Espresso Machine ยี่ห้อไหนดี

เครื่องชงกาแฟสด เป็นอีกไอเท็มหนึ่งที่คอกาแฟตัวจริงต้องมีไว้ติดบ้าน เพื่อรังสรรค์กาแฟสดกลิ่นหอมแสนอร่อยสำหรับทุกวัน หรือใครที่เป็นเจ้าของร้านกาแฟที่มียอดขายดีหน่อย ก็อาจจะต้องหาเครื่องรุ่นใหญ่ที่มี 2 หัวชงมาใช้งานกันเลยทีเดียว ลูกค้าเยอะหัวเดียวน่าจะทำไม่ทันลูกค้าแน่ ๆ แล้วจะเลือกเครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี แบบไหนดี เราได้รวบรวมความน่าสนใจของแต่ละยี่ห้อ แต่ละแบบมาให้คุณได้เลือก เพื่อตอบโจทย์การใช้งาน ตามมาอ่านกันเลยครับ

  • วิธีการเลือกเครื่องชงกาแฟสด
  • ตารางเปรียบเทียบรีวิว “เครื่องชงกาแฟสด” ยี่ห้อไหนดี
    • 1. Duchess CM3000B
    • 2. Minimex Bella MBL1
    • 3. Verasu BUONO BUO-260617
    • 4. DELONGHI Dedica Style EC685
    • 5. SKG SK-1202
    • 6. STARESSO SP300 UPGRADED
    • 7. Timemore Syphon 2.0
    • 8. ETZEL SN603
    • 9. iMIX 3000W. 1614-215
    • 10. Ascaso Barista T Plus 2G

วิธีการเลือกเครื่องชงกาแฟสด

นอกจากฟีเจอร์และความสามารถแล้ว การเลือกสไตล์การสกัดกาแฟก็เป็นเรื่องสำคัญมาก มาทำความรู้จักกับจุดเด่นของสไตล์การสกัดกาแฟกันดีกว่า

เครื่องชงกาแฟดริป เป็นอีกหนึ่งรูปแบบยอดฮิต เพียงแค่ตักผงกาแฟบด ใส่กระดาษกรองที่วางเตรียมไว้ แล้วค่อยเทน้ำร้อนให้ไหลผ่าน ก็จะได้กาแฟดริปที่ถูกใจ รสชาติเข้มข้น แต่อาจจะต้องใช้เวลาสักนิดสำหรับแบบนี้ ด้วยราคาตัวเครื่องที่ไม่สูงมากก็ทำให้เหมาะสำหรับเอาไว้ใช้ชงเองที่บ้านครับ แต่ถ้าเอาไปเปิดร้านดูเหมือนจะไม่ค่อยนิยม เห็นแต่ร้านกาแฟดริปที่ใช้อุปกรณ์ที่ดูเรโทร น่าจะมีมนต์ขลังมากกว่าครับ

เครื่องชงกาแฟไซฟอน (Syphon) เพิ่มมนต์ขลังในการชงกาแฟให้มากขึ้น ด้วยอุปกรณ์ที่แค่เห็นก็รู้สึกถึงกำลังอยู่ในแล็บวิทยาศาสตร์ แถมยังสามารถหยิบไปวางประดับร้านเก๋ ๆ หรือว่าโชว์เท่ ๆ ในบ้านก็ดูดีอีกด้วย โดยตัวเครื่องจะใช้แรงดันจากไอน้ำ ในการสกัดกาแฟออกมาให้เราได้ลิ้มรส ซึ่งต้องขอบอกก่อนว่า ผู้ใช้อาจจะต้องเรียนรู้วิธีการใช้งานพอสมควร จึงไม่ค่อยแนะนำสำหรับคนทั่วไป

เครื่องชงกาแฟแบบแคปซูล เครื่องชงกาแฟที่สะดวกที่สุด รวดเร็ว มีความหลากหลายของกาแฟมากที่สุด แต่ทว่าแคปซูลค่อนข้างมีราคาแพงหน่อย เหมาะสำหรับใช้ในบ้าน และออฟฟิศเป็นอย่างมาก ลองอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่

เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่ ( Espresso machine ) หรือบางคนอาจจะเรียกว่าเครื่องชงกาแฟสด โดยเราจะต้องเอาผงกาแฟที่ผ่านการบด มาใส่ในกาแฟพ็อดเครื่องเอกเพรสโซ่ (ด้ามจับที่มีช่องสำหรับใส่กาแฟ) ซึ่งมักจะพบเห็นเครื่องแบบนี้ได้ตามร้านกาแฟทั่วไป ถ้าเป็นร้านค้าที่มีลูกค้าจำนวนมากการเลือกซื้อรุ่นที่มี 2 หัว ก็จะเป็นตัวเลือกที่ดี มีความเป็นมืออาชีพ แค่เห็นเครื่องชงก็มั่นใจได้ว่ากาแฟน่าจะอร่อย แต่ราคาก็จะสูงกว่ามาก และควรเลือกยี่ห้อที่มีศูนย์บริการหลังการขายที่ดีด้วย

มีเครื่องแล้วก็อย่าลืมเรียนรู้เทคนิคในการชงกาแฟด้วย เราต้องรู้จักพันธุ์เมล็ดกาแฟ และระดับการคั่ว เพราะจะส่งผลโดยตรงต่อรสชาติกาแฟ นอกจากนี้ก็ยังมีความละเอียดในการบด และแรงดันน้ำของเครื่องชงเข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย อย่าลืมศึกษาเทคนิคเหล่านี้นะครับ

ตารางเปรียบเทียบรีวิว “เครื่องชงกาแฟสด” ยี่ห้อไหนดี

สำหรับใครที่ไม่ค่อยมีเวลาอ่าน อยากดูเครื่องชงกาแฟสดแบบสั้น ๆ วางเรียงเปรียบเทียบ ราคา, ประเภท หรือสไตล์การสกัดกาแฟ, แรงดันน้ำ, ความจุถังน้ำ, กำลังไฟฟ้า และอื่น ๆ เพื่อช่วยให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น แนะนำให้กดเข้าไปที่ปุ่มสีแดงด้านล่างได้เลย หรือถ้าอยากอ่านแบบเต็ม ๆ ก็เลื่อนผ่านปุ่มสีแดง ไปดูรีวิวสินค้าต่อเลยครับ

1. Duchess CM3000B

ราคาโดยประมาณ 1,750 บาท

Duchess คือแบรนด์ซึ่งผลิตเครื่องชงกาแฟสัญชาติไทย ที่ได้รับการยอมรับในคุณภาพ อย่างเครื่องชงเอสเพรสโซรุ่น CM3000B นี้ ก็เป็นรุ่นที่มียอดขายดีพอสมควรในออนไลน์ ซึ่งหลายคนเลือกใช้เพราะเป็นเครื่องชงมาตรฐาน มีฟังก์ชันการใช้งานไม่ยุ่งยาก ดีไซน์ตัวเครื่องแบบเรียบง่าย วัสดุแข็งแรงทนทาน เป็นเครื่องชง 1 หัว ขนาดกะทัดรัด เหมาะที่จะใช้ในบ้านและออฟฟิศ หรือหากใครเปิดร้านเล็ก ๆ เสิร์ฟกาแฟจำนวนไม่มากต่อวัน ก็สามารถใช้ได้ครับ

เครื่องใช้แรงดันน้ำ 15 บาร์ ชงกาแฟสดได้ดี หรือจะใช้ชงชาก็ได้เช่นเดียวกัน รวมทั้งยังสตีมฟองนมได้ด้วย ใช้งานโดยการกดปุ่มเปิด-ปิด เลือกทำกาแฟหรือฟองนม และมีปุ่มบิดซ้ายขวาเพื่อปล่อยน้ำในการชง ก้านชงกาแฟจะมีฟิลเตอร์สำหรับกาแฟ 1 ช็อต และ 2 ช็อต ซึ่งควรศึกษาวิธีการชงว่าจะต้องใช้น้ำปริมาณเท่าใด เพราะไม่ใช่เครื่องชงอัตโนมัติครับ หากดูโดยรวมแล้วก็ถือว่า ตัวนี้มีฟังก์ชันพื้นฐานมาครบ ใช้งานง่ายและสะดวก อีกทั้งราคาย่อมเยาทำให้ตัดสินใจซื้อได้ไม่ยากเลย

ประเภท เครื่องชงเอสเพรสโซ
แรงดันน้ำ 15 บาร์
ความจุถังน้ำ 1.5 ลิตร
กำลังไฟ 1,050 วัตต์
ขนาด N/A
น้ำหนัก N/A
สี เงิน-ดำ

2. Minimex Bella MBL1

ราคาโดยประมาณ 4,290 บาท

ต้องบอกว่าเป็นรุ่นยอดฮิตของแบรนด์ Minimex สำหรับเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซรุ่น Bella ด้วยดีไซน์เป็นเอกลักษณ์สไตล์ Modern Retro ที่สวยงาม มีความย้อนยุคสะดุดตาแตกต่างจากเครื่องรุ่นอื่น ๆ เรียกว่าเห็นแวบแรกแล้วต้องสนใจแน่นอน รวมทั้งยังออกแบบให้มีสีสันหลากหลายมากถึง 9 สี จะแต่งบ้านสีไหน ก็เลือกแมทช์ได้ตามที่ชอบเลย ตัวเครื่องขนาดเล็กกำลังดี บวกรวมกับดีไซน์แล้วดูน่ารักปุ๊กปิ๊กใช้ได้เลยครับ

ในส่วนของแรงดันน้ำอยู่ที่ 15 บาร์ ตามมาตรฐานทั่วไป เครื่องชงมี 1 หัว และมีก้านสตีมฟองนมมาพร้อม ที่เก๋คือมีเกจบอกอุณหภูมิน้ำร้อนให้ด้วย โดยมีเข็มบอกว่าระหว่างรอนั้นน้ำร้อนไปถึงไหนแล้ว เมื่อพร้อมสำหรับชงกาแฟก็จะขึ้นไฟโชว์เตือนให้รู้ เครื่องชงเป็นแบบแมนนวลที่เราต้องกะระดับน้ำที่ต้องการเอง อยากได้เอสเพรสโซเข้มข้นแบบไหนก็จัดได้ตามที่ชอบครับ สรุปแล้วฟังก์ชันทั่วไปก็ใช้งานง่ายตามปกติ สิ่งที่โดดเด่นก็เห็นจะเป็นเรื่องของดีไซน์นี่ล่ะ ที่เรียกความสนใจให้คนที่รักการแต่งบ้าน หรือชอบของวินเทจ ตัดสินใจเลือกซื้อเจ้าเครื่องรุ่นนี้ครับ

ประเภท เครื่องชงเอสเพรสโซ
แรงดันน้ำ 15 บาร์
ความจุถังน้ำ 1.25 ลิตร
กำลังไฟ 1,100 วัตต์
ขนาด N/A
น้ำหนัก N/A
สี ดำ / แดง / ครีม / เหลือง / ชมพู / ส้ม / มิ้นท์ / ฟ้า / น้ำเงินเข้ม (Night Blue)

3. Verasu BUONO BUO-260617

ราคาโดยประมาณ 3,255 บาท

ใครที่อยากบดกาแฟเอง ชงเอง แต่ไม่อยากใช้หลายเครื่องให้ยุ่งยาก ตัวนี้ตอบโจทย์แน่นอน Verasu Buono Buo-260617 เครื่องชงกาแฟดริปยี่ห้อ Buono ที่ผลิตให้กับแบรนด์เครื่องครัวชื่อดังอย่าง Verasu เรียกว่ามั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพสำหรับทั้งสองแบรนด์ดัง รุ่นนี้นอกจากจะเป็นเครื่องชงกาแฟแล้ว ยังมีเครื่องบดในตัวมาด้วย ครบจบในเครื่องเดียวไม่ต้องยุ่งยากหาเครื่องบดมาเพิ่มอีก ดีไซน์ก็ทันสมัยสวยงาม ดูเท่ด้วยสีดำตัดกับสีแดง และแม้จะมีทั้งเครื่องชงและเครื่องบด แต่ขนาดเครื่องกลับเล็กกะทัดรัด เคลื่อนย้ายได้สะดวกครับ

การบดเมล็ดกาแฟนั้นตัวเฟืองบดเป็นใบมีด สามารถบดได้ 2 แบบคือ หยาบ และ ละเอียด หรือถ้าหากมีกาแฟที่ผ่านการมาบดแล้วก็สามารถใช้ชงได้เลย ไม่จำเป็นต้องนำเมล็ดกาแฟมาบดใหม่ ตัวเครื่องสามารถบดและชงได้ด้วยการกดปุ่มครั้งเดียว เครื่องจะดริปกาแฟให้อัตโนมัติ ชงได้ตั้งแต่ 1-4 แก้ว อยากได้กี่แก้วก็ใส่ระดับน้ำตามที่แนะนำได้เลย การถอดล้างอุปกรณ์ก็สะดวกไม่ยุ่งยาก เรียกว่าวิธีการใช้งานง่ายมาก เหมาะสำหรับใครที่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว และก็อยากดื่มด่ำกับกาแฟชงสดด้วยตัวเองเช่นกันครับ

ประเภท เครื่องชงแบบดริป
แรงดันน้ำ
ความจุถังน้ำ 0.6 ลิตร
กำลังไฟ 900 วัตต์
ขนาด 22.5 x 30 x 33 cm
น้ำหนัก 3.4 kg
สี ดำ-แดง

4. DELONGHI Dedica Style EC685

ราคาโดยประมาณ 11,900 บาท

มาดูแบรนด์ชั้นนำของอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวจากอิตาลี ที่เรียกว่าผลิตเครื่องชงกาแฟขายดีเป็นอันดับหนึ่งของโลกกันบ้าง กับเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ DELONGHI Dedica Style EC 685 ขนาดเครื่องมาแบบกะทัดรัด ดีไซน์โฉบเฉี่ยวมีความเท่และโดดเด่นไม่เหมือนใคร ถึงแม้จะตัวเล็กแต่ถือว่าฟังก์ชันจัดเต็มสำหรับเครื่องชงแบบ 1 หัว มีฟิลเตอร์ซึ่งรองรับได้ทั้งการชงกาแฟบด 1-2 ช็อต และกาแฟ POD (กาแฟบดที่ใส่เยื่อกระดาษใช้กับก้านชง) ใช้ระบบเทอร์โมบล็อคที่ทำความร้อนได้เร็วไม่ต้องรอนาน

ส่วนของการปรับระดับน้ำนั้นมีทั้งแบบอัตโนมัติและแมนนวล โดยสามารถเลือกระดับน้ำได้ 2 ระดับ หรือหากต้องการปรับเองก็แค่กดปุ่มค้างไว้ ก็สามารถกำหนดระดับน้ำที่ต้องการได้เอง เพื่อควบคุมความเข้มของกาแฟตามชอบได้เลย และมีก้านสตีมฟองนมมาให้พร้อม จะชงคาปูชิโนหรือทำลาเต้อาร์ตก็ได้หมด แม้ราคาจะสูงพอสมควร แต่เมื่อดูฟังก์ชันและเสียงรีวิวในอินเทอร์เน็ต ต่างก็พอใจในการใช้งาน ทำให้มั่นใจได้ว่าเป็นเครื่องชงกาแฟคุณภาพ และคุ้มค่าราคาแน่นอนครับ

ประเภท เครื่องชงเอสเพรสโซ
แรงดันน้ำ 15 บาร์
ความจุถังน้ำ 1.1 ลิตร
กำลังไฟ 1,300 วัตต์
ขนาด 15 x 33 x 30 cm
น้ำหนัก 4.2 kg
สี โลหะ / แดง / ขาว / ดำ

5. SKG SK-1202

ราคาโดยประมาณ 2,690 บาท

สำหรับใครที่ไม่ชอบปุ่มกดป๊อกแป๊ก ปุ่มหมุนเกะกะ น่าจะชอบเครื่องชงกาแฟตัวนี้ SKG SK-1202 ที่ออกแบบการใช้งานระบบสัมผัส ทำให้หน้าเครื่องแบนเรียบสวยงาม อาจไม่ใช่เครื่องรุ่นพรีเมียมแต่ก็ดีไซน์ได้สวยหรูน่าใช้ เครื่องเล็กกะทัดรัดเคลื่อนย้ายสะดวก เป็นเครื่องชง 1 หัว พร้อมที่สตีมฟองนม ปุ่มกดเปิด-ปิดและการชงกาแฟเป็นปุ่มทัชสกรีน ยกเว้นตัวปรับระดับของการตีฟองนมที่ออกแบบเป็นปุ่มหมุนไว้ข้างตัวเครื่อง ให้สามารถเลือกปรับแรงดันไอน้ำเพื่อสตีมฟองนมได้ในแบบที่ต้องการ

นอกจากนี้ในส่วนของการปรับระดับน้ำ มีทั้งแบบอัตโนมัติ ที่ให้เลือกระดับน้ำได้ 2 ระดับ หรือถ้าต้องการปรับเองให้ได้ระดับที่ชอบ ก็เลือกใช้แบบแมนนวลได้เลย โดยรวมแล้วเป็นรุ่นที่ไม่มีอะไรหวือหวา ใช้งานได้ตามมาตรฐาน การใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก ฟังก์ชันพื้นฐานมีมาให้ครบ จะใช้ชงกาแฟดื่มที่บ้าน ที่ออฟฟิศ หรือเปิดร้านเล็ก ๆ ก็พอไหว รีวิวก็ดี หลาย ๆ คนบอกว่าคุ้มค่าและพอใจในการใช้งาน ราคาเป็นมิตรแต่คุณสมบัติจัดมาครบแบบนี้ ก็น่าลองหามาใช้ดูสักเครื่องนะครับ

ประเภท เครื่องชงเอสเพรสโซ
แรงดันน้ำ 20 บาร์
ความจุถังน้ำ 1.6 ลิตร
กำลังไฟ 850 วัตต์
ขนาด 23.4 x 27 x 29.2 cm
น้ำหนัก N/A
สี เงิน

6. STARESSO SP300 UPGRADED

ราคาโดยประมาณ 2,690 บาท

ใครที่ชื่นชอบการดื่มด่ำกาแฟแบบ Slow Bar และกำลังมองหาเครื่องชงเอสเพรสโซแบบมือกดที่ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าสักเครื่องล่ะก็ แนะนำ Staresso SP300 รุ่นอัพเกรด ซึ่งต้องบอกว่าเป็นแบรนด์จากประเทศจีน ที่ได้การยอมรับในคุณภาพและมีจำหน่ายในหลายประเทศทั่วโลก แถมมีรางวัลการออกแบบจาก Red Dot Design Award การันตีอีกด้วย เรื่องดีไซน์ไม่ต้องพูดถึง เพราะสวยงามโดดเด่นมาก ๆ เรียกว่าเห็นแล้วมีใจสั่นอยากได้แน่นอน การออกแบบมีกลิ่นอายของอุปกรณ์แคมป์ปิ้ง และด้วยขนาดที่เล็ก พกพาสะดวก จะใช้ที่บ้าน หรือจะพาไปออกแคมป์ด้วยก็เหมาะมากครับ

นอกจากความสวยงามของดีไซน์แล้ว การใช้งานยังถูกใจคนรักกาแฟมาก ๆ เพราะสามารถกดเอสเพรสโซได้ 2 ช็อต ด้วยการใช้แรงกดมือสบาย ๆ ไม่ต้องออกแรงมาก กาแฟที่ได้มีความครีมา หอมละมุน ไม่แพ้เครื่องชงเอสเพรสโซไฟฟ้า แถมรุ่นอัพเกรดนี้มีการปรับวัสดุภายในจากพลาสติกเป็นสแตนเลส ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่นพลาสติกตกค้างด้วย เป็นเครื่องชงที่ได้เสน่ห์ของการชงแบบแฮนด์เมด ซึ่งก็มีบาริสต้าเลือกใช้เจ้าตัวนี้มาเปิดร้านกาแฟแบบ Slow Bar ดูเก๋และได้บรรยากาศมาก ๆ ทั้งยังดึงดูดความสนใจลูกค้าได้ดีทีเดียวครับ

ประเภท เครื่องชงเอสเพรสโซแบบมือกด
แรงดันน้ำ 15 บาร์
ความจุถังน้ำ 0.18 ลิตร (ความจุกระบอกน้ำ)
กำลังไฟ
ขนาด N/A
น้ำหนัก 0.55 kg
สี ดำ

7. Timemore Syphon 2.0

ราคาโดยประมาณ 1,800 บาท

นอกจากเครื่องบดกาแฟมือหมุนแล้ว Timemore ยังมีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการชงกาแฟอีกหลากหลาย รวมไปถึงเครื่องชงกาแฟสุญญากาศ Timemore Syphon 2.0 เป็นเครื่องชง Syphon อีกหนึ่งรูปแบบของการสกัดสารกาแฟที่เราเริ่มเห็นกันบ่อย ๆ ตามร้านกาแฟ Specialty ต่าง ๆ ด้วยวิธีการชงที่คล้ายกับการทดลองวิทยาศาสตร์ ทำให้ดูสวยงามแปลกตา และเพิ่มความน่าสนใจให้กับคนที่ไม่ได้เห็นวิธีการชงแบบนี้บ่อยนัก ซึ่งกาแฟ Syphon นี้สกัดโดยกรรมวิธีการควบแน่น ทำให้ได้สารกาแฟที่มีความใส ไม่มีตะกอน และยังดึงรสชาติกาแฟออกมาได้ดีเยี่ยมอีกด้วย

ซึ่งใครที่สนใจชงกาแฟ Syphon ก็แนะนำสำหรับเครื่องชงรุ่นนี้ ที่สามารถชงได้ง่ายและสะดวก ตัวแก้วทำจาก Borosilicate Glass ที่ทนความร้อนได้สูงถึง 180 องศา ก้านจับออกแบบให้มีความห่างจากโถกาแฟ เพื่อป้องกันความร้อนขณะเทกาแฟ มียางกันรอยและกันลื่นที่ได้สิทธิบัตรของ Timemore ด้วย ต้องบอกว่ากาแฟ Syphon ค่อนข้างมีการชงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ต้องใช้ความละเมียดละไม และฝีมือของบาริสต้ามากพอสมควร จึงจะดึงรสชาติกาแฟออกมาได้อย่างเต็มที่ ใครที่สนใจอยากลองเทคนิคใหม่ ๆ จัดเครื่องนี้ไปสักตัวก็ถือว่าคุ้มค่าครับ

ประเภท เครื่องชงแบบสุญญากาศ (Syphon)
แรงดันน้ำ
ความจุถังน้ำ 0.36 ลิตร (ความจุโถแก้ว)
กำลังไฟ
ขนาด 35.5 x 13 cm
น้ำหนัก 0.55 kg
สี

8. ETZEL SN603

ราคาโดยประมาณ 6,990 บาท

อีกหนึ่งเครื่องชงเอสเพรสโซที่น่าสนใจ ETZEL SN603 เป็นแบรนด์สัญชาติไทยที่ผลิตอุปกรณ์ชงกาแฟ และเครื่องใช้ในครัวค่อนข้างหลากหลายพอสมควร ส่วนของเครื่องรุ่นนี้เป็นเครื่องชง 1 หัว ดีไซน์ตัวเครื่องหน้าตาสวยงาม มีความเท่แบบวินเทจนิด ๆ เหมาะใช้งานทั้งในบ้าน หรือการเปิดร้านเล็ก ๆ ตัวเครื่องผลิตจากวัสดุสแตนเลสคุณภาพดี มีความแข็งแรง ใช้แรงดันน้ำ 20 บาร์ สกัดกาแฟได้หอมและมีครีมาตามแบบมืออาชีพ มีที่สตีมฟองนมและท่อทำน้ำร้อนแยกจากกัน ทำให้ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น

ตัวฟิลเตอร์มี 2 ขนาด คือ 1 และ 2 ช็อต ใช้ระบบ Thermoblock ทำความร้อนได้รวดเร็ว ส่วนของการปรับระดับน้ำ สามารถเลือกได้ว่าจะปรับแบบอัตโนมัติ หรือจะตั้งระดับน้ำเองตามที่ต้องการก็ได้ หน้าเครื่องออกแบบให้มีเกจแสดงแรงดันระหว่างสกัดกาแฟ รวมทั้งจอ LED แสดงเวลาที่ใช้ในการสกัดด้วย รวม ๆ แล้วก็ถือว่าเป็นเครื่องที่ได้มาตรฐาน การรีวิวก็ค่อนข้างดี ส่วนใหญ่พอใจในสินค้าและการใช้งานได้สะดวก ดังนั้นหากใครกำลังตัดสินใจเลือกเครื่องชงดี ๆ สักตัว ไว้ชงกาแฟดื่มเอง หรือเผื่อไว้เปิดกิจการในอนาคต ลองจัดตัวนี้ไปก็ไม่น่าผิดหวังครับ

ประเภท เครื่องชงเอสเพรสโซ
แรงดันน้ำ 20 บาร์
ความจุถังน้ำ 1.7 ลิตร
กำลังไฟ 1,450 วัตต์
ขนาด 28.6 x 23 x 31.5 cm
น้ำหนัก 4.5 kg
สี เงิน

9. iMIX 3000W. 1614-215

ราคาโดยประมาณ 135,000 บาท

แนะนำเครื่องชงกาแฟ 2 หัว สำหรับใครที่อยากเปิดร้านขนาดกลาง-ใหญ่กันบ้าง กับ iMIX 3000W 1614-215 เครื่องชงเอสเพรสโซแบบกึ่งอัตโนมัติ 2 หัวกรุ๊ป ที่มีหน้าตาโฉบเฉี่ยวสวยหรู สีเงินแวววาวสะดุดตา เรียกว่ายกมาตั้งหน้าเคาน์เตอร์แล้ว ไม่ใช่แค่ชงเอสเพรสโซได้ แต่ยังช่วยเพิ่มความดูดีมีสไตล์ได้ด้วยครับ วัสดุหลัก ๆ ของเครื่องล้วนเป็นของคุณภาพสูงนำเข้าจากอิตาลี ใช้หัวกรุ๊ปมาตรฐาน E61 ที่ช่วยให้สกัดสารกาแฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้กาแฟที่ได้มีรสชาติดีและกลิ่นหอมมากขึ้น

ตัวเครื่องออกแบบมาให้ใช้งานได้สะดวก แยกการใช้งาน 2 หัวชง และที่สตีมฟองนม 2 หัว พร้อมท่อน้ำร้อนแยกต่างหาก สามารถเลือกระดับน้ำแบบอัตโนมัติได้ 2 ระดับ หรือจะเลือกระดับเองก็ได้ มีเกจบอกระดับแรงดัน และควบคุมอุณหภูมิด้วยระบบ PID ที่ช่วยให้เราสามารถควบคุมอุณหภูมิของหม้อต้มได้คงที่ตามต้องการ เรียกว่าเป็นเครื่องชง 2 หัวที่ฟังก์ชันการใช้งานครบ ตัวแบรนด์เชื่อถือได้ ราคาก็ไม่สูงจนเกินไป ใครที่สนใจอยากใช้เป็นเครื่องชงกาแฟสำหรับเปิดร้าน ก็น่าลองจัดไปสักเครื่องครับ

ประเภท เครื่องชงเอสเพรสโซ
แรงดันน้ำ N/A
ความจุถังน้ำ 7 ลิตร (ความจุหม้อต้ม)
กำลังไฟ 3,000 วัตต์
ขนาด 58 x 72 x 47 cm
น้ำหนัก 55 kg
สี เงิน

10. Ascaso Barista T Plus 2G

ราคาโดยประมาณ 219,000 บาท

เป็นเครื่องชงเอสเพรสโซ 2 หัวกรุ๊ปที่หลายคนแนะนำ สำหรับรุ่นนี้ Ascaso Barista T Plus 2G แบรนด์เครื่องชงกาแฟเจ้าดังจากประเทศสเปน ซึ่งเครื่องตัวนี้ต้องบอกว่ามีความโดดเด่นมาก ๆ เริ่มตั้งแต่ดีไซน์ภายนอกที่เรียบเท่สวยงาม มีสีให้เลือก ทั้งดำ, ขาว และสีเงิน ตัวด้ามชงยังมีแบบด้ามไม้ดูหรูหราให้เลือกด้วย ส่วนของการใช้งานก็ไม่ต้องพูดถึงครับ รุ่น T Plus ตัวแบรนด์ได้พัฒนาเทคโนโลยีเฉพาะ เรียกว่า T-Technology เพื่อให้สามารถชงกาแฟได้ดีและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นระบบกรองน้ำในตัว เพื่อให้ได้น้ำสะอาดและกาแฟที่รสชาติดีที่สุด การควบคุมอุณหภูมิด้วยระบบ PID ปลอดภัยจากการปนเปื้อนของโลหะ ด้วยการใช้วัสดุสเตนเลสคุณภาพสูง มั่นใจได้ว่ากาแฟทุกแก้วที่ชงนั้นสะอาดปลอดภัยแน่นอน รวมทั้งยังลดการใช้พลังงานลงถึง 50% เมื่อเทียบกับเครื่องทั่ว ๆ ไป เรียกว่าได้กาแฟคุณภาพ แล้วยังได้ช่วยโลกประหยัดพลังงานด้วย ดูคุณสมบัติแล้วรู้สึกคุ้มค่า คุ้มราคา เมื่อเทียบกับการใช้งานระดับมืออาชีพแน่นอน สนใจเปิดร้านกาแฟหรือจะเปลี่ยนเครื่องชงตัวใหม่ ลองดูเครื่องรุ่นนี้ไม่น่าผิดหวังครับ

ประเภท เครื่องชงเอสเพรสโซ
แรงดันน้ำ N/A
ความจุถังน้ำ 8 ลิตร (ความจุหม้อต้ม)
กำลังไฟ 2,000-3,500 วัตต์
ขนาด 70 x 47.5 x 53.5 cm
น้ำหนัก 71 kg
สี ดำ / ขาว / เงิน (inox)

อ่านกันมาถึงตรงนี้คงได้คำตอบสำหรับ เครื่องชงกาแฟสด ยี่ห้อไหนดี แล้วใช่ไหมครับ ก็รวบรวมมาหลายแบบ หลายยี่ห้อให้เลือกกันเลยครับ ก่อนซื้อก็อย่าลืมดูจุดประสงค์การใช้งาน และวิธีการสกัดกาแฟด้วย เครื่องชงกาแฟไซฟอนอาจจะใช้งานยาก หรือหลายขั้นตอน บางทีก็อาจจะไม่ตอบโจทย์ในการใช้งานสำหรับคนทั่วไป ส่วนคอกาแฟสายออฟฟิศ สายรีบร้อนก็น่าจะเหมาะกับเครื่องชงกาแฟแบบแคบซูลมากกว่า สะดวกที่สุด ส่วนใครที่อยากเน้นคุณภาพ หรือเปิดร้านกาแฟเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่และดริปน่าจะเป็นคำตอบที่ดีกว่า แต่ก็ลำบากเวลาทำความสะอาดด้วยถ้าเอามาใช้ภายในบ้าน สุดท้ายแล้วก็ขอให้ได้เครื่องที่ถูกใจ ใช้งานทนทานกันนะครับ

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน อาจารย์ ตจต ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf lmyour แปลภาษา ชขภใ ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมฟรี 2566 ขขขขบบบยข ่ส ศัพท์ทางทหาร military words หนังสือราชการ ตัวอย่าง หยน แปลบาลีเป็นไทย ไทยแปลอังกฤษ ประโยค การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ข้อสอบโอเน็ต ม.3 ออกเรื่องอะไรบ้าง พจนานุกรมศัพท์ทหาร เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด แปลภาษามลายู ยาวี Bahasa Thailand กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมออนไลน์ การ์ดจอมือสอง ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย คะแนน o-net โรงเรียน ค้นหา ประวัติ นามสกุล บทที่ 1 ที่มาและความสําคัญของปัญหา ร. ต จ แบบฝึกหัดเคมี ม.5 พร้อมเฉลย แปลภาษาอาหรับ-ไทย ใบรับรอง กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน PEA Life login Terjemahan บบบย มือปราบผีพันธุ์ซาตาน ภาค2 สรุปการบริหารทรัพยากรมนุษย์ pdf สอบโอเน็ต ม.3 จําเป็นไหม เช็คยอดค่าไฟฟ้า แจ้งไฟฟ้าดับ แปลภาษา มาเลเซีย ไทย แผนที่ทวีปอเมริกาเหนือ ่้แปลภาษา Google Translate กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน ก่อนจะนิ่งก็ต้องกลิ้งมาก่อน เนื้อเพลง ข้อสอบโอเน็ตม.3 มีกี่ข้อ คะแนนโอเน็ต 65 ตม กรุงเทพ มีที่ไหนบ้าง