การลงทุนถือว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความมั่งคั่งขึ้นได้ในระยะเวลาตามแต่ว่าได้มีการวางแผนกันเอาไว้ อย่างไรก็ตามปัจจัยสำคัญของการลงทุนอยู่ที่การศึกษารายละเอียด วิธีการ ผลได้ผลเสียต่อการลงทุนอย่างถ้วนถี่ เพื่อที่ผู้ลงทุนเองจะได้มีโอกาสประสบความสำเร็จมากที่สุด ซึ่งการลงทุนก็มีอยู่ด้วยกันหลากหลายประเภทขึ้นอยู่กับความถนัดของนักลงทุนแต่ละคน มาดูรูปแบบการลงทุนประเภทต่างๆ ที่น่าสนใจว่ามีอะไรกันบ้างเผื่อจะมีโอกาสเป็นเศรษฐีน้อยๆ กับเขาดู
การลงทุนในแบบต่างๆ
- การฝากเงินกับธนาคาร – ถือว่าเป็นวิธีพื้นฐานในการลงทุนที่ถูกสอนกันมาตั้งแต่เด็กๆ เลยก็ว่าได้สำหรับวิธีการนี้ หลักการก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการนำเงินที่เหลือจากการใช้ไปฝากไว้กับธนาคารเพื่อรอได้รับผลตอบแทนอย่างดอกเบี้ย ไม่ว่าจะเป็นธนาคารเอกชนหรือรัฐบาลก็สามารถฝากได้ด้วยกันทั้งสิ้น ความเสี่ยงต่ำ สามารถเลือกรูปแบบการฝากได้ อาทิ ฝากประจำ, ฝากแบบออมทรัพย์, แบบสะสมทรัพย์
- ฝากเงินกับสถาบันการเงินอื่นๆ – คือการฝากเงินกับบริษัทการเงินอื่นๆ ที่ไม่ใช่ธนาคาร เช่น บริษัทเงินทุน, บริษัท เครดิตฟองซิเอร์ ทรัสต์ แต่รูปแบบของ 2 สถาบันการเงินนี้ก็จะแตกต่างกันออกไป ประเด็นสำคัญอยู่ที่ได้ผลตอบแทนสูงกว่าธนาคารทว่าด้วยการมองของผู้ลงทุนว่ามีความมั่นคงไม่เท่าเลยทำให้คนยังคงนิยมใช้บริการธนาคารมากกว่า
- การซื้อสลากออมสิน – เป็นการลงทุนสำหรับคนที่ต้องการเสี่ยงโชคผสมกันไปด้วย โดยผู้ที่ลงทุนสามารถเลือกซื้อสลากออกสินกับธนาคารออมสินด้วยมูลค่าเท่าไหร่ก็ได้ โดยโอกาสที่จะได้โชคมี 2 แบบ คือ การจับรางวัลพิเศษ และเมื่อครบกำหนด 3 ปี จะได้เงินคืนพร้อมดอกเบี้ย
- การซื้อพันธบัตรรัฐบาล – ค่อนข้างเป็นวิธีการลงทุนที่มั่นคง ผลตอบแทนแน่นอน ไม่ต้องเสียภาษี ความเสี่ยงน้อย พันธบัตรรัฐบาลคือตราสารที่รัฐบาลได้ออกมาเพื่อค้ำประกัน มีหลายรูปแบบ มีการกำหนดเวลาไถ่ถอนคืนกับผู้ลงทุน สามารถเรียกเงินคืนหรือรอครบกำหนดก็ได้
- การทำประกันชีวิต – เป็นการลงทุนที่ค่อนข้างได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราะมันไม่ใช่แค่การลงทุนเพื่อตัวเอง ผลประโยชน์สามารถต่อยอดให้กับคนที่อยู่ข้างหลังได้อีกด้วย
- การซื้อหุ้น – นี่เป็นวิธีลงทุนคลาสสิกที่หลายคนนิยมใช้ อย่างไรก็ตามการเล่นหุ้นเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณากันอย่างละเอียดถี่ถ้วน มีอยู่ด้วยกันหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับคนที่เลือกเล่น แต่เหนือสิ่งอื่นใดการเล่นหุ้นสติเป็นสิ่งสำคัญตามมาด้วยอย่าโลภมากจนเกินงาม
วิธีการเหล่านี้คือการลงทุนที่ทุกคนสามารถเลือกเอาไปปรับใช้กับตัวเองได้เพื่อที่ว่าเงินเก็บจะสามารถงอกเงยขึ้นจากเดิมหรือว่าเงินที่คิดเอาไว้เพื่อสร้างอนาคตก็สามารถเพิ่มจำนวนขึ้นได้อีกหากลงทุนอย่างถูกต้องและเหมาะสม
ในปัจจุบันการลงทุนในหุ้นเรียกได้ว่าเป็นที่นิยม และเป็นเรื่องใกล้ตัวมากขึ้น เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าผลตอบแทนที่เกิดจากสินทรัพย์อื่นๆ เช่น เงินฝาก สลากออมสิน หรือพันธบัตรรัฐบาล อยู่ในระดับที่ไม่สูงนัก หรืออยู่ในระดับที่ต่ำกว่าการคาดหวัง แม้ว่าตลาดหุ้นจะเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจ แต่ว่าเราจะเลือกลงทุนแบบไหนที่เหมาะกับตนเอง และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
เมื่อลงทุนในตลาดหุ้น จะมองแค่ด้านผลตอบแทนด้านเดียวไม่ได้ ต้องมองความเสี่ยงด้วย โดยเฉพาะนักลงทุนมือใหม่ควรรู้จักตนเอง Life Style เราเป็นแบบไหน รับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน
เมื่อ Life Style แตกต่าง การลงทุนที่เหมาะสมกับแต่ละคนก็ย่อมแตกต่างกันไป หากอยากเริ่มต้น และประสบความสำเร็จในการลงทุน ก็ควรมีแผนการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเรา และสอดคล้องกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ สำหรับมือใหม่ที่อยากลงทุนในหุ้น อาจลองเริ่มต้นศึกษา 2 รูปแบบการลงทุน ดังนี้
1. แผนการลงทุนระยะยาว (Long Term Investment) 5 ปีขึ้นไป
การลงทุนระยะยาวก็เหมือนกันการวิ่งมาราธอน เป็นการค่อยๆ สร้างความมั่งคั่งอย่างมั่นคง การลงทุนแบบนี้มีความผันผวนของตลาดที่ต่ำ โดยลักษณะการลงทุนระยะยาวนั้น นักลงทุนมักกำหนดวัตถุประสงค์ไว้ว่าเมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่ง จะต้องการมีเงินจำนวนเท่าใด เช่น ลงทุนเพื่อเกษียณในอีก 20 ปีข้างหน้า และต้องการมีเงินจำนวน XXX บาท หรือ อีก 10 ปีข้างหน้าต้องการมีเงินเก็บจำนวน YYY บาท เป็นต้น กล่าวคือเป็นการปล่อยให้เงินทำงาน เพื่อสร้าง Passive Income
การลงทุนระยะยาวควรเลือกลงทุนใน
- หุ้นที่เป็นกิจการขนาดใหญ่ ผลการดำเนินงานที่ดี และฐานะทางการเงินที่มั่นคง โดยเฉพาะเมื่อพ้นวิกฤตต่างๆ แล้ว เม็ดเงินลงทุนมักจะกลับมาในหุ้นใหญ่ๆ เหล่านี้ เช่น หุ้นกลุ่ม SET50 ในกลุ่มอุตสาหกรรม (Sector) ใหญ่ๆ เช่น กลุ่มพลังงาน ธนาคาร สื่อสาร ค้าปลีก ขนส่ง เป็นต้น
- หุ้นเติบโต โดยต้องมีผลการดำเนินงานโดดเด่น มีแนวโน้มเติบโตที่ดี
- หุ้นปันผล ก็เป็นกลยุทธ์ชั้นดีในการลงทุนเช่นกัน ควรเป็นบริษัทที่มีนโยบายการจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 30-50% มีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) มากกว่า 5% ต่อปี
หุ้นทั้งสามกลุ่มนี้เหมาะที่จะลงทุนแบบระยะยาว หากคาดการณ์ว่า สภาวะการลงทุนยังไม่แน่นอน ก็ควรทยอยลงทุนแบบทยอยซื้อเพื่อช่วยกระจายความเสี่ยง
ดังนั้น การลงทุนระยะยาว ยิ่งลงทุนได้นานมากเท่าไหร่โอกาสขาดทุนจะยิ่งน้อยลง และเพิ่มโอกาสทำให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงขึ้น [อ่านบทความ : สร้าง Passive Inocome ได้ด้วยหุ้นมั่นคง โคย บล. Zcom คลิก]
2. แผนการลงทุนระยะสั้น ไม่เกิน 3 ปี
การลงทุนระยะสั้น ถือเป็นการลงทุนที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนมากพอสมควร โดยมีการซื้อ - ขายบ่อย ทำกำไรระยะสั้น และต้องเป็นนักลงทุนที่ตัดสินใจเด็ดขาด สามารถยอมรับความเสี่ยงได้สูง มีจุด Stop loss ที่แน่นอนหากราคาไม่เป็นตามคาด สำหรับการลงทุนระยะสั้นนั้นอาจเน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็ก เพราะมีโอกาสเติบโตสูง สามารถปรับตัวในวิกฤตต่างๆ ได้เร็ว และง่าย แต่อาจจะจำเป็นต้องใช้ Market Timing (กลยุทธ์การจับจังหวะ) ร่วมด้วยเพื่อดูปัจจัยระยะสั้น และหาจังหวะขายเพื่อทำกำไรเป็นระยะ
ทั้งนี้ การลงทุนในระยะสั้นนั้นเงินที่ลงทุนไม่ควรกระทบกับสถานะทางการเงิน และการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
กลยุทธ์การลงทุนในหุ้น
กลยุทธ์การลงทุนในหุ้น จะมีอยู่ 2 แบบหลักๆ คือ Market Timing และ DCA ส่วนเรื่องที่ว่าแบบไหนจะเหมาะกับเรา ลองศึกษาจากบทความนี้
Market Timing หรือบางครั้งอาจเรียกว่า Lump sum คือเป็นการลงทุนแบบเงินก้อน โดยประเมิน และคาดการณ์ทิศทางตลาด ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน และปัจจัยทางเทคนิค รวมถึงวิเคราะห์เศรษฐกิจประกอบกัน เพื่อหาจังหวะซื้อ-ขาย แล้วตัดสินใจลงทุน เพื่อให้สามารถเข้าซื้อหุ้น ณ ราคาที่เหมาะสมได้
Market Timimg เหมาะกับใคร ?
- นักลงทุนที่วิเคราะห์ภาวะเศรษฐกิจได้แม่นยำ
- นักลงทุนที่มีความรู้ด้านการวิเคราะห์ทางเทคนิค
- นักลงทุนที่มีเงินก้อน และกำลังรอจังหวะเวลาการลงทุนที่เหมาะสม
DCA (Dollar Cost Averaging) คือการทยอยลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน ด้วยเงินเท่าๆ กันทุกงวด โดยไม่สนใจราคาหุ้น ณ ตอนนั้นว่าสูงหรือต่ำ จึงมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ถึงแม้ว่าจะไม่ได้กำไรสูงสุด แต่ก็ไม่มีทางขาดทุนแบบกู่ไม่กลับ [อ่านบทความ : เริ่มลงทุนในหุ้นด้วยการลงทุนแบบ DCA (Dollar Cost Averaging) กับ บล. Zcom คลิก]
DCA เหมาะกับใคร?
- นักลงทุนที่ไม่มีเวลาในการเฝ้าจอ หรือติดตามข้อมูล
- นักลงทุนที่มีเงินเริ่มต้นลงทุนไม่มาก
- นักลงทุนที่ต้องการสร้างวินัยการลงทุน
ทั้งนี้ ไม่ได้มีวิธีไหนเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่นักลงทุนต้องเลือกกลยุทธ์ให้เหมาะกับตัวเรา เพราะแต่ละวิธีก็มีข้อดี ข้อจำกัด และข้อควรระวังในการลงทุนต่างกันไป
เมื่อเจอการลงทุนที่เหมาะกับตนเองแล้ว แต่เราจะเลือกหุ้นให้ถูกใจ และยังเป็นหุ้นที่ดีด้วย ได้อย่างไร? สามารถศึกษาต่อได้ที่บทความ : How to คัดหุ้นเด่น เลือกหุ้นดีเข้าพอร์ต คลิก
*การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียดก่อนการลงทุน
ที่มา
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย.ลงทุนหุ้น หนทางสู่ความมั่งคั่งอย่างมั่นคง, จาก //bit.ly/3yZ3Xd8
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย.ซื้อหุ้นแล้วรอรับปันผล แบบไม่ต้องลุ้น, จาก //bit.ly/3rcsMQa
ธนาคารไทยพาณิชย์.หุ้นปันผลให้อะไรมากกว่าที่คุณคิด, จาก //bit.ly/3zcg8DI
ธนาคารไทยพาณิชย์.จัดพอร์ตลงทุนระยะสั้น ยาว กลาง อย่างไรให้สำเร็จ, จาก //bit.ly/3kxpeXt
Plearnเพลิน by krungsri GURU.เลือกซื้อหุ้นในเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ, จาก //bit.ly/3kvJhp4
FINNOMENA.เลือกจับจังหวะซื้อแบบ Market Timimg หรือ ทยอยลงทุนแบบ DCA ดี?, จาก //bit.ly/3rhSkeG
Moneywecan.การลงทุนระยะยาว คืออะไร เลือกลงทุนอะไรดีให้ได้ผลตอบแทนสูง ปี 2021, จาก //bit.ly/3eyVIwz