ซื้อ mega 6.3 มาเมื่อวันที่ 13 ก.ย.57 ในราคา 13,900 (โรบินสันเชียงใหม่ ซื้อที่ศูนย์ซัมซุงเลย) เครื่องปกติดีทุกอย่าง ค่อนข้างพอใจทุกเรื่อง
แต่ที่มีปัญหาคือ เรื่องแบตค่ะ เราจะปิดมือถือชาร์ททุกคืน ตื่นเช้ามา แบตเต็ม 100% พอเปิดเครื่องทำไมมันลดเหลือ 99% (ระยะเวลาเดียวกันนะคะไม่ได้เว้นช่วง)
พอเห็นว่า มีแค่ 99% เราก็ชาร์ทอีก(โดยที่เปิดเครื่อง) ไฟมันก็เข้านะคะ จนถึง 100%
ไม่แน่ใจ ว่าแบตมีปัญหาหรือเปล่า แต่ก็ใช้ได้ทั้งวัน แบตไม่วูป นะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
ไม่หยิบมันขึ้นมาดูเลยครับ มือถือใหญ่ขนาดนี้ ถือลำบาก เก็บก็ยาก เพราะผมเคยใช้ Galaxy Note 2 แล้วรู้สึกว่ามันหนักมาก โดยเฉพาะการโทรคุยติดๆกันเป็นชั่วโมง… เมื่อยมาก!!
หลังจากนั้นก็มีเพื่อนผมเล่น และสิ่งที่เค้าทำมันทำให้ผมเปลี่ยนความคิดใหม่ทั้งหมด
… เค้าเปิด youtube ครับ แล้วภาพมันชัดสีสดตามสไตล์ซัมซุง เสียงอาจจะไม่ใสเหมือนตัวเรือธงแต่เสียงดังมากครับ
ทีนี้มาดูที่สเป็กกันบ้าง
- CPU Snapdragon 400, 1.7 GHz 2 Core - RAM 1.5 GB - หน้าจอขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด 1280 * 720 (233 PPI) - Internal Storage 16 GB - รองรับ MicroSD สูงสุด 64 GB - กล้อง 8 ล้าน กล้องหน้า 1.9 ล้าน - มี NFC - มี Infrared (สำหรับสั่งงานทีวีและอุปกรณ์) - น้ำหนัก 199 กรัม - android 4.2.2
ในส่วนของ body มีลักษณะคล้าย Galaxy S4 ขยายร่างเลยครับ
ปุ่ม menu, back ตอนที่ยังไม่มีไฟขึ้นมา จะมองไม่เห็นปุ่ม
แต่เมื่อมีไฟสถานะก็จะเห็นปุ่มได้ชัดเจนดีครับ
ด้านล่างจะเป็นช่องเสียบ Micro USB สำหรับชาร์จและต่อเข้าคอม
ด้านขวาจะเป็นปุ่มเปิดปิดอย่างเดียว
ส่วนด้านบนจะมีช่องเสียบหูฟังและอินฟราเรดสำหรับสั่งงานทีวีและอุปกรณ์
ด้านซ้ายเป็นปุ่มปรับเสียง
ตรงฝาหลังที่เห็นเป็นส่วนของลำโพงครับ
ตัวกล้องจะยื่นออกมาจากตัวเครื่อง และมีแฟลช
และด้วยความที่กล้องยื่นออกมาจากเครื่องพอสมควร ทำให้มีโอกาสเป็นรอยขีดข่วนได้ง่าย การใช้จริงควรใส่เคสป้องกันอีกทีครับ
การถือใช้งานก็ถือว่าใหญ่พอสมควร ไม่สามารถใช้งานด้วยมือเดียวได้
ส่วนของ Software เรียกว่าถอดแบบจาก Galaxy S4 มาเกือบหมดเลยก็ได้ว่า เพียงแต่ตัดความสามารถบางอย่างออกไป อย่างเช่น โหมด Drama Shot ในกล้อง
ในส่วนของแถบแจ้งเตือนด้านบนก็แบ่งออกเป็น 2 หมวด คือการแจ้งเตือนปรกติ กับอีกแถบที่รวมการเปิด-ปิดค่าต่างๆไว้ทั้งหมด
นอกจากนี้ในส่วนของการตั้งค่าก็ได้จับแยก แบ่งหมวดหมู่ให้ชัดเจนมากขึ้น
ในส่วนของการตั้งค่าที่น่าสนใจก็มีตามนี้ครับ
เรื่องของ Motions หรือการใช้ท่าทางเพื่อสั่งงานเครื่อง
เช่น คว่ำเครื่องเพื่อปิดเสียง หรือปาดหน้าจอเพื่อจับภาพ
Air view นี่ก็ถือว่าเป็นทีเด็ดอีกตัว เพราะถูกยืมมาจาก Galaxy S4 มันก็คือการสั่งการเครื่องหรือ preview ข้อมูล โดยไม่ต้องแตะหน้าจอ เพียงแค่เอานิ้วลอยอยู่เหนือหน้าจอ
ทดลองใช้งาน Air view บนหน้าเว็บ เมื่อเอานิ้วลอยเหนือข้อความ มันจะทำการขยายข้อความให้ดู
ส่วนต่อมาที่มีมานานแล้วก็คือ Power saving สำหรับประหยัดพลังงาน ยืดอายุให้แบตอยู่นานขึ้น โดยมันจะทำการปิดสิ่งที่ไม่จำเป็น เช่น ลดความเร็ว ลดแสงหน้าจอ
ที่สำคัญ รุ่นนี้สามารถทำ S Beam ส่งข้อมูลหา Galaxy รุ่นอื่นได้ด้วยการเอาเครื่องมาแตะกันด้วยครับ
อีกอย่างที่ผมชอบก็คือ แอนดรอย 4.2.2 เดิมๆมันจะใส่ widgets ในหน้า lock screen ได้ แต่ก็อาจทำให้ไม่สะดวกในการปลดล็อคหน้าจอ
ซัมซุงเลยมีให้เลือกได้ว่าจะเปิดโหมด Multiple widgets หรือเปล่า รวมทั้งสามารถใส่ Shortcuts ได้ด้วย
และสำหรับหลายๆคนที่ต้องการเวลาส่วนตัว แต่ไม่อยากปิดเครื่อง ก็มี blocking mode ให้ใช้งานได้ โดยมันจะทำการปิดการแจ้งเตือน แต่เราก็สามารถเลือกรับสายเฉพาะบางคนได้
และด้วยความที่มันเป็นมือถือจอใหญ่ ใช้มือเดียวไม่สะดวก ก็เลยมีโหมดใช้งานมือเดียวมาให้สำหรับคนที่ต้องการ
ซึ่งโหมดนี้จะทำการลดขนาดแป้นพิมพ์ และสามารถโยกไปซ้ายหรือขวาได้
สำหรับการเล่นเกม ผมลองทดสอบเกม Minion Rush, Fanta shooting, Asphalt 7, Blood and Glory ได้ลื่นสบายๆเลยครับ แต่ในส่วนของ Dungeon Hunter 4 มีหน่วงๆอยู่บ้าง น่าจะเป็นเพราะการใช้หน่วยประมวลผล Andreno 305
ถ้าถามผมว่า ระหว่าง Galaxy Mega 6.3 ซึ่งเคาะราคามาที่ 14,900 บาท กับมือถือจอยักษ์สุดแรงเมื่อปีก่อนอย่าง Galaxy Note 2 ที่ราคาหล่นมาเหลือประมาณ 16,400 บาท ตัวไหนน่าเล่นกว่ากัน ผมเทียบตามนี้ครับ
- Mega 6.3 ขนาด 6.3 นิ้ว ส่วน Note 2 ขนาด 5.5 นิ้ว - Mega 6.3 หนัก 199 g ส่วน Note 2 หนัก 183 g - อัตราส่วนหน้าจอ 1280 * 720 เท่ากัน - ความละเอียดหน้าจอ Mega 6.3, 233 PPI ส่วน Note 2, 267 PPI - CPU Mega 6.3 ใช้ Snapdragon 400 ซึ่งเป็น 2 core 1.7 GHz แต่ Note 2 ใช้ Exynos 4412 เป็น 4 core 1.6 GHz - แบต Mega 6.3 ให้มา 3200 mAh กับ Note 2 ที่ให้มา 3100 mAh
โดยรวมผมเชียร์ Mega 6.3 ครับ เพราะเกิดมาพร้อมกับ android 4.2.2 ซึ่งใหม่กว่าทาง Note 2 และยัดลูกเล่นใหม่ๆที่ถอดแบบมาจาก S4 อย่างเช่นเรื่องกล้อง หรือแม้แต่ air view จะแพ้ก็ตรงไม่มีปากกา แต่ก็ไม่ใช่ว่าแพ้กระจาย เพราะว่าระบบการเขียนแล้วแปลงเป็นข้อความทำได้ดีเหมือน Note 8.0 ส่วนซีพียูก็หันมาใช้ snapdragon ซึ่งเป็นที่ยอมรับของนักพัฒนามากกว่า
แล้วถามว่าจอใหญ่เอาไปทำอะไรได้บ้าง… แน่นอนครับมันอ่านอะไรได้สะดวกทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการดูเว็บ อ่านอีบุ๊ค หรือแม้แต่การแชท เพราะผมทดสอบพิมพ์ด้วย 2 มือ มันช่างพอดีมือมากๆ หรือแม้แต่การเปิด 2 แอพพร้อมกัน
นอกจากนี้แอพต่างๆที่ให้มา ยังช่วยอำนวยความสะดวกให้มากขึ้น เช่น
WatchON สำหรับควบคุมทีวีและอุปกรณ์
Group Play สำหรับแชร์ข้อมูลไปยังเครื่องอื่น และที่มันเจ๋งก็คือเมื่อเราเล่นเพลง เครื่องเพื่อนก็เล่นตาม เมื่อเรากดหยุด เครื่องอื่นก็จะหยุดตาม
และผมคิดว่าในราคาพอๆกับ Note 8.0 มันก็เป็นลูกค้าคนละกลุ่มกัน จะให้เอา Note 8.0 มาถือโทรก็คงไม่เหมาะ แต่ตัว Mega 6.3 มันยังมีความเป็นโทรศัพท์ ที่มีกล้องดีกว่า Note 8.0 และขนาดพกพามากกว่า
ตัวอย่างรูปถ่าย
โดยรวมแล้วการถ่ายรูปในที่แสงเพียงพอ ได้คุณภาพที่ดีมาก แต่สำหรับในที่แสงน้อยก็จะมี noise ตามสไตล์ซัมซุงครับ
สรุป ถ้าถามความเห็นผม… ผมคิดว่าขนาดจอ 6.3 นิ้วของมัน ทำให้ดูหนังได้เต็มตามากๆ และขนาดพอเหมาะกับชีวิตคนแบบผม ที่ต้องเดินทางด้วย แทกซี่, รถไฟฟ้า เพราะมันถือมือเดียวได้ และไม่เกะกะเกินไป
ปัญหาหลักๆสำหรับผมก็คือตัวกล้องที่ยื่นจากตัวเครื่องมากเกินไป มีโอกาสถูกขีดข่วนได้ง่าย ซึ่ง… ซัมซุงเป็นแบบนี้เกือบทุกรุ่น