ข้อใดคือ คำศัพท์ภาษาอังกฤษของคำว่า

URL (หรือ Universal Resource Locator) คือที่อยู่เว็บแบบสมบูรณ์ที่ใช้ค้นหาหน้าเว็บที่เฉพาะเจาะจง ขณะที่โดเมนคือชื่อของเว็บไซต์ URL จะเป็นสิ่งที่นำไปยังหน้าใดหน้าหนึ่งภายในเว็บไซต์ ทุก URL จะประกอบด้วยชื่อโดเมนและองค์ประกอบอื่นๆ ที่จำเป็นในการค้นหาหน้าเว็บหรือเนื้อหาที่เจาะจง

ตัวอย่าง URL ได้แก่
//www.google.com
//en.wikipedia.org/wiki/umami
//www.youtube.com/feed/trending

แม้ว่าชื่อโดเมนจะนำไปยังเว็บไซต์ได้ แต่การซื้อชื่อโดเมนไม่ได้ทำให้คุณมีเว็บไซต์ โดเมนคือชื่อของเว็บไซต์ ส่วน URL คือวิธีค้นหาเว็บไซต์ และเว็บไซต์คือสิ่งที่ผู้คนจะเห็นและโต้ตอบด้วยเมื่อเข้าชม พูดอีกอย่างคือเมื่อซื้อโดเมน คุณได้ซื้อเพียงชื่อของเว็บไซต์ แต่คุณยังต้องสร้างเว็บไซต์ด้วย

ในความหมายแวดวงดิจิทัล เว็บไซต์คือชุดเนื้อหาที่มักจะอยู่ในหน้าหลายๆ หน้า ซึ่งมีการจัดกลุ่มให้อยู่ในโดเมนเดียวกัน ลองนึกถึงร้านค้าโดยให้โดเมนเป็นชื่อร้าน ส่วน URL เป็นที่อยู่ของร้าน และเว็บไซต์เป็นร้านค้าจริงที่มีชั้นวางสินค้าและแคชเชียร์

โชคดีที่การสร้างเว็บไซต์เป็นเรื่องที่ง่ายดาย รวดเร็ว และประหยัดกว่าการสร้างหน้าร้านจริงหรือสำนักงานมาก ปัจจุบันมีบริษัทดีๆ หลายแห่งที่ช่วยให้ทุกคนสร้างเว็บไซต์สวยๆ และดูเป็นมืออาชีพได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง และส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องใช้ความรู้เรื่องการเขียนโค้ดหรือการออกแบบเลย หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างเว็บไซต์ ให้ลองดูโพสต์เกี่ยวกับวิธีเลือกเครื่องมือสร้างเว็บไซต์

คุณต้องมีสิ่งต่อไปนี้เพื่อสร้างเว็บไซต์

  1. ชื่อโดเมน (เช่น yoursite.com)
  2. ผู้รับจดทะเบียนและโฮสต์ของโดเมน (เช่น Google Domains)
  3. เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ด้วยตัวเอง เช่น SquareSpace หรือ Wix หรือนักออกแบบเว็บ
  4. เนื้อหาดิจิทัล เช่น ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และสื่ออื่นๆ ที่ผู้เข้าชมจะเห็นเมื่อมาที่เว็บไซต์ของคุณ

ผู้รับจดทะเบียนโดเมน

ผู้รับจดทะเบียนโดเมนคือบริษัทที่ขายชื่อโดเมนที่ยังไม่มีใครเป็นเจ้าของซึ่งคุณนำมาจดทะเบียนได้ ให้ทำการค้นหาง่ายๆ ในหน้าเว็บของผู้รับจดทะเบียนโดเมนเพื่อดูว่าชื่อโดเมนที่คุณต้องการยังว่างอยู่หรือไม่และมีราคาเท่าไร

โฮสต์ DNS

โฮสต์ DNS คือบริษัทที่จัดการการกำหนดค่าโดเมน (หรือที่เรียกว่าระเบียนทรัพยากร DNS) ซึ่งจะดูแลให้ชื่อโดเมนนำไปยังเว็บไซต์และอีเมลของคุณ โฮสต์ของโดเมนส่วนใหญ่จะให้บริการจดทะเบียนชื่อโดเมนด้วย

การแยกแยะให้ได้ว่า คำนามใดคือคำนามนับได้และคำนามใดคือคำนามที่นับไม่ได้ ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากในภาษาอังกฤษ เนื่องจากคำนามทั้ง 2 กลุ่มนี้มีหลักการใช้คำนำหน้าและคำกิริยาที่แตกต่างกัน

คำนามนับได้

คำนามนับได้ คือ คำนามที่เราสามารถนับและระบุจำนวนได้อย่างชัดเจน สามารถอยู่ได้ทั้งในรูปของเอกพจน์หรือพหูพจน์ หากอยู่ในรูปเอกพจน์ คำนามนับได้เหล่านี้จะใช้ "a" หรือ "an" นำหน้า หากต้องการทราบจำนวนของคำนามนับได้เหล่านี้ จะถามโดยใช้ "How many?" ตามด้วยคำนามนับได้พหูพจน์

เอกพจน์พหูพจน์one dogtwo dogsone horsetwo horsesone mantwo menone ideatwo ideasone shoptwo shops

ตัวอย่างเช่น

  • She has three dogs.
  • I own a house.
  • I would like two books please.
  • How many friends do you have?

คำนามนับไม่ได้

คำนามนับไม่ได้ คือ คำนามที่เราไม่สามารถนับและระบุจำนวนได้อย่างชัดเจน โดยคำนามที่นับไม่ได้เหล่านี้อาจจะเป็นแนวคิด หรือปริมาณ หรือเป็นวัตถุที่มีขนาดเล็กมากจนไม่สามารถนับได้ หรือไม่มีรูปร่างแน่นอนจึงทำให้ไม่สามารถนับได้ (เช่น ของเหลว ผง ก๊าซ เป็นต้น) คำนามนับไม่ได้จะใช้คู่กับคำกิริยาที่อยู่ในรูปเอกพจน์ เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วคำนามนับไม่ได้เหล่านี้จะไม่มีรูปพหูพจน์

ตัวอย่างเช่น

  • tea
  • sugar
  • water
  • air
  • rice
  • knowledge
  • beauty
  • anger
  • fear
  • love
  • money
  • research
  • safety
  • evidence

เราไม่สามารถใช้ a/an นำหน้าคำนามเหล่านี้ได้ หากต้องการระบุปริมาณของคำนามนับไม่ได้ จำเป็นต้องอธิบายเพิ่มด้วยการใช้คำเหล่านี้ เช่น some, a lot of, much, a bit of, a great deal of เป็นต้น หรือใช้คำที่บอกปริมาณอย่างเจาะจง เช่น a cup of, a bag of, 1kg of, 1L of, a handful of, a pinch of, an hour of, a day of หากต้องการทราบปริมาณของคำนามที่นับไม่ได้ จะถามโดยใช้ "How much?"

ตัวอย่างเช่น

  • There has been a lot of research into the causes of this disease.
  • He gave me a great deal of advice before my interview.
  • Can you give me some information about uncountable nouns?
  • He did not have much sugar left.
  • Measure 1 cup of water, 300g of flour, and 1 teaspoon of salt.
  • How much rice do you want?

สิ่งที่ทำให้หลายคนสับสน

คำนามนับได้บางคำ (ในภาษาอื่น) กลับกลายเป็นคำนามนับไม่ได้ในภาษาอังกฤษ หากพบเช่นนี้ จำเป็นต้องใช้กฏการใช้คำนามนับไม่ได้กับคำนามนับได้เหล่านั้น คำนามในกลุ่มนี้ที่พบได้บ่อย คือ
accommodation, advice, baggage, behavior, bread, furniture, information, luggage, news, progress, traffic, travel, trouble, weather, work

ตัวอย่างเช่น

  • I would like to give you some advice.
  • How much bread should I bring?
  • I didn't make much progress today.
  • This looks like a lot of trouble to me.
  • We did an hour of work yesterday.

โปรดระวังการใช้ hair ซึ่งเป็นคำนามนับไม่ได้ในภาษาอังกฤษ โดยทั่วไปแล้วคำนี้จะอยู่ในรูปเอกพจน์ แต่หากกล่าวถึงเส้นผมบางเส้นอย่างเจาะจง สามารถใช้ในรูปพหูพจน์ได้

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน อาจารย์ ตจต ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf lmyour แปลภาษา ชขภใ ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมฟรี 2566 ขขขขบบบยข ่ส ศัพท์ทางทหาร military words หนังสือราชการ ตัวอย่าง หยน แปลบาลีเป็นไทย ไทยแปลอังกฤษ ประโยค การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ข้อสอบโอเน็ต ม.3 ออกเรื่องอะไรบ้าง พจนานุกรมศัพท์ทหาร เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด แปลภาษามลายู ยาวี Bahasa Thailand กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมออนไลน์ การ์ดจอมือสอง ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย คะแนน o-net โรงเรียน ค้นหา ประวัติ นามสกุล บทที่ 1 ที่มาและความสําคัญของปัญหา ร. ต จ แบบฝึกหัดเคมี ม.5 พร้อมเฉลย แปลภาษาอาหรับ-ไทย ใบรับรอง กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน PEA Life login Terjemahan บบบย มือปราบผีพันธุ์ซาตาน ภาค2 สรุปการบริหารทรัพยากรมนุษย์ pdf สอบโอเน็ต ม.3 จําเป็นไหม เช็คยอดค่าไฟฟ้า แจ้งไฟฟ้าดับ แปลภาษา มาเลเซีย ไทย แผนที่ทวีปอเมริกาเหนือ ่้แปลภาษา Google Translate กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน ก่อนจะนิ่งก็ต้องกลิ้งมาก่อน เนื้อเพลง ข้อสอบโอเน็ตม.3 มีกี่ข้อ คะแนนโอเน็ต 65 ตม กรุงเทพ มีที่ไหนบ้าง