มนุษย์มิได้อยู่เพียงลำพังในจักรวาล ยังมีสิ่งมีชีวิตชาญฉลาดจากดวงดาวไกลลิบที่เป็นผู้จุดประกายให้กับภูมิปัญญาของมนุษย์วานร จนกระทั่งสามารถผลักดันเผ่าพันธุ์ของตนขึ้นมาเป็นมนุษย์ และเริ่มแพร่กระจายออกสู่จักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาล
2001 A Space Odyssey ได้รับการแปลเป็นภาษาไทยอย่างน้อยสองสำนวน โดย ระเริงชัย และ สำนวนของ ดาวเกษ
เล่ม2.2010 จอมจักรวาล2(2010 Odyssey Two)
แปลโดย ภัทรกูล
ประเภทปก อ่อน
กระดาษ ปอนด์
พิมพ์ครั้งที่ 2
ปีที่พิมพ์ พ.ศ.2541
สำนักพิมพ์ Science Fiction Publishing House
จำนวนหน้า 304 หน้า
ขนาด 130x185 มม.
สภาพหนังสือ:เจ้าของเดิมใช้เทปกาวใสปิดเคลือบปกไว้เป็นชั้นๆ ปกหน้ามีสติ๊กเกอร์เขียนข้อมูลการพิมพ์ ตามภาพ, ตัวเล่มสภาพค่อนข้างดี
รายละเอียดเพิ่มเติม:
ดาวพฤหัสบดีเป็นดวงดาวที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ มนุษย์โลกหลายชาติแย่งชิงกันขึ้นไปทำความรู้จักกับพวกเขา การติดต่อระหว่างสิ่งมีชีวิตนอกโลก กับมนุษย์ยังคงดำเนินต่อไป
2010 Odyssey Two ได้รับการแปลเป็นภาษาไทยอย่างน้อยสองสำนวน โดย ฤดีดวง และ สำนวนของ ภัทรกูล
เล่ม3.2061 จอมจักรวาล 3 (2061 ODYSSEY 3)
แปลโดย พันธุ์ อรรณพ
ประเภทปก อ่อน
กระดาษ ปอนด์
พิมพ์ครั้งที่ 2
ปีที่พิมพ์ พ.ศ.2541
สำนักพิมพ์ Science Fiction Publishing House
จำนวนหน้า 244 หน้า
ขนาด 130x185 มม.
สภาพหนังสือ:สันหนังสือเหลือง และเป็นจุดเหลืองประปราย , ตัวเล่มสภาพค่อนข้างดี
รายละเอียดเพิ่มเติม:
ในปี 2061 ดาวหางฮัลเลย์กลับมาเยือนโลกอีกครั้ง มนุษย์อยากรู้ว่าเพื่อนผู้คุ้นเคยนี้เป็นใครกันแน่ พวกเขาเดินทางขึ้นไปถึงใจกลางดาวหางฮัลเลย์ เพื่อไขปริศนานี้
เล่ม4.3001 จอมจักรวาล (3001 The Final Odyssey)
แปลโดย ลักษณรงค์
ประเภทปก อ่อน พร้อมใบหุ้มปก
กระดาษ ปอนด์
พิมพ์ครั้งที่ 1
ปีที่พิมพ์ พ.ศ.2541
สำนักพิมพ์ ดอกหญ้า
จำนวนหน้า 286 หน้า
ขนาด 125x185 มม.
สภาพหนังสือ:สันหนังสือเป็นจุดเหลืองประปราย , ตัวเล่มสภาพดี
รายละเอียดเพิ่มเติม:
ในที่สุดก็มาถึงภาคอวสานของ นิยายวิทยาศาสตร์ชุดนี้ โดย ผู้แต่ง ยอมเปิดเผยความลับที่ควบคุมมนุษยชาติมานานนับสหัสวรรษ ที่เก็บไว้ในแท่งหินสีดำนี้ออกมา
แม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนานและหลายสิ่งอย่างในโลกภาพยนตร์ได้เปลี่ยนแปลงไป แต่ 2001 : A Space Odyssey ยังคงดึงดูดคนดูได้อยู่ ทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจใหญ่หลวงต่อคนทำหนังรุ่นหลัง รวมทั้งทรงอิทธิพลอย่างยิ่งในวัฒนธรรมป๊อป หนังเรื่องนี้ที่ทำให้อัจฉริยภาพของผู้กำกับชั้นครู สแตนลีย์ คูบริก ฉายชัด
ปีนี้หนังไซ-ไฟระดับมาสเตอร์พีซอย่าง 2001 : A Space Odyssey มีอายุครบ 50 ปี ในวาระสำคัญนี้ หนังจะถูกนำออกฉายอีกครั้งในระบบฟิล์ม 70 มม. ซึ่งจะทำให้คนดูได้ชมกันอย่างเต็มตา เต็มอิ่ม หนังที่เรียกว่าเป็น “Restored Version” ซึ่งคงความดั้งเดิม ไม่มีเทคนิคดิจิทัล หรือการแก้ไขใหม่นี้ ยังจะนำไปลงดีวีดี และบลูเรย์ ให้ได้ไปเต็มอิ่มกันที่บ้าน (นอกจากนั้นหนังสือชื่อ Space Odyssey: Stanley Kubrick, Arthur C Clarke, and the Making of a Masterpiece โดย บิลล์ เวสตัน ก็จะสู่แผงเช่นกัน)
หนังเรื่องนี้ออกฉายครั้งแรกในวันที่ 2 เม.ย. 1968 ถือว่าเป็นหนึ่งในงานที่ดีที่สุดของ สแตนลีย์ คูบริก และรับรู้กันดีว่าเป็น “แม่ของภาพยนตร์ไซ-ไฟทั้งหมด”
สแตนลีย์ คูบริก ผู้มีชีวิตอยู่ระหว่างปี 1928-1999 เขาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ งานของเขาส่วนใหญ่จะดัดแปลงมาจากนวนิยายหรือเรื่องสั้น ครอบคลุมหลากหลายประเภท เป็นหนังที่โดดเด่นเรื่องความสมจริง ตลกร้าย มีภาพที่เป็นเอกลักษณ์ ฉากที่กว้างขวาง และใช้ดนตรีที่น่าประทับใจ
เขาได้ชื่อว่าเป็น “นักนิยมความสมบูรณ์แบบ” สแตนลีย์ คูบริก จะควบคุมดูแลแทบจะทุกขั้นตอนและรายละเอียดของการสร้าง เขามักจะขอให้ถ่ายทำใหม่ในบางฉากซ้ำๆ จนทำให้เกิดความขัดแย้งกับนักแสดงบ่อยครั้ง
หลังจากทำหนังตลกร้ายในแบบฟิล์มนัวร์ เนื้อหาเสียดสีสังคม Doctor Strangelove ออกมาในปี 1963 สแตนลีย์ คูบริก ก็อยากจะสร้างหนังวิทยาศาสตร์ที่ดีที่สุด และจริงจังมากที่สุด เขาจึงส่งจดหมายถึง อาร์เธอร์ ซี. คลาร์ก นักเขียนนวนิยายวิทยาศาสตร์ชื่อดังชาวอังกฤษ (มีชีวิตอยู่ระหว่างปี 1917-2008) ซึ่งขณะนั้นอยู่ในศรีลังกา
หนังเริ่มสร้างเค้าโครงจากเรื่องสั้น The Sentinel ของ อาร์เธอร์ ซี. คลาร์ก พร้อมๆ กับที่บทหนังถูกพัฒนาขึ้น อาร์เธอร์ก็เขียนนวนิยายเรื่อง 2001 : A Space Odyssey ไปคู่ด้วย ก่อนจะตีพิมพ์หลังหนังฉาย
นำเสนอเรื่องราวของมนุษย์กลุ่มหนึ่งซึ่งเดินทางไปดาวพฤหัสเพื่อตามหาวัตถุลึกลับ โดยใช้คอมพิวเตอร์ในการควบคุมยาน และเมื่อเกิดเหตุผิดพลาด จึงมีผู้เหลือรอดเพียงคนเดียว เขาต้องเผชิญกับสิ่งที่ไม่คาดฝัน
2001 : A Space Odyssey ทำให้คนดูตีความเรื่องราวได้หลากหลายกว้างไกล ไม่ว่าจะในเชิง วิทยาศาสตร์ ปรัชญา ศาสนา ความเชื่อ ฯลฯ หนังเรื่องนี้ทำให้ สแตนลีย์ คูบริก เป็นที่เคารพนับถือในการผลักดันเขตแดนของภาพยนตร์ให้กว้างออกไป เป็นหนังที่มีเค้าโครงเรื่องที่เรียบง่าย มีบรรยากาศสุดพิเศษ น่าติดตามสนใจ แม้ว่าส่วนใหญ่ของหนังจะ “เงียบ”
หลังจากได้รับรางวัลออสการ์สาขา Best Effects, Special Visual Effects หนังเรื่องนี้ก็ได้รับยกย่องให้เป็น 1 ในภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล
ในวันที่ 12 พ.ค.นี้ 2001: A Space Odyssey จะออกฉายที่เทศกาลหนังเมืองคานส์ โดย คริสโตเฟอร์ โนแลน ผู้กำกับ Dunkirk กล่าวแนะนำ เขาซึ่งเป็นแฟนตัวยงของ สแตนลีย์ คูบริก บอกว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่จะนำเสนอภาพยนตร์เรื่องนี้แก่คนรุ่นใหม่
คริสโตเฟอร์ โนแลน เองเคยทำหนังไซ-ไฟ เรื่อง Interstellar ในปี 2012 เขาบอกว่า หนึ่งในความทรงจำที่เก่าแก่ที่สุดเกี่ยวกับหนังคือการได้ดู 2001 : A Space Odyssey ของ สแตนลีย์ คูบริก ในโรงหนังที่ลอนดอนกับพ่อ
ขณะที่ อัลฟองโซ คัวรอน ผู้กำกับออสการ์ชาวเม็กซิโกบอกว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ในการชมภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นครั้งแรกสมัยเป็นวัยรุ่น และตอนที่เขาทำหนังเรื่อง Gravity ก็พยายามอย่างมากที่จะไม่กลับไปดูหนังเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นอิทธิพลของหนังเรื่องนี้ก็อาจจะติดเข้าไปในงานของเขาอย่างแน่นอน สำหรับเขาแล้ว นี่คือ หนังมาตรฐานสูงอย่างที่ไม่มีใครอื่นสามารถทำได้!
หลังจาก 2001 : A Space Odyssey จบลง อัจฉริยภาพของ สแตนลีย์ คูบริก ก็เป็นที่ประจักษ์แจ้ง คนดูสามารถตีความเรื่องราวได้หลากหลายกว้างไกล ไม่ว่าจะในเชิง วิทยาศาสตร์ ปรัชญา ศาสนา ความเชื่อ ถึงแม้จะไม่คิดในเชิงตีความในเชิงใดเลยก็ย่อมได้