Lambretta AllRide วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องการขับขี่ในกรณีที่เราไม่มีใบขับขี่หรือบขับขี่ขาดต่ออายุแล้วจะมีผลเสียอย่างไรบ้างจะส่งผลเสียอย่างไรบ้าง
ใบขับขี่ไม่ว่าจะเป็นรถอะไรก็แล้วแต่สิ่งที่สำคัญคือควรจะพกติดตัวเอาไว้ หรืออย่างน้อยก็ควรที่จะต้องพกสำเนาเอาไว้ เหตุผลก็เพราะว่ามีผลต่อพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 (พรบ.) ซึ่งบังคับใช้กับรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ทั่วไป แน่นอนว่าเราอาจจะถูกเรียกตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อไหร่ก็ได้
เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ
บทลงโทษขี่มอเตอร์ไซค์ไม่มีใบขับขี่
ถ้าหากไม่มีใบขับขี่จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท เช่นเดียวกันถึงจะมีใบขับขี่แล้วไม่พกมาด้วยหรือว่าไม่มีสำเนามาให้ทางเจ้าหน้าที่ดูก็จะถูกโทษแบบเดียวกัน
แต่ก็มีวิธีแก้ไขการลืมครับ ยุคนี้เรามีโทรศัพท์หรือสมาร์ทโฟนกันอยู่แล้วก็สามารถถ่ายเก็บเอาไว้ในสมาร์ทโฟนก็ได้ เวลาถูกตรวจสอบจะได้มีหลักฐานเอาไว้ให้ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบ
ใบขับขี่หมดอายุจะโดนอะไร
ถ้าหากมีใบขับขี่แล้ว แต่ว่าใบขับขี่เกิดหมดอายุขึ้นมา ก็จะมีโทษกันรวมไปถึงการถูกสั่งพักใช้ใบขับขี่ ถูกเพิกถอน หรือว่าถูกยืดใบขับขี่ก็จะมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ควรจะระวังกันให้ดี และคอยตรวจสอบใบขับขี่กันด้วยนะครับ
ในปัจจุบันเพื่อนๆ สามารถต่อใบขับขี่ออนไลน์ได้ง่ายๆ ด้วยตัวเองผ่านช่องทางเว็บไซต์ของกรมขนส่งทางบกได้แล้ว สามารถเข้าไปอ่านบทความเพิ่มเติม “5 ขั้นตอนในการต่อใบขับขี่ออนไลน์”
นอกจากมีผลต่อทางกฎหมายแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ถือว่ามีผลและมีความสำคัญมากจริงๆ เพราะมีผลต่อประกันภัยภาคสมัครใจโดยตรง จุดนี้จะไม่เกี่ยวกับ พรบ. ซึ่งเป็นประกันภาคบังคับที่จะต้องทำกันอยู่แล้ว ในส่วนของ พรบ. เมื่อเกิดอุบัติเหตุ พรบ. จะดูแลเฉพาะค่ารักษาพยาบาลของผู้ขับขี่หรือคู่กรณีที่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น จะไม่รวมไปถึงตัวรถ
ถึงแม้จะไม่มีใบขับขี่หรือใบขับขี่หมดอายุ พรบ. ก็ยังดูแลค่ารักษาพยาบาลให้อยู่ แต่ยังไงก็มีความผิดโทษจับปรับไม่เกิน 2,000 บาท ต่างจากประกันภาคสมัครใจ ที่เดี๋ยวนี้ผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์นิยมทำกันมากขึ้น เพราะประกันตัวนี้จะครอบคลุมทั้งตัวผู้ที่เกิดอุบัติเหตุและการซ่อมแซมตัวรถด้วย แต่ก็อยู่ในวงเงินตามที่มีการระบุเอาไว้ในประกัน ควรศึกษาให้ดี การเกิดอุบัติเหตุเดี๋ยวนี้เกิดขึ้นได้ง่ายมาก
ดังนั้นผู้ที่ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์จะต้องดูให้ดีเลย เพราะถ้าหากไม่มีใบขับขี่ โดยเฉพาะถ้าหากเป็นฝ่ายผิดด้วยแล้ว ประกันจะไม่มีผลอะไรเลยเท่ากับว่าเราจะต้องดูแลทั้งค่ารักษาพยาบาลเอง ทั้งตัวเราเองและคู่กรณีด้วย รวมไปถึงการซ่อมแซมรถตัวเอง และถ้าหากรถคู่กรณีเกิดความเสียหายก็จะต้องรับผิดชอบเองทั้งหมด
ฟังดูแล้วค่อนข้างน่ากลัวอยู่เหมือนกันสำหรับการเกิดอุบัติเหตุ แต่ก็มีข้อยกเว้นสำหรับผู้ที่มีใบขับขี่แต่อาจจะลืมหรือใบขับขี่หมดอายุ และเมื่อเกิดเหตุก็สามารถหาหลักฐานมายืนยันได้ ไม่ว่าจะสำเนาที่ถ่ายเก็บเอาไว้ในโทรศัพท์ก็ดีหรือว่าถ้าเกิดเหตุแล้วให้เพื่อนหรือญาติที่บ้านส่งรูปถ่ายมาให้ก็ได้ ทางประกันก็ยังให้การดูแลเช่นเดียวกัน เพียงแค่มีหลักฐานมายืนยันเท่านั้น
แต่สำหรับคนที่ไม่เคยมีใบขับขี่เลย ตรงนี้ถือว่าอันตรายมาก เพราะประกันจะไม่สามารถเข้ามารับผิดชอบอะไรได้เลย ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ผู้ขับขี่จะยังถูกดำเนินคดีทางกฎหมายด้วย
ขอแถมให้อีกหนึ่งหัวข้อ นั้นก็คือถ้าหากรถไฟไหม้หรือว่าน้ำท่วมรถ เจ้าของรถอาจจะยังไม่ได้ทำใบขับขี่หรือยังไม่ได้ไปทำ แต่เกิดเหตุทางธรรมชาติก่อน ตรงนี้ ทางประกันเองก็จะเข้ามารับผิดชอบดูแลให้ สาเหตุก็เพราะเป็นการเกิดเหตุโดยธรรมชาติที่ไม่ได้เกิดจากตัวของผู้ขับขี่
จะเห็นได้ว่าใบขับขี่นั้นมีความสำคัญไม่น้อยทีเดียว ดังนั้นผู้ขับขี่มือใหม่ควรไปทำใบขับขี่สำหรับรถจักรยานยนต์เอาไว้ก่อน เพราะไม่เพียงจะมีผลต่อประกันภัยยังมีผลถึงคดีอาญาด้วย ยอมเสียเวลาสักนิดแล้วไปทำใบขับขี่เอาไว้ก่อนดีกว่า เพื่อความอุ่นใจ ขี่รถไปไหนก็สบายใจ แต่ถ้าหากใบขับขี่หมดอายุก็อาจจะมีผลต่อการถูกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ แต่ว่าก็ยังดีที่ทางประกันภัยนั้นยังเข้ามาดูแลและรับผิดชอบให้ได้
ถึงอย่างไรก็ตามสำหรับคนขี้ลืมแนะนำให้ถ่ายรูปเก็บเอาไว้ก่อน เดี๋ยวนี้ลืมกระเป๋าเงินได้ แต่อย่าลืมโทรศัพท์หรือสมาร์ทโฟนโดยเด็ดขาด สมัยนี้โทรศัพท์เครื่องเดียวก็สามารถเอาตัวรอดได้แล้ว ยังไงก็แล้วแต่ยุคนี้ควรจะขับขี่ด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะอุบัติเหตุที่ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ การทำประกันเอาไว้สักหน่อยก็ช่วยให้เจ้าของรถนั้นอุ่นใจมากขึ้นหากเกิดอุบัติจะได้ไม่ต้องรับผิดชอบเยอะ อย่างน้อยก็มีประกันที่คอยดูแลอยู่ แต่ที่สำคัญขอให้มีใบขับขี่เท่านั้นระหว่างเกิดเหตุก็ขอให้มีหลักฐานมาให้ประกันได้รับทราบแค่นั้นเอง
บริษัท เอพีเอสเอ็น โมโตพาร์ท จำกัด (“บริษัทฯ”) ได้จัดให้มีระบบการรักษาความปลอดภัยในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าทุกท่าน และบริษัทมีความตั้งใจจะปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 (“พ.ร.บ.”) โดย พ.ร.บ.. ดังกล่าวกำหนดให้บริษัทที่เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ถูกต้อง อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายโดยมีรายละเอียดดังนี้ บริษัทฯ เป็นผู้ประกอบธุรกิจ ค้าปลีก ค้าส่ง อะไหล่และชิ้นส่วนรถมอเตอร์ไซค์ บริษัทฯปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ประกาศของประเทศไทย และเป็นผู้มีหน้าที่รายงานธุรกรรมตามกฎหมาย ประกาศ คำสั่ง ระเบียบ ซึ่งกำหนดและออกใช้บังคับภายในอาณาเขตประเทศไทย บริษัทฯ ดำเนินการในลักษณะนิติบุุคคลผู้ประกอบธุรกิจที่มีการเก็บ รวบรวม ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามกฎหมายและประโยชน์ในทางธุรกิจ บริษัทฯ จึงกำหนดนโยบายเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับลูกค้าทุกท่าน และพนักงาน เพื่อให้ประโยชน์ของลูกค้าและพนักงานในการรักษาสิทธิและใช้สิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
1. ข้อมูลที่ให้ความยินยอมในการเก็บ รวบรวม ใช้ ประมวลผลหรือเปิดเผยข้อมูล
บริษัทฯ จะดำเนินการเก็บ รวบรวม ใช้ ประมวลผล หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้เงื่อนไขตามหนังสือยินยอมฉบับนี้ ซึ่งได้แก่ข้อมูลส่วนบุคคลดังต่อไปนี้
- ชื่อ (ทั้งคำนำหน้าชื่อต้น และ/หรือชื่อกลาง)
- นามสกุล
- หมายเลขบัตรประชาชน และ/หรือ หมายเลขหนังสือเดินทาง และ/หรือหมายเลขประจำตัวบัตรข้าราชการ
- วัน เดือน ปี เกิด
- หมายเลขใบอนุญาตขับขี่
- ที่อยู่ (บ้านเลขที่ หมู่ ถนน แขวง/ตำบล เขต/อำเภอ ประเทศ รหัสไปรษณีย์)
- ตำแหน่งที่อยู่อาศัย (ตำแหน่งสัญญาณดาวเทียมหรือ GPS
- หมายเลขโทรศัพท์ติดต่อ หรือ อีเมล์
- ข้อมูลบัญชี Social media ที่ใช้สมัครบริการ
- ข้อมูลภาพถ่ายของลูกค้า ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว (ระยะเวลาเก็บรักษาไม่เกิน 90 วัน)
- เลขทะเบียน รถ รุ่นรถ ยี่ห้อรถ ของลูกค้า
- อาชีพ
- ข้อมูลการทำธุรกรรมแต่ละครั้ง ควบคู่กับข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าแต่ละราย
- ข้อมูลชื่อ ที่อยู่ เลขประจำตัวผู้เสียภาษี สำหรับจัดทำเอกสารใบกำกับภาษี
- รูปภัณฑ์ของทรัพย์สินของลูกค้าที่นำเข้ามาใช้บริการประกอบด้วย ภาพถ่ายของยานพาหนะ ตำหนิ สี อุปกรณ์ตกแต่ง
- ประวัติการเดินทาง/ข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุ/ข้อมูลความเสียหายต่อชีวิตทรัพย์สิน
2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว
บริษัทฯ อาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว เพื่อวัตถุประสงค์ดังนี้
- ข้อมูลชีวมิติ ประกอบด้วย ข้อมูลเสียง ข้อมูลใบหน้า
- ข้อมูลภาพเคลื่อนไหว ที่ได้จากการบันทึกในกล้องวงจรปิด ณ สาขาที่ให้บริการต่างๆ ของบริษัทฯ เช่น ลักษณะการแต่งกาย เครื่องนุ่งห่ม และบุคคลที่มาพร้อมกับลูกค้าฯ
- ข้อมูลภาพและลักษณะเฉพาะของทรัพย์สินของลูกค้าและบุคคลที่มาพร้อมกับลูกค้าฯ ที่นำเข้ามาใช้บริการภายในบริษัทฯ และสาขาของบริษัทฯ เช่น รูปลักษณ์ของยานพาหนะ ตำหนิ รูปลักษณะของยานพาหนะ สีของยานพาหนะ การตกแต่งยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนควบที่แตกต่างไปจากยานพาหนะคันอื่น อุปกรณ์ป้องกันและรักษาความปลอดภัยของทรัพย์สินของลูกค้า
วัตถุประสงค์ของการเก็บข้อมูลที่มีความอ่อนไหวข้างต้น บริษัทฯ มีวัตถุประสงค์ดังนี้
- ข้อมูลชีวมิติ บริษัทฯ อาจมีการเก็บ รวบรวม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยืนยันตัวตนของบุคคลของลูกค้าผู้เป็นเจ้าของข้อมูล เพื่อรองรับกระบวนการพิสูจน์ตัวตนตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และเพื่อเป็นหลักฐานตามขั้นตอนการนำทรัพย์สินของลูกค้าเข้าใช้บริการและรับทรัพย์สินกลับคืนให้กับลูกค้าฯ ของบริษัทฯ
- ข้อมูลภาพเคลื่อนไหว ซึ่งได้จากการบันทึกอยู่ภายในกล้องวงจรปิด ณ สาขาที่ให้บริการต่างๆ ของบริษัทฯ เป็นข้อมูลที่บริษัทจำเป็นต้องทำให้เกิดขึ้นเพื่อป้องกัน ระงับ อันตรายต่อชีวิต ร่างกาย สุขภาพของลูกค้าผู้มาใช้บริการ พนักงานของบริษัทฯ รวมไปถึงเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับทรัพย์สินของลูกค้าที่นำเข้าภายในพื้นที่ดำเนินการของบริษัทฯ ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้จัดให้มีข้อความแจ้งต่อลูกค้าในพื้นที่รัศมีของการบันทึกภาพของลูกค้า เพื่อให้ลูกค้ามีโอกาส “ไม่ยินยอม” หรือ “แจ้งให้บริษัทฯ ลบข้อมูล” ในภายหลังได้ โดยกระบวนการถอนความยินยอมหรือการใช้สิทธิต่างๆ ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ ได้มีช่องทางตามที่จะได้กล่าวต่อไป
3. วัตถุประสงค์การเก็บ รวบรวม ใช้ ข้อมูลส่วนบุคคล
การเก็บ รวบรวม ใช้ และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้น บริษัทฯ ดำเนินการเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
- เพื่อประโยชน์ในการยืนยันตัวตนและปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศของหน่วยงานที่ทำหน้าที่กำกับดูแลตามกฎหมายของประเทศไทย
- เพื่อเป็นหลักฐานทางกฎหมายในการทำนิติกรรมหรือธุรกรรมของบริษัทฯ และของลูกค้า
- เพื่อประโยชน์ในการรับสิทธิประโยชน์ ข่าวสาร ประชาสัมพันธ์ เชิญชวนเข้าร่วมกิจกรรม รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ เสนอสิทธิประโยชน์หรือโอกาสในการใช้บริการ ได้รับสิทธิหรือสิ่งของสมนาคุณ
- เพื่อเสนอบริการหรือผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ
- เพื่อรับฟังความคิดเห็นสำหรับปรับปรุงพัฒนา การบริการและผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ
- เพื่อการดำเนินการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ที่กล่าวมาข้างต้น
บริษัทฯ มีหน้าที่นำข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า มาใช้ประมวลผลเพื่อตรวจสอบและประเมินความเสี่ยงด้านการฟอกเงิน ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และนำมาตรวจสอบกับรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้นำข้อมูลของท่าน มาประมวลผลเพื่อประโยชน์ในการประเมินว่า พฤติกรรมหรือรูปแบบการใช้บริการของท่าน เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ หรือสิทธิประโยชน์ต่างๆ ด้านใดของบริษัทฯ เพื่อที่บริษัทฯ จะได้นำเสนอ ผลิตภัณฑ์หรือบริการ หรือสิทธิประโยชน์ที่เหมาะสมกับท่านมากที่สุด
5. ระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท จะไม่เก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า เกินกว่าระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด และระยะเวลาการเรียกร้องสิทธิหรืออายุความฟ้องร้องดำเนินคดีในทางแพ่ง (10ปี) กรณีข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว ประเภทภาพเคลื่อนไหวที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด บริษัทฯ มีระยะเวลาในการเก็บรักษาไว้ 90 วัน นับแต่วันที่บันทึกภาพ
6. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ให้แก่บุคคลอื่น เว้นแต่เป็นการเปิดเผยเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด บริษัทฯ อาจจะเปิดเผยข้อมูลต่อบริษัทฯ ที่บริษัทฯ มอบหมายให้เป็นผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลหรือเป็นการปฏิบัติตามสัญญาร่วมกันระหว่างบริษัทฯ หรือบริษัทฯ คู่ค้า เพื่อวัตถุประสงค์ในการให้บริการแก่ลูกค้าร่วมกันเท่านั้น
7. การส่งหรือโอนข้อมูลให้แก่ผู้อื่นหรือบุคคลภายนอกในประเทศและต่างประเทศ
- บริษัทฯ จะไม่ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปให้บุคคลอื่น หรือนิติบุคคลอื่น เว้นแต่ลูกค้าเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ร้องขอให้บริษัทฯ ดำเนินการส่งหรือโอนข้อมูล และ
- บริษัทฯ จะไม่ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปให้บุคคลอื่น หรือนิติบุคคลอื่นในต่างประเทศ เว้นแต่เป็นการส่งข้อมูลให้บริษัทฯ ในเครือ หรือสาขา หรือบริษัทคู่ค้าฯ ที่มีวัตถุประสงค์ในการให้บริการแก่ลูกค้ารายนั้นๆ ร่วมกันเท่านั้น และ
- หากบริษัทฯ มีเหตุผลและวัตถุประสงค์จำเป็นที่ต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าตามที่กล่าวข้างต้น บริษัทฯ จะส่งหรือโอนข้อมูลให้เฉพาะประเทศปลายทางที่มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่เพียงพอตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น
8. บรรดาสิทธิต่างๆของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลและช่องทางในการใช้สิทธิ
เมื่อเจ้าของข้อมูลได้ให้ความยินยอมในการเก็บ รวบรวม ใช้ ประมวลผลหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อบริษัทฯ แล้ว เจ้าของข้อมูลย่อมมีสิทธิขอให้บริษัทดำเนินการดังต่อไปนี้
- สิทธิในการขอถอนความยินยอม – เมื่อได้ให้ความยินยอมแล้ว เจ้าของข้อมูลฯ จะเพิกถอนการยินยอมให้ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธิห้ามเพิกถอนตามกฎหมายหรือตามสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่เจ้าของข้อมูลฯ ทั้งนี้การเพิกถอนการยินยอม ไม่กระทบต่อการเก็บ/การใช้/การเปิดเผยข้อมูล ซึ่งได้กระทำไปในระหว่างได้รับความยินยอมโดยชอบและบริษัทฯ จะต้องแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นเมื่อมีการถอนความยินยอม
- สิทธิในการเข้าถึงและขอสำเนาข้อมูล – เจ้าของข้อมูลฯ มีสิทธิที่จะเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของตนที่บริษัทฯ รับผิดชอบอยู่และมีสิทธิขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ตอนไม่ได้ให้ความยินยอม
- สิทธิในการขอรับข้อมูลและขอให้ส่งต่อ/โอนข้อมูล – เจ้าของข้อมูลมีสิทธิรับข้อมูลของตนจากบริษัทฯ ได้ ในกรณีที่บริษัทฯ จัดให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่อ่าน หรือใช้งานทั่วไปและเปิดเผยได้อัตโนมัติ ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ และเจ้าของข้อมูลฯ มีสิทธิขอให้บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลของตนในรูปแบบอัตโนมัติข้างต้น ไปยังผู้ควบคุมข้อมูลฯรายอื่น เมื่อกระทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติและเจ้าของข้อมูลฯ มีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของตนที่บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลฯ รายอื่นโดยตรง เว้นแต่โดยสภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้ ทั้งนี้การใช้สิทธิข้อนี้ เจ้าของข้อมูลต้องให้ความยินยอมโดยชัดแจ้ง ซึ่งไม่อยู่ในขั้นตอนการปฏิบัติงานโดยปกติของบริษัทฯ
- สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม/ใช้/เปิดเผยข้อมูลของตน – เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล มีสิทธิที่จะคัดค้านมิให้บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ เว้นแต่เป็นการดำเนินการที่บริษัทฯ ต้องปฏิบัติตามกฎหมายและเป็นกรณี การเก็บ รวบรวมหรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเพื่อเก็บเป็นพยานหลักฐาน สำหรับการดำเนินคดีที่อาจเกิดขึ้นระหว่างบริษัทฯ กับลูกค้าภายในอายุความแห่งกฎหมาย
- สิทธิในการขอให้ลบ/ทำลายหรือทำให้ข้อมูลนั้นไม่เป็นข้อมูลส่วนบุคคล – เจ้าของข้อมูลฯ มีสิทธิขอให้ผู้ควบคุมข้อมลฯ ดำเนินการลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลนั้นไม่สามารถระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลได้ หากว่าข้อมูลส่วนบุคคลนั้น หมดความจำเป็นในการเก็บรักษาตามวัตถุประสงค์ที่เคยแจ้งไว้ หรือเมื่อเจ้าของข้อมูลได้ถอนความยินยอมในการเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเย และผู้ควบคุมฯ ไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลนั้นอีกต่อไป หรือดำเนินการลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลนั้นไม่สามารถระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลได้ เมื่อเจ้าของข้อมูลใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ข้อมูลนั้น และผู้ควบคุมข้อมูลฯ ไม่สามารถปฏิเสธคำคัดค้านนั้นได้ หรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้บริษัทฯ อาจคัดค้านการใช้สิทธินี้ ถ้าการเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เป็นกรณีที่บริษัทฯ ดำเนินการเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเป็นกรณีเพื่อเก็บพยานหลักฐานสำหรับการดำเนินคดีที่อาจเกิดขึ้นระหว่างบริษัทฯ กับลูกค้าภายในอายุความแห่งกฎหมาย
- สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล – เจ้าของข้อมูลฯ มีสิทธิที่จะขอให้บริษัทฯ ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ เมื่อเจ้าของข้อมูลขอให้บริษัทฯ ดำเนินการให้ข้อมูลนั้นถูกต้องเป็นปัจจุบัน สมบูรณ์และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด แต่บริษัทฯ ไม่ดำเนินการ รวมถึงเมื่อข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นข้อมูลที่ต้องลบ ทำลาย เนื่องจากบริษัทเก็บรวมรวม/ใช้/เปิดเผย โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือเมื่อข้อมูลส่วนบุคคลนั้นหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาตามวัตถุประสงค์ หรืออยู่ระหว่างการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเมื่อบริษัทฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อพิสูจน์กรณีปฏิเสธคำคัดค้านของเจ้าของข้อมูล
- สิทธิในการขอให้ดำเนินการให้ข้อมูลถูกต้องและเป็นปัจจุบัน – เจ้าของข้อมูลฯ ใช้สิทธิเร้องขอให้บริษัท ดำเนินการให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้
- สิทธิในการยื่นเรื่องร้องเรียน – เจ้าขอข้อมูลมีสิทธิยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลฯ เชื่อว่า การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล บริษัทดำเนินการไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลที่บังคับใช้อยู่
บริษัทฯ จัดให้มีช่องทางให้เจ้าของข้อมูลใช้สิทธิได้ดังนี้
- วิธีการขอความยินยอมโดยขอเป็นหนังสือลายลักษณ์อักษร ณ สำนักงานหรือสาขาที่ให้บริการของบริษัทฯ
- วิธีการขอความยินยอมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยผ่านเว็บไซด์หรือช่องทาง Social network อื่นๆ ของบริษัท
กำหนดระยะเวลาในการดำเนินการเมื่อท่านใช้สิทธิ
- สิทธิในการดำเนินการให้ข้อมูลถูกต้องและเป็นปัจจุบัน รวมถึงสิทธิขอถอนความยินยอม ระยะเวลาไม่เกิน 7 วันทำการ
- สิทธิในการเข้าถึง ขอสำเนาข้อมูล ขอรับข้อมูล ขอให้ส่งต่อ/โอนข้อมูล คัดค้านการเก็บรวบรวม/ใช้/เปิดเผยขอมูล ขอให้ลบ/ทำลาย/ระงับ ระยะเวลา ไม่เกิน 30 วันทำการ
10. ผลของการเพิกถอนความยินยอม
กรณีที่เจ้าของข้อมูลประสงค์จะถอนความยินยอม ในการเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจะเกิดผลดังนี้
- เจ้าของข้อมูลถอนความยินยอมในการเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เฉพาะข้อมูลส่วนบุคคลที่ บริษัทฯ มิได้เก็บ รวบรวม ใช้ ประมวลผล และเปิดเผย เพื่อวัตถุประสงค์ที่บริษัทฯ ดำเนินการเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายซึ่งไม่สามารถยกเลิกได้เท่านั้น
- เจ้าของข้อมูลอาจไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ ข่าวสาร ประชาสัมพันธ์ เชิญชวนเข้าร่วมกิจกรรม รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ เสนอสิทธิหรือประโยชน์หรือโอกาสในการใช้บริการ ได้รับสิทธิหรือสิ่งของสมนาคุณ
- เจ้าของข้อมูลอาจไม่ได้รับขอเสนอเกี่ยวกับบริการหรือผลิตภัณฑ์ของบริษัท
- เจ้าของข้อมูลอาจไม่ทราบถึงความความคิดเห็นเพื่อปรับปรุงพัฒนาการบริการและนำเสนอผลิตภัณฑ์
- เจ้าของข้อมูลอาจไม่สามารถดำเนินการอื่นๆ เกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ที่กล่าวมาข้างต้นได้
- เจ้าของข้อมูลอาจไม่สามารถเรียกคืนข้อมูลที่ได้เพิกถอนและระงับความยินยอมไปแล้วในภายหลังได้
11. บริษัทฯ มีการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล
บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลของเจ้าของข้อมูลไว้เป็นอย่างดี โดยเก็บไว้ในรูปแบบของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โดยบริษัท มีมาตรการรักษาความปลอดภัยของระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำหน้าที่เก็บรักษาข้อมูล ประมวลผลข้อมูลอย่างเหมาสะม และมีมาตรการในการป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทฯ ได้กำหนดนโยบาย วิธีการปฏิบัติเช่น มาตรการป้องกันมิให้พนักงานนำข้อมูลลูกค้าออจากระบบของบริษัทฯ มาตรการรักษาความปลอดภัยของระบบฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ของบริษัทฯ กำหนดข้อตกลงอย่างเคร่งครัดกับคู่สัญญาเกี่ยวกับความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าและข้อบังคับสำหรับพนักงานและบุคลากรในการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า