ปางปฐมเทศนา เป็นพระพุทธรูปลักษณะประทับ (นั่ง) ขัดสมาธิราบ พระหัตถ์ซ้ายทำประคองพระหัตถ์ขวา วางบนพระเพลา (ตัก) หรือถือชายจีวร พระหัตถ์ขวายกขึ้นเสมอพระอุระ (อก) จีบนิ้วพระหัตถ์ เป็นเครื่องหมายว่าพระธรรมจักร มีเครื่องประกอบทำเป็นรูปวงล้อ (ธรรมจักร) กับรูปกวางไว้ตรงพุทธบัลลังก์ และบางทีมีปัญจวัคคีย์พนมมือด้วย (พระพุทธรูปปางนี้ที่ไทยเราเอามาสมมุติเรียกว่า พระคันธารราฐสำหรับขอฝน)
ลักษณะพระพุทธรูปปางปฐมเทศนาHomeAbout usFAQPressSite mapTerms of servicePrivacy policy����������ǧ ����͡ �Ҫ����������
����������ǧ ����͡ �Ҫ�������
����������ǧ ����͡ ����������
����������ǧ ���� �Ҫ����������
����������ǧ ���� �Ҫ�������
����������ǧ ���� ����������
����������ǧ ���� �������
����������ǧ ��鹵�� �Ҫ�������
����������ǧ ��鹵�� �������
โดยปกติพระประธานในพระอุโบสถพุทธสถานส่วนใหญ่ในประเทศไทยมักจะประดิษฐานพระประธานในรูปแบบของปางสมาธิและปางมารวิชัยเป็นส่วนใหญ่
พระพุทธรูปปางอื่นๆ จึงมักจะประดิษฐานในพระวิหารบ้าง ในศาลาการเปรียญบ้าง หรือไม่ก็อยู่ในซุ้มของเจดีย์
ปางปฐมเทศนาหรือปางแสดงพระธรรม จักรจึงมักจะเป็นพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ในวิหารบ้าง อยู่ในซุ้มพระเจดีย์บ้าง
ปางปฐมเทศนานี้มีข้อสังเกตคือ พระหัตถ์ขวาจะยกขึ้นเสมออก จีบนิ้วเป็นวงกลม หมายถึงการหมุนเวียนที่เรียกว่า “ธรรมจักร” พระ พุทธรูปปางนี้จะต่างกับปางแสดงธรรมเรื่องปฏิจจสมุปบาทที่ยกพระหัตถ์ขึ้น 2 ข้าง แล้วจีบนิ้วมือทั้งสองข้างเป็นวงกลมซ้อนกัน
คติธรรมที่ปรากฏอยู่ในพระพุทธรูปปางนี้ก็คือ ธรรมอันสำคัญยิ่งที่เรียกว่า ธัมมจักกัปปวัตนสูตร
การกราบไหว้พระพุทธรูปปางปฐมเทศนาก็คือการรับฟังคำสอน
ธรรมะสำคัญ อันเป็นธรรมะเรื่องแรกที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสให้พระปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ฟัง ความหมายแห่งธัมมจักกัปปวัตนสูตรคือ การแสดงธรรมะ 4 ประการ อันได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เป็น 3 รอบ คือ
รอบที่ 1 สิ่งที่เรียกว่า ทุกข์ ได้แก่สถานะใดบ้างที่เป็นทุกข์ ทุกข์จึงเป็นของที่ควรกำหนดรู้คือ ควรทำ ความเข้าใจในเรื่องทุกข์ให้ชัดเจนว่าสิ่งใดเป็นทุกข์ อะไรเป็นทุกข์
รอบที่ 2 ก็คือ เมื่อรู้ว่าสิ่งใดเป็นทุกข์ หรือหมายความว่าได้กำหนดรู้แล้ว ก็ควรจะละมันเสีย ซึ่งหมายความต่อไปว่า อะไรที่เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ก็ละสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์
รอบที่ 3 เมื่อได้กำหนดรู้แล้วว่าอะไรเป็นทุกข์ ที่เรียกว่ากำหนดรู้ทุกข์แล้ว และก็ได้รู้ต่อไปว่าอะไรเป็นสาเหตุให้เกิดทุกข์ ก็ได้ละสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์แล้ว จะทำให้เข้าใจได้ว่า ได้รู้แจ้งในทุกข์ในเหตุของทุกข์ ละทุกข์ได้แล้ว และทำให้แจ้งชัดยิ่งขึ้นที่เรียกว่าเจริญ ทำได้ตลอดไป
ลักษณะของการรู้รอบทั้ง 3 ประการนั้นจะเกิดขึ้นในขณะจิตเดียว คือ รู้พร้อมกันทั้งหมดอย่างปราศจากข้อสงสัยใดๆ
นี่คือ ธรรมที่จะได้จากการเคารพกราบไหว้พระพุทธรูปปางปฐมเทศนาหรือปางแสดงพระ ธรรมจักร ที่เรียกว่า ธัมมจักกัปปวัตนสูตร
อันเป็นปฐมเทศนาโปรดปัญจวัค คีย์ มีใจความสำคัญดังนี้ คือ ทรงให้งดเว้นทางสุดโต่ง 2 สาย คือ กามสุขขัลลิกานุโยค ได้แก่ การประกอบตนให้หมกมุ่นในกาม และอัตตกิลมถานุโยค คือ ทำตนเองให้ลำบาก ทรงแสดงมัชฌิมาปฏิปทา หรือทางสายกลาง ได้แก่ มรรคมีองค์ ๘ อันเป็นข้อปฏิบัติให้ถึงทาง ดับทุกข์ และอริยสัจ ๔ หรือความจริงอันประเสริฐ ได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค และเมื่อแสดงธรรมจบลง โกณฑัญญพราหมณ์ (พระอัญญาโกณฑัญญะ) หนึ่งในปัญจวัคคีย์ได้ดวงตา เห็นธรรม (สำเร็จเป็นพระโสดาบัน) ในวันนั้น เป็นบุคคลแรกในพุทธศาสนาที่ ได้สำเร็จเป็นอริยบุคคล
boonthong59
บุญทองสังฆภัณฑ์
เมื่อมีการสร้างพระพุทธรูปเพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้สักการบูชา เป็นตัวแทนองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ความหลากหลายของปางต่างๆ ก็เกิดขึ้น พระพุทธรูปมีปางต่างๆมากมาย บอกเล่าถึงเหตุการณ์ของพระพุทธองค์ว่าเป็นเหตุการณ์ใด ตอนใด เมื่อเราทราบถึงพุทธประวัติว่าเกิดเหตุการณ์ใดขึ้น บ้าง เมื่อเห็นพระพุทธรูปในปางหนึ่งปางใด ก็จะสามารถเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในปางนั้นๆ ได้ว่า เป็นตอน ที่พระพุทธองค์ทรงปฏิบัติกิจใดอยู่และมีสาระสำคัญ เป็นเช่นไร
“ปาง”เป็นคำในภาษาไทย หมายถึงท่าทางของพระหัตถ์,เรื่องราวในพุทธประวัติ ส่วน “มุทรา” เป็นคำในภาษาสันสกฤต หมายความเฉพาะท่าทางของพระหัตถ์ เช่น
ปางปฐมเทศนา=ธรรมจักรมุทรา
ปางแสดงธรรม=วิตรรกะมุทรา
ปางมารวิชัย=ภูมิปรรศมุทรา
ปางสมาธิ=ธยานมุทรา
ปางประทานอภัย=อภยมุทรา
ปางประทานพร=วรทมุทรา
พระพุทธรูปในปางแสดงธรรมเป็นปางที่พระพุทธองค์ทรงตรัสแสดงพระธรรมคำสอนให้แก่พระสาวก หรือพุทธศาสนิกชนทั่วไป จึงได้มีการสร้างพระพุทธรูปในท่านั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ขวาอยู่ในลักษณะจีบนิ้ว(วิตรรกะมุทธา) พระหัตถ์ซ้ายวางเหนือพระเพลา เป็นสัญลักษณ์ที่ทำให้ทราบถึงการแสดงธรรม ซึ่งสัญลักษณ์ดังกล่าวยังคงเป็นที่นิยมในการสร้างอยู่เช่นกัน
สำหรับพระพุทธรูปที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันมาก กับปางแสดงธรรมนั้น คือ ปางปฐมเทศนา (ธรรมจักรมุทรา) เมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ประกาศพระธรรม ที่พระองค์ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เองแล้วแก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และอัสสชิ พระพุทธองค์ทรงเทศนาธรรม ชื่อ “ธรรมจักรกัปวัตนสูตร” ซึ่งมี อริสัจ ๔ คือความจริงอันประเสริฐ ความจริงของพระอริยเจ้า ๔ ประการใน วันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ (วันอาสาฬหบูชา)
ท่านโกณฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นคนแรก จึงกราบทูลขออุปสมบท โดยพระพุทธองค์ทรงทำ การอุปสมบทให้แบบเอหิภิกขุอุปสัมปทานับเป็น “ปฐมสาวก” ดังนั้นในวันนี้จึงเป็นวันแรกที่มี พระรัตนตรัยครบองค์สาม คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์
ลักษณะของพระพุทธรูปในปางปฐมเทศนานี้พระหัตถ์ซ้ายอยู่ลักษณะประคองหมุน โดยมีบริบท เป็น “ธรรมจักร” กับ “กวางหมอบ” ซึ่งมีความหมาย ถึงการหมุนวงล้อแห่งธรรม และหากแม้ไม่มีบริบทก็ ตีความภาพได้ว่าเป็นปางปฐมเทศน มีการสร้างปางนี้ เป็นจำนวนมากเช่นกัน
ความแตกต่างกันในส่วนของรายละเอียดเพียงเล็กน้อย แต่กลับแฝงความหมายที่แตกต่างกัน เป็นสิ่งที่น่าสนใจที่งานศิลปกรรมสามารถถ่ายทอดได้โดยปราศจากอักษรกำกับ สามารถสื่อความหมายเพียงเพิ่มเติมบริบท หรือการแสดงพระหัตถ์เพื่อแยก ปางของพระพุทธรูปออกจากกัน เช่นปางปฐมเทศนา และปางแสดงธรรมนี้
สำหรับในฉบับหน้า จะไปค้นหาความหมายของเรื่อง “สถูป : สัญลักษณ์แห่งการล่วงลับ” ที่ยังไม่ล่วง ลับไปกับกาลเวลา
หนังสืออ่านประกอบ
ดำรงราชานุภาพ,สมเด็จฯกรมพระยา.ตำนานพุทธเจดีย์.กรุงเทพฯ : มติชน, 2545.
สุภัทรดิศ ดิศกุล,หม่อมเจ้า.ประวัติศาสตร์ศิลปะประเทศใกล้เคียง.กรุงเทพฯ : มติชน, 2545.
สุภัทรดิศ ดิศกุล,หม่อมเจ้า.ศิลปอินเดีย. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2534.