ว ธ การทำสม ดเล มเล กทำย างำรโดยการพ ม

ปรองดองเดือด นักโทษหนีคดี-แก๊งเผาเมือง หลอกใช้ “พระปกเกล้า-“บิ๊กบัง” ?

เผยแพร่: 23 มี.ค. 2555 08:22 โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ธงปรองดองของ “บิ๊กบัง” - พระปกเกล้า ที่ใช้ชื่อเสียงของสถาบัน-ผลงานวิจัย และมติเสียงข้างมากลากออกกฎหมายนิรโทษกรรมแก๊งเผาเมือง ล้มล้างคดีคตส.ทั้งหมด เพื่อสนองประโยชน์ให้นักโทษหนีคดีและพวก กำลังกลายเป็นเงื่อนไขนำไปสู่ความขัดแย้งในสังคมอย่างรุนแรงอีกครั้ง อดีต คตส.กระตุกต่อมสำนึก “บวรศักดิ์” อ้างชื่อสถาบันพระนาม ร.7 ไปรับใช้นักการเมืองเป็นเรื่องถูกต้องหรือไม่

อุณหภูมิความขัดแย้งในสังคมอันเนื่องมาจากการหาทาง “ปรองดอง” ของคนในชาติเพิ่มดีกรีร้อนแรงทะลุองศาเดือดอีกครา และดูเหมือนว่าข้อเสนอปรองดองที่ “สุดขั้ว” จากคณะกรรมาธิการฯ ปรองดอง และสถาบันพระปกเกล้า นอกจากจะไม่สามารถทำให้สังคมยอมรับได้แล้ว ยังกลับกลายเป็นเงื่อนไขสร้างความขัดแย้งโถมทับทวีเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก

นอกจากนั้น ผู้คนในสังคมยังเคลือบแคลงสงสัยในบทบาทของสถาบันพระปกเกล้า และพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร ผู้สวมบทประธานคณะกรรมาธิการฯ ปรองดอง ในวันนี้ ว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ทั้งหลายทั้งปวงนั้น มีเจตนาเพื่อนำพาประเทศออกไปจากหลุมดำความขัดแย้งดังที่กล่าวอ้าง หรือเพื่อสนองประโยชน์ต่อ “นายใหญ่” นักโทษชายหนีคดีที่ทรงอิทธิพลกันแน่

ชั่วเวลาที่หมุนเปลี่ยนเพียง 5 - 6 ปี จุดยืนของ พล.อ.สนธิ เปลี่ยนไป 180 องศา โดยไม่มีคำอธิบายชัดเจนต่อสังคม สิ่งที่อดีตนายทหารใหญ่กำลังออกแรงเข็ญข้อเสนอปรองดองชนิดสุดขั้ว จึงมีข้อสังเกตว่าเขาอาจกำลังไถ่บาปจากการถูกประณามจากฝั่งกลุ่มคนเสื้อแดงที่ตราหน้ามาตลอดว่า ผลงานรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 ทำลายประชาธิปไตย พาประเทศถอยหลังลงคลอง โดย พล.อ.สนธิ อาจหลงลืมไปแล้วว่า เหตุผลในการลงมือรัฐประหาร คือการกอบกู้บ้านเมืองให้พ้นจากวิกฤตโดยเฉพาะการทุจริตโกงกินบ้านเมืองครั้งมโหฬาร และได้รับการชื่นชมจนเรียกได้ว่าเป็นคณะรัฐประหารที่ได้รับมอบดอกไม้จากประชาชนมากที่สุดในประวัติศาสตร์

ขณะที่สถาบันพระปกเกล้า ซึ่งเป็นศูนย์รวมของปรมาจารย์ผู้ทรงความรู้ความเชี่ยวชาญของประเทศ เป็นสถาบันด้านกฎหมายและการเมือง ย่อมไม่มีทางไร้เดียงสาจนกระทั่งไม่รู้ว่างานวิจัยปรองดองที่ลงมือทำอย่างเร่งรีบและรวบรัดภายในเวลา 4 เดือนนั้น แท้จริงแล้วมีเป้าประสงค์เพื่อตอบโจทย์ให้กับใคร

นับจากวันที่ 6 มี.ค. 2555 ที่สถาบันพระปกเกล้า แถลงผลงานวิจัยการสร้างความปรองดองแห่งชาติ โดยมีข้อเสนอที่เป็นทางเลือกในประเด็นการนิรโทษกรรมแก่ผู้ชุมนุมทางการเมือง และการเสริมสร้างกระบวนการยุติธรรม (อ่านรายละเอียดในข่าวประกอบ) ได้จุดประเด็นให้เกิดคำถามตามมาทันที แต่ที่สร้างความตื่นตระหนกยิ่งกว่าในเวลาต่อมา ก็คือ การลงมติของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ เป็นประธาน เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2555

ในวันประชุมดังกล่าว อาจเรียกได้ว่าเป็นการใช้เสียงข้างมากลากปรองดองเข้าสภา โดยที่ประชุมได้มีการทำแบบสอบถามคณะกรรมาธิการฯ ที่เข้าร่วมประชุม จำนวน 38 คน และมีการลงมติโดยเสียงข้างมาก 23 เสียง เห็นด้วยกับข้อเสนอของสถาบันพระปกเกล้า คือ “ออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมคดีที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมืองทั้งหมดทุกประเภท ทั้งคดีการกระทำความผิดตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และคดีอาญาที่มีวัตถุประสงค์ทางการเมือง เช่นการทำลายทรัพย์สินของรัฐหรือเอกชน”

ส่วนการเสริมสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ในส่วนที่เกี่ยวกับการดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหาจากกระบวนการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) นั้น คณะกรรมาธิการเสียงข้างมาก 22 เสียง มีมติเลือกใช้ทางเลือกที่ 3 ของสถาบันพระปกเกล้า คือ “ให้เพิกถอนผลตามกฎหมายที่ดำเนินการโดย คตส.ทั้งหมด และไม่นำคดีที่อยู่ระหว่างกระบวนการและที่ตัดสินไปแล้วมาพิจารณาใหม่อีกครั้ง” โดยจะต้องไม่มีการฟ้องร้อง คตส. ในภายหลัง

ผลสืบเนื่องจากการลงมติของกมธ.ปรองดองฯ ทำให้บรรยากาศในวงเสวนา “รายงานวิจัยการสร้างความปรองดองแห่งชาติ ของสถาบันพระปกเกล้า” ที่จัดโดยคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร ในวันถัดมาเมื่อ 21 มี.ค. 2555 มีการซักถามไล่บี้กันอย่างหนักหน่วง และเรื่องนี้ยังจะเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์กันไม่จบง่ายๆ เพราะข้อเสนอปรองดองไม่ได้ยืนอยู่บนการแสวงหาข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านจากทุกฝ่ายที่สูญเสีย ย่อมไม่อาจนำไปสู่ความปรองดองที่ยั่งยืน ดังคำให้สัมภาษณ์ของ นิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ภรรยาของ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มนปช.เมื่อเดือนเม.ย. 2553

ที่สำคัญ การล้มล้างคดี คตส. โดยการเพิกถอนผลทางกฎหมายที่ดำเนินการโดยคตส.ทั้งหมด หากเดินตามข้อเสนอนี้ก็เท่ากับล้มล้างคำพิพากษาของศาล ซึ่งนั่นจะสร้างแรงสั่นสะเทือนไปถึงฝ่ายตุลาการ หนึ่งในเสาหลักค้ำยันระบอบประชาธิปไตย ที่ยังพอจะกล่าวได้ว่ามีอิสระไม่ถูกครอบงำโดยพรรคเพื่อไทย ที่กำลังพยายามบ่อนเซาะทำลายถึงขั้นประกาศกร้าวยุบทิ้งศาล ลดทอนอำนาจของตุลาการภิวัฒน์ผ่านการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่กำลังเร่งดำเนินการอยู่ในขณะนี้

หากประเมินท่าทีต่อข้อเสนอปรองดองของอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แล้ว ดูเหมือนจะมีความต้องการให้ล้มล้างคดี คตส. เป็นผลสำเร็จมากกว่าการนิรโทษกรรมคดีทางการเมือง เพราะผลพวงจากการทำงานอย่างหนักของ คตส. นั่นเองที่ทำให้อดีตนายกฯ ต้องสูญเสียทรัพย์สินเงินทองและกลายเป็นนักโทษหนีคดีจนวันนี้

พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อโดยอ้างว่าหลังจากการค้นหาข้อเท็จจริงและวิเคราะห์ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว พล.อ.สนธิ ก็เห็นด้วยว่า ที่ผ่านมาการตั้งคณะกรรมการ คตส. ไม่ถูกต้อง ไม่ยุติธรรม อาศัยอำนาจจากการยึดอำนาจเข้ามาตรวจสอบ ไม่เป็นธรรมตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางจึงไม่ยอมรับ ขั้นตอนและวิธีการสืบสวนสอบสวนรวมไปถึงการวินิจฉัยพิจารณาตัดสินเอาจากเอกสาร ผู้ถูกกล่าวไม่สามารถที่ชี้แจงข้อเท็จจริงเป็นการพิจารณาลับทั้งหมด แตกต่างจากกระบวนการพิจารณาตามประมวลกฎหมายพิจารณาความแพ่งและทางอาญา

ทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริงแล้ว กระบวนการสืบสวนสอบสวนตั้งแต่ชั้น คตส. ไปจนถึงการต่อสู้คดีในศาล ผู้ถูกกล่าวหาต่างสามารถชี้แจงข้อเท็จจริง ต่อสู้ หักล้างข้อกล่าวหาอย่างเต็มที่ ไม่ได้เป็นการพิจารณาลับทั้งหมดดังที่อดีตนายกรัฐมนตรีโกหกต่อสาธารณะแต่อย่างใด เหตุพ่ายแพ้ในคดีเป็นเพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน ส่วนที่ชนะคดีก็เป็นเพราะสามารถหักล้างข้อกล่าวหาได้เช่นกัน

เป้าประสงค์ล้มล้างคดีคตส.โดยอาศัยวาทกรรม “ปรองดอง” ยังสร้างความงงงวยให้กับสังคมไม่น้อย เพราะการอ้างว่าคตส.มีที่มาไม่ถูกต้องเพราะตั้งโดยคณะรัฐประหารนั้น เป็นประเด็นที่ศาลฎีกาฯ ได้วินิจฉัยและตัดสินไปแล้ว

นอกจากนั้น กระบวนการรวบรวมข้อมูล ไต่สวนคดี ของคตส. เป็นเช่นเดียวกับกระบวนการของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคดีที่ค้างคาก็ถูกโอนมาให้ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อ คตส.จึงเป็นแต่เพียงผู้ทำสำนวนคดี ส่วนการพิจารณาตัดสินคดีความเป็นเรื่องของศาลที่ดำเนินการตามกระบวนยุติธรรมปกติ

อดีต คตส. เช่น แก้วสรร อติโพธิ ถึงกับตั้งคำถามต่อสถาบันพระปกเกล้าที่มีข้อเสนอให้เพิกถอนผลทางกฎหมายที่ดำเนินการโดยคตส.ว่า คดีคอร์รัปชั่นที่คตส.ทำเกี่ยวอะไรกับความขัดแย้งทางการเมืองและนิรโทษกรรม สถาบันพระปกเกล้าควรไปเปิดบริษัทที่ปรึกษาแล้วเลิกเรียกตัวว่าสถาบันและควรถวายชื่อสถาบันกลับคืนวังไปเพื่อไม่ให้เสียหายไปมากกว่านี้

เช่นเดียวกับที่ อุดม เฟื่องฟุ้ง ที่ถามหาสำนึกจาก บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการพระปกเกล้า ว่าการที่คนบางกลุ่มไปทำงานรับใช้นักการเมือง แล้วมาอ้างชื่อสถาบันพระปกเกล้า ที่อาศัยพระนามของรัชกาลที่ 7 ไปใช้ เป็นเรื่องที่ใช้ได้และถูกต้องตามตรรกะการก่อตั้งของสถาบันพระปกเกล้าหรือไม่

เมื่อข้อเสนอปรองดองสามารถสร้างความขัดแย้งในสังคมได้มากขนาดนี้ คงต้องรออีกนานกว่าความปรองดองจะเกิดขึ้นได้จริง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน อาจารย์ ตจต ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf lmyour แปลภาษา ชขภใ ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมฟรี 2566 ขขขขบบบยข ่ส ศัพท์ทางทหาร military words หนังสือราชการ ตัวอย่าง หยน แปลบาลีเป็นไทย ไทยแปลอังกฤษ ประโยค การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ข้อสอบโอเน็ต ม.3 ออกเรื่องอะไรบ้าง พจนานุกรมศัพท์ทหาร เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด แปลภาษามลายู ยาวี Bahasa Thailand กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมออนไลน์ การ์ดจอมือสอง ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย คะแนน o-net โรงเรียน ค้นหา ประวัติ นามสกุล บทที่ 1 ที่มาและความสําคัญของปัญหา ร. ต จ แบบฝึกหัดเคมี ม.5 พร้อมเฉลย แปลภาษาอาหรับ-ไทย ใบรับรอง กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน PEA Life login Terjemahan บบบย มือปราบผีพันธุ์ซาตาน ภาค2 สรุปการบริหารทรัพยากรมนุษย์ pdf สอบโอเน็ต ม.3 จําเป็นไหม เช็คยอดค่าไฟฟ้า แจ้งไฟฟ้าดับ แปลภาษา มาเลเซีย ไทย แผนที่ทวีปอเมริกาเหนือ ่้แปลภาษา Google Translate กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน ก่อนจะนิ่งก็ต้องกลิ้งมาก่อน เนื้อเพลง ข้อสอบโอเน็ตม.3 มีกี่ข้อ คะแนนโอเน็ต 65 ตม กรุงเทพ มีที่ไหนบ้าง