ต างประเทศ โศกนาฏกรรม ฝนดำ ฮ โรช ม า

เปิดประวัติทุกด้านของ เจ. รอเบิร์ต ออปเพนไฮเมอร์ (J. Robert Oppenheimer) ผู้สร้างระเบิดนิวเคลียร์คนแรกของโลก ที่กลายเป็นเรื่องราวในภาพยนตร์ “Oppenheimer” โดยคริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan)

คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) หยิบยกประวัติของเจ. รอเบิร์ต ออปเพนไฮเมอร์ (J. Robert Oppenheimer) ผู้สร้างระเบิดนิวเคลียร์คนแรกของโลก มาสร้างเป็นภาพยนตร์ในชื่อออปเพนไฮเมอร์ (Oppenheimer) โดยมีคิลเลียน เมอร์ฟี (Cillian Murphy) มาแสดงเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์

ยุครุ่งเรืองของ J. Robert Oppenheimer

ออปเพนไฮเมอร์เริ่มมีชื่อเสียงจากการเป็นนักฟิสิกส์ทฤษฎีที่เชี่ยวชาญด้านฟิสิกส์ควอนตัม (Quantum Physics) และฟิสิกส์ทฤษฎี รวมถึงยังเป็นเพื่อนกับนักวิทยาศาสตร์แห่งยุคอย่างอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein) ด้วย

ในปี 1942 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ออปเพนไฮเมอร์ถูกทาบทามให้มาร่วมงานในโครงการพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์เพื่อหยุดยั้งสงคราม ซึ่งเรียกว่าโครงการแมนฮัตตัน (Manhattan Project) และรับตำแหน่งผู้อำนวยการที่ห้องทดลองลอส อะลามอส (Los Alamos Laboratory) เพื่อพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์ลูกแรกขึ้นมา

ในวันที่ 16 กรกฎาคม 1945 เขาและทีมงานได้ทำการทดลองระเบิดที่เรียกว่าการทดลองทรินิตี้ (Trinity Test) ที่เมืองจำลองในพื้นที่โครงการและประสบความสำเร็จ ซึ่งทำให้เขาได้รับฉายาในภายหลังว่าบิดาแห่งระเบิดอะตอม (Father of the atomic bomb)

ยุคตกต่ำของ J. Robert Oppenheimer

อย่างไรก็ตาม การเร่งพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์จนทิ้งระเบิดที่ฮิโรชิม่ากับนางาซิกิที่ญี่ปุ่นในปีเดียวกันแม้ว่าจะกลายเป็นการหยุดสงคราม แต่ทำให้มุมมองต่อระเบิดนิวเคลียร์ของเขาเปลี่ยนไป และหันมาต่อต้านการพัฒนาระเบิดไฮโดรเจนที่มีพื้นฐานมาจากงานที่เขาทำแทน

นอกจากนี้ การสร้างระเบิดนิวเคลียร์ยังผลักดันให้โลกเข้าสู่ยุคสงครามเย็นระหว่างสหรัฐอเมริกากับสหภาพโซเวียต (รัสเซียในปัจจุบัน) ซึ่งเขามีมุมมองค่อนข้างโน้มเอียงไปทางเห็นอกเห็นใจสภาพของโซเวียต อีกทั้งภรรยาของเขายังเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ของสหรัฐอเมริกา ทำให้เขาถูกหน่วยงานความมั่นคงของรัฐบาลกลางอย่างเอฟบีไอ (FBI) และซีไอเอ (CIA) จับตาดูอย่างใกล้ชิดถึงขั้นดักฟังโทรศัพท์ของเขาด้วย

สถานการณ์ยังเลวร้ายมากขึ้น เมื่อเขายอมรับว่าเคยมีสายลับโซเวียตที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยมาล้วงข้อมูลโครงการ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ให้ข้อมูล แต่ก็ทำให้ถูกมองว่าเป็นศัตรูของชาติ และถูกเพิกถอนสิทธิในโครงการลับของประเทศทั้งหมดในปี 1954

มหากาพย์ชีวิตของ J. Robert Oppenheimer

แม้ว่าชีวิตการงานกับรัฐบาลของเขาต้องจบลง แต่ตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันเพื่อการศึกษาขั้นสูง (Institute for Advanced Study: IAS) ไม่ได้ถูกถอดถอน ทำให้เขายังคงเดินหน้าให้ความรู้แก่สาธารณะแม้ว่าจะถูกอัปเปหิจากวงการวิชาการ รวมถึงผลักดันให้มีการพัฒนานิวเคลียร์เพื่อสันติตลอดชีวิตของเขา

และในเวลาต่อมา ปลายยุคสงครามเย็น ผู้คนได้ก้าวข้ามความกลัวต่อคอมมิวนิสต์ ส่งผลให้มุมมองของสาธารณะต่อเขาก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย โดยจอห์น เอฟ เคเนดี้ (John F. Kenedy) อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่มีบทบาทสำคัญ ได้ตัดสินใจมอบรางวัลเอ็นริโก เฟอร์มี (Enrico Fermi Award) รางวัลสูงสุดของนักวิทยาศาสตร์จากฝั่งประธานาธิบดีให้กับเขาในปี 1963

เรื่องราวเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งจากหนังสือชีวประวัติ อเมริกัน โพรมีเทียส: ชัยชนะและโศกนาฏกรรมของเจ. รอเบิร์ต ออปเพนไฮเมอร์ (American Prometheus: Triumph And Tragedy Of J. Robert Oppenheimer, โพรมีเทียสเป็นภาษากรีกแปลว่ามองการณ์ไกล) แหล่งอ้างอิงบทภาพยนตร์ของคริสโตเฟอร์ โนแลน ซึ่งบันทึกในระบบฟิล์มขนาด 70 มิลลิเมตร ตลอดเวลา 3 ชั่วโมง ได้ความยาว 17 กิโลเมตร และหนักถึง 272 กิโลกรัม

ค้นหาตามพื้นที่

ในด้านสังคม จอห์น เกซี ชอบทำตัวเด่นดังในสังคมโดยการอุทิศตัวเพื่อสังคม จัดงานปาร์ตี้ขนาดใหญ่ เขาค่อยๆ มีบทบาทในฐานะตัวแทนสังคม เล่นการเมืองอย่างลับๆ เป็นหัวคะแนนในเขตนอร์วูดพาร์ก เป้นผู้นำเดินพาเหรดเพื่อผู้ป่วยในโรงพยาบาล ร่วมสมาชิกองค์กรการกุศล Jolly Jokers Club เขาชอบเด็กเป็นตัวตลกเพื่อให้เป็นที่ชื่นชอบเด็กๆ จนได้ฉายา “ตัวตลกโพโก” แต่ความชั่วในจิตใจของจอห์น ไม่เปลี่ยนไป เขารักเด็ก แต่ต้องเป็นผู้ชายเท่านั้น และแล้วเขาก็เริ่มแผนอุบาทว์ บริษัทก่อสร้าง PDM ต้องการเด็กหนุ่ม คัดแต่หน้าตาดี หัวอ่อน และชักจูงง่าย...................

เผยแพร่: 18 เม.ย. 2559 21:40 ปรับปรุง: 19 เม.ย. 2559 10:48 โดย: MGR Online

เอเจนซีส์ - เอกวาดอร์ปรับเพิ่มยอดผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปีขึ้นเป็นอย่างน้อย 272 คน และประธานาธิบดี ราฟาเอล คอร์เรีย ระบุตัวเลขรวมยังจะพุ่งขึ้น “แน่นอน” ขณะเจ้าหน้าที่กู้ภัยรีบเร่งค้นหาผู้รอดชีวิตใต้ซากปรักหักพัง และนานาชาติส่งทั้งกำลังใจและความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาทุกข์

แผ่นดินไหวขนาด 7.8 ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อคืนวันเสาร์ (16 เม.ย.) ทำให้อาคารบ้านเรือนและโรงแรมในเมืองชายฝั่งที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวพังพินาศ หลายเมืองราบเป็นหน้ากลอง

ประชาชนอย่างน้อย 2,068 คนได้รับบาดเจ็บจากโครงสร้างสิ่งปลูกสร้างที่ถล่มลงมา ทั้งระหว่างแผ่นดินไหว ตลอดจนอาฟเตอร์ช็อกที่เกิดขึ้นตามมาถึง 230 ครั้งโดยประมาณ

กีโต เมืองหลวงของเอกวาดอร์ รอดพ้นจากโศกนาฏกรรมโดยถูกหางเลขเพียงกำแพงอาคารบ้านเรือนร้าวและไฟฟ้าดับ เช่นเดียวกับโรงงานผลิตและกลั่นน้ำมันที่ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด

ตรงข้ามกับเมืองชายฝั่งที่เสียหายยับเยิน บรรดาชาติเพื่อนบ้านอย่างโคลอมเบีย ตลอดจนถึงเม็กซิโกและเอลซัลวาดอร์ที่เคยเผชิญธรณีพิโรธเช่นกัน รีบส่งทีมกู้ภัยเข้ามาสมทบอย่างเร่งด่วน

ที่เมืองปอร์โตวีโจ ที่อยู่ห่างจากชายฝั่ง 15 กิโลเมตร แรงสั่นสะเทือนทำให้กำแพงเรือนจำถล่ม และนักโทษราว 100 คนฉวยโอกาสหลบหนี

เลดี ซูนิกา รัฐมนตรียุติธรรมเอกวาดอร์ ทวีตว่า สามารถติดตามจับกุมนักโทษจำนวนหนึ่งกลับมาได้ และตำรวจยังคงไล่ล่านักโทษที่หลบหนีอยู่ เอกวาดอร์ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด รวมทั้งประกาศสภาวะพิเศษทั่วประเทศ ประกาศทั้งสองประเภทนี้ต่างมีเนื้อหาระงับสิทธิเสรีภาพบางประการของประชาชน เพื่อให้กองกำลังความมั่นคงและเจ้าหน้าที่สามารถรับมือภัยพิบัติอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

ประธานาธิบดีคอร์เรียเดินทางไปตรวจเยี่ยมพื้นที่ภัยพิบัติเมื่อวันอาทิตย์ (17) หลังจากตัดกำหนดการเยือนวาติกันอย่างเป็นทางการ

ผู้นำเอกวาดอร์ระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุด 272 คนจาก “โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 76 ปี” จะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนและอาจเพิ่มขึ้นจำนวนมากในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า

ทั้งนี้ คอร์เรียกล่าวอ้างอิงถึงเหตุแผ่นดินไหวใหญ่เมื่อ 76 ปีก่อน คือในเดือนสิงหาคม 1949 ซึ่งเกิดขึ้นในพื้นที่ใกล้เมืองอัมบาโต ทางตอนกลางของประเทศ ที่มีผู้เสียชีวิตราว 5,000 คน และสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง สำหรับหนึ่งในพื้นที่ที่เสียหายหนักที่สุดจากแผ่นดินไหวเมื่อวันเสาร์ คือเมืองเปเดอร์นาเลส โดยนายกเทศมนตรี เกเบรียล อัลซิวาร์ ประเมินว่า มีผู้เสียชีวิตที่ยังไม่ได้รับการยืนยันอีกอย่างน้อย 400 คน หลายคนในจำนวนนี้ติดอยู่ใต้ซากโรงแรม ซึ่งขณะเกิดเหตุมีนักท่องเที่ยวพักอยู่จำนวนมาก

เจ้าหน้าที่ความมั่นคงประมาณ 13,500 นายออกลาดตระเวนเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพและสภากาชาดเอกวาดอร์ระดมอาสาสมัครกว่า 800 คนตั้งศูนย์รักษาผู้บาดเจ็บและรับศพผู้เสียชีวิต นอกจากนี้กลุ่มแพทย์ไร้พรมแดนยังส่งทีมจากโคลอมเบียไปช่วย

รัฐบาลแคนาดาเผยว่า มีพลเมืองของตนเสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ 2 คน ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศโคลอมเบียระบุว่าชาวโคลอมเบีย 5 คนเสียชีวิต

สำนักงานธรณีฟิสิกส์เอกวาดอร์รายงานว่า มีความเสียหายเชิงโครงสร้างอย่างรุนแรงไกลถึงกวายากิล เมืองใหญ่ที่สุดในประเทศที่มีประชากรกว่า 2 ล้านคน และอยู่ห่างจากศูนย์กลางแผ่นดินไหว 350 กิโลเมตร

ถึงแม้เอกวาดอร์เกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้งเนื่องจากตั้งอยู่บนวงแหวนไฟของแปซิฟิก แต่สำหรับครั้งล่าสุดนี้ที่กินเวลา 1 นาทีเต็มนั้นถือว่ารุนแรงที่สุดในรอบเกือบ 40 ปี

เดวิด โรเธอรี ศาสตราจารย์ธรณีวิทยาจากมหาวิทยาลัยโอเพนของอังกฤษ ระบุว่า แผ่นดินไหวขนาด 7.8 ที่เอกวาดอร์เท่ากับว่าพลังงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องอาจสูงกว่าแผ่นดินไหวขนาด 7.0 ที่เกิดขึ้นทางใต้ของญี่ปุ่นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาถึง 20 เท่าโดยประมาณ

อย่างไรก็ดี โรเธอรีเสริมว่า ทั้งสองเหตุการณ์ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน

ขณะเดียวกัน นานาชาติแสดงความห่วงใยและส่งกำลังใจ รวมถึงเสนอให้ความช่วยเหลือแก่เอกวาดอร์

พระสันตะปาปาฟรานซิสทรงเรียกร้องให้สวดมนต์ให้ผู้ประสบภัย

จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และเฟเดอริกา โมเกรินี ประธานด้านนโยบายการต่างประเทศของสหภาพยุโรป (อียู) แสดงความเสียใจและเสนอความช่วยเหลือแก่เอกวาดอร์