ทุกคนก็คงรู้อยู่แล้ว ว่าแดดประเทศไทยนั้นแรงมาก เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังสุด ๆ แถมทำให้เกิดฝ้าและริ้วรอยได้อีกด้วย อีกไม่นานประเทศไทยก็จะเข้าสู่หน้าร้อนแล้ว มาดูวิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้องกันค่ะ ว่าควรทาครีมกันแดดยังไง ปริมาณเท่าไหร่ ถึงจะทำให้มีประสิทธิภาพกันแดดที่ดี ปกป้องผิวเราให้ห่างไกลจากฝ้าและริ้วรอย ไม่เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง
ปริมาณครีมกันแดดที่ควรทา ควรทาเท่าไหร่ ถึงจะทำให้มีประสิทธิภาพ
ครีมกันแดดทาหน้า
ปริมาณมาตรฐานสากลที่ใช้ทาครีมกันแดดบริเวณใบหน้าและลำคอ คือ 2 mg/cm² หรือที่เราอาจจะเคยได้ยินว่า “ควรทาครีมกันแดด 2 ข้อนิ้ว” คำ ๆ นี้สร้างความสับสนให้หลาย ๆ คนมาก ว่าสรุปแล้ว 2 ข้อนิ้วที่ว่าเนี่ย ต้องวัดยังไง มีวิธีการวัดง่าย ๆ คือการชูนิ้วชี้ขึ้นมาค่ะ และบีบครีมตั้งแต่ปลายนิ้วลงมาถึงข้อนิ้วที่ 2 นั่นคือปริมาณ 2 ข้อนิ้วที่ถูกต้อง หรือใครจะบีบแบบ 2 นิ้วก็ได้ โดยบีบครีมกันแดดบนนิ้วชี้และนิ้วนางตั้งแต่ปลายนิ้วจนถึงโคนนิ้ว
การทาแบบนี้จะทำให้ผิวของเราได้รับการปกป้องโดยค่า SFP ที่ระบุอยู่บนตัวสินค้าจริง ๆ ทำให้ผิวของเราไม่ไหม้แดด และทำให้ครีมกันแดดปกป้องผิวของเราได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สำหรับใครที่รู้สึกว่าหนาไป สามารถแบ่งทา 2 ครั้งได้ ให้ครั้งแรกซึมเข้าผิวหนังก่อน และค่อยทาอีกหนึ่งชั้นให้ครบปริมาณ 2 ข้อนิ้วที่บีบออกมา และควรทาครีมกันแดดหลังจากทาครีมบำรุงทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว นอกจากการทาครีมกันแดด 2 ข้อนิ้ว บนผิวหน้าแล้ว ส่วนอื่น ๆ ของร่างกายก็มีปริมาณมาตรฐานที่ควรทาเช่นกัน
ปริมาณครีมกันแดดที่ควรทาบนผิวให้มีประสิทธิภาพ
ถ้าหากทาครีมกันแดดให้ทั่วตัว และมีประสิทธิภาพในการกันแดดที่ดี จากผลงานวิจัยแล้ว มีค่าเฉลี่ยพื้นที่ผิวผู้ใหญ่ = 1.73 ตร.ม. ดังนั้น ควรทาครีมกันแดดปริมาณ 35 กรัม หรือปริมาณ 1 แก้วช็อตให้ทั่วตัว และถ้าใช้หน่วยวัดเป็น FTU หรือ finger tip unit จะได้ประมาณ 17.5 ข้อนิ้ว (2 FTU = 1 กรัม) โดยแบ่งออกเป็น 11 ส่วน บนร่างกายที่ต้องทาครีมกันแดด คือ
- ศีรษะ คอ และใบหน้า
- แขนซ้าย
- แขนขวา
- หลังส่วนบน
- หลังส่วนล่าง
- ลำตัวด้านหน้าส่วนบน
- ลำตัวด้านหน้าส่วนล่าง
- ขาท่อนบนและต้นขาซ้าย
- ขาท่อนบนและต้นขาขวา
- ขาท่อนล่างและเท้าซ้าย
- ขาท่อนล่างและเท้าขวา
โดยแต่ละส่วนนั้น ทาในปริมาณ 1-2 นิ้วเต็ม ๆ (นิ้วชี้และนิ้วกลาง) ปริมาณครีมกันแดดที่ควรทา ก็จะแบ่งเป็น
- ปริมาณครีมกันแดดที่ควรทาบนหน้า ลำคอ - 2 นิ้ว หรือ 1 ช้อนชา
- ปริมาณครีมกันแดดที่ควรทาบนขาทั้งสองข้าง - 6 นิ้ว หรือ 4 ช้อนชา
- ปริมาณครีมกันแดดที่ควรทาบนแขนทั้งสองข้าง - 4 นิ้ว หรือ 2 ช้อนชา
- ปริมาณครีมกันแดดที่ควรทาบนหลังและลำตัว - 4 นิ้ว หรือ 2 ช้อนชา
**ถ้าเป็นครีมกันแดดแบบสเปรย์ ควรฉีดจนกว่าผิวจะเงา
ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะทาครีมกันแดดไม่ถึงปริมาณที่ควรทา อาจจะทำให้ครีมที่เราทาไปทุกวัน ไม่ได้ผลดี และมีประสิทธิภาพในการกันแดดลดลง ไหนจะมลภาวะ ทั้งน้ำ เหงื่อ ที่อาจจะทำให้ครีมกันแดดของเราหลุดไประหว่างวันอีก ซึ่งนั่นก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผล ที่ทำไมทาครีมกันแดดแล้ว แต่ผิวของเรายังดูหมองคล้ำอยู่ และควรทาครีมกันแดดที่ปาก โดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผสม SPF 15 ขึ้นไป
วิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง
- ทาครีมกันแดดก่อนออกแดด 15 - 30 นาที เพราะจะทำให้ครีมกันแดดซึมเข้าผิวของเรา และทำให้มีประสิทธิภาพกันแดดเพิ่มขึ้น
- ควรทากันแดด ทุก 2 ชั่วโมง แต่ถ้าไม่ได้ออกกลางแจ้ง ทำงานอยู่ในออฟฟิศ สามารถทารอบเดียวได้ เพราะมลพิษ เหงื่อ และน้ำ จะทำให้ประสิทธิภาพในการกันแดดลดลง ควรทาซ้ำ
- เลี่ยงแสงแดดช่วง 11:00 - 15:00 เพราะเป็นช่วงที่มีความเข้มของแสงแดดแรงที่สุดในช่วงวัน
- เลือกแบบปกป้องทั้ง UVA, UVB เพราะรังสี UV นั้นทำลายผิวหนังของเรา และสามารถเจาะเข้าไปถึงชั้นหนังแท้ได้ ดังนั้น ต้องเลือกครีมกันแดดที่ปกป้องได้ครบ ถึงจะช่วยปกป้องผิวเราได้ดี
- ใส่หมวกและแว่นกันแดดช่วย ถึงจะทาครีมกันแดด แต่ถ้าต้องไปอยู่ข้างนอก ควรจะใส่หมวก และแว่นกันแดด เพื่อปกป้องดวงตาเรา ไม่ให้เกิดต้อ และใส่หมวกเพื่อปกป้องหนังศีรษะของเราให้พ้นจากแสงแดด เพราะเป็นส่วนที่บอบบาง และเป็นบริเวณที่ทาครีมกันแดดได้ยาก
ครีมกันแดดเป็นแค่ส่วนหนึ่งในการป้องกันรังสี UV ไม่มีครีมกันแดดที่ปกป้องรังสี UV ได้ 100% แต่สิ่งที่เราควรทำคือการหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน ๆ และควรหาอุปกรณ์ป้องกันอื่น ๆ อย่างการใส่เสื้อแขนยาวขายาว การใส่แว่นและหมวก และการทาครีมกันแดดเป็นประจำ จะช่วยลดความรุนแรงของการเกิดความเสียหายจากรังสี UV ในชั้นผิวหนังของเราได้
วิธีเก็บครีมกันแดดที่ถูกต้อง
- ถึงแม้ว่าครีมกันแดด จะช่วยปกป้องผิวของเราให้ปลอดภัยจากการโดนแดด แต่ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถวางไว้ตรงแดดจัด ๆ ได้น้า เพราะอากาศที่ร้อนเกินไป จะทำให้ครีมเสื่อมสภาพได้เร็วขึ้น ไม่ควรเปิดฝาทิ้งไว้ ใช้แล้วควรผิดฝาทันที และก็ไม่ได้หมายความว่าการเอาเข้าตู้เย็น จะช่วยรักษาสภาพของทุกอย่างให้สด ใหม่ เสมอไป เพราะอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสมก็ทำให้ครีมเสื่อมสภาพได้เช่นกัน ควรวางครีมไว้ให้อยู่ในอุหภูมิห้อง หรือวางไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งจะดีที่สุด ครีมกันแดดของเราจะได่ไม่เสื่อมสภาพเร็ว และใช้ได้นาน ๆ
Reference :
Faculty of Medicine Siriraj Hospital, Department of Dermatology, Mahidol University. 2018. "Sunscreen application to the face persists beyond 2 hours in indoor workers: an open-label trial" [Online] เข้าถึงได้จาก : //www.tandfonline.com/doi/abs/10.1080/09546634.2018.1530440?journalCode=ijdt20 สืบค้นเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2565
Prescilia Isedeh, Uli Osterwalder, Henry W Lim. 2013 "Teaspoon rule revisited: proper amount of sunscreen application" [Online] เข้าถึงได้จาก : //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/23281699/ สืบค้นเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2565
LISA BAIN. 2020. "Every Little Thing You Need to Know About How to Apply Sunscreen Correctly" [Online] เข้าถึงได้จาก : //www.goodhousekeeping.com/beauty/anti-aging/a30933790/how-to-apply-sunscreen/ สืบค้นเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2565
Harvard Health Publishing. 2005. "How to apply sunscreen for maximum protection" [Online] เข้าถึงได้จาก : //www.health.harvard.edu/skin-and-hair/how-to-apply-sunscreen-for-maximum-protection สืบค้นเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2565