ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อรุ่นนี้ ความสงสัยก็ประเดประดังเข้ามาในหัว ทำไมต้องแฟบ แฟบทำไม แฟบอะไร แฟบแฟบแฟบใช่ไหม แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็น ปล่อยผ่านไปครับ ถึงในใจลึกๆจะยังคงซึ่งความสงสัยอยู่
ไปแฟบแป๊บครับ เดี๋ยวมาต่อ.... . .. ... .... เอ่ออ เรื่องแฟบเอาไว้ก่อนละกันครับ เข้าเรื่องกันดีกว่าเน๊อะ
จริงๆแล้วยี่ห้อนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน ไม่เคยมีความอยากได้อยู่ในหัวเลย จนงาน Mobile Expo ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปสัมผัส ถึงกับอุทานออกมาเบาๆว่า “โอ้” แค่นี้แหละครับ ต่อมความอยากได้ก็เดือดปุดๆ สมองก็ร้องจะเอา จะเอา แต่เงินในกระเป๋าก็ถามว่าจำเป็นมั๊ย แมคก็คิดน้า ว่ามีอยู่แล้วจะเอาไปทำไมอีก จึงต้องดับกิเลสตัวเองโดยการไปเดินหนีให้ห่าง
แต่เหมือนโชคชะตาที่ทำร่วมกับ Wiko มาตั้งแต่ชาติปางก่อน จะมีมากมายซะเหลือเกิน จึงดลบันดาลให้ไปเจออีกร้านที่ผ่อน 0% 6 เดือน ไม่ได้แล้วจะปล่อยให้เจ้าตกไปอยู่ในมือคนอื่นไม่ได้ เจ้าต้องเป็นของเรา (เซลล์บอกว่าทั้งงานมีแค่ 150 เครื่อง)
เอาล่ะ อ่านมายาวยืดละ มาพบกับพระเอกของเรากันดีกว่า แตแต่แต๊ดดดดด (เลขเจ็ดไทยอย่าหายไปนะ)
ในที่สุดก็ได้มาครอบครองอย่างงงๆ นอกจากเจ้า Wiko Ridge Fab 4G ตัวนี้แล้ว ยังได้ของแถมที่เข้ากั๊นเข้ากันมาอีกอันคือกระป๋องใส่น้ำ.....
Wiko หรือ ชื่อไทยคือ “วีโก” ได้ยินครั้งแรกนึกว่ารถยี่ห้อหนึ่งหันมาผลิตโทรศัพท์ซะอีก แต่ด้วยความคิกขุที่มีในตัวจึงเรียกวิโกะมาตลอด จากนี้ตลอดทั้งรีวิวจะขอเรียกว่าวิโกะนะครับ
สำหรับสเป็คของวิโกะนั้น ก็ตามหน้าเว็บ official เลยครับ คร่าวๆคือ หน้าจอ 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1280x720 กระจก Gorilla Glass 3 หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 1.2GHz Ram 2GB, Rom 16GB เพิ่ม SD Card ได้สูงสุด 64GB ใส่ได้สองซิม รองรับ 4G ทั้งสองซิม (แต่ถ้าเปิด 4G ซิมหนึ่ง อีกซิมหนึ่งจะกลายเป็น GSM เปิดพร้อมกันไม่ได้) ซิมขนาด Micro Sim (แต่ถ้ามีขนาด Nano sim ก็ใส่ได้ครับ เพราะในกล่องมีแถม Adapter มาให้ด้วยครับ ) กล้องหลัง 13M/ กล้องหน้า 5M
ในกล่องมีอุปกรณ์ตามภาพเลยครับ ตัวเครื่องวิโกะ (น้ำหนักเบามาก ปลื้มมม), หูฟัง, ชาร์จเจอร์, สาย USB, ปลอกหูฟัง, Adapter sim card, คู่มือ
ตัวเครื่องด้านหน้า ถ้าปิดหน้าจอก็มืดตึ๊ดตื๋อเลยครับ บริเวณขอบเครื่องเป็นวัสดุเดียวกับฝาหลัง (ขอยกไปอธิบายด้านล่างนะครับ)
ด้านบนเริ่มจากซ้ายมือ จะมีโลโก้วิโกะโดดเด่นเป็นสง่า ถัดมาเป็นลำโพงสนทนา ถัดมาอีกนิดเป็นเซนเซอร์ต่างๆของตัวเครื่อง ถัดมาอีกหน่อย ก็เป็นกล้องขนาด 5M
ด้านล่างจะมีรูไมค์สนทนาอยู่กระจึ๋งนึง ส่วนที่ขัดหูขัดตาคงจะเป็นพื้นที่หน้าจอด้านล่างที่ไม่มีอะไรเลย ปล่อยทิ้งให้ว่างไร้ซึ่งการใช้งาน
ด้านหลังทำจากวัสดุ Sandstone (เซลล์บอกมา) ซึ่งจะคล้ายกับของ 1+1 สัมผัสโอเคเลยครับ ไม่ลื่น ไม่มีรอยนิวมือ ฝาหลังสามารถถอดได้ ข้างในมีแบตเตอร์รี่ขนาด 2820 mAh เห็นความจุน้อยๆแบบนี้ แต่พอใช้งานจริงแล้วอึดใช้ได้เลยนะครับ
ด้านบนมุมซ้ายจะมีกล้องขนาด 13M ด้านข้างจะเป็นไฟแฟลช ลงมานิดหน่อยจะเป็นโลโก้วิโกะ
ด้านล่างจะมีลำโพง ซึ่งเสียงลำโพงส่วนตัวแล้วไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ครับ อาจจะเพราะก่อนหน้านี้ใช้ HTC มาด้วยก็เลยติด แต่ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะครับ
ตัวเครื่องด้านซ้าย (เมื่อหงายจอขึ้น) ไร้ซึ้งปุ่มใดๆครับ วัสดุไม่แน่ใจว่าเป็นอลูมิเนียมหรือเปล่า จึงทำให้เวลาจับรู้สึกพรีเมียมขึ้นเยอะ ว่าราคาเท่านี้ก็มีอลูมิเนียมนะโว้ยย ถึงจะแค่ขอบก็เถอะ
ด้านขวา (เมื่อหงายจอขึ้น) จะมีอยู่สองปุ่ม ปุ่มสั้นสำหรับปิด-เปิดเครื่อง ปุ่มยาวสำหรับเพิ่มลดเสียง
ด้านบนมีแค่รูเสียบหูฟังครับ
ด้านล่างมีรูเสียบ micro usb และข้างๆจะมีร่องแงะฝาหลังครับ
เข้าสู้โหมดการใช้งาน ในส่วนนี้ต้องขออภัยเป็นอย่างสูง เพราะไม่ได้แคปหน้าจอไว้เลยย แต่ขอเล่าภาพรวมนะครับ สำหรับ Interface นั้น (เรียกแบบนี้มั๊ยอ่ะ =.,=) คล้ายกับของ iphone ครับ คือไม่มีหน้า App drawer มาให้ยุ่งยาก แอปทุกแอปกองรวมกันที่หน้าโฮมเลย แต่สำหรับผมไม่ชอบแฮะ เพราะมีแอปอะไรไม่รู้เต็มหน้าไปหมด
มาดูกันดีกว่าครับ ว่ามังกรงีบกับ Ram 2GB จะทำให้คะแนน Antutu พุ่งไปถึงไหน
แอบผิดหวังนิดหน่อยครับ เพราะคะแนนที่ได้ ได้น้อยกว่า Ridge แบบไม่ Fab ซะอีก แต่นั่นก็ไม่สามารถตัดสินอะไรได้ครับ
อันนี้เป็นสเป็คจาก CPU-Z
ฟีเจอร์ของเครื่องโดยรวมแล้วแทบจะเรียกว่าเป็น pure android ก็ว่าได้ครับ เพราะแอปติดมากับเครื่องน้อยมาก (ถ้าเทียบกับสมุดสี่ในมือ) ความลื่นไหล ถือว่าทำได้เกินราคาครับ แต่ถ้าเปิดแอปทิ้งไว้โดยไม่ได้เคลียร์ก็แอบกระตุกนิดหน่อย (นานๆเจอ) อ้อ ในหน้า recent app (หรือ clear app อ่ะ =3=) ไม่มีปุ่มปิดทั้งหมดครับ ต้องมารูดเข้ารูดออก เอ๊ย!! รูดซ้ายรูดขวาเพื่อปิด ให้สมกับชื่อ Fab หน่อย (ได้ข่าวว่าเค้าเรียกปัดซ้ายปัดขวากันนะ ๕๕๕๕๕๕)
สำหรับการโทรนั้น ไม่มีอะไรมากครับ ลำโพงดังและชัดโอเคเลย ไม่เบา ไม่พร่ามัว เสียงที่ปลายสายก็ได้ยินดังชัดเจน
มาถึงพระเอกของเราครับ นั่นก็คือ.......(คือ!!) คือ.......(คือ!!) กล้องถ่ายรูปปปปปปปปปปปปปปปปปป เย้ๆๆๆๆ
ครับผม ถึงแม้เจ้าวิโกะจะราคาเบาๆแค่ 69……. เอ๊ย!! 6,990 ครับ แต่กล้องหน้า-หลังที่ให้มานี่ถือว่าไม่ธรรมดาเลยนะครับ กล้องหลังความละเอียด 13 ล้าน เลนส์จาก Sony โอ้แม่เจ้า!! คือปะล้ำปะเหลือแต้ว่า
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาดูภาพจากกล้องหลังกันดีกว่าครับ (ทุกภาพถ่ายโดยโหมด Auto นะครับ ไร้ซึ้งการปรับแต่งใดๆ แค่ปรับขนาดภาพเท่านั้นจ้า)
เริ่มต้นด้วยรูปไก่ทอด ถ่ายออกมาแล้วสีเข้มกว่าของจริงเล็กหน่อยครับ แต่ก็ทำให้อยากได้ไม่ต่างจากของจริงเลย
รูปนี้ถือว่าทำได้ดีครับ สีตรงกับที่ตาเห็นเป๊ะๆเลย
รูปนี้ถ่ายย้อนแสงครับ ลองเอาโทรศัพท์อีกเครื่องถ่ายแล้ว เลขสามที่ห้อยตรงประตูมืดตึ๊ดตื๋อเลยครับ แต่เจ้าวิโกะถ่ายแล้วยังเห็นอยู่ถือว่าไม่ธรรมดานะเนี่ย (แต่ด้านหลังแสงแอบจ้าไปอ่ะ)
มาดูภาพถ่ายตอนกลางคืนกันบ้างครับ เจ้าวิโกะก็ไม่ทำให้ผิดหวังอีกเช่นกัน บรรยากาศโดยรวมแล้วใกล้เคียงกับของจริงอยู่ครับ จากในภาพ ถึงแม้จะหมดฤดูหนาวแล้ว แต่ก็อย่าลืมมากระซิบรักที่น่านนะครับ อิอิ
รูปนี้ได้ตอนไปสวนครับ เห็นแล้วสวยดีเลยเก็บภาพมา มีใครอยากปีนบ้างครับ ๕๕๕๕๕ (แอบเสียดายที่วิโกะถ่ายท้องฟ้าแล้วไม่ค่อยฟ้าเท่าไหร่ จากที่ลองถ่ายมาหลายรูป)
ผมค่อนข้างชอบรูปนี้ครับ เพราะแดดร้อนมากกกกกก แต่อยากได้มุมนี้เลยยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่าย กดแชะ แล้วเดินออกมาเลย แต่ภาพกลับสวยซะงั้น ๕๕๕๕
สำหรับชัตเตอร์กล้องนั้น ผมว่าเร็วใช้ได้เลยครับ เมื่อเทียบกับเจ้า htc desire 816 ที่ผมเคยใช้ อีกทั้งเครื่องที่มีน้ำหนักเบา และสัมผัสคล้ายทรายของตัวเครื่องที่จับแล้วกระชับมือ จึงทำให้สามารถยกมาถ่ายมือเดียวได้โดยไม่ต้องกลัวหล่น ที่ชอบอีกอันคือ เมื่อเราจับโฟกัสตรงไหน กล้องมันก็จะวัดแสงให้เลยเสร็จสรรพ และค่อนข้างตรงด้วย ตัวอย่างรูปถ่ายย้อนแสงตรงประตูร้านกาแฟ จิ้มโฟกัสตรงเลขสามแล้วกดถ่าย ภาพก็ออกมาแบบนั้นเลย
มาดูรูปเปรียบเทียบระหว่างกล้องวิโกะ กับ note 4 กันดีกว่าครับ (ที่เปรียบเทียบนั้นเพื่อให้เห็นว่ากล้องโทรศัพท์ราคาเจ็ดพัน จะสามารถทำได้ระดับไหนเมื่อเทียบกับกล้องโทรศัพท์ราคาสองหมื่น ไม่ได้เอาอีกอันมาเทียบเพื่อให้อีกอันดูแย่น้าาา >.<) (รูปซ้าย(หรือบน)วิโกะ รูปขวา(หรือล่าง) note 4)
รูปนี้ถ่ายมุมเดียวกัน ระยะเท่ากัน เวลาเดียวกัน ถ่ายวิโกะปุ๊บหยิบโน๊ตมาถ่ายปั๊บ ถ้าในเรื่องความสมจริงในเรื่องสีและบรรยากาศต้องยกให้โน๊ตสี่ครับ แต่ความสวยงามผมกลับชอบวิโกะซะงั้น เพราะโน๊ตสี่มันดูขาวๆซีดๆยังไงไม่รู้
รูปนี้แทบไม่ต่างกันเลยครับ วิโกะจะให้โทนสีที่เข้มกว่านิดนึง ส่วนโน๊ตก็เก็บรายละเอียดได้ดีกว่า
รูปนี้ผมถ่ายกลางแดดจัดๆครับ วิโกะให้ภาพที่สว่างกว่า ส่วน note 4 จะเก็บรายละเอียดได้ดีกว่าแต่ภาพกลับออกเหลืองซะงั้น
รูปสุดท้ายครับ เพื่อยืนยันว่าเรื่องกล้อง เจ้าวิโกะไม่ธรรมดาจริงๆ
กล้องหลังผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้ว มาต่อกล้องหน้ากันดีกว่าครับ
วิโกะให้กล้องหน้ามาถึง 5 ล้านทีเดียวครับ ซึ่งเท่าที่ลองถ่ายมา ต้องบอกว่าจริงครับ จริงมาก นึกว่ามองตัวเองในกระจก สิวอยู่ตรงไหนบนหน้าก็สามารถเก็บรายละเอียดมาให้เห็นได้ครับ จากกระทู้รีวิวครั้งก่อนที่บอกว่าผมน่ารัก มากระทู้นี้ผมอนุญาติให้คืนคำได้ครับ ๕๕๕๕ (ใครชมแกเหรออออออออ) อ้อ กล้องหน้ามีโหมด beauty ด้วยนะครับ ปรับความเนียนของหน้า ขยายตาให้โต ลดกรามให้หน้าวีเชป ได้ครับ มาดูตัวอย่างกล้องหน้ากันดีกว่า.....
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หมดแล้วครับ ไม่รู้จะรีวิวอะไรต่อแล้ว ๕๕๕๕ เท่าที่ลองจับและใช้มาเกือบอาทิตย์ เครื่องยังไม่เคยดับหรือรีบูทเองเลยครับ ค่อนข้างประทับใจเมื่อเทียบกับราคา ตอนนี้ไม่ได้ใช้ละครับ ขายไปเรียบร้อย จริงๆอยากให้ทั้งสองเครื่อง แต่โน๊ตยังผ่อนไม่หมดเลยต้องจำยอมปล่อยมือวิโกะแฟบแฟบแฟบไป (ได้ข่าวว่าวิโกะแกก็ผ่อน ๕๕๕๕๕๕)