เรื่องที่ 1 มารยาทไทย
มารยาทไทย เป็นเอกลักษณ์ที่แสดงถึงความเป็นไทย ได้อย่างชัดเจน เพราะเป็นพฤติกรรมที่คนไทยปฏิบัติต่อกันด้วยความเคารพ อ่อนน้อม สุภาพ เรียบร้อย เเละถูกต้องตามเกลเทศะ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความเคารพ การสนทนา การเเต่งกาย รวมถึงการปฏิบัติตามมารยาทไทยได้อย่างถูกต้อง ย่อมแสดงถึงการมีสมบัติผู้ดี และย่อมได้รับการยอมรับจากสังคมทั่วไป เพราะเป็นผู้รุ้จักปกิบัติและวางตนได้เหมาะสม
1 มารยาทในการเเสดงความเคารพ
การแสดงความเคารพ เป้นการเเสดงออกถึงการให้เกียรติเเละความอ่อนน้อม โยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมไทยที่ให้ความสำคัญต่อการเคารพ การแสดงความเคารพตามมารยาทไทย มีหลายลักษณะ เช่น การไหว้ การกราบ การคำนับ ทั้งนี้ขึ้นอยุ่กับ โอกาส สถานที่ และระดับอาวุโสของผู้ที่เราแสดงเคารพ ดังนั้น เราจะต้องปฏิบัติได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
1.1 การแสดงความเคารพโดยการกราบ
การกราบเป็นการแสดงความเคารพผู้ใหญ่ ผู้ที่มีอาวุโสมาก หรือผู้ที่เราให้ความเคารพนับถืออย่างสูง ถือเป็นการเเสดงความเคารพต่อผู้รับอย่างสูงสุด โดยการกราบจะมีระดับที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับบุคคลที่เรากราบ
การกราบบุคคลทั่วไป
- นั่งพับเพียบต่อหน้าผู้ที่เราจะกราบ เก็บปลายเท้าให้เรียบร้อย
- ค่อย ๆ ค้อมตัวหมอบลงกับพื้น
- วางแขนท่อนล่างทั้งสองข้างราบไปกับพื้น
- ประนมมือตั้งบนพื้นแบบไม่แบมือ
- ค่อยๆก้มศีรษะโดยให้หน้าผากแตะสันมือ
- กราบเพียงครั้งเดียวไม่แบมือ
- ทรงตัวกลับเข้าสู่ท่านั่งพับเพียบอย่างสงบ
การกราบผู้อาวุโส
- นั่งพับเพียบต่อหน้าผู้ที่เราจะกราบ เก็บปลายเท้าให้เรียบร้อย
- ค่อย ๆ ค้อมตัวหมอบลงกับพื้น
- ทอดแขนและมือทั้งสองข้างราบไปกับพื้น
- ประนมมือตั้งบนพื้นแบบไม่แบมือ
- ค่อยๆ ก้มศีรษะโดยให้หน้าผากแตะส่วนบนของมือ
- กราบเพียงครั้งเดียวไม่แบมือ
- ทรงตัวขึ้นกลับเข้าสู่ท่านั้งพับเพียบ
1.2 การปฏิบัติเป็นแบบอย่างที่ดีในการแสดงความเคารพ
เมื่อเราแสดงความเคารพตามมารยาทไทยได้ถูกต้องแล้ว เราก็ควรปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีเพื่อให้คนทั่วไปในสังคมเห็นความสำคัญ เเละสามารถแสดงความเคารพต่อกันได้อย่างเหมาะสม การเป็นแบบอย่างที่ดีในการเเสดงความเคารพ ทำได้ ดังนี้
1. แสดงความเคารพผุ้อื่นทุกครั้งเมื่อพบเจอกัน
2. แสดงความเคารพโดยปฏิบัติได้ถูกต้องตามแบบแผนมารยาทไทย
3. แสดงความเคารพให้เหมาะสมกับโอกาส สถานที่ และกาลเทศะ
4.แสดงความเตารพด้วยวิธีต่างๆ อยู่เสมอจนเป้นนิสัย
1.3 การมีส่วนร่วมและเเนะนำผู้อื่นให้อนุรักษืการแสดงความเคารพ
แนวทางที่จะช่วยอนุรักษืการแสดงความเคารพตามมารยาทไทย ทำได้ ดังนี้
1. บอกเล่าถึงความสำคัญของการแสดงความเคารพตามมารยาทไทยให้คนทั่วไป รับทราบ และนำไปปฏิบัติอย่างถูกต้อง
2. บอกเล่าถึงความภาคภูมิใจในการแสดงความเคารพให้คนรอบข้างรับฟัง
3. แนะนำวิธีการแสดงความเคารพที่ถูกต้องเพื่อให้คนอื่นนำไปปฏิบัติ
4. เผยแผ่ความรู้ในการแสดงความเคารพตามมรายาทไทยผ่านสื่อต่างๆ
5. เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งเสริมการอนุรักษ์มารยาทไทยในการแสดงความเคารพรวมึงชักชวนบุคคลรอบข้างร่วมในกิจกรรมด้วย
2 มารยาทในการสนทนา
การสนทนา เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน เพราะเราจะต้องติดต่อสื่อสารกับคนรอบข้างเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดต่างๆ การรสนทนาที่ดีนั้น จะต้องคำนึมารยาทในการสทนาเป้นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้การสทนาดำเนินไปอย่างราบรื่น ช่วยสร้างความรู้สึกอันดีต่อกัน และเป็นการแสดงถึงการให้เกียรคู่สนทนา
2.1 มรายาทในการสนทนาที่ถูกต้อง
การปฏิบัติตนเป้นผุ้มารยาทในการสนทนา สามารถทำได้ ดังนี้
- เริ่มบทสนทนาด้วยการกล่าวคำทักทายที่สุภาพ
- ใช้ภาษาสุภาพในการสนทนาทุกครั้ง
- พูดในสิ่งที่เป็นความจริง มีเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์
- พูดสนทนากันโดยอยู่บนพื้นฐานของเหตุและผล
- เปิดโอกาสให้ผู้อื่นได้พูดสนทนาแสดงความคิดเห็นบ้าง
- ใช้น้ำเสียงในการพูดไม่ดังหรือเบากินไป
- เปิดใจรับฟังความคิดเห้นผู้อื่นอย่างไม่มีอคติ
- ไม่พูดสอดแทรกในขณะที่คู่สนทนากำลังพูดอยู่
- ไม่พูดนินทา หรือพูดในสิ่งที่ทำให้คุ่สนทนาเสียความรู้สึก
2.2 การมีส่วนร่วมและแนะนำผู้อื่นในการสนทนาอย่างเหมาะสม
เมื่อเราปฏิบัติตนเป็นผู้มีมารยาทในการสนทนาได้อย่างถูกต้อง เราควรเเนะนำผู้อื่นให้ปฏิบัติตามด้วยวิธีการที่เหมาะสม ดังนี้
- บอกเล่าผลดีที่เกิดจากการเป็นผู้มีมารยาทในการสนทนา
- แนะนำผู้อื่นให้ปฏิบัติเป็นผู้มีมารยาทในการสนทนาได้อย่างถูกต้ฮง
- บอกเล่าประสบการณ์ของตนเองในการมีมารยาทการสนทนาอย่างสม่ำเสมอ
- เผยแผ่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในเรื่องมารยาทในการสนทนาให้สังคมได้รับทราบ
3 มารยาทในการแต่งกาย
การแต่งกาย เป็นสิ่งที่แสดงถึงบุคคลิกภาพของแต่ละคนได้อย่างชัดเจน เพราะเป็นสิ่งที่สามารถมองเห็นได่้เป็นลำดับแรก ผู้ที่แต่งกายได้ถูกต้องตามมารยาทย่อมได้รับการยอมรับจากคนในสังคม เพราะแสดงถึงการเป็นผู้มีความเคารพต่อบุคคลและสถานที่ รวมถึงมีความน่าเชื่อถือ
3.1 มารยาทในการแต่งกายที่ถูกต้อง
การเเต่งกายไปยังสถานที่ต่างๆ จะต้องคำนึกถึงความเหมาะสมกับโอกาส บุคคลที่ต้องพบเจอกิจกรรมที่ทำ ถือเป็นมารยาททางสังคมอย่างหนึ่ง การแต่งกายที่ถูกต้องสามารถทำได้ ดังนี้
1 แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สะอาด
เราควรดูเเลเสื้อผ้าของเราให้สะอาดและสะอาดและมีสภาพดีอยู่เสมอ หากพบร่องรอยชำรุดก็ควรซ่อมแซมให้กลับสู่สภาพเดิม ทั้งนี้ เสื้อผ้าที่สวมใส่ไม่จำเป็นต้องมีราคาเเพง แต่ควรเป็นชุดที่ดูดี เรียบร้อย
2 แต่งกายให้เหมาะสมตามโอกาส
เราควรพิจารณาว่างานที่เราไปเข้าร่วมนั้นมีลักษณะอย่างไร เช่น เมื่อเราต้องไปในงานเเต่งงาน ซึ่งถือเป้นงานมงคล เราควรเเต่งกายด้วยชุดสุภาพ ไม่ใส่สีเข้ม เพื่อเป็นการให้เกียรติและแสดงความยินดีต่อเจ้าของงาน หรือถ้าหากไปร่วมในงานศพ ฏ้ไม่ควรเเต่งกายด้วยชุดสีฉูดฉาด ควณแต่งกาย ด้วยชูดไว้ทุกข์สีดำ หรือสีขาว
3 แต่งกายให้เหมาะสมกับสถานที่
ก่อนการแต่งกายทุกครํ้ง เราควรคำนึกถึงสถานที่ที่จะไป เช่น หากไปทำบุณที่วัด ก็ควรแต่งกายด้วยชุดสุภาพเรียบร้อย มิดชิด เพื่อความเหมาะสมและแสดงความเคารพต่อศาสนสถาน
4 แต่งกายให้เหมาะสมกับวัยของตนเอง
การแต่งกายที่ดี จะต้องมีความเหมาะสมกับวัยของตนเอง เช่น วัยเด็กควรใส่เสื้อผ้าที่มีสีสันสดใสวัยรุ่นก็สามารถแต่งตัวตามสมัยนิยมได้ แต่ไม่ต้องไม่ล่อแหลมจนเกินไป ส่วนวัยทำงานก็ควรแต่งกายด้วยชุดที่ดุดี สุภาพ เรียบร้อย มีความภูมิฐาน
3.2 การปฏิบัติแบบอย่างที่ดีในการแต่งกาย
การเป็นแบบอย่างที่ดีในการเเต่งกาย เป้นการช่วยส่งเสริมมารยาทการเเต่งกายแก่ผู้อื่นในทางหนึ่ง ซึ่งเราสามารถปฏิบัติได้ ดังนี้
การเป็นแบบอย่างที่ดีในการแต่งตัว
การเเต่งกายชุดนักเรียน
ชุดนักเรียนเป็นเครืองแบบที่มีเกียรติและสวยงามเราจึงควรเเต่งชุดนักเรียนให้ถูกต้องตามระเบียบ ดังนั้
- เสื้อ กระโปรงหรือกางเกง ต้องมีสีหรือความยาวตามที่โรงเรียนกำหนด
- ไม่ใส่เครื่องประดับที่มีความแวววาวหรือตามกระเเสแฟชั่น
การเเต่งกายชุดลำลอง
ชุดลำลอง แม้ว่าใช้สวมใส่ในโอกาสส่วนตัว เช่น ไปท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจก็ควรเลือกเเต่งกายให้เหมือนสม ดังนี
- เลือกเสื้อผ้าที่สวมใส่สบาย
- ควรเป็นชุดที่มีความคล่องตัว
- ไม่ควรสวมใส่เสื้อที่ล่อแหลมมากเกินไป
- เสื้อผ้ามีความสะอาดเรียบร้อย
3.3 การมีส่วนร่วมแนะนำผู้อื่นให้อนุรักษ์มารยาทการเเต่งกาย
การมีส่นร่วมเเละเเนะนำผู้อื่นให้อนุรักษ์มารยาทการแต่งกาย ทำได้ ดังนี้
1. ศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับมารยาทการเเต่งกายที่ถูกต้องในโอกาสต่างๆ
2. แต่งกายให้ถูกต้องตามมารยาท เหมาะสมกับกาลเทศะ โอกาส สถานที่อยู่เสมอจนเป็นนิสัย
3. อธิบายถึงความสัำคัญของการมีมารยาทในการเเต่งกาย เเละผลดีที่เกิดจากการเเต่งกายอย่างเหมาะสมให้ผุ้อื่นได้รับทราบ 4. แนะนำวิธีการแต่งกายที่เหมาะสม ถูกต้องตามมารยาทให้คนทั่วไปได้นำไปปฏิบัติ
5. เผยแผ่ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับการปฏิบัติตนเป็นผู้มีมารยาทในการเเต่งกายโดยใช้สื่อต่างๆ อย่างเหมาะสม
4 การมีสัมมาคารวะ
สัมมาคารวะ เป็นการแสดงออกทั้งทางด้านกาย วาจาและใจ อย่างสุภาพอ่อนน้อม และความเคารพต่อผุ้อื่น ซึ่งถือเป็นมารยาทไทยสำคัญที่คนไทยควรยึดถือปฏิบัติต่อกัน เพราะเป็นสิ่งที่แสดงถึงความดีงามตามวิถีไทยที่สืบทอดกันมาช้านาน ผู้ที่มีสัมมาคารวะ ย่อมเป็นที่รักของบุคคลรอบข้าง
4.1 ลักษณะของผู้ทีมีสัมมาคารวะ
ผู้ที่ถือได้ว่าปฏิบัติอย่างมีสัมมาคารวะ ย่อมมีลักษระสำคํญ ดังนี้
1 ให้ความเค่ารพผู้อื่น
เป็นผู้ที่ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเคารพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีความอาวุโส จะต้องมีความเคารพนับถือ เเละเชื่อฟังคำสั่งสอน เพื่อนำมาเป็นข้อคิดในการดำเนินชีวิต
2 มีกิริยามารยาทเรียบร้อย
ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง หรือ สนทนาก็ทำอย่างสุภาพตามมารยาทไทย มีความสำรวมทั้งกายและวาจา เเละใจอยุ่เสมอทั้งต่อหน้า เเละลับหลัง
3 พูดจาสุภาพ
ใช้ถ้อยคำในการพูดสนทนาด้วยภาษาสุภาพ มีน้ำเสียงอ่อนโยน ไม่ใช่คำหยาบคาย หรือให้ร้ายดูหมิ่นผุ้อื่น สร้างบรรยากาสที่ดีในการสนทนาอยู่เสมอ
4 อ่อนน้อมถ่อมตน
ปฏิบัติต่อผุ้อื่นด้วยความเคารพ ให้เกียรติ ไม่ยึดถือเอาตนเป็นใหญ่
4.2 การปฏิบัติตนเป้นแบบอย่างที่ดีของการมีสัมมาคารวะ
เราควรควรเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้อื่นในการปฏิบัติตนเป็นผู้มีสัมมาคารวะ
1 ปฏิบัติด้วยตวามอ่อนน้อม
โดยกระทำเป็นนิสัยเตยชินอยู่เสมอ เพื่อให้ผู้อื่นได้เห็นเป็นแบบอย่างและสามารถนำไปปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้อง 2 มีสัมมาคารวะอยู่เสมอ
ปฏิบัติต่อผุ้อื่นด้วยความเคารพ ทั้งกาย วาจา ใจ ทั้งต่อหน้าเเละลับหลัง
3 ปฏิบัติตนด้วยความอ่อนน้อม
มีความมเคารพนบนอบต่อผู้อื่น โโยเฉพาะผู้อาวุโสมากกว่า
4 ปฏิบัติอย่างสุภาพ
มีกิริยามารยาทสำรวม คอยระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการกระทำที่ไม่เหมาะสมต่อผู้อื่น
4.3 การมีส่วนร่วมและเเนะนำผู้อื่นให้ปฏิบัติตมีสัมมาคารวะ
เราสามารถแนะนำผู้อื่นให้ปฏิบัติตนเป็นผู้สัมมาคารวะได้ ดังนี้
1 ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี
แสดงออกถึงความเป็นผู้มีสัมมาคารวะด้วยวิธีต่างๆ อย่างเปิดเผยและภาคภูมิ เพื่อให้ผู้อื่นได้เห็นและนำเอาไปปฏิบัติ
2 บอกเล่าภึงความสำคัญ
อธิบายความสำคัญและผลดีที่เกิดจากการปฏิบัติตนเป็นผู้มีสัมมาคารวะให้ผู้อื่นรับทราบเพื่อเกิดการนำไปปฏิบัติโดยทั่วกัน
3 ชักชวนผู้อื่นให้ปฏิบัติตน
พูดชักชวนบุคคลไปร่วมกันปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างมีสัมมาคารวะ โดยอาจเริ่มจากบุคคลที่อยู่ใกล้ตัว เช่น เพื่อนในโรงเรียน
4 แนะนำการปฏิบัติตนเป็นผู้มีสัมมาคารวะ
อธิบายวิธีการปฏิบัติตนเป็นผู้มีสัมมาคารวะในลักษณะต่างๆโดยอาจยกตัวอย่างสถานการ์ณแล้วบอกวิธีปฏิบัติตนที่ถูกต้อง
5 เผยแพร่ความรู้เรื่องการมีสัมมาคารวะ
ศึกษาข้อมูล เกี่ยวกับการมีสัมมาคารวะอย่างถูกต้องแล้วนำความรู้ที่ได้ไปเผยแพร่ให้บุคคลอื่น โดยใช้วิธีต่างๆ อย่างเหมาะสม 6 เข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการมีสัมมาคารวะ
ให้ความสนใจโดยเข้าร้วมในกิจกรรมต่างๆ ที่ช่วยส่งเสริมการปฏิบัติตนเป็นผู้มีสัมมาคารวะ