A wrinkle in time ย นเวลาทะล ม ต

สวัสดีค่าาา ไหนใครดูซีรีส์แล้วเห็นที่คิม โกอึน จากเรื่อง The King: Eternal Monach และอีซมในเรื่อง Taxi Driver หยิบแท่งอะไรมาทาหน้าแล้วสงสัยกันบ้างไหมว่ามันคืออะไรกันน้า ทำไมเค้าเอาลิปสติกมาทาหน้ากัน?

จริงๆแล้ว มันคือนี่เลยยยย

✨KAHI Wringkle Bounce Multi Balm ✨

เค้าเป็นบาล์มอเนกประสงค์ ที่เน้นให้ความชุ่มชื่นให้กับผิวค่ะ

สามารถทาได้ทั้งผิวหน้าและปากเลย เวลาที่ออกมาข้างนอก แทนที่เราจะใช้เป็นหลอดแบบโลชั่นมาทาก็ไม่สะดวกใช้ไหมคะ กว่าจะบีบหยดใส่มือและทา แต่อันนี้เค้ามาในรูปแบบแท่ง เปิดฝาปุ๊บ ทาปั๊บ ง่ายๆเลย

💄สำหรับเนื้อ เค้าจะเป็นเนื้อบาล์ม แต่ไม่หนักหน้า ให้ความรู้สึกสบายผิว ทำให้ผิวฉ่ำวาวแบบสุขภาพดี คือมันดีมากกกก

🇹🇭สำหรับสาวไทยอาจจะมองว่าแดดไทยก็ทำให้ผิวฉ่ำ(จนเยิ้ม)อยู่แล้วจะต้องการสิ่งนี้ไปทำไม จูนขอบอกเลยค่ะว่า เวลาทาเค้าจะดูสุขภาพดีแบบผิวฉ่ำน้ำ ต่างกับหน้าเมือกเด้อ 😂😂😂

🌞และสำคัญมากๆเลยเพราะเมืองไทยแดดร้อน เวลาที่ตากแดด ผิวจะแห้งกร้านโดยที่เราไม่รู้ตัว เราใช้บาล์มตัวนี้พกไปตอนที่ไปทะเล กลับมาผิวยังชุ่มชื้นไม่ไหม้แดดด้วย หรือใช้เป็น after sun ได้เลย ปลื้มสุดเลยค่า😭(ทั้งนี้ใช้ร่วมกับกันแดดน้า ตัวนี้ใช้แทนกันแดดไม่ได้จ้า)

👍🏻PROS:

•พกพาง่าย

•ใช้งานได้หลากหลายทั้งผิวหน้า ลำคอและริมฝีปาก

•เนื้อไม่หนักหนา ซึมไว สบายผิว

•ชุ่มชื้นยาวนาน

👎🏻CONS:

•อาจรู้สึกสกปรกเวลาทาทับเครื่องสำอางค์หรือโดนเหงื่อ แนะนำให้ทำความสะอาดตัวบาล์มทุกวัน

•น้องมีความหนึบหลังทาใหม่ๆ ผมชอบไปติด😂

❤️‍🔥รวมๆให้ 4.5/5 ค่า

พิกัด: จริงๆเพื่อนเกาหลีหิ้วมาให้ แต่ชอปปี้มีขายจ้า กดตรงนี้เพื่อเปิดในชอปปี้

ราคา: 899 บาท

#รีวิวบิวตี้ #แพงแต่ยอมจ่าย

Lemon8สายเกา #รีวิวบิวตี้กับlemon8 #ใช้แล้วชอบ #ใช้จริงรีวิวจริง #ก่อนเสียเงินมาLemon8

multibalm

Kahi

KAHIMULTIBALM #คิมโกอึน #เรื่องผิวผิว #สกินแคร์ #เกาหลี

คอหนังแฟนตาซีตั้งตารอคอยภาพยนตร์จากค่ายดิสนีย์ ที่ดัดแปลงจากหนังสืออ่านประกอบของ Madeleine L’Engle ที่ตีพิมพ์ในปี 1962 อย่าง A Wrinkle in Time ที่จะพาทุกท่านไปสัมผัสผลงานสุดล้ำจินตนาการ

A Wrinkle in Time หรือ ย่นเวลาทะลุมิติ ภาพยนตร์แฟนตาซีกึ่งไซไฟ ว่าด้วยเรื่องราวของ เม็ก เมอร์รี ลูกสาวของนักวิทยาศาสตร์ ดร. อเล็กซ์ เมอร์รี เธอเดินทางข้ามมิติกาลเวลาพร้อมกับน้องชายชาร์ลส วอลเลส และแคลวิน เพื่อนร่วมชั้นเรียน เพื่อตามหาพ่อของเธอที่ติดอยู่ในห้วงเวลาในจักรวาล และปกป้องโลกไม่ให้ถูกห้วงเวลาอันมืดมิดที่พยายามทำลายล้างโลก ด้วยความช่วยเหลือจาก 3 เทพีผู้ทรงอิทธิฤทธิ์

นี่ถือเป็นภาพยนตร์พลังหญิงที่ถูกจับตามอง ตั้งแต่ผู้กำกับหญิง เอวา ดูเวอร์เนย์ ที่เคยฝากฝีมือไว้ในภาพยนตร์เรื่อง Selma พร้อมกับนักแสดงมากฝีมือ อย่าง รีส วิทเทอร์สปูน, มินดี คาลลิง, โอปรา วินฟรีย์ มารับบท 3 เทพีผู้ทรงพลัง คริส ไพน์ รับบทคุณพ่อนักวิทยาศาสตร์ที่ติดอยู่ในห้วงจักรวาล และนักแสดงวัยรุ่นหน้าใหม่ สตอร์ม รี้ด รับบท เม็ก สาวน้อยมหัศจรรย์ในลุคสาวแว่นแสนจืดชืด

Wrinkle in time

ในช่วงแรกภาพยนตร์ดำเนินไปอย่างเรียบๆ กับชีวิตของเม็กและน้องชายที่ต้องถูกเพื่อนๆรังแกและล้อเลียน ก่อนจะเข้าสู่การผจญภัยอันน่าตื่นตาตื่นใจกับตัวละครแฟนตาซีกึ่งไซไฟ ซึ่งดูคับคล้ายคับคลากับภาพยนตร์หลายๆเรื่องของดิสนีย์อยู่เหมือนกัน จึงไม่ได้สร้างความตื่นเต้นได้มากนัก

ขอชื่นชมความสามารถของหนูน้อยสตอร์ม รี้ด เรียกได้ว่า แบกหนังทั้งเรื่องเลยก็ว่าได้ ซึ่งถือว่าทำได้มีสเน่ห์ น่ารัก น่าสงสาร และเป็นคนจริงพึ่งพิงได้ตลอดทั้งเรื่อง ส่วนเดเร็ก แม็คเคบ ผู้รับบทน้องชายผู้ฉลาดเป็นกรด และเลวี่ มิลเลอร์ ผู้รับบทแคลวิน ก็แสดงบทบาทได้ดี ขณะที่นักแสดงฝั่งผู้ใหญ่ โอปราถูกคาดหวังอย่างมากว่าจะรับซีนเด่นในเรื่องนี้ กลับกลายเป็นรีส วิทเทอร์สปูน ที่เล่นได้มีมิติอย่างน่าเอ็นดู

สิ่งที่ได้จากการชมภาพยนตร์นี้ คือการแฝงแง่คิดคำคมไปตลอดทั้งเรื่อง การสะท้อนมุมมองของผู้คนที่จมอยู่ในความทุกข์ ความอิจฉาริษยา ความโกรธ ความไม่พอใจในสิ่งที่ตนมี การอยากเป็นที่ยอมรับของผู้อื่น ที่เด่นชัดที่สุดก็คงเป็นความรักความผูกพันของครอบครัว โดยเฉพาะสองพี่น้องตัวเอกของเรื่องที่ดูอบอุ่นและชัดเจนที่สุดในเรื่องนี้

สวัสดีค่ะน้องๆ ชาวเด็กดีทุกคน ปีนี้มีหนังสือที่ดัดแปลงเป็นหนังเพียบมาก แต่ละเรื่องดังๆ ทั้งนั้น สำหรับเดือนนี้นอกจากหนังรักเพศเดียวกันอย่าง Love, Simon ก็คงหนีไม่พ้นหนังไซไฟแฟนตาซี “A Wrinkle in Time” หรือ “ย่นเวลาทะลุมิติ” ที่ค่ายดิสนีย์ขอส่งตัวแม่อย่าง “โอปราห์ วินฟรีย์” เข้าประกวดเป็นนักแสดงนำ

จากนิยายคลาสสิกของเจ้าแม่นิยายไซไฟ – แฟนตาซีระดับโลก “มาเดลีน แลงเกิล (Madeleine L'Engle)” สู่ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ A Wrinkle in Time เป็นเรื่องราวของเด็กหญิงอัจฉริยะกับภารกิจข้ามจักรวาลของเธอเพื่อช่วยพ่อของเธอ ไหนๆ หนังก็เข้าโรงเดือนนี้แล้ว วันนี้พี่น้ำผึ้งเลยชวนน้องๆ มาดู “7 เรื่องที่ต้องรู้ก่อนดู A Wrinkle in Time ย่นเวลาทะลุมิติ” ค่ะ

(via: The Mary Sue)

ก่อนที่ A Wrinkle in Time จะได้ตีพิมพ์ แลงเกิลเกือบเทมันแล้ว

เหมือนกับนักเขียนคนอื่นทั่วไป มาเดลีน แลงเกิลเองก็เคยมีช่วงเวลาที่อยากหยุดเขียนนิยาย เททิ้งให้มันจบๆ ไป ในตอนนั้นครอบครัวของเธอบังเอิญประสบปัญหาด้านการเงิน แลงเกิลไม่สามารถหาเงินมาช่วยสามีผู้เป็นนักแสดงของเธออย่าง ฮิวจ์ แฟรงคลินเพื่อเลี้ยงลูกๆ ได้ ไหนจะค่าใช้จ่ายส่วนตัวอีก บอกเลยว่าเธอเครียดและกดดันมาก

จนในที่สุดหลังจากที่เธอได้รับจดหมายปฏิเสธจากสำนักพิมพ์ในวันคล้ายวันเกิดครบรอบอายุ 40 ปีของเธอในปี 1958 มาเดลีน แลงเกิลตัดสินใจหยุดเขียนนิยายและเดินหน้าหางานทำที่เป็นหลักแหล่งอย่างจริงจัง ให้ทายว่าเธอทำได้มั้ย?

คำตอบก็คือไม่ แลงเกิลพบว่าตัวเองไม่สามารถหยุดเขียนนิยายได้ เลือดนักเขียนมันแล่นอยู่ในตัวเธอตลอดเวลา ตอนนั้นแหละเธอแลงเกิลจึงกลับมาเขียน A Wrinkle in Time อีกครั้งและเขียนจบในปี 1960 ก่อนสุดท้ายจะได้ตีพิมพ์ในปี 1962 แถมยังคว้ารางวัล Newberry Medal ในปีถัดมาอีกด้วย

ในปี 2012 หนังสือเล่มนี้มีอายุครบรอบ 50 ปี น้องๆ รู้มั้ยคะว่าเกิดอะไรขึ้น? เราพบว่า A Wrinkle in Time มียอดขายมากกว่า 10 ล้านเล่มทั่วโลก ดีงามไปอีก ลองคิดดูว่าถ้าเธอหยุดเขียนไป มันคงไม่มีวันนี้แน่นอน!

หนังสือเรื่อง A Wrinkle in Time (via: amazon)

เป็นหนังสือที่นกมาเยอะ เพราะหาแนวลงตัวไม่ได้

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ A Wrinkle in Time ถูกสำนักพิมพ์ปฏิเสธถึง 26 ครั้ง เพราะไม่รู้ว่าเป็นนิยายสำหรับเด็กหรือผู้ใหญ่ บางสำนักพิมพ์ก็ปฏิเสธด้วยเหตุผลที่ว่า “นี่เป็นนิยายไซไฟ – แฟนตาซีที่ซับซ้อนเกินกว่าเด็กๆ จะเข้าใจได้” บางที่ก็ปฏิเสธด้วยเหตุผลทางศาสนา กลัวว่าจะเกิดปัญหากับชาวคริสต์บ้างอะไรบ้าง ก็ว่ากันไป แต่โชคยังดีเพราะมีอีกหนึ่งสำนักพิมพ์ที่เข้าใจและมองเห็นส่วนดีที่แฝงอยู่ภายในหนังสือเล่มนี้

ทีรอน เรนส์ เอเย่นต์ของแลงเกิลบอกกับสำนักข่าว The New Yorker ถึงเหตุผลที่จอห์น ฟาร์ราต้องการตีพิมพ์ A Wrinkle in Time ว่า มันเป็นเพราะฟาร์ราเป็นคนเคร่งศาสนาและชอบไปโบสถ์ ประเด็นของศาสนาที่ปรากฏในหนังสือนั้นน่าสนใจและมีแง่คิด ฟาร์ราชื่นชมว่าหนังสือเล่มนี้เป็นอะไรที่ “ฉลาด” มาก

A Wrinkle in Time เป็นหนังสือที่จะพาเราไปรู้จักโลกของฟิสิกส์และทำให้เราตกหลุมรักปรัชญาที่แฝงอยู่ในเรื่อง แลงเกิลคิดว่าความเชื่อทางจิตวิญญาณและควอนตัมฟิสิกส์ไม่ใช่สิ่งที่แตกต่างกัน แต่เป็นสิ่งที่ซ้อนทับกัน หนังสือของเธอเล่มนี้จึงเป็นแรงบันดาลใจในการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกและอวกาศที่ห่างไกล แถมยังเป็นแรงบันดาลใจให้เราเป็นคนที่ดีขึ้นด้วยค่ะ

เจนิซ โวสส์ นักบินอวกาศที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก A Wrinkle in Time (via: space.com)

หนังสือเล่มนี้ ส่งคนไปอวกาศจริงๆ

ในฤดูร้อนของปี 1966 เจนิซ โวสส์ (Janice E. Voss) นักเรียนเกรดหกจากโรงเรียนแห่งหนึ่งในอเมริกาได้หยิบหนังสือ A Wrinkle in Time มาอ่าน การเดินทางข้ามเวลาและท่องเที่ยวไปในอวกาศที่เกิดขึ้นในเรื่องทำให้เจนิซ โวสส์กลายเป็นนักวิทยาศาสตร์และนักบินอวกาศของ NASA ในเวลาต่อมา

หลังจากที่มาเดลีน แลงเกิลรู้เรื่องของเจนิซ โวสส์ เธอได้ส่งนิยายเรื่องนี้ไปให้โวสส์ก่อนที่เธอจะขึ้นไปทำภารกิจใหม่ในอวกาศ ต่อมาในวันที่ 1 กรกฎาคม 1997 โวสส์ได้ขึ้นไปในอวกาศเป็นครั้งที่ 4 เวลานั้นเธอได้นำหนังสือเล่มโปรดติดตัวขึ้นไปด้วย ขณะที่โวสส์กำลังอยู่ในวงโคจรของโลกบนกระสวยอวกาศโคลัมเบีย เธอได้อ่าน A Wrinkle in Time อย่างมีความสุข การได้อ่านหนังสือเล่มโปรดที่เป็นแรงบันดาลใจให้เราในที่ๆ มันเป็นของเราคงจะเป็นอะไรที่ดีไม่น้อยเลยนะคะ ว่ามั้ย?

หนังสือชุด Time Quintet (via: amazon.com)

หนังสือเรื่อง Many Ways (via: amazon.com)

ซีรี่ส์ชุดนี้สอดคล้องกับวันสิ้นโลกในไบเบิล

A Wrinkle in Time เป็นหนึ่งในหนังสือชุด “Time Quintet” ที่มาเดลีน แลงเกิลเขียนขึ้นมา มันคือซีรี่ส์ที่พูดถึงเรื่องราวของครอบครัวเมอร์รี่กับภารกิจกอบกู้โลก ในหนังสือเล่ม “Many Waters” ลูกๆ ของครอบครัวเมอร์รี่พบว่าตนเองเกี่ยวข้องกับโนอาห์และครอบครัวของเขาในช่วงวันน้ำท่วมโลก

ในหนังสือมีฉากที่ฑูตสวรรค์พยายามช่วยเด็กๆ ขณะที่เนฟิลิมลึกลับที่ปรากฏใน Genesis 6:4 ของพระคัมภีร์นั้นรับบทเป็นตัวร้าย อีกทั้งชื่อเรื่องยังมาจากเพลงซาโลมอน 8:7 ที่ว่า "Many waters cannot quench love, neither can the floods drown it. If a man were to give all his wealth for love, it would be utterly scorned." ด้วยค่ะ

(via: amazon.com)

แลงเกิลเขียนคำนำให้หนังสือของ C.S. Lewis

แลงเกิลอ่านหนังสือของลูอิส และหนังสือของพวกเขามักถูกนำมาเปรียบเทียบ เนื่องจากภายใต้เรื่องราวสุดแฟนตาซี มันมีเรื่องของศาสนาเป็นองค์ประกอบด้วย แม้ทั้งคู่จะมีความขัดแย้งกันในเรื่องศาสนา แต่แลงเกิลก็ไปเข้าร่วมการประชุมของลูอิสที่อ๊อกซ์ฟอร์ดหลังจากที่เธอกลายเป็นนักเขียนที่ประสบความสำเร็จแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นในหนังสือเล่มใหม่ของลูอิสอย่างเรื่อง “A Grief Observed” ที่ได้ตีพิมพ์ในปี 1989 แลงเกิลนี่แหละก็เป็นคนเขียนคำนำให้ งานเขียนชิ้นนี้เป็นเรื่องราวการต่อสู้กับหายนะของลูอิสที่เกิดขึ้นหลังจากเขาสูญเสียภรรยาเพราะโรคมะเร็ง ซึ่งมันสะท้อนกับชีวิตของแลงเกิล เธอเองก็เศร้าโศกหลังจากสามีของเธอเสียชีวิตด้วยเช่นกัน

เมื่อถามถึงการเปรียบเทียบระหว่างผลงานของเธอกับลูอิส แลงเกิลบอกสำนักข่าว Scholastic ว่า “ฉันคิดว่าข้อแตกต่างหลักๆ คือ ซี.เอส.ลูอิสมีคำตอบมากมายและฉันก็มีคำถามมากมาย”

3 Mrs. W

เป็นหนังสือที่ถูกแบนมาก่อน

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ นอกจากจะถูกสำนักพิมพ์ปฏิเสธถึง 26 ครั้งแล้ว A Wrinkle in Time ยังเป็นหนังสือที่เคยถูกแบนด้วยค่ะ! อย่าว่าแต่เคยถูกแบนเลย จนถึงตอนนี้ก็ยังมีหลายคนแบนหนังสือเล่มนี้ ทำไมน่ะเหรอ? มาๆ จะเม้าธ์ให้ฟัง

นวนิยายเรื่องนี้มีองค์ประกอบที่น่าอัศจรรย์มากมาย ตั้งแต่ความเป็นฟิสิกส์ควอนตัมไปจนถึงความลึกลับของสามสาว "Mrs. W" มันเลยทำให้หนังสือเล่มนี้ตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มคริสเตียนหัวโบราณซึ่งมักตามหาหนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องเกี่ยวกับเวทมนตร์มาสอนในโรงเรียน

อีกทั้งคริสเตียนหัวโบราณยังวิพากษ์วิจารณ์ภาพลักษณ์ของแลงเกิลที่มีต่อศาสนา โดยเฉพาะการอ้างว่าพระเยซูไม่ได้เป็นบุคคลสูงสุด กล่าวคือในตอนกลางของหนังสือ มีการเปรียบเทียบพระเยซูกับพระพุทธเจ้า ไอน์สไตน์ คานธีและดาวิซี กลุ่มเคร่งศาสนาจึงโจมตีว่านิยายเรื่องนี้คือบ่อนทำลายความเชื่อทางศาสนา นี่จึงเป็นที่มาว่าทำไมหลายคนถึงแบนหนังสือเล่มนี้ อย่างไรก็ตามก็ยังมีคนชื่นชอบ A Wrinkle in Time มากมาย ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนิยายสุดคลาสสิกเล่มนี้ถึงเป็นนิยายไซไฟ-แฟนตาซียอดเยี่ยมแห่งศตวรรษที่ 20 ค่ะ

แคทเธอรีน แฮนด์ ผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ (via: Zimbio)

ภาพยนตร์ A Wrinkle in Time เกิดขึ้นเพราะเด็กผู้หญิงเกรด 5 คนหนึ่ง

ที่ LA ในปี 1963 แคทเธอรีน แฮนด์ นักเรียนเกรดห้าถูกลงโทษด้วยการส่งตัวไปยังห้องสมุดเนื่องจากเธอพูดมากเกินไป ที่นั่นเอง เธอได้พบกับหนังสือ A Wrinkle in Time และตกหลุมรักไปกับความน่าตื่นเต้นของนิยายเล่มนี้ เธอเขียนจดหมายถึงผู้ชายคนหนึ่งที่คิดว่าเขาสามารถช่วยสานฝันให้หนังสือเล่มนี้เป็นจริงได้ เขาคนนั้นคือ “วอลต์ ดิสนี่ย์” แต่น่าเศร้า แฮนด์ไม่กล้าส่งจดหมายนั้นไปหาเขา แถมสามปีต่อมาดิสนี่ย์ก็เสียชีวิตลง

เมื่อแฮนด์ก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในวงการฮอลลีวูด เธอได้นำหนังสือเล่มมาปรับเปลี่ยนก่อนนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ รวมทั้งยังได้พบกับแลงเกิลที่คอยช่วยเธอในด้านลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ พวกเขายังคงปรับบทหนังจนกระทั่งแฮนด์กลายเป็นผู้อำนวยการสร้างและผู้ผลิตโทรทัศน์ในปี 2003

น่าเศร้าสำหรับแฮนด์และแลงเกิลที่ในตอนนั้น A Wrinkle in Time ยังเป็นแค่ละครทีวี จนกระทั่งแฮนด์ไล่ตามความฝันของตัวเองไม่หยุดหย่อน ในที่สุดเธอก็สามารถทำในสิ่งที่หลายคนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ขึ้นมา เพราะในตอนนี้ 54 ปีหลังจากที่แคทเธอรีน แฮนด์อ่านหนังสือ A Wrinkle in Time เธอได้ขึ้นแท่นเป็นผู้ผลิตภาพยนตร์ A Wrinkle in Time ของดิสนีย์

เด็กหญิงอัจฉริยะที่ต้องออกตามหาพ่อที่หายไปในจักรวาล

เป็นอย่างไรบ้างคะกับเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับ A Wrinkle in Time ที่พี่นำมาฝากในวันนี้ สำหรับพี่น้ำผึ้ง พี่คิดว่า A Wrinkle in Time เป็นหนังสือที่ค่อนข้างเฟมินิสต์ในระดับหนึ่ง กล่าวคือในยุคนั้น (ช่วง 60) ตัวเอกของนิยายไซไฟ – แฟนตาซีมักเป็นผู้ชาย ยากนักที่จะเจอผู้หญิง แต่ว่าแลงเกิลคิดต่าง เธอให้เด็กหญิงเม็กเป็นตัวเอกของเรื่อง ดูๆ ไปแล้วก็เหมือนเป็นการปูทางเลยนะคะ เพราะเดี๋ยวนี้นิยาย

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน อาจารย์ ตจต ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf lmyour แปลภาษา ชขภใ ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมฟรี 2566 ขขขขบบบยข ่ส ศัพท์ทางทหาร military words หนังสือราชการ ตัวอย่าง หยน แปลบาลีเป็นไทย ไทยแปลอังกฤษ ประโยค การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ข้อสอบโอเน็ต ม.3 ออกเรื่องอะไรบ้าง พจนานุกรมศัพท์ทหาร เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด แปลภาษามลายู ยาวี Bahasa Thailand กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมออนไลน์ การ์ดจอมือสอง ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย คะแนน o-net โรงเรียน ค้นหา ประวัติ นามสกุล บทที่ 1 ที่มาและความสําคัญของปัญหา ร. ต จ แบบฝึกหัดเคมี ม.5 พร้อมเฉลย แปลภาษาอาหรับ-ไทย ใบรับรอง กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน PEA Life login Terjemahan บบบย มือปราบผีพันธุ์ซาตาน ภาค2 สรุปการบริหารทรัพยากรมนุษย์ pdf สอบโอเน็ต ม.3 จําเป็นไหม เช็คยอดค่าไฟฟ้า แจ้งไฟฟ้าดับ แปลภาษา มาเลเซีย ไทย แผนที่ทวีปอเมริกาเหนือ ่้แปลภาษา Google Translate กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน ก่อนจะนิ่งก็ต้องกลิ้งมาก่อน เนื้อเพลง ข้อสอบโอเน็ตม.3 มีกี่ข้อ คะแนนโอเน็ต 65 ตม กรุงเทพ มีที่ไหนบ้าง