Home > เช็กอาการ “ตกขาว” แบบนี้ผิดปกติไหม?!
อาการตกขาวเกิดจากอะไร ตกขาว หรือระดูขาว เป็นของเหลวที่ขับออกจากช่องคลอด เป็นอาการของผู้หญิงที่สามารถเกิดได้ตามปกติ ในสตรีวัยเจริญพันธุ์จะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนแตกต่างกันไปตามรอบประจำเดือน
ซึ่งส่งผลต่อลักษณะของของเหลวที่สร้างมาจากอวัยวะต่างๆ ในระบบสืบพันธ์ โดยตกขาวที่ปกติสามารถสังเกตได้โดย ตกขาวจะไม่มีกลิ่น และไม่คัน แต่ในบางครั้งตกขาวอาจบ่งบอกถึงความผิดปกติได้เช่นกัน ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้าย ซึ่งคุณผู้หญิงไม่ควรมองข้าม ตกขาวผิดปกติอันตรายไหม? โดยปกติแล้ว ลักษณะของตกขาวจะมีสีใสหรือขาวขุ่นเล็กน้อย ไม่มีกลิ่น ซึ่งเราสามารถสังเกตอาการที่บ่งบอกว่าตกขาวผิดปกติ ได้จาก สีของตกขาวบอกอะไร? ตกขาวสีไหนปกติ สีไหนที่บอกว่าเรากำลังมีปัญหา! โรคที่มาพร้อมตกขาวผิดปกติ ตกขาวมาเยอะผิดปกติ อย่ามองข้าม! อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไม่ควรมองข้าม หากมีตกขาวมากผิดปกติ เป็นซ้ำๆ บ่อยๆ อย่านิ่งนอนใจ เพราะอาการดังกล่าว
อาจส่งผลให้ปีกมดลูกเกิดการอักเสบ ท่อนำไข่ตัน เกิดภาวะมีบุตรยาก เพิ่มความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์นอกมดลูกสูงขึ้น หรือมีก้อนฝี หนองในอุ้งเชิงกรานได้ การติดเชื้อ หรือความไม่สมดุลในฮอร์โมนเพศอาจมีผลทำให้ตกขาวผิดปกติได้ ซึ่งการรักษาในผู้ป่วยบางราย หากตรวจพบว่า เกิดจากการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ ก็จะต้องให้มีการให้ยารักษาคู่นอนร่วมด้วย หากสังเกตพบความผิดปกติของตกขาวไม่ว่าจะลักษณะใดก็ตาม ควรมาพบสูตินรีแพทย์ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุและรักษาอย่างถูกต้องต่อไป แชร์บทความ
ซึ่งสีของตกขาวอาจบอกได้ว่าร่างกายของเรากำลังเกิดสิ่งผิดปกติบางอย่าง
ตกขาวมีสีขาวใส ไม่มีกลิ่น เป็นลักษณะทั่วไปของตกขาว
ที่หลั่งออกมาเพื่อหล่อลื่นและให้ความชุ่มชื้นกับช่องคลอด แต่ตกขาวที่ผิดปกติ จะมีสีที่แตกต่างไปจากเดิม มีกลิ่น และมีลักษณะเป็นก้อนหนา
ตกขาวมีสีเขียว สีเขียวอ่อน หรือสีเหลืองปนเขียว ร่วมกับมีอาการคัน และมีกลิ่นคาว แสดงถึงการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด หรือการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์
ตกขาวสีชมพู หรือสีชมพูจางๆ อาจเป็นสัญญาณของการจะมีรอบประจำเดือน หรือเกิดจากการลอกหลุดของเยื่อบุโพรงมดลูก
ซึ่งมักพบหลังคลอด บางครั้งเรียกว่า “น้ำคาวปลา”
เป็นสัญญาณเตือนของการติดเชื้อแบคทีเรีย เกิดการอักเสบที่ช่องคลอดและปากมดลูก ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ โดยมักจะมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น อาการคัน มีกลิ่นแรง หรืออาจมีรอยแดงบริเวณปากช่องคลอด
ตกขาวสีน้ำตาล หรือตกขาวแบบมีเลือดปน ตกขาวสีนี้ส่วนใหญ่มักเกิดจากประจำเดือนที่ตกค้าง แต่ก็อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพอย่างเช่น
การติดเชื้อที่บริเวณปากมดลูก เลือดออกจากการตกไข่ นอกจากนี้ ถ้ามีอาการปวดท้องน้อยร่วมด้วย อาจเกิดจากการฝังตัวของตัวอ่อน บางครั้งเรียกว่า “เลือดล้างหน้า หรือมีการตั้งครรภ์นอกมดลูก
- ไทย
- English
- 中文 (中国)
-
ติดต่อเรา
- @beyondivf
- Facebook Messenger
- โทร +66991090022
- ขอเส้นทาง
- หน้าแรก
- บริการของเรา
- รักษาปัญหามีบุตรยาก
- ปรึกษามีบุตรยาก ฟรี!!
- เด็กหลอดแก้ว IVF
- ทำอิ๊กซี่ ICSI (โอกาสสำเร็จสูง)
- IUI การฉีดเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก
- ฝากไข่
- ตรวจอสุจิ
- ตรวจและฝากครรภ์
- ตรวจและป้องกันมะเร็งปากมดลูก
- ทีมแพทย์
- นายแพทย์พูนศักดิ์ สุชนวณิช (หมอต้น)
- แพทย์หญิงกิตติยา ดีวงกิจ (หมอตาล)
- เคสสำเร็จ
-
- โปรโมชั่น
- อิ๊กซี่ ICSI ราคา
- ฝากไข่ ราคา
- IUI ราคา
- ตรวจอสุจิ ราคา
- ข่าวสารและกิจกรรม
- ข่าวสาร
- กิจกรรม
- รวม VDO Youtube ให้ความรู้
- เกี่ยวกับเรา
อาการก่อนเป็นประจำเดือน (PMS) มีอะไรบ้าง ต่างกับอาการคนตั้งครรภ์อย่างไร
ประจำเดือนถือว่าเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์ทุกคน ซึ่งช่วงก่อนที่ประจำเดือนจะมา บางคนอาจมีอาการปวดท้องน้อย หงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน เราเรียกอาการพวกนี้ว่า PMS (Premenstrual Syndrome)
ซึ่งอาการพวกนี้จะหายไปเองหลังประจำเดือนมา 2-3 วัน แต่ในบางรายอาจจะมีอาการรุนแรงจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ และอาการก่อนเป็นประจำเดือนเกิดจากสาเหตุอะไร มีวิธีการดูแลตัวเองอย่างไรมาดูกัน
สารบัญบทความ
- อาการก่อนเป็นประจำเดือน (Premenstrual Syndrome)
- อาการก่อนเป็นประจำเดือนเกิดจากสาเหตุใด
- ปัจจัยภายใน
- ปัจจัยภายนอก
- อาการก่อนเป็นประจำเดือน มีอะไรบ้าง
- อาการทางด้านอารมณ์และจิตใจ
- อาการทางด้านร่างกาย
- เปรียบเทียบอาการก่อนเป็นประจำเดือนกับการตั้งครรภ์
- อาการก่อนเป็นประจำเดือนขั้นรุนแรง (PMDD)
- วิธีบรรเทาอาการก่อนเป็นประจำเดือน
- คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาการก่อนเป็นประจำเดือน
- ข้อสรุป
อาการก่อนเป็นประจำเดือน (Premenstrual Syndrome)
PMS (Premenstrual Syndrome) คือ อาการผิดปกติที่เกิดขึ้นก่อนมีประจำเดือนประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ โดยสาเหตุของอาการมาจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเพศหญิงในช่วงก่อนมีประจำเดือน ซึ่งอาการ PMS นี้ เป็นตัวการที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของผู้หญิงหลายคนเป็นอย่างมาก เพราะส่งผลทั้งด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิตใจ
อาการก่อนเป็นประจำเดือนเกิดจากสาเหตุใด
สาเหตุ อาการก่อนเป็นประจำเดือน
สาเหตุสำคัญของ PMS เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนในช่วงระหว่างการตกไข่ในแต่ละรอบเดือน และยังมีปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย ได้แก่
ปัจจัยภายใน
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนระหว่างที่ไข่ตกในแต่ละรอบเดือน ซึ่งเป็นช่วงที่ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ โดยอาการ PMS จะหายไปในช่วงที่ไม่มีการตกไข่ เช่น ขณะตั้งครรภ์ หรือเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน
- การเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในสมอง เมื่อระดับฮอร์โมนเซโรโทนิน (Serotonin) ลดต่ำลง จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และมีส่วนกระตุ้นให้เกิดอาการก่อนมีประจำเดือนได้
ปัจจัยภายนอก
- ตนเองหรือคนในครอบครัวมีโรคประจำตัวหรือภาวะผิดปกติทางอารมณ์ เช่น อาการปวดประจำเดือน (Dysmenorrhea) โรคซึมเศร้า (Major Depressive Disorder) ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด (Postpartum depression) ภาวะซึมเศร้าจากการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล (Seasonal Affective Disorder) ภาวะวิตกกังวลทั่วไป (Generalized Anxiety Disorder) โรคจิตเภท (Schizophrenia) และโรคไบโพลาร์ (Bipolar)
- คนในครอบครัวมีประวัติของ PMS
- ได้รับการกระทบกระเทือนทางร่างกายและจิตใจ เช่น การใช้ความรุนแรงในครอบครัว
- พฤติกรรมเสี่ยงบางอย่าง เช่น การใช้สารเสพติด การสูบบุหรี่ การรับประทานอาหารรสจัดและอาหารแปรรูป ความเครียด การไม่ออกกำลังกาย และการพักผ่อนไม่เพียงพอ อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้อาการ PMS รุนแรงขึ้น
อาการก่อนเป็นประจำเดือน มีอะไรบ้าง
อาการก่อนเป็นประจำเดือน
อาการทางด้านอารมณ์และจิตใจ
- มีอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย
- มีความรู้สึกเครียด
- ไม่มีสมาธิ
- รู้สึกเศร้า ร้องไห้กับเรื่องเล็ก ๆ
- มีความวิตกกังวล
- อยากกินอาหารมากกว่าปกติ
- มีความรู้สึกนอนไม่หลับ
อาการทางด้านร่างกาย
เจ็บเต้านม
- ปวดกล้ามเนื้อและข้อต่อ
- ปวดศีรษะ
- ปวดท้อง ท้องอืด
- ท้องผูกหรือท้องเสีย
- น้ำหนักตัวเพิ่ม
- เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย
- มีสิวขึ้น
เปรียบเทียบอาการก่อนเป็นประจำเดือนกับการตั้งครรภ์
ตั้งครรภ์ หรือ อาการก่อนเป็นประจำเดือน
อาการก่อนเป็นประจำเดือนขั้นรุนแรง (PMDD)
PMDD หรือ Premenstrual Dysphoric Disorder คือ อารมณ์ที่ผิดปกติก่อนมีประจำเดือน จะมีอาการรุนแรงมากกว่าปกติ เช่น หงุดหงิด เครียดอย่างรุนแรง ควบคุมอารมณ์ตนไม่ได้ ซึมเศร้าอย่างมาก ร้องไห้บ่อยๆ โมโหร้าย นอนไม่หลับ ไม่มีเรี่ยวแรง ไม่มีสมาธิหรือสมาธิสั้น บวมตามตัว บวมคัดหน้าอกอย่างมาก หรือปวดศีรษะมาก เป็นต้น ซึ่งอาการ PMDD จะพบเพียง 2-10% จากจำนวนหญิงที่มีประจำเดือนทั้งหมด
**หากมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาก่อนอาการจะรุนแรงไปมากกว่านี้
วิธีบรรเทาอาการก่อนเป็นประจำเดือน
วิธีบรรเทา อาการก่อนเป็นประจำเดือน
วิธีที่ช่วยบรรเทาอาการก่อนเป็นประจำเดือนหรือ PMS ในกรณีที่ยังไม่เป็นถึงขั่นรุนแรงนัก การดูแลตัวเองจะช่วยบรรเทาอาการ PMS ได้ ซึ่งวิธีการดูแลตัวเองมีดังนี้
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต โปรตีน แคลเซียมและใยอาหาร เช่น ธัญพืชขัดสีน้อย ผัก และผลไม้ นม และเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน หลีกเลี่ยงอาหารที่มีเกลือ น้ำตาล และไขมันสูง โดยแบ่งรับประทานเป็นมื้อย่อย ๆ ในแต่ละวัน เพื่อลดอาการท้องอืด
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์
- ออกกำลังกายสัปดาห์ 3–5 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที เช่น เดินเร็ว ขี่จักรยาน หรือว่ายน้ำ ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการเหนื่อยล้าและอาการซึมเศร้าได้
- ควรพักผ่อนอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง
- จัดการกับความเครียดอย่างเหมาะสม เช่น การทำสมาธิ การเล่นโยคะ การนวดผ่อนคลาย และการอ่านหนังสือ
- จดบันทึกระยะเวลาและอาการ PMS ที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือน เพื่อเตรียมการรับมือกับอาการที่จะเกิดขึ้น
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาการก่อนเป็นประจำเดือน
ตกขาวสีน้ําตาล ก่อนเป็นประจำเดือน คืออะไร
ตกขาวสีน้ำตาล เกิดจากประจำเดือนที่ตกค้าง ซึ่งไม่มีอันตรายใดๆ แต่ถ้ามีเลือดปนกับตกขาวพร้อมกับมีกลิ่นเหม็น อาจเกิดจากการติดเชื้อบริเวณช่องคลอด
อาการประจําเดือนจะมา แต่ไม่มา เกิดจากอะไร
อาการทั้งหมดอาจเป็นอาการที่เกิดจากสาเหตุอื่นๆในร่างกาย ซึ่งอาจจะไม่ใช่อาการของประจำเดือนจะมา
ข้อสรุป
อาการก่อนเป็นประจำเดือนอาจเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคน ไม่ว่าจะเป็นปวดท้อง หงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน ยังถือว่าปกติ แต่ถ้าหากอยู่ในขั้นที่รุนแรงและส่งผลให้เกิดความเครียดมากๆ หรือประจำเดือนมามากกว่าปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อให้แพทย์ได้ตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุและวางแผนในการรักษาให้ได้อย่างเหมาะสม
ปรึกษาปัญหาผู้มีบุตรยาก วางแผนครอบครัว กับ Beyond IVF ได้ผ่านทางไลน์ @beyondivf
adminnerd2022-10-12T17:54:17+07:00นัดวันปรึกษาแพทย์
© MKC IVF CO., LTD. 2020 All rights reserved.
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณเองได้โดยการคลิกตั้งค่า
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยการเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
ยอมรับทั้งหมดจัดการความเป็นส่วนตัว
ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
รายละเอียดคุกกี้คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาเว็บไซต์ได้
รายละเอียดคุกกี้คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย
คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหาให้เหมาะสมกับความสนใจของคุณ หากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาให้ตรงกับความสนใจของคุณได้
รายละเอียดคุกกี้
เพื่อเก็บความยินยอมของ User
ใช้สำหรับเก็บจำนวนผู้เข้าชมไปยัง Google Analytic
คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย
ใช้สำหรับเก็บข้อมูลไปยัง Facebook Pixel และ Google Ads