สำหรับเหตุผลที่มนุษย์ต้องเรียนรู้นั้น มีดังนี้
1.เศรษฐกิจ การเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศ และรูปแบบการค้านานาชาติ มีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดความต้องการการเรียนรู้ใหม่ๆ
การเปลี่ยนแปลงในลักษณะนี้ ได้เกิดขึ้นในทุกประเทศ ทั้งในประเทศพัฒนาและประเทศกำลังพัฒนา มีผลทำให้มีการสร้างงานใหม่ๆขึ้นมา ซึ่งเป็นงานที่ต้องการทักษะใหม่ๆ ความสามารถใหม่ๆที่ได้จากการเรียนรู้
แม้การใช้ชีวิตในบ้าน ก็ต้องการการเรียนรู้ใหม่ๆเหมือนกัน เพราะแต่ละบ้านจำเป็นจะต้องติดตั้งเครื่องทุ่นแรง เช่น เครื่องซักผ้า เครื่องทำความสะอาด เครื่องตัดหญ้า ฯลฯ ซึ่งเครื่องใช้เหล่านี้ จำเป็นจะต้องดูแลรักษาด้วยตนเองเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย จึงต้องเรียนรู้การซ่อมแซม และการติดตั้ง นอกจากนั้น การเรียนรู้ยังทำให้มีโอกาสการมีงานทำและหารายได้เพิ่มขึ้น
2. การเมือง เป็นความจำเป็นสำหรับพลเมืองทุกคน ที่ต้องเตรียมตัวเพื่อเข้ามีส่วนร่วมทางการเมืองด้วยความรับผิดชอบ ด้วยการเข้าไปจัดการกับปัญหาที่เป็นวิกฤตการณ์ทางการเมือง
ในฐานะที่เป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย พลเมืองควรเรียนรู้ เพื่อเตรียมตัวที่จะกำหนดทิศทาง และย่างก้าวของประเทศ มากกว่าที่จะปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นเพียงประการเดียว
3. สังคม การเปลี่ยนแปลงทางสังคมทำให้เกิดความต้องการที่จะเรียนรู้ใหม่ๆ เพราะแต่ละคนในสังคมจำเป็นจะต้องเพิ่มทัศนคติ ค่านิยม และทักษะ ที่จำเป็นสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และความสัมพัมพันธ์ระหว่างกลุ่มอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนั้น สังคมปัจจุบันยังเพิ่มการแบ่งแยกเป็นกลุ่มมากขึ้น จึงจำเป็นจะต้องหาวิธีการที่ได้จากการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ ที่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการสื่อสารระหว่างกัน เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างกลุ่ม หรือระหว่างชาติ ความไม่เชื่อถือต่อกัน ความรู้สึกเป็นศัตรูต่อกัน ตลอดจนการปฏิเสธซึ่งกันและกัน
4. เทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี การหลั่งไหลเข้ามาอย่างสม่ำเสมอของเทคโนโลยี การเพิ่มสมรรถนะการสื่อสารของโลก และกระบวนการผลิตใหม่ๆ มีผลกระทบต่อคนจำนวนมาก ทั้งที่ทำงานในภาค เกษตรกรรม ช่างฝีมือ ช่างซ่อม ตลอดจนคนงานในภาคเศรษฐกิจอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งล้วนแต่มีผลทำให้ต้องเพิ่มความต้องการที่จะเรียนรู้มากขึ้นทั้งสิ้น
ที่กล่าวมาทั้งหมด คงจะได้คำตอบที่ชัดเจนแล้วว่า ที่มนุษย์ต้องเรียนรู้ ก็เพราะ ระบบเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และเทคโนโลยีเปลี่ยนไปจากเดิม หากมนุษย์ไม่มีการเรียนรู้ จะไม่มีการเปลี่ยนพฤติกรรม จะทำให้ไม่สามารถปรับตัว เปลี่ยนแปลงตนเอง ให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นได้ จนกลายเป็นคนล้าหลัง ไม่สามารถใช้ประประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
วันนี้ทาง ScholarShip.in.th มีเกร็ดความรู้ดีๆ เกี่ยวกับการอ่านมาฝากเพื่อนๆ กันจ้า สำหรับใครที่ไม่ชอบการอ่าน หรือเบื่อการอ่านแล้วล่ะก็ เมื่ออ่านกระทู้นี้เสร็จอาจจะเปลี่ยนใจมาชอบการอ่านมากขึ้นก็ได้ ว่าแล้วเรามาชมรายละเอียดกันดีกว่านะครับ
เราทุกคนล้วนทราบกันดีว่าการอ่านเป็นเรื่องสำคัญ แต่เคยมีใครถามตัวเองหรือไม่ว่า การอ่านนั้นสำคัญอย่างไร ทำไมเราถึงต้องอ่านหนังสือมากมายกันขนาดนี้ วันนี้เราก็เลยนำเหตุผลดีๆ ที่เราควรอ่านหนังสือ มาฝากกันจ้า
สำหรับบทความนี้ผมก็จะพูดถึง 7 เหตุผลที่ทำไมทุกคนต้องอ่านหนังสือกัน จะมีอะไรบ้างเรามาชมกันเลย…
1. มนุษย์เท่านั้นที่อ่านเป็น
มีแต่มนุษย์เท่านั้นที่สามารถอ่านและทำความเข้าใจความหมายเบื้องหลังภาษาได้อย่างลึกซึ้ง ซึ่งทำให้มนุษย์ที่มีมันสมองอันซับซ้อนสามารถวิวัฒนาการมาจนครองโลกอยู่ได้ทุกวันนี้ (รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากขึ้นมั้ยล่ะ -*-)
2. เราอยู่ในยุคแห่งข้อมูลและเทคโนโลยี
ในยุคที่มีข้อมูลกระจายอยู่ทุกหย่อมหญ้า ผู้คนยิ่งต้องมีปัญญาในการเลือกเสพ และปัญญาที่ว่านี้ก็สามารถสั่งสมได้จากการอ่านนั่นเอง เพราะผู้ที่อ่านมากจะมีความรู้รอบ และผู้ที่มีความรู้รอบจะไม่ถูกหลอกล่อด้วยข้อมูลใด ๆ โดยง่าย เรียกง่ายๆ ก็คือ การอ่านช่วยให้เราวิเคราะห์เก่งขึ้นนั่นเอง
3. เราอยู่ในสังคมแห่งการตาม
บ้านเมืองเราเป็นสังคมที่ “ขาดภูมิต้านทานต่อการยุยง” ซึ่งนับว่าเป็นจุดอ่อนหลัก แต่ก็สามารถกลายเป็นจุดแข็งขึ้นมาได้เช่นกัน
เพราะนั่นก็หมายความว่า หากศิลปิน ดารา หรือผู้นำในระดับต่าง ๆ ของบ้านเมืองเรา หันมาอ่านหนังสือและศึกษาหาความรู้กันมาก ๆ ประชาชนทั่วไปก็จะเริ่มหันมาสนใจรักการอ่านได้อย่างรวดเร็วเช่นกันครับ
4. ในหนังสือมีทุกสิ่ง
เมื่อนักข่าวคนหนึ่งสัมภาษณ์ Will Smith นักแสดงชื่อดังว่า เขาอยากจะบอกหรือแนะนำอะไรคนรุ่นหลังบ้าง Smith ตอบสั้น ๆ เพียงคำเดียวว่า “Read”
เพราะปัญหาทั้งหมดในชีวิต ปัญหาในครอบครัว ในองค์กร ในสังคม หรือแม้แต่ปัญหาที่ดูยิ่งใหญ่ระดับชาติ แท้จริงมันเคยถูกบันทึก ตีแผ่ และวิเคราะห์ไว้หมดแล้วเป็นลายลักษณ์อักษรนั่นเอง
5. ผู้ที่ไม่อ่านจะเป็น เหยื่อและทาส ไปตลอดกาล
ชาติมหาอำนาจของโลกในทุกยุคทุกสมัย ไม่ใช่ชาติที่มีประชาชนเยอะที่สุด แต่เป็นชาติที่มีประชาชนผู้เปี่ยมความรู้และมีการศึกษามากที่สุดต่างหาก!!
หากลองศึกษาประวัติศาสตร์ดูให้ดี จะเห็นได้ทันทีว่าชาติที่พ่ายแพ้และตกเป็นเหยื่อของชาติอื่น ก็คือชาติที่ประชาชนมีความรู้มวลรวมน้อยกว่าเสมอ สังคมปลาใหญ่กินปลาเล็กนั่นเอง
6. หากไม่อ่าน สมองจะฝ่อ
ธรรมชาติได้ออกแบบสมองของเราให้สร้างเส้นประสาทเกินมามากมายตอนที่เราอายุยังน้อย ต่อมาเมื่อเราอายุมากขึ้นสมองจึงค่อย ๆ ตัดเส้นประสาทส่วนที่ไม่ได้ใช้ออก
อย่างไรก็ตามผลงานวิจัยมากมายได้ยืนยันแล้วว่า สมองของเรามีความยืดหยุ่นเหมือนพลาสติก หากผู้ใหญ่ทุกคนหมั่นบำรุงรักษาสมองด้วยการอ่านอยู่เสมอ โรคความจำสั้น ความจำเสื่อม สมองฝ่อ หรืออัลไซเมอร์ก็ยากจะถามหาเอานะครับ
7. อำนาจในการสร้างชาติ อยู่ในมือของเรา
ในเมื่อเราทุกคนต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ระบอบที่ถือเอาพลังของประชาชนเป็นใหญ่ ประชาชนก็ควรจะต้องมีการศึกษาที่ดีและมีปัญญามากพอ เพื่อจะได้ “คิดเป็น” “เลือกเป็น” และไม่ถูกครอบงำด้วยความโลภ โกรธ หลง หรือพ่ายแพ้ต่อตัณหาและอวิชชาโดยง่ายนะจ๊ะ
เป็นยังไงกันบ้างครับเพื่อนๆ รู้สึกเรื่องรักหรือชอบการอ่านมากขึ้นรึยัง? การอ่านนั้นสำคัญนะครับไม่ว่าจะอ่านมากหรืออ่านน้อย อย่างน้อยๆ แล้วเราก็ควรอ่านหนังสือให้ได้กันซักวันละหน้านะครับ รับรองว่าความรู้จะเพิ่มพูนแบบไม่รู้ตัวเลยล่ะ สำหรับวันนี้ทาง ScholarShip.in.th ก็ขอลาก่อนนะครับ สวัสดีครับ