ทุกคนคงจำได้ว่า ตอนที่เราสมัครเรียนในเทอมแรก มหาวิทยาลัยนั้นมีการแนะนำวิชาที่จะให้เราลงทะเบียนเรียนให้เรียบร้อยเลย เราแทบจะไม่ต้องวางแผนเองเลย แต่พอถึงเทอมต่อๆไป นักศึกษาทุกคนจำเป็นต้องลงทะเบียนเรียนด้วยตัวเองกันแล้ว แต่จะมีวิธียังไง เรามีคำแนะนำมาฝากกัน วิธีนี้ใช้ได้ทั้งนักศึกษา ป.ตรี (ภาคปกติ) และนักศึกษาพรีดีกรี(Pre-degree)
...บทความนี้ค่อนข้างยาว มีหลายองค์ประกอบ ขอให้ค่อยๆอ่าน ทำความเข้าใจไปทีละขั้นตอน เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนที่ 0 เลยนะ...
ลงทะเบียนเรียนได้กี่วิชา…
- นักศึกษารหัส 60, 61, 62, … เป็นต้นไป ภาคเรียนที่ 1 ลงทะเบียนเรียนได้ 9-22 หน่วยกิต ภาคเรียนที่ 2 ลงทะเบียนเรียนได้ 9-22 หน่วยกิต ภาคฤดูร้อน ลงทะเบียนเรียนได้ไม่เกิน 9 หน่วยกิต
- นักศึกษารหัส 55-59 ภาคเรียนที่ 1 ลงทะเบียนเรียนได้ 1-24 หน่วยกิต ภาคเรียนที่ 2 ลงทะเบียนเรียนได้ 1-24 หน่วยกิต ภาคฤดูร้อน ลงทะเบียนเรียนได้ไม่เกิน 12 หน่วยกิต *นักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์(หลักสูตร 5ปี) ลงทะเบียนเรียนได้ไม่เกิน 22หน่วยกิต
ขั้นตอนที่ 0 : เตรียมสิ่งที่ต้องใช้
- [A] : แผนกำหนดการศึกษาชั้นปริญญาตรี หรือ โครงสร้างหลักสูตร หรือ แผนการเรียน เรียกได้เหมือนกัน มันจะบอกว่า เราจะต้องเรียนสะสมหน่วยกิตวิชาใดบ้างจึงจะจบปริญญาตรี ซึ่งเราสามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยตามรหัสของปีหลักสูตร ค้นหาใน Google ก็ได้ด้วยคำว่า “โครงสร้างหลักสูตร ราม” หรือคลิกไปดาวน์โหลดได้ที่ –> ไปหน้าดาวน์โหลด <–
- [B] : ตาราง ม.ร.30 ของภาคเรียนนี้ ตารางเรียนนี้จะบอกว่าในเทอมนี้ มหาวิทยาลัยเปิดสอนวิชาอะไรบ้าง มันจะมีรหัสวิชา ชื่อวิชา อาจารย์ผู้สอน ห้องที่ใช้เรียน เวลาเรียน และที่สำคัญบอกเวลาสอบด้วย ซึ่งมหาวิทยาลัยจะประกาศ ตาราง ม.ร.30 ให้ทราบก่อนถึงกำหนดลงทะเบียนเรียนเป็นประจำทุกภาคการศึกษา 🧾🧾ดูออนไลน์ได้ที่ –> คลิกเล้ยยย <–
- [C] : ข้อมูลการลงทะเบียนเรียนภาคเรียนที่ผ่านมาเพื่อให้วางแผนการลงทะเบียนเรียนได้ถูกต้องและไม่ซ้ำซ้อนกัน เราควรทราบว่าในภาคเรียนที่ผ่านๆ มาเคยลงทะเบียนเรียนวิชาอะไรไปแล้วบ้าง โดยดูได้จาก เช่น ใบเสร็จลงทะเบียนเรียนภาคเรียนที่ผ่านมา, ใบเช็คเกรด ซึ่งสามารถดูได้จากระบบ e-Service
ขั้นตอนที่ 1 : เอา [A] แผนการเรียน มากาง
แผนการเรียนนี้เป็นตัวแนะนำว่าในแต่ละภาคเรียน เราควรจะลงทะเบียนเรียนวิชาใดบ้างตลอดระยะเวลาที่กำหนดไว้ตามหลักสูตร (ภาพตัวอย่างนี้เป็นหลักสูตร 4 ปี จึงมีแผนการเรียน 4 ปี มี 132 หน่วยกิต)
– Freshman Year หมายถึง ชั้นปีที่ 1 – Sophomore Year หมายถึง ชั้นปีที่ 2 – Junior Year หมายถึง ชั้นปีที่ 3 – Senior Year หมายถึง ชั้นปีที่ 3 – First Semester หมายถึง ภาคเรียนที่ 1 ของปีนั้นๆ – Second Semester หมายถึง ภาคเรียนที่ 2 ของปีนั้นๆ – Total for 4 years หมายถึง หน่วยกิตรวมตลอดหลักสูตร 4 ปี
...เอาล่ะ น้องๆนักศึกษาใหม่ที่เพิ่งลงทะเบียนเรียนด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก ลองมองไป[A] แผนการเรียนของตัวเอง ลองมองดูว่าเทอมที่เรากำลังจะลงทะเบียนเรียนนี้ มันแนะนำให้เราลงทะเบียนวิชาอะไรบ้าง นอกจากนี้ให้ดูว่าเทอมที่ผ่านมาเราลงทะเบียนเรียนวิชาอะไรไปแล้วบ้าง(ดูได้จากใบเสร็จ หรือใบเช็คเกรด), วิชาไหนสอบผ่านแล้วก็ไม่ต้องลงซ้ำอีก, วิชาไหนที่รอผลสอบอยู่ก็ไม่ต้องลงทะเบียนเรียนในเทอมนี้, ส่วนวิชาไหนยังไม่เคยลงทะเบียนเรียนเลยและน่าสนใจก็ลองจดวิชานั้น ๆ ใส่กระดาษเอาไว้ ลองเลือกมาสัก 9 - 22 หน่วยกิตนะ สมมติว่า เลือกมาได้ 3 วิชา คือ... ACC1102 (3หน่วยกิต) ECT1101 (3หน่วยกิต) LAW1003 (3หน่วยกิต) ⚠️ แต่เดี๋ยวก่อน...เราจะเอาวิชานี้พวกนี้ไปลงทะเบียนเรียนทันทีไม่ได้นะ เพราะเราจะต้องตรวจสอบก่อนว่า วิชาเหล่านี้เรียนในวัน/เวลาใด และที่สำคัญวิชาเหล่านั้นไม่ควรมีวัน/เวลาสอบเดียวกัน เพราะเราแยกร่างไปสอบ 2 วิชาในเวลาเดียวกันไม่ได้ โดยตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวได้ที่... "ตารางเรียน ม.ร.30"
ขั้นตอนที่ 2 : เอา [B] ตาราง ม.ร.30 มากาง
ภาพต่อไปนี้คือ “ตาราง ม.ร.30 ของภาคเรียนที่ 2/2562” มันจะบอกว่าภาคเรียนนี้มหาวิทยาลัยเปิดสอนวิชาอะไรบ้าง เรียนวันไหน เมื่อไหร่ ห้องไหน ใครสอน และบอกเวลาสอบด้วย ให้เราดาวน์โหลด ตาราง ม.ร.30 ของภาคเรียนที่จะลงทะเบียนเรียนมาดูนะ
อธิบายวิธีดูตาราง ม.ร. 30 (ในกรอบเส้นประสีแดง โดยใช้ตัวอย่างวิชา ACC1102) ดังนี้…
- ตัวหนังสือ สีชมพู หมายถึง (รหัสวิชา)+ (จำนวนหน่วยกิต)
- ตัวหนังสือ สีน้ำตาล หมายถึง (รหัสวิชาเก่า)+(ชื่อกระบวนวิชาภาษาอังกฤษ)
- ตัวหนังสือ สีฟ้า หมายถึง (วันเรียน)(เวลาเรียน) TU=Tuesday (วันอังคาร) เวลา 8.30 – 11.00 น.
- ตัวหนังสือ สีเขียว หมายถึง (อาคารเรียน)+(ห้องเรียน) KTB201 = อาคารคนที ห้อง 201
- ตัวหนังสือ สีดำ หมายถึง (ชื่ออาจารย์ผู้สอน)
- ตัวหนังสือ สีแดง หมายถึง วันเวลาสอบ (วัน)(วันที่)(เดือน)(ปีค.ศ.)(คาบสอบ A/B) ซึ่ง TU 03 MAR. 2020 B อธิบายได้ ดังนี้ TU = Tuesday (วันอังคาร) 03 = วันที่ 3 MAR. = March (มีนาคม) 2020 = ปี ค.ศ.2020 (หรือ พ.ศ.2563) อักษร B หมายถึง คาบเวลาสอบบ่าย (14.00-16.30น.) แต่ถ้าเป็นอักษร A หมายถึง คาบสอบเวลาเช้า(9.30-12.00น.)
- ในภาคฤดูร้อน จะมีการปรับวันเรียน โดยวิชาหนึ่งๆ จะเรียน 3 ครั้งสัปดาห์(วันเว้นวัน) บางวิชาจะเรียนเฉพาะวัน จันทร์/พุธ/ศุกร์ = MWF และบางวิชาจะเรียนเฉพาะ อังคาร/พฤหัสบดี/เสาร์ = TTS
...เมื่อทราบวิชาดูตาราง ม.ร.30 แล้ว ให้นำวิชาที่เราเลือกเอาไว้ มาเทียบกับตาราง ม.ร.30 โดยให้ทำแบบนี้ครบทุกวิชาที่เราวางแผนจะเรียนในเทอมนี้ อย่าให้วิชาเวลาสอบตรงกันแค่นี้ก็ได้วิชาที่จะลงทะเบียนเรียนแล้ว ลองเขียนตารางเรียนและใส่รายละเอียดไว้ให้ครบถ้วน ลองทำตารางเรียนเหมือนในภาพด้านล่างนี้ก็ได้นะ (ตารางตัวอย่าง)...
...เมื่อลองใส่ข้อมูลแล้ว ก็จะได้ประมาณนี้(ภาพด้านล่าง) ต่อไปก็รอลงทะเบียนเรียนตามกำหนดการในปฏิทินการศึกษาได้เลย แถมยังใช้ตารางนี้เป็นตารางเรียนส่วนตัวของเราก็ได้นะ...
แล้วลงทะเบียนเรียนเมื่อไหร่/ช่องทางไหนบ้าง ?
ทุกๆคน สามารถทราบกำหนดการลงทะเบียนเรียน และกำหนดการสำคัญๆ เช่น การสอบ การเพิ่ม-ถอนวิชา ได้จากปฏิทินการศึกษาของมหาวิทยาลัย หรือดูผ่านเว็บไซต์รอบรั้วรามฯ คลิก โดยช่องทางการลงทะเบียนเรียนในปัจจุบันมี 3 ช่องทางคือ เว็บไซต์มหาวิทยาลัย www.iregis2.ru.ac.th , แอปพลิเคชัน RU-Regis และการลงทะเบียนเรียนทางไปรษณีย์ (ปัจจุบันงดการลงทะเบียนเรียนด้วยตนเองที่มหาวิทยาลัยเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19) ซึ่งในแต่ละช่องทางมีกำหนดบอกไว้ในปฏิทินการศึกษาแล้ว(ดังภาพต่อไปนี้)
สายอาชีพ มีเรียนเสาร์อาทิตย์ไหม
การเรียนอาชีวศึกษาควบคู่กับการทำงาน – การเรียนภาคสมทบหรือภาคค่ำ เฉพาะผู้ที่ทำงานแล้ว สามารถเรียนวันเสาร์ – อาทิตย์ หรือภาคค่ำ (เปิดสอนเฉพาะบางสาขาเท่านั้น)
ภาคพิเศษสามารถกู้กยศได้ไหม
การกู้ยืมทั้ง 2 ลักษณะ สามารถยื่นกู้ได้ทั้งภาคปกติ ภาคพิเศษและหลักสูตรนานาชาติ
ยังเรียนไม่จบ เทียบโอนได้ไหม
ผู้ที่กำลังศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาอื่น และยังไม่สำเร็จการศึกษาอย่างเป็นทางการ จะเทียบโอนไม่ได้ ผู้ที่กำลังศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาอื่น และยังต้องการเรียนต่อสถาบันเดิมควบคู่กับรามคำแหง จะเทียบโอนไม่ได้(แต่สมัครแบบไม่เทียบโอนได้) ผู้ที่จบ ม.ปลาย หรือ กศน.ม.ปลาย และไม่เคยสะสมหน่วยกิตพรีดีกรีมาก่อน จะเทียบโอนไม่ได้
ป.ตรีมีเรียนเสาร์ อาทิตย์ไหม
ป.ตรี วันเสาร์-อาทิตย์ หรือวันอาทิตย์ วันเดียว เหมาะสำหรับผู้ที่ทำงานแล้ว และต้องการศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี สามารถเลือกเรียนต่อ ปริญญาตรี วันเสาร์-อาทิตย์ หรือวันอาทิตย์วันเดียวได้ โดยไม่กระทบเวลาทำงาน ค่าเทอมมีส่วนลดและสามารถผ่อนชำระได้