอย่าง เช่น แมกนีเซียมอาจทำให้เปลือกตาเกร็งตัวได้ แม้ว่ารายงานเหล่านี้จะไม่สามารถสรุปได้ แต่ก็อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตากระตุกได้
หากคุณกังวลว่าอาหารของคุณอาจไม่ได้รับสารอาหารทั้งหมดที่คุณต้องการสำหรับการมีสายตาที่ดีต่อสุขภาพ ให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลดวงตาของคุณก่อนที่จะซื้อหาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ไม่ต้องสั่งโดยแพทย์
8. ภูมิแพ้
ผู้ซึ่งมีอาการ ภูมิแพ้ที่ตา อาจจะรู้สึกคัน บวม และตาแฉะ การขยี้ตาเนื่องจากอาการภูมิแพ้จะปล่อยสารฮีสตามีนเข้าไปในเนื้อเยื่อเปลือกตาและฟิล์มน้ำตาซึ่งอาจทำให้ตากระตุก
บางครั้งยาหยอดตาที่จำหน่ายได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์จะช่วยลดอาการภูมิแพ้ได้ แต่ยาแก้แพ้ในยาหยอดเหล่านี้อาจทำให้ตาแห้งได้ ดังนั้นควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพดวงตาของคุณ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณทำสิ่งที่ถูกต้องสำหรับดวงตาของคุณ หากคุณมีอาการภูมิแพ้และตากระตุก
อีกวิธีในการหยุดตากระตุก: โบท็อก
ในบางกรณีอาการตากระตุกจะไม่หายไปแม้จะใช้วิธีการรักษาข้างต้นแล้วก็ตาม
เปลือกตากระตุกอย่างต่อเนื่อง สามารถรักษาได้ด้วยการฉีดโบท็อกซ์ เพื่อหยุดการหดตัวของกล้ามเนื้อโดยไม่สมัครใจในเปลือกตาที่ทำให้เกิดการกระตุก
เมื่อใดที่ต้องไปพบผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพตา
ทันทีหากคุณมีอาการตากระตุกอย่างต่อเนื่อง ลักษณะที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน หรือการเคลื่อนไหวของใบหน้าครึ่งหนึ่งของคุณ (รวมถึงเปลือกตาด้วย) หรือหากเปลือกตาทั้งสองข้างบีบแน่นจนไม่สามารถลืมตาได้ สิ่งเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงภาวะร้ายแรง