บ่อยครั้งที่คู่บ่าวสาวและญาติ เข้าใจผิด คิดว่าร้านจัดดอกไม้คือออแกไนเซอร์ และคิดว่าร้านจัดดอกไม้ ตกแต่งงานแต่งงาน จะต้องเตรียมทุกอย่างให้กับคุณ ทั้งการรันคิวงาน สคริปพิธีกรงานแต่งงาน หรือ แม้กระทั่งเตรียมทุกอย่างในงานแต่งงานให้คุณ นั่นเป็นความคิดที่ผิด ยกเว้นเสียแต่ว่า ตอนคุยตกลงเรื่องงาน คู่บ่าวสาวได้คุยกับร้านจัดดอกไม้แล้ว และพวกเขายินดีที่จะเป็นออแกไนเซอร์ (แม่งาน) ให้กับคุุณด้วย
การเข้าใจผิดก่อให้เกิดอะไรบ้างจากเหตุการณ์จริงของผูู้เชี่ยวชาญของเรา คู่บ่าวสาวบางครั้งไม่ได้บอกกับญาติตัวเอง ว่าจะเตรียมงานแต่งงานด้วยตัวเอง (โดยไม่ใช้ออแกไนเซอร์) และด้วยเป็นการแต่งงานครั้งแรก จึงเกิดการเข้าใจผิดกันได้ ว่าร้านจัดดอกไม้งานแต่งงานคือออแกไนเซอร์ นั่นทำให้ คู่บ่าวสาวไม่ได้เตรียมสคริปต์งานแต่งงาน ไม่ได้เตรียมคิวงาน และไม่ได้เตรียมคนรันคิวงาน แขกและญาติทุกคน รวมทั้งเพื่อนเจ้าสาวมาประจำที่งานแต่ง และยืนรอใบสคริปต์รันคิวงาน หรือ แม้กระทั่งยืนรอออแกไนเซอร์ว่าเมื่อไรจะมา
พิธีกรรอสคริปต์งานแต่งงานจากเจ้าสาว แต่กลับกลายเป็นว่า งานกำลังจะเริ่มแล้ว และพิธีกรกลับยังไม่มีข้อมูลอะไรมาเลย ไม่มีแม้กระทั่งสคริปต์ เพราะคิดว่าจะมีคนเตรียมให้
ถึงเวลานั้น ทุกคนเริ่มรนราน เจ้าสาวยิ้มไม่ออก แต่ก็ต้องแยกตัวไปยืนต้อนรับแขกที่แบ็กดร็อปงานแต่งงาน ทิ้งไว้เพียงญาติและเพื่อนเจ้าสาวที่ผิดหวังและเริ่มรนราน คิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
เวดดิ้งออแกไนเซอร์ คืออะไร?ออแกไนเซอร์ พูดง่าย ๆ ก็คือ “แม่งาน” แม่งานก็คือคนรันคิวงาน คอยจัดการลำดับพิธี คอยนัดแนะทุกคน ให้ทำตามหน้าที่ คุมคิวต่าง ๆ ให้งานดำเนินไปเรื่อย ๆ แจ้งคนที่รับผิดชอบหน้าที่ต่าง ๆ ให้ทำตามคิวงาน ให้งานแต่งงานดำเนินสำเร็จลุล่วง และราบรื่น ออแกไนเซอร์ หรือ แม่งาน จะต้องรู้ลำดับพิธี ถ้าหากเป็นงานพิธีหมั้น ก็จะต้องรู้ข้อมูลว่าคู่บ่าวสาวจะต้องทำอะไรที่ไหนเมื่อไร และทำอย่างไร หากเป็นงานแต่งงานงานเย็น แม่งานหรือออแกไนเซอร์ ก็จะต้องรู้ว่าลำดับพิธีมีอะไรบ้าง และใครต้องทำอะไร จัดการ เรียบเรียง และดำเนินออกมาให้งานเป็นไปตามแผนของเจ้าสาว ซึ่งบางครั้ง ร้านจัดดอกไม้งานแต่งงาน ก็มีบริการว่าจ้าง หาคนรันคิวงาน (เป็นออแกไนเซอร์ให้) แต่โดยปกติ มักจะไม่มี
เวดดิ้งแพลนเนอร์ คืออะไร?แล้วเวดดิ้งแพลนเนอร์ (Wedding Planner) ล่ะ ต่างกับเวดดิ้งออแกไนเซอร์อย่างไร? คำตอบก็คือ เมื่อออแกไนเซอร์ คือ แม่งาน หรือ คนรันคิวงาน เวดดิ้งแพลนเนอร์ก็ตรงตามชื่อภาษาอังกฤษ Planner ผู้วางแผน และเตรียมงานแต่งงานให้กับคู่บ่าวสาว โดยหากคู่บ่าวสาวต้องการให้แพลเนอร์หาคนรันคิวงานให้ด้วย เมื่อนั้น ออแกไนเซอร์ก็จะกลายเป็นหนึ่งในทีมงานของแพลนเนอร์นั่นเองค่ะ
อ่านถึงจุดนี้แล้ว WeddingReview.net หรือ คู่มือจัดงานแต่งงาน by OPONG ก็หวังว่าคู่บ่าวสาว จะมีความเข้าใจเกี่ยวกับร้านจัดดอกไม้งานแต่งงาน เวดดิ้งแพลนเนอร์และออแกไนเซอร์มากขึ้น ทำให้เตรียมตัวล่วงหน้า สำหรับเรื่องสคริปต์พิธีกร การรันคิวงาน และการแจกแจงหน้าที่ในวันแต่งงานกันได้ราบรื่นนะคะ
เราเชื่อว่าบ่าวสาวยุคใหม่ ฝันอยากมีงานแต่งที่ไม่เหมือนใคร ที่สามารถแสดงออกมาบอกตัวตนของพวกคุณได้อย่างชัดเจน และยิ่งงานแต่งนั้นได้ประหยัดงบด้วย แบบคุมค่าใช้จ่ายในวันแต่งงานได้ คงจะยิ่งดีถูกต้องใช่ไหมคะ หลายคู่เลยคิดว่า การประหยัดงบที่ดีที่สุดคือ การจัดงานแต่งงานด้วยตัวเอง ทำเองทั้งหมด ตั้งแต่ เตรียมหาโรงแรมเอง เตรียมอุปกรณ์งานพิธีไทย ติดต่อช่างภาพเอง ดีลร้านทำการ์ดแต่งงานเอง จนไปถึงเกณฑ์เพื่อนๆ ให้มาช่วยรันคิวให้ ไม่เห็นจำเป็นต้องมี แพลนเนอร์ (Planner) เลย
ถูกต้อง การคิดจะจัดงานแต่งเองคุมค่าใช้จ่ายได้จริงๆ แต่ PaR Wedding จะบอกว่าอาจจะจริงสำหรับคู่ที่มีเวลาค่อนข้างมากหรือมีคนช่วยจัดงานแต่งเยอะ แต่สำหรับคู่ที่จะจัดงานแต่งงานแต่ไม่มีเวลา หรือมีเวลาน้อย ไม่อยากวุ่นวายกับการเตรียมงาน หรือไม่มีไอเดียว่าจะเริ่มงานแต่งยังไง ก็อาจต้องมี Wedding Planner มาช่วยให้งานแต่งงานของคุณให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ใครที่ยังสงสัยว่า Wedding Planner สำคัญยังไง วันนี้ PaR Wedding มีคำตอบค่ะ
- ไม่เสียเวลา ประหยัดเวลา เพราะไม่ต้องหาทุกอย่างด้วยตัวเอง
แทนที่คุณจะเสียเวลาดีลร้านชุด คุยกับช่างภาพ ต่อรองราคากับโรงแรม ปล่อยเรื่องวุ่นวายเหล่านี้เป็นหน้าของเราดีกว่าค่ะ แค่บอกไอเดียและสิ่งที่ต้องการ แล้วเอาเวลาที่เหลือไปพักผ่อน เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับวันงานดีกว่า
2. ไม่ต้องปวดหัว ถ้าต้องดีลกับคนเยอะ
จะจัดงานแต่งงานทั้งที คุณคงไม่อยากหงุดหงิดต้องคอยรับโทรศัพท์เพื่อฟังปัญหาจุกจิกเช่น ดอกไม้สีที่สั่งหาไม่ได้จะเปลี่ยนเป็นสีอื่นมั้ยคะ? ลูกไม้ที่จะตัดชุดไม่พอ หรือทีมตกแต่งอยากให้ช่วยติดต่อสถานที่เพื่อเข้าไปเซ็ตหน้างานก่อนเวลา การ์ดที่ทำมาก็ต้องคอนเฟิร์มกลับภายในวันนี้ สถานการณ์ยุ่งยากเช่นนี้ เป็นงานถนัดของ Planner อย่างเราเลยค่ะ
3. ไม่ต้องกังวล หรือจิตตก ถ้ามี Planner อยู่ข้าง
ยิ่งช่วงเดือนสุดท้ายใกล้ถึงวันงานแต่งงาน ก่อนวันงานเพียงเดือนเดียวจะเป็นช่วงพีคมาก ความกังวล อาการจิตตกมาเต็มเลยค่ะ ไหนจะต้องแจกการ์ดให้ทัน ยังต้องมาคอยเช็คว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยทันวันงานแต่งงานหรือไม่ บอกเลยว่ายิ่งใกล้วันงานยิ่งเครียดจนบางคู่ทะเลาะกันก็มีนะ เราอยากให้คุณทำตัวสบายๆ และปล่อยให้ทุกความกังวล เป็นเรื่องของเราช่วยดูแลเรื่องเหล่านี้แทนคุณดีกว่าค่ะ
4. เรื่องไม่คาดคิด จะไม่มีทางเกิดขึ้นวันงาน
เตรียมงานมาตั้งนาน คุณคงไม่ยากพลาดเพราะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด อาทิ ลืมของ ชุดขาด แขกไม่มีโต๊ะนั่ง ไมค์ไม่ติด เพลงไม่เล่น ช่างภาพมาไม่ทัน และอีกสารพัดเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วจริงๆ ในงานแต่งงาน ปัญหาทุกอย่างจะไม่เกิด ถ้ามี PaR Wedding ช่วยดูแล หน้าที่ของเราคือ ทำทุกวิถีทางเพื่อให้เกิดข้อผิดพลาดน้อยที่สุด และต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อให้งานแต่งของคุณราบรื่น สวยงาม ตั้งแต่ต้นจนจบ
5. ไม่มีเรื่องไหนที่ปรึกษาแพลนเนอร์ไม่ได้
สำหรับแพลนเนอร์ (Planner) แล้ว บ่าวสาวทุกคู่ที่ตัดสินใจเลือกให้ Planner ดูแลในวันสำคัญ วันแต่งงานของคุณ เราถือว่าคุณเป็นเพื่อน เป็นครอบครัวของเราแล้วค่ะ นั่นหมายความว่า จะปรึกษาปัญหาใหญ่ๆ เช่น หารองเท้าที่เข้ากับชุดไม่ได้ หรือเรื่องเล็กๆ อย่าง ควรทาเล็บสีไหนดี เรามีคำตอบสำหรับทุกคำถามแน่นอนค่ะ
“ไม่มีเรื่องไหนที่ปรึกษา เวดดิ้ง แพลนเนอร์ (Wedding Planner) ไม่ได้”
หากจะบอกว่า Planner คือคนที่คอยจัดการทุกเรื่องในงานแต่งงาน แก้ไขทุกปัญหา และดูแลทุกอย่างแม้แต่ “ความฝัน” ของบ่าวสาวก็คงไม่ผิดนัก ยิ่งคุณอยากให้ภาพงานแต่งงานในฝันสมบูรณ์แบบมากเท่าไร คุณยิ่งควรต้องมี Wedding Planner ยกหน้าที่เหล่านั้น ทุกเรื่อง ทุกความกังวลใจในงานแต่งงาน ให้เรา PaR Wedding ช่วยดูแลคุณค่ะ