ไนลอน กับ โพลิเอสเตอร์ล้วนเป็นประเภทของวัสดุต้นกำเนิดผลิตภัณฑ์หลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นพลาสติกต่างๆ ที่เราใช้กันอยู่ปัจจุบัน ผ้าเครื่องแต่งกาย หรือไปจนถึงอุปกรณ์เล็กๆอย่างซิปเลยค่ะ วันนี้โทริจะมาเล่าให้ฟังว่าทั้งสองตัวนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร ประวัติความเป็นมา ไนลอนเป็นเส้นใยสังเคราะห์ชนิดแรกที่เกิดขึ้นบนโลก ถูกคิดค้นขึ้นโดย Wallace Carothers ในปี ค.ศ.1945 แต่ได้เป็นที่รู้จักกันทั่วไปก็ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองแล้ว ซึ่งในช่วงแรกได้ถูกนำมาใช้ในการทหารเป็นหลัก เช่น ในร่มชูชีพ และ เต๊นท์ โพลีเอสเตอร์ เกิดขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1940 และเริ่มเป็นที่นิยมในช่วงปี ค.ศ.1950 รูปลักษณ์และการสัมผัส ไนลอน ได้ถูกสร้างขึ้นโดยมีแนวความคิดที่จะมาทดแทนเส้นใยไหม และทำให้มีความนุ่ม เบา และมีผิวมันเงางาม อีกทางหนึ่งโพลีเอสเตอร์ถูกสร้างขึ้นให้กระด้างกว่าไนลอน ซึ่งจุดมุ่งหมายดั้งเดิมคือการทำมาใช้กับเครื่องสวมใส่ภายนอก แต่ในยุคปัจจุบันในทางเทคโนโลยีอุตสาหกรรมสามารถผลิตให้เส้นใยโพลีเอสเตอร์นี้มีความนุ่มเทียบเท่ากับไนลอน หรือกระทั่งผ้าฝ้ายได้เลยทีเดียว ความคงทน ทั้ง ไนลอน กับ โพลีเอสเตอร์ ต่างมีความแข็งแรงและมีน้ำหนักที่เบาจากส่วนประกอบทางโครงสร้างโพลิเมอร์ แต่ความพิเศษคือ ไนลอน จะมีความแข็งแกร่งในแง่ของ ‘ความยืดหยุ่นมากกว่า’ ส่วนในด้าย โพลีเอสเตอร์จะมีความแข็งแกร่งอยู่ตัวมากกว่า เมื่อเทียบกับไนลอนองค์ประกอบการรวมตัวของโครงสร้างเส้นใย หากเมื่อมีการหลุดหรือขาดพังลง เส้นใยโพลิเมอร์จะยังอยู่ตัวได้มากกว่าไนลอน คุณสมบัติต่อน้ำ ถ้าพูดถึงเรื่องความสามารถในการแห้งตัวเร็วคงต้องยกให้โพลีเอสเตอร์ แต่อย่างไรก็ตามวัสดุทั้งสองอย่างล้วนมีธรรมชาติที่ไม่ถูกกับน้ำ นั่นหมายความว่าทั้งคู่มีความสามารถในการขับไล่น้ำนั่นเอง ตามหลักการคือน้ำจะระเหยจากผิวของผิวผ้าได้เร็วนั่นเอง ซึ่งในจุดนี้ ไนลอน จะมีการดูดน้ำมากกว่า โพลิเอสเตอร์ นั่นหมายความว่า ผ้าไนลอนนั้น แห้งช้ากว่านั่นเอง การติดสี โพลีเอสเตอร์จะดูดซับสีได้เร็วกว่าไนลอน ซึ่งก็เป็นทั้งเรื่องคุณสมบัติการคายน้ำ และคุณสมบัติด้านอุณหภูมิ ซึ่งโพลีเอสเตอร์นี่คายน้ำได้ดีกว่าจะทำให้สีติดได้รวดเร็วกว่าไนลอน และไนลอนนั้นยังต้องการอุณภูมิในการย้อมมากกว่าโพลีเอสเตอร์อีกด้วย การดูแลรักษา เส้นใยโพลีเอสเตอร์และไนลอนที่ทอหนา ทั้งคู่ต่างมีคุณสมบัติที่ดูแลรักษาง่าย สามารถเข้าเครื่องซัก ปั่นแห้ง แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้ทนต่ออุณหูมิสูงมากนัก โพลิเอสเตอร์ด้วยความที่เนื้อสัมผัสไม่นุ่มเท่าไนลอน อาจจะต้องมีการเสริมน้ำยาปรับผ้านุ่มมากกว่าไนลอน และไนลอนควรจะแยกซักกับผงซักฟอกโดยเฉพาะ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดคราบเหลือง ในการรีดทั้งคู่ไม่ควรใช้อุณหภูมิที่สูงมากนัก คุณสมบัติพิเศษอื่นๆ การเผาไหม้ – ไนลอนละลายหลังจากนั้นจึงติดไฟทันที ส่วนโพลีเอสเตอร์จะละลายและติดไฟพร้อมกัน ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม – ไนลอนส่วนมากเป็นผลผลิตที่เกิดจากการกลั่นน้ำมัน ส่วนโพลิเอสเตอร์ แม้จะย่อยสลายตามธรรมชาติไม่ได้ แต่สามารถนำมารีไซเคิลได้ การกันUV – โพลีเอสเตอร์กันได้ดีกว่า
รู้หรือไม่ ซิปปัจจุบันทำจากวัสดุอะไร?
ในปัจจบันซิปส่วนมากจะทำมาจาก โพลีเอสเตอร์ ด้วยคุณสมบัติที่มีความคงทน คงตัวมากกว่าไนลอน และด้วยต้นทุนราคาที่ถูกกว่าด้วย เราจึงหันมาใช้โพลีเอสเตอร์แทนไนลอนแทน
แล้วซิปไนลอนของโทริทำมาจากวัสดุชนิดไหน?
ซิปไนลอนของโทริ มีส่วนประกอบเป็น โพลีเอสเตอร์ทั้งหมด แต่สาเหตุที่ยังใช้ชื่อไนลอนเนื่องจากปัจจุบันทางวงการอุตสาหกรรมและการ์เมนต์ในไทยยังคงยึดใช้ชื่อสินค้าคำว่า ‘ซิปไนลอน’ ที่มีพื้นฐานมาจากยุคแรกเริ่มที่ได้มีการค้าขาย ก็จะรู้จักกันในชื่อไนลอนอย่างแพร่หลายและติดหูมาจนถึงในปัจจุบัน แม้ในตอนนี้เทคโนโลยีส่งเสริมให้เรามาใช้เส้นใยโพลีเอสเตอร์ซึ่งมีคุณสมบัติที่ดีกว่าแทนแล้ว แต่คนก็ยังจำในชื่อของ ซิปไนลอน มากกว่าค่ะ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดด้านซิปต่างๆได้ทางเว็ปไซท์โทริ หรือ อ่านเรื่องราวดีๆเกี่ยวกับซิปได้อีกในเรื่องเล่าจากโทริได้เลยค่ะ
แหล่งข้อมูล: //www.leaf.tv/articles/nylon-vs-polyester-fabric/ //www.diffen.com/difference/Nylon_vs_Polyester #ไนลอน #โพลีเอสเตอร์ #ซิป #โทริ #โทริไทยแลนด์ #torithailand
เสื้อผ้า ไม่ว่าคุณจะเลือกซื้อแบบใด วัสดุหลักที่นำมาใช้ผลิตล้วนมาจาก 2 ชนิดหลัก ๆ ได้แก่ เส้นใยธรรมชาติ
(Natural Fibers) และ เส้นใยสังเคราะห์ (Synthetic Fibers) ซึ่งในแต่ละชนิด ก็มีการจำแนกแยกย่อยลงไปอีก ไม่ว่าจะเป็นเส้นใยจากฝ้าย / เยื้อไผ่ / ลินิน / ขนแกะ และอื่น ๆ แต่จะให้เลือกซื้อเสื้อผ้าสักตัวหนึ่ง คำถามที่ทุกท่านอาจต้องคิดเพิ่มอีกสักหน่อย หลังจากรู้จักวัสดุที่นำมาผลิตแล้วก็คือ ซื้อแบบไหนดีกว่ากัน ระหว่างเส้นใยธรรมชาติ และเส้นใยสังเคราะห์ เพราะทั้งคู่มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน วันนี้ MenDetails จะมาแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกันครับเส้นใยธรรมชาติ หรือ Natural Fibers
ถือเป็นวัสดุที่อยู่คู่กับโลกใบนี้มาช้านานครับ มนุษย์ในยุคโบราณ เริ่มต้นจากการล่าสัตว์ และถลกหนังมาทำเป็นเครื่องนุ่มห่ม ไม่ว่าจะเป็นหนังแกะ ขนกระรอก และอื่น ๆ อีกมากมาย ก่อนที่มนุษย์จะเริ่มนำฝ้ายมาปั่นเป็นเส้นด้าย แล้วทอจนกลายเป็นผืน แล้วจึงนำมาตัดเป็นชิ้น ๆ เพื่อใช้สวมใส่ในเวลาต่อมา ซึ่งโดยความเป็นจริงแล้วนั้น วัสดุทางธรรมชาติยังมีอีกมากมาย อย่างเช่นผ้าไหม หรือ Silk ซึ่งถือเป็นของมีค่า ราคาแพงมาก ๆ เมื่อเทียบกับวัสดุอื่น ๆ ในประเภทเส้นใยธรรมชาติเหมือน ๆ กัน
ข้อดีของ เส้นใยธรรมชาติ
ข้อดีของเส้นใยธรรมชาตินั้น มีมากอยู่พอสมควรครับ ซึ่งโดยหลักแล้วนั้น เส้นใยธรรมชาติ จะสวมใส่ง่าย ไม่ระคายเคืองผิว และได้คุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมจากธรรมชาติแท้ ๆ ยกตัวอย่างเช่น ผ้าลินิน จะมีความโปร่งสบาย ระบายอากาศได้ดี ยิ่งใส่ยิ่งนุ่ม และมีเอกลักษณ์คือรอยยับที่ชัดเจนเป็นต้น หรือวัสดุ Base Layer ที่ดีที่สุดจากเส้นใยธรรมชาติ ก็ต้องยกให้ Merino Wool นั่นเอง นอกจากนี้แล้ว เสื้อผ้าที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ จะฟอร์มรูปร่างให้เข้ากับร่างกายเราได้ดีกว่าวัสดุอื่น เช่นเสื้อ Jacket ที่ผลิตจากผ้าขนสัตว์ หากเราใส่ได้สัก 1-2 ปี ตัวเสื้อจะยืด ขยาย และโอบร่างกายเราได้ดีมากกว่าแรกเริ่ม
ปัญหาของตัววัสดุที่ผลิต ณ ปัจจุบัน
ปัญหาของ เส้นใยธรรมชาติ ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือ กระบวนการใส่การปลูกและผลิตครับ เนื่องจากการปลูกพืช ณ ปัจจุบันนั้น มีการใส่สารเคมีต่าง ๆ มากมาย เพื่อเร่งผลผลิตให้ได้มากขึ้น รวมไปถึงกระบวนการทอผ้า การฟอก และการย้อมเส้นใยธรรมชาติ อาจต้องผ่านสารเคมีบางอย่าง จนเกิดสารเคมีตกค้างอยู่บนเสื้อผ้านั่นเอง นอกจากจะไม่เป็นมิตรกับโลกใบนี้แล้ว ยังอาจทำให้รู้สึกระคายเคืองอีกด้วย นอกจากนั้นแล้ว วัสดุทางธรรมชาติยังแข็งแรงทนทานน้อยกว่า ต้องการการดูแลรักษาที่เหมาะสม และท้ายสุด หากวัสดุที่นำผลิตนั้นเป็น Pure Natural Material จริง ๆ จะมีราคาแพงมากครับ
เส้นใยสังเคราะห์ หรือ Synthetic Fibers
เส้นใยสังเคราะห์นั้น ถูกผลิตและคิดค้นขึ้นจากการที่วัสดุธรรมชาติอย่าง ผ้าไหม นั้น มีราคาแพง จึงเกิดวัสดุทดแทนอย่าง Rayon และ Cellulose Acetate ขึ้น ผลิตเป็นผืนผ้าออกวางขาย แต่การก้าวเข้าสู่วัสดุสังเคราะห์อย่างเต็มรูปแบบ เกิดขึ้นในช่วงปีคริศตวรรษ 1930 กับวัสดุที่เรายังคงได้ยินคุ้นหูนาม Nylon วัสดุที่มาทนแทนใยไหม แต่มีความแข็งแรงมากกว่า แถมยังเป็นวัสดุหลักสำหรับการทำร่ม Parachutes ในกองทัพทหารอีกด้วย
ข้อดีของเส้นใยสังเคราะห์
เนื่องจากเป็นวัสดุที่ผลิตจาก Petrochemical ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งจากกระบวนการการกลั่นน้ำดิบ ทำให้เราสามารถควบคุมความแข็งแรง ความบาง และพันธะในโมเลกุลได้เป็นอย่างดี วัสดุสังเคราะห์จึงเกิดการปรุงแต่ง เพื่อให้ได้คุณสมบัติตามต้องการ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการวัสดุที่ยืดหยุ่นสักหน่อย ก็เลือกผสมสารบางชนิดในระหว่างการผลิต ก็จะได้ Spandex ออกสู่ตลาด หรือแม้แต่วัสดุที่กันน้ำ กันลมได้ดี ล้วนมาจากวัสดุสังเคราะห์ทั้งสิ้น
ปัญหาของวัสดุที่ผลิตจาก Petrochemical
ขึ้นชื่อว่าวัสดุสังเคราะห์ ย่อมเกิดจากการสังเคราะห์ทางเคมีเป็นหลัก และมักมีส่วนผสมต่าง ๆ ทางเคมีที่มากกว่าวัสดุทางธรรมชาติมากพอสมควร อีกทั้ง วัสดุสังเคราะห์จะไม่ฟอร์มตัวเองเข้ากับรูปร่างของเรา ดังจะเห็นได้จากกางเกง หรือเสื้อที่ผลิตจากใยสังเคราะห์ มักไม่แสดงอายุการใช้งานที่ชัดเจน และหากเจอกันสภาวะความเสื่อมของตัววัสดุ ตัวเสื้อผ้าจะสลายแบบชัดเจน และถึงแม้ว่าวัสดุใยสังเคราะห์ในช่วงหลังนี้จะสามารถนำมา Reusable ได้ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดที่จะนำมาใช้ใหม่ได้นั่นเอง
เลือกอะไรดีระหว่าง เส้นใยธรรมชาติ กับ เส้นใยสังเคราะห์
ถือเป็นปัญหาโลกแตกสักเล็กน้อยนะครับ เนื่องจากวัสดุทั้ง 2 นั้น มีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่ยอดเยี่ยม เราจึงขอแนะนำเกี่ยวกับการเลือกซื้อตามลักษณะการใช้งานน่าจะดีที่สุด แต่โปรดจำไว้เสมอครับว่า วัสดุทั้ง 2 อย่างนี้ สามารถใช้ทดแทนกันได้อยู่ดี
- เสื้อผ้าสำหรับออกกำลังกาย |เนื่องจากกิจกรรมดังกล่าว มักมีเหงื่อจำนวนมาก เส้นใยสังเคราะห์จึงได้เปรียบในแง่การระบายอากาศ การทอเป็นผืนที่สามารถทอให้โปร่งได้ดีกว่า แถมเลือกตำแหน่งการรัดรูปของกล้ามเนื้อได้อีกด้วย
- ชุดสูท | เนื่องจากการตัดสูทนั้น ไม่ได้ตัดกันบ่อย ๆ ครับ เราจึงแนะนำตัดด้วยเส้นใยธรรมชาติ ที่สามารถฟอร์มเข้ากับร่างกายเราได้ดีกว่า ให้คุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมทางกายภาพ และยิ่งใส่ยิ่งดูดี
- เสื้อผ้าที่ใช้งานในชีวิตประจำวัน | Cotton และ Linen ยังคงเป็นวัสดุที่เราชื่นชอบเป็นอันดับแรก ๆ ครับ เนื่องด้วยผิวสัมผัสที่นุ่ม ละเอียดกว่า สวมใส่ง่ายกว่า และไม่มีความมันวาว
- เสื้อผ้า Outdoor | แนะนำเป็นเสื้อผ้าที่เสริมเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามา เช่น เทคโนโลยีกันแดด หรือ การกักเก็บความร้อน รวมไปถึง การทอที่สามารถกันน้ำ กันลมได้ดี ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ มักมาในเสื้อผ้าที่ผลิตจากเส้นใยสังเคราะห์นั่นเอง
- ชั้นในชาย | สำหรับเสื้อชั้นในแล้ว สามารถใช้ได้ทั้ง 2 แบบ ไม่ว่าจะเป็นเส้นใยธรรมชาติก็ดี หรือ เส้นใยสังเคราะห์ก็ได้ อยู่ที่ความต้องการของผู้สวมใส่ครับ หากต้องการความนุ่มละเอียด ใส่สบาย แนะนำเป็นเส้นใยธรรมชาติ หากต้องการความกระชับและระบายอากาศได้ดี ใยสังเคราะห์เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยครับ
ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ อีก ที่เราไม่ได้กล่าวถึง แต่โดยรวมแล้ว เส้นใยธรรมชาติ และ เส้นใยสังเคราะห์ นั้น มีข้อดีและข้อเสียที่เฉพาะตัวมากทีเดียว สิ่งที่อยากจะเน้นย้ำมากกว่าก็คือ คุณควรเลือกซื้อเส้นใยธรรมชาติที่ Organic และรักษ์โลก ส่วนเส้นใยสังเคราะห์ เราอยากให้ทุกท่านดูป้ายของสินค้าเป็นหลักว่า วัสดุที่นำมาใช้ ผ่านมาตราฐานอย่าง Bluesign® หรือมาตราฐานอื่นหรือไม่ เพื่อที่ว่าวันหนึ่ง เสื้อผ้าของเราจะได้นำกลับมาใช้งานใหม่ได้อีกครั้งนั่นเอง
- cloth
- clothing
- fibers
- natural fibers
- style
- synthetic fibers
- เส้นใย
- เส้นใยธรรมชาติ
- เส้นใยสังเคราะห์
- เสื้อผ้า