กินอะไรประจําเดือนถึงจะหยุด

  1. หน้าหลัก
  2. บทความสุขภาพ
  3. ยาเลื่อนประจำเดือน ใช้อย่างไรให้ได้ผล

ยาเลื่อนประจำเดือน ใช้อย่างไรให้ได้ผล

สุขภาพผู้หญิงmenstruation

HIGHLIGHTS:

  • ยาเลื่อนประจำเดือน ไม่สามารถใช้ทดแทนยาคุมกำเนิดได้ เนื่องจากไม่มีฤทธิ์ในการป้องกันการตั้งครรภ์
  • ยาเลื่อนประจำเดือน จะได้ผลดีสำหรับผู้ที่มีประจำเดือนมาสม่ำเสมอ และรู้วันที่จะมีประจำเดือนที่แน่นอนเท่านั้น
  • ผู้ที่มีเลือดออกผิดปกติ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แน่ชัดเสียก่อน เนื่องจากการกินยาเลื่อนประจำเดือนอาจบดบังอาการของโรคได้

ยาเลื่อนประจำเดือน เป็นทางออกของสาว ๆ ที่ไม่อยากให้การมีประจำเดือนมาเป็นเรื่องกวนใจเพราะหลายครั้งที่ขอเลื่อนแผนเที่ยว ขยับแล้วขยับอีกก็ไม่ลงตัว การหันไป “เลื่อนประจำเดือน” จึงเป็นทางออกที่ดีกว่า

วิธีใช้ยาเลื่อนประจำเดือน

ด้วยธรรมชาติของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะอยู่ประมาณ 2 สัปดาห์  ก่อนประจำเดือนจะมา ดังนั้นวิธีดีที่สุดต้องเริ่มกินยาก่อนวันที่คาดว่ามีประจำเดือนประมาณ 1 สัปดาห์  เพื่อเพิ่มฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนให้ทัน  หากกินยาเพื่อเลื่อนในวันที่มีประจำเดือนแล้ว  หรือก่อนมีประจำเดือนเพียง 2-3 วัน อาจจะไม่ได้ผล เนื่องจากธรรมชาติรู้ว่าไม่มีการฝังตัวอ่อน ร่างกายจึงเริ่มกระบวนการสร้างประจำเดือนไปตามปกติ โดยการกินยาต้องกินทุกวันจนกว่าต้องการให้มีประจำเดือนอีกครั้งจึงหยุดกินยา

ยาเลื่อนประจำเดือนทำงานอย่างไร?

ผู้หญิงทุกๆ คนที่ถึงวัยเจริญพันธุ์จะมีเลือดออกจากช่องคลอดหรือประจำเดือน ในทุกๆ 28-30 วัน โดยหลังจากมีประจำเดือนแล้วกระบวนการในร่างกายจะทำการคัดไข่เตรียมไว้จนไปถึงกลางรอบเดือน สำหรับผู้ที่มีรอบเดือนสม่ำเสมอ 28-30 วัน ประมาณวันที่ 14-15 นับจากการมีประจำเดือนวันแรก จะเป็นวันตกไข่ ร่างกายจะสร้างฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (progesterone) ขึ้นมา ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวขึ้นเพื่อรองรับตัวอ่อน  ประมาณ 2 สัปดาห์  หากไม่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น สมองจะสั่งให้หยุดสร้างฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน เยื่อบุโพรงมดลูกที่หนาก็จะหลุดออกมาเป็นประจำเดือน

ยาเลื่อนประจำเดือน คืออะไร

ยาเลื่อนประจำเดือน หรือ ยาเลื่อนเมนส์ เป็นฮอร์โมนกลุ่มโปรเจสเตอโรน จึงช่วยทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกที่หนาตัวนั้นไม่หลุดออกมา  สำหรับผู้ที่ต้องการเลื่อนประจำเดือน ต้องรู้วันที่มีประจำเดือนของตนเองที่แน่นอน เช่น ประจำเดือนมาทุกๆ วันที่ 29 และมาเป็นประจำ 2-3 วัน แสดงว่าไข่ตกประมาณวันที่ 14-15  ดังนั้นหากอยากเลื่อนประจำเดือนออกไปก็ต้องทำให้ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนยังคงอยู่ โดยการบังคับธรรมชาติให้สร้างฮอร์โมนมาในช่วงกลางรอบเดือน  ซึ่งทำได้ด้วยการกินฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเข้าไป ตามจำนวนวันที่ต้องการเลื่อน จากนั้นจึงค่อยหยุดกินยา ซึ่งทันทีที่หยุดยา เยื่อบุโพรงมดลูกก็จะหลุดออกมาเป็นประจำเดือน  

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการใช้ ยาเลื่อนประจำเดือน

  • สำหรับผู้ที่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หรือไม่สามารถคาดเดาวันที่จะมีประจำเดือน การรับประทายาเลื่อนประจำเดือนมักไม่ได้ผล เนื่องจากไม่ทราบวันตกไข่ที่แน่ชัด
  • ข้อควรระวังในการกินยาเลื่อนประจำเดือน เนื่องจากยาเลื่อนประจำเดือนเป็นกลุ่มฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน แม้ว่าที่ผ่านมายังไม่พบว่ามีผลต่อการเกิดมะเร็งหรือเนื้องอกในมดลูกแต่อย่างใด ทำให้สามารถกินยาเลื่อนประจำเดือนได้หลายวันและหลายๆ ครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม หากใช้ยานานเกินไประบบร่างกายอาจเกิดความสับสน ส่งผลให้อาจต้องใช้เวลานานเพื่อปรับตัวกลับเข้าสู่ภาวะปกติ  ดังนั้นจึงไม่ควรใช้ยาเกิน 1 สัปดาห์และควรใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น
  • ในผู้ที่มีเลือดออกผิดปกติ และยังไม่ทราบว่าเลือดนั้นเป็นประจำเดือนหรือไม่ หรือมีสาเหตุจากอะไร ควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาก้อนเนื้อหรือมะเร็งและสาเหตุที่แน่ชัด เนื่องจากการกินยาเลื่อนประจำเดือนอาจบดบังอาการของโรคได้
  • กรณีที่ไม่ทราบว่าตั้งครรภ์ การกินยาเพื่อเลื่อนประจำเดือนยังถือว่าปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์ เนื่องจากขณะท้องร่างกายจะสร้างฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนตั้งแต่ก่อนการตั้งครรภ์ เพื่อรองรับตัวอ่อน พอมีการฝังตัวฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นยาเลื่อนเมนส์จึงไม่มีผลต่อการตั้งครรภ์
  • ผู้ที่กินยาคุมเป็นประจำสม่ำเสมอ ไม่จำเป็นต้องกินยาเพื่อเลื่อนประจำเดือน แต่สามารถเลื่อนประจำเดือนได้โดยกินยาคุมกำเนิดที่กินเป็นประจำต่อไป หากหมดแผงก็สามารถเริ่มกินแผงใหม่ได้ต่อเนื่อง ไปจนกว่าต้องการให้มีประจำเดือนจึงหยุดกินยาคุมนั้น  ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้ได้กับยาเม็ดคุมกำเนิดมาตรฐานที่มี 21 เม็ด  แต่หากเป็นแบบ 28 เม็ด จะมีตัวฮอร์โมนเพียง 21 เม็ด และเป็นเม็ดแป้ง 7 เม็ด วิธีกินคือทิ้งเม็ดแป้งและนำยาแผงใหม่มากินต่อจาก 21 เม็ด  ทั้งนี้ผู้ที่กินยาคุมกำเนิดอยู่แล้วไม่ควรกินยาเลื่อนประจำเดือน ในทางกลับกันยาเลื่อนประจำเดือนนั้นไม่ใช้ทดแทนยาคุมกำเนิด เนื่องจากไม่มีฤทธิ์ในการป้องกันการตั้งครรภ์เช่นกัน   

แม้ยาเลื่อนประจำเดือนจะไม่มีผลร้ายต่อร่างกาย แต่การใช้ยานาน ๆ หรือบ่อยมากเกินไป อาจทำให้ระบบการมีประจำเดือนเกิดความสับสน และต้องใช้เวลาเพื่อปรับสภาพร่างกายสู่ภาวะปกติ ดังนั้นจึงควรใช้ยาเพื่อเลื่อนประจำเดือนเท่าที่จำเป็นเท่านั้น

หากมีอาการผิดปกติ หรือไม่แน่ใจเกี่ยวกับการมีประจำเดือนให้ปรึกษาสูตินรีแพทย์เพื่อหาสาเหตุ รับคำแนะนำและการรักษาอย่างถูกต้อง

นพ. สุรเชษฐ์ อภินิลบงกช

ดูประวัติ

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน อาจารย์ ตจต ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf lmyour แปลภาษา ชขภใ ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมฟรี 2566 ขขขขบบบยข ่ส ศัพท์ทางทหาร military words หนังสือราชการ ตัวอย่าง หยน แปลบาลีเป็นไทย ไทยแปลอังกฤษ ประโยค การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ข้อสอบโอเน็ต ม.3 ออกเรื่องอะไรบ้าง พจนานุกรมศัพท์ทหาร เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด แปลภาษามลายู ยาวี Bahasa Thailand กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมออนไลน์ การ์ดจอมือสอง ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย คะแนน o-net โรงเรียน ค้นหา ประวัติ นามสกุล บทที่ 1 ที่มาและความสําคัญของปัญหา ร. ต จ แบบฝึกหัดเคมี ม.5 พร้อมเฉลย แปลภาษาอาหรับ-ไทย ใบรับรอง กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน PEA Life login Terjemahan บบบย มือปราบผีพันธุ์ซาตาน ภาค2 สรุปการบริหารทรัพยากรมนุษย์ pdf สอบโอเน็ต ม.3 จําเป็นไหม เช็คยอดค่าไฟฟ้า แจ้งไฟฟ้าดับ แปลภาษา มาเลเซีย ไทย แผนที่ทวีปอเมริกาเหนือ ่้แปลภาษา Google Translate กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน ก่อนจะนิ่งก็ต้องกลิ้งมาก่อน เนื้อเพลง ข้อสอบโอเน็ตม.3 มีกี่ข้อ คะแนนโอเน็ต 65 ตม กรุงเทพ มีที่ไหนบ้าง