การเข ยน mind mapping เร อง verb to be ม.2

ใบงานท่ี 1 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 (Interpersonal relationship) เร่อื ง แบบฝกึ จบั คูส่ านวนการทักทายกับความหมาย Direction : Match column A with column B AB __ 1. How are you keeping? a. วันน้ีอากาศคอ่ นข้างหนาว __ 2. I’m great. b. เป็นหวัด __ 3. It’s rather cold today. c. ฉันสบายดี __ 4. Have a cold. d. มไี ข้ __ 5. Have a fever. e. เปน็ ไงบา้ ง __ 6. Not too badly, and yourself. f. ไม่ค่อยดี __ 7. It could be worse. g. สบายดคี ะ แล้วคุณละ __ 8. Just about O.K. h. ไมค่ ่อยสบายครับ 

ใบงานที่ 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 (Interpersonal relationship) เรื่อง บทสนทนาสาหรบั การแสดงบทบาทสมมติ Practice the conversation Jimmy : Hello, my name is Jimmy. But, you can call me Jim. Can I know you? John : I’m John. Most people call me Johnny. Jimmy : Where do you come from John? John : I come from England. What about you? Jimmy : I’m from United States. John : Where do you live? Jimmy : I live in Thailand with my family. 

ใบงานท่ี 3 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 (Interpersonal relationship) เร่ือง แบบฝกึ เติมคาเรื่องการกล่าวลา Good night great So long Bye Take care of yourself 1. A : It’s been ………1……meeting you again, Mr. Broun, but I really must be going now. Please keep in touch. B : I will. Thanks for the lunch. ………2………… 2. B : O.K. I’ll phone you next week. A : Please do. Good bye. B : ……………3…………… 3. B : I’ll do that ………………4……………… A : Take care of yourself, too. Bye. 4. A : It’s been very pleasant talking to you, Miss Jones. I hope we’ll meet again. B : I’m sure we will …………5……………. A : Good night to you. 

ใบงานที่ 4 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 (Interpersonal relationship) เร่อื ง การขอโทษและการขออนุญาต Direction : Complete the conversation below. 1. A : ………………………… I didn’t call you. I was so …………………… I forgot. B : Think nothing of it. 2. A : ………………………… I take tomorrow off? I’m supposed to pick my parents up form the airport. B : …………………………… do. A : …………………………… very much. busy , Thank you , Please , May , I’m sorry 

ใบงานท่ี 5 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 (Interpersonal relationship) เรอื่ ง เกม Find Someone Who? How to play 1. ครสู อนคาศัพทย์ ากทป่ี รากฏในแบบฝกึ กจิ กรรม 2. ใหน้ กั เรยี นฝึกโครงสร้างไวยากรณ์ของประโยค 3. แจกแบบฝึกกิจกรรมใหน้ กั เรียนคนละ 1 แผน่ 4. นกั เรียนถามคาถามเพอื่ นคนใดกไ็ ด้ โดยเรมิ่ ต้นประโยคคาถาม Do you ………. ? ขอ้ ใดได้คาตอบ Yes. ให้ นักเรียนเขยี นชือ่ ผตู้ อบไว้ ถ้าได้คาตอบ No. ใหถ้ ามคนอ่ืน 5. เม่ือครบเวลาท่ีกาหนด นกั เรยี นคนใดท่ไี ดร้ ับคาตอบ Yes. มากที่สดุ โดยมรี ายช่อื ผ้ตู อบเขยี นไวใ้ นแบบ กิจกรรมมากท่ีสดุ เปน็ ผูช้ นะ Find Someone Who ……… Names No Statements 1 gets up before 7 o’clock 2 always come to school late 3 watches T.V. every night 4 does homework before dinner 5 always reads comics 6 likes Coke 7 has three sisters 8 has 20 baht now 9 has a shower every day 10 rides a bicycle to school 11 hates snakes 12 likes English

ใบงานที่ 6 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 (Interpersonal relationship) เร่อื ง การถามข้อมลู Direction : Read the conversation and use the answers in the box to complete the  Where is A : Please ……………………yourself.  What do you like to B : My name is Nida Petpradap. I am from do your free time? Chaiyaphum province.  How old are you? A : ……………………… Chaiyaphum?  Northeastern B : It’s in the ……………………. Of Thailand.  Introduce A : ………………………… ?  How many sisters B : I’m 16 years old. A : ………………………… . and brother do you B : I have two sisters and one brother. have? A : ……………………………… . B : I like reading books. 

ใบงานที่ 7 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 (Interpersonal relationship) เรอ่ื ง การถามขอ้ มูล What would you like to eat ? drink ? order ? pass ? advice ? speak ? tell ? study ? do ? give ? take ? bring ? put ? dress ? cook ? etc. 

Pre / Post Test ตอน Interpersonal realtionship Direction : Match column B with column A AB 1. How do you do ? a. ยนิ ดีท่พี บคณุ 2. Nice to meet you. b. ขอโทษ 3. Can’t complain. c. สวัสดี 4. How are you ? d. คณุ สบายดหี รือเปล่า 5. Never mide. e. สบายดีครับ 6. Excuse me. f. ไมเ่ ป็นไร 7. Don’t mention it g. ช่วยบอกทางไปยงั 8. Be my guest. h. เชิญน่ัง 9. How to get to ………? i. ตามสบายนะครับ 10. Please take a seat. j. ไมเ่ ป็นไร

เฉลย ใบงานที่ 1 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 (Interpersonal relationship) เร่ือง แบบฝกึ จับคสู่ านวนการทกั ทายกับความหมาย Direction : Match column A with column B AB _e_ 1. How are you keeping? a. วนั นี้อากาศค่อนข้างหนาว _c_ 2. I’m great. b. เปน็ หวดั _a_ 3. It’s rather cold today. c. ฉนั สบายดี _b_ 4. Have a cold. d. มีไข้ _d_ 5. Have a fever. e. เป็นไงบ้าง _h_ 6. Not too badly, and yourself. f. ไมค่ ่อยดี _f_ 7. It could be worse. g. สบายดีคะ แล้วคุณละ _g_ 8. Just about O.K. h. ไมค่ ่อยสบายครับ 

ใบงานท่ี 3 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 (Interpersonal relationship) เร่อื ง แบบฝึกเติมคาเรอ่ื งการกลา่ วลา Good night , great , So long , Bye , Take care of yourself 1. A : It’s been …1 ( great)……meeting you again, Mr. Brown, but I really must be going now. Please keep in touch. B : I will. Thanks for the lunch. …2 ( so long )………… 2. B : O.K. I’ll phone you next week. A : Please do. Good bye. B : ………3…(Bye)………… 3. B : I’ll do that ………4…( take care of yourself)…………… A : Take care of yourself, too. Bye. 4. A : It’s been very pleasant talking to you, Miss Jones. I hope we’ll meet again. B : I’m sure we will ……5…( Good night)…………. A : Good night to you. 

ใบงานที่ 4 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 1 (Interpersonal relationship) เร่ือง การขอโทษและการขออนญุ าต Direction : Complete the conversation below. 1. A : ……( I’m sorry )…… I didn’t call you. I was so …(busy)……… I forgot. B : Think nothing of it. 2. A : ……( May )………… I take tomorrow off? I’m supposed to pick my parents up form the airport. B : …(Please)………… do. A : …( Thank you )………………………… very much. busy , Thank you , Please , May , I’m sorry 

ใบงานท่ี 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 (Interpersonal relationship) เรื่อง การถามขอ้ มูล Direction : Read the conversation and use the answers in the box to complete the  Where is A : Please……(introduce )……yourself.  What do you like to B : My name is Nida Petpradap. I am from do your free time? Chaiyaphum province.  How old are you? A : (Where is )……… Chaiyaphum?  Northeastern B : It’s in the… (Northeastern)..Of Thailand.  Introduce A : …….( How old are you ? )… ?  How many sisters B : I’m 16 years old. A :( How many sisters and brothers do you have ?) and brother do you B : I have two sisters and one brother. have? A : (What do you like to do on your free time?) B : I like reading books. 

Pre / Post Test ตอน Interpersonal relationship Direction : Match column B with column A 1. c 2. a 3. e 4. d 5. j 6. b 7. f 8. i 9. g 10. h

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 2 : Language รายวชิ าภาษาองั กฤษพื้นฐาน รหัสวชิ า อ22101 ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 เวลา 12 ชัว่ โมง ………………………………………………………………………………………………………………………………………. สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การส่อื สาร สาระที่ 2 ภาษาและวฒั นธรรม มาตรฐานการเรยี นรู้ มฐ. ต 1.1 เข้าใจและตีความเรอื่ งทีฟ่ งั และอา่ นจากสื่อประเภทตา่ งๆ และแสดงความคดิ เห็นอย่างมี เหตผุ ล มฐ. ต 1.2 มที ักษะการส่อื สารทางภาษา ในการแลกเปลีย่ นขอ้ มูล ข่าวสาร การแสดงความรู้สึกและ ความคดิ เหน็ อยา่ งมีประสิทธภิ าพ มฐ. ต 2.2 เข้าใจความเหมอื นและความแตกต่างระหวา่ งภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษาและ วัฒนธรรมไทย และนามาใชอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและเหมาะสม ตวั ชี้วดั ต 1.1 ม 2/2 อ่านออกเสยี งขอ้ ความ ข่าว ประกาศและบทร้อยกรองสั้นๆถูกตอ้ งตามหลักการอา่ น ต 1.1 ม 2/4 เลือกหวั ข้อเรื่อง ใจความสาคัญ บอกรายละเอยี ดสนบั สนนุ ( supporting detail ) และ แสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกับเร่อื งท่ฟี งั และอ่านพร้อมทั้งให้เหตุผลและยกตวั อยา่ งประกอบ ต 1.2 ม.2/1 สนทนาแลกเปล่ียนข้อมูลเก่ียวกับตนเอง เร่ืองราวต่างๆใกล้ตัว และสถานการณ์ต่างๆใน ชีวิตประจาวนั อยา่ งเหมาะสม ต 1.2 ม.2/3 พดู และเขยี นแสดงความตอ้ งการเสนอและใหค้ วามชว่ ยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความ ชว่ ยเหลือในสถานการณต์ า่ งๆอยา่ งเหมาะสม ต 1.2 ม.2/5 พูดและเขียนแสดงความรู้สึกและความคิดเห็นของตนเองเก่ียวกับเร่ือง ต่างๆกิจกรรมและ ประสบการณพ์ รอ้ มท้งั ใหเ้ หตุผลประกอบอยา่ งเหมาะสม ต 2.2 ม.2/1 . เปรียบเทียบและอธิบายความเหมือนและความแตกต่างระหว่างการออกเสียง ประโยค ชนิดต่างๆ การใช้เครื่องหมายวรรคตอน และการลาดับคา (order ) ตามโครงสร้างประโยคของ ภาษาต่างประเทศและภาษาไทย

1. เป้าหมายการเรยี นรู้ ( Learning Goal ) ความเขา้ ใจทีค่ งทน การจัดกระบวนการเรียนรวู้ ชิ าภาษาต่างประเทศโดยเฉพาะภาษาอังกฤษนัน้ มีจดุ มุ่งหมายให้ผู้เรยี นพัฒนาทักษะทางภาษาทัง้ 4 ด้าน คอื ทักษะการฟงั การพูด การอา่ น และการเขียน อยา่ งไรก็ตามทักษะทั้ง 4 ทักษะน้ีจะเกิดไดก้ ต็ อ่ เมือ่ ผูเ้ รยี นมีความรพู้ ืน้ ฐานในเรื่อง ของหลกั ภาษาหรอื ไวยากรณ์ (Grammar) และการเรยี นรหู้ ลักไวยากรณน์ นั้ ต้องมีแนวการสอน ท่ีชัดเจน โดยเฉพาะ แนวคดิ ในการสอนภาษาองั กฤษเป็นภาษาต่างประเทศ (Teaching English as a Foreign Language) ความรแู้ ละทักษะครอ่ มวิชา (ทักษะ/กระบวนการ ) (1) ทกั ษะการฟงั พูด อ่าน (2) ทักษะการคิด (3) กระบวนการกลมุ่ ความรแู้ ละทกั ษะเฉพาะวชิ า (สาระ) (4) แบบฟอร์มของ Tenses ท้ัง 4 (5) วธิ ีใช้ Tenses ทั้ง 4 (6) แบบฝึกหดั เก่ียวกับ Tenses (7) การแตง่ ประโยคโดยใช้ Tenses ท้งั 4 จติ พสิ ัย (คณุ ลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ ) (1) ความเชื่อม่ันในการใช้ภาษา ( 2) ความสนุกสนานในการเรยี น ( 3( มีความรับผิดชอบในการทางาน (8) สาระการเรยี นรู้ เน้ือหา (1) รูปแบบ )Form( ของ Present Simple , Present Continuous , Present Perfect และ Past Simple Tense (2) วิธใี ช้และคาแสดงเวลา )Adverbs of time( ที่ใช้กบั Tense น้ันๆ คาศัพท์ / สานวน (3) คากรยิ าทัง้ ทเ่ี ปน็ กริยาทีม่ ีกรรมและไมม่ ีกรรม (4) คานาม คาสรรพนาม กรยิ า กริยาวิเศษณ์ (5) ชดุ คาถามที่สาคัญ - ภาระงาน (6) ทาแบบฝกึ หัดเก่ียวกบั Tense ต่างๆ (7) เขียนประโยคดว้ ยตนเองโดยใช้ Tense ตา่ งๆ การบูรณาการ 1.ภาษาไทย

2.วทิ ยาศาสตร์ 3.ศิลปะ 4.คณิตศาสตร์ ชว่ั โมงที่ 1-3 (Present Simple Tense) - แจง้ มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชวี้ ดั - Pre – test ขน้ั Warm up 1.ให้นกั เรียนเล่นเกม Word Chain เก่ียวกบั คากริยาโดย 1.1 แบ่งนกั เรยี นออกเป็น 2 ทมี ทมี A และทมี B 1.2 แต่ละทีมสง่ ตวั แทนทีละคนมาเขยี นคากริยาบนกระดาน เชน่ คนที่ 1 ทมี A เขียนคาว่า Catch นักเรยี นคนที่ 2 จะมาเขยี นคากรยิ าทข่ี ึ้นตน้ ด้วย h ซง่ึ เปน็ พยางคส์ ดุ ทา้ ยของคาวา่ Catch เช่น Hate เปน็ ตน้ 1.3 ดาเนนิ การเช่นนีไ้ ปจนหมดเวลาที่ครกู าหนด ทีมใดท่เี ขยี นได้จานวนมากและถกู ตอ้ งเป็นทมี ชนะ ขน้ั Presentation 2. ครูทบทวนกรยิ าต่างๆ อีกคร้ังโดยใช้ แผน่ ใส บัตรคา หรือการสาธติ 3. แจกใบความรู้ที่ 1 เร่ืองหลกั การใช้ Present Simple Tense และ Adverbs of time ทใ่ี ช้ใน Present Simple Tense พรอ้ มอธิบาย 4.แจกใบความรู้ที่ 2 ตวั อยา่ งประโยคท่ีเปน็ ลักษณะบอกเล่า ปฏเิ สธ และคาถาม พรอ้ มอธิบายประกอบ ขั้น Practice 5.นกั เรียนฝึกแตง่ ประโยคบอกเลา่ ทลี ะคนโดยครจู ะกาหนดประธานและกริยาให้ 6.นกั เรยี นฝึกทาแบบฝึกเก่ียวกับ present Simple Tense )ใบงานท่ี 1( 7.แจกแบบฝึกใหน้ ักเรียนฝกึ ตั้งคาถามจากประโยคบอกเล่า )ใบงานที่ 2( 8.เฉลยคาตอบท่ีถูกนักเรียนตรวจบนกระดาน. 9นกั เรียนแตง่ ประโยคโดยใช้ Present Simple Tense ขึน้ เอง ขั้น Production 10.ร่วมกนั สรปุ วธิ ีใช้ Present Simple Tense อกี ครง้ั หน่ึง 11.ทา Mind Mapping เพอ่ื สรุปความรู้ ขน้ั Wrap up 12.ช่วยกันแต่งเร่อื งหรือแตง่ เรยี งความโดยใช้ Present Simple Tense แล้วติดผลงานหรอื จดั บอร์ดไวห้ นา้ หอ้ ง

ส่ือการเรยี นรู้ 1.เกม Word Chain 2.ใบความรทู้ ี่ 1,2 3.ใบงานท่ี 1, 2 4.รปู ภาพ / ของจรงิ 5.สถานการณจ์ รงิ แหลง่ การเรยี นรู้ 1.หอ้ งสมดุ 2.หนงั สอื Grammar 3.เหตุการณ์ในชวี ิตประจาวัน 1. การเล่นเกม 2.วดั จากการทาแบบฝึกใบงานท่ี 1,2 3. วัดจากการแตง่ ประโยคหรอื ทากจิ กรรมดว้ ยตนเอง 4.วดั จากการทดสอบ Pre Test 5.วัดจากความตัง้ ใจและความรับผดิ ชอบ ช่วั โมงท่ี 4-6 (Present Continuous Tense) ข้นั Warm up 1.นักเรียนเลน่ เกม “What am I doing” โดย 1.1 แบ่งนักเรียนออกเป็น 2 ทีม ทมี A และ ทมี B 1.2 ทาฉลากคากรยิ าทีเ่ ตมิ ing แลว้ ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะทมี สง่ ตัวแทนมาจับฉลาก ทีละคน 1.3 อ่านฉลากทจี่ ับไดแ้ ละปฏบิ ตั ิตามนน้ั )โดยไมใ่ ห้พดู ( เชน่ ได้คาวา่ Singing ที่แสดงอาการ รอ้ งเพลง เปน็ ตน้ 1.4 นกั เรยี นทอ่ี ยู่ทีมตรงกนั ขา้ มจะทายว่าเขากาลงั ทาอะไร ถา้ ทายถูกจะได้เปลย่ี นเป็นฝ่าย แสดง ถา้ ทายไม่ถูกจะตอ้ งเพอ่ื นทมี เก่าเลน่ ต่อไป ขั้น Presentation 2.ครูพูดประโยคใน Present Simple Tense แล้วแสดงทา่ ทางประกอบ เช่น I am walking now. หรอื ช้ีไปทนี่ กั เรียนแลว้ พดู ว่า She is talking now. เปน็ ต้น 3.ครแู จกใบความรูท้ ี่ 3 เร่ือง Present Continuous Tense พรอ้ มอธบิ ายและยกตัวอยา่ ง ขั้น Practice 4.นกั เรียนฝกึ แตง่ ประโยคปากเปลา่ โดยครจู ะกาหนดประธานและคากรยิ าให้ เชน่ Joy / swimming

นกั เรยี น แตง่ Joy is swimming now. เปน็ ตน้ การฝกึ อาจฝึกทัง้ ช้ัน เปน็ กลุม่ หรือ สุ่มทลี ะคน 5.ทาแบบฝึกหัดเรอ่ื ง Present Continuous Tense จากใบงานที่ 3 6.ให้นักเรยี นแตง่ ประโยค Present Continuous Tense โดยใชภ้ าพประกอบ เช่น ประโยค She is teaching now กจ็ ะมีภาพครผู ูห้ ญิงกาลังสอน เป็นตน้ ขนั้ Production 7นาเสนอผล.งานหนา้ ช้ัน ครแู ละเพื่อนชว่ ยกันแกไ้ ขและเสนอแนะถา้ รูปประโยคผิด ข้นั . Wrap up 8.รวบรวมผลงานทีน่ ักเรยี นแต่งประโยค ประกอบภาพเยบ็ เป็นกลุ่ม แลว้ เก็บไว้ศึกษา ทบทวนเพ่ือให้รุ่นน้องได้ ค้นคว้า สือ่ การเรยี นรู้ 1.เกม What am I doing ? 2.ใบความรทู้ ี่ 3 3.ใบงานท่ี 3 4.รูปภาพ / ของจรงิ 5.สถานการณ์จรงิ แหลง่ การเรยี นรู้ 1.หอ้ งสมุด 2.หนงั สือ Grammar 3.เหตุการณใ์ นชวี ติ ประจาวนั การวดั และประเมนิ ผล 1. การเลน่ เกม 2.วดั จากการทาแบบฝึกใบงานท่ี 3 3. วัดจากการแต่งประโยคหรอื ทากิจกรรมดว้ ยตนเอง 4.ความตั้งใจและความรบั ผิดชอบ ชั่วโมงท่ี 7-9 (Present Perfect Tense) ขนั้ Warm up 1.นักเรยี นเลน่ เกมจับคู่ Matching Game กรยิ าชอ่ ง 1 และกิริยาชอ่ ง 3 1.1 นักเรยี นแบง่ กล่มุ กลมุ่ ละ 4 – 6 คน 1.2 รับเกมจับคู่จากครูคนละ 1 ชุด ซึง่ จะประกอบดว้ ยคากริยา 20 คู่ )อาจซา้ กันหรอื ไม่ซา้ กัน ก็ได้(

1.3 จับคู่คากรยิ าชอ่ งที่ 1 และช่องที่ 3 ใหไ้ ด้มากที่สุด และถูกต้องทส่ี ดุ )ถ้าเปน็ ไปไดก้ ริยาควร ข้ึนต้นดว้ ยอักษรเดยี วกัน เชน่ ตวั b จะมกี รยิ า buy , bring , break เป็นตน้ ( 1.4 กลมุ่ ทท่ี าไดถ้ ูกต้องและใชเ้ วลาเรว็ ท่ีสดุ เปน็ กลมุ่ ชนะ ขัน้ Presentation 2.อธบิ ายที่มาของ Present Simple Tense ว่าเกิดตรงจุดใดของเวลา 3.แจกใบความรู้ที่ 4 เรือ่ ง หลกั การใช้ Present Perfect พร้อมยกตวั อยา่ งประกอบ 4.แจกใบความรู้ที่ 5 เรือ่ ง ตัวอย่างประโยค Present Perfect ซึ่งมี adverb of time ประกอบอยู่ พรอ้ มทง้ั อธิบายวธิ ีใช้ adverb แต่ละตวั ขัน้ Practice 5.นักเรียนชว่ ยกนั แตง่ ประโยค Present Perfect ตาม Queue words ที่ครูบอกหรอื เขียนบนกระดาน 6.ฝกึ ทัง้ แบบกลุ่มและรายบคุ คลจนคลอ่ ง 7.นกั เรียนทาแบบฝึกเก่ยี วกับ Present Perfect จากใบงานที่ 4 8.ครูตรวจใหค้ ะแนน ขัน้ Production 9.นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 6 คน เพอ่ื สรา้ งแบบฝกึ ในเรือ่ งของ Present Perfect Tense โดยการสร้าง อาจ สรา้ งเป็นเกม หรอื เป็นใบงานรูปแบบต่างๆ ขั้น Wrap up 10.ถา้ เป็นไปได้ใหน้ ักเรยี นแต่งเรียงความหรอื แต่งบรรยายภาพโดยใช้ Prefect Tense ส่อื การเรยี นรู้ 1.เกม Matching Game 2.ใบความรูท้ ่ี 4 - 5 3.ใบงานที่ 4 4.รปู ภาพ / ของจริง 5.สถานการณ์จรงิ แหลง่ การเรยี นรู้ 1.หอ้ งสมุด 2.หนงั สอื Grammar 3.เหตกุ ารณใ์ นชวี ิตประจาวัน

การวัดและประเมนิ ผล 1. จากการเล่นเกม 2.วัดจากการทาแบบฝึกใบงานที่ 4-5 3. วัดจากการแต่งประโยคหรือทากิจกรรมด้วยตนเอง 4.ความต้ังใจและความรบั ผดิ ชอบ ชวั่ โมงท่ี 10-12 (Past Simple Tense) ขน้ั Warm up 1.นกั เรียนทากิจกรรม “Response” โดย 1.1 ครพู ดู คากริยาช่วงท่ี 1 เชน่ go 1.2 นักเรียนจะตอบสนองครูโดยพูดกรยิ าชอ่ งท่ี 2 เช่น went (ซ่ึงการตอบสนองในตอนแรกให้ ฝกึ ทัง้ ช้นั เปน็ ทีม และสุ่มตวั อย่างฝกึ เดี่ยว( 1.3 สรุปคากริยาชอ่ ง 1 และชอ่ ง 2 ทไ่ี ดท้ ั้งหมดบนกระดาน นักเรยี นอา่ นพร้อมๆ กัน ข้ัน Presentation 2.ครยู กประโยคตัวอย่างในรูปของ Past Simple Tense เช่น She broke the grass yesterday. He ate noodle three days age. 3.นกั เรียนและครูรว่ มกนั อภปิ รายเกย่ี วกับรูปประโยคและคาแสดงเวลาทีอ่ ย่ใู น Past Simple Tense. 4.นักเรยี นรบั ใบความรทู้ ี6เร่ืองหลักการใช้ Past Simple Tense พรอ้ มทัง้ อธิบายประกอบ 5.นกั เรยี นรบั ใบความรทู้ ่ี 7 เรอื่ งตวั อย่างประโยคบอกเลา่ ประโยคคาถาม และประโยคปฏเิ สธ ใน Past Simple Tense 6.ครอู ธบิ ายเพิ่มเติมโดยเฉพาะเร่ืองของการสรา้ งประโยคคาถามและการสรา้ งประโยคปฏิเสธ ขนั้ Practice 7.นกั เรียนฝกึ ปากเปลา่ โดยการเปลยี่ นคากรยิ าจากช่อง 1 เป็นชอ่ ง 2 ในตัวอย่างประโยคทคี่ รูให้บนกระดานหรือแผน่ ใส 8.นกั เรยี นทาแบบฝกึ เร่อื ง Past Simple Tense ในใบงานที่ 5 9.ทาใบงานที่ 6 โดยการเปลี่ยน ประโยคบอกเล่าเป็นประโยคคาถามและประโยคปฏเิ สธ ขั้น Production 10.นักเรียนจบั คู่กบั เพื่อนฝึกเพ่มิ เตมิ ในเรอ่ื งของการสรา้ งประโยคคาถามทอ่ี ยใู่ นรปู ประโยค Past Simple Tense 11. เขียนประโยคใน Past Simple Tense ทงั้ ประโยคทีอ่ ยใู่ นรูปของบอกเลา่ คาถามและปฏเิ สธ 12. ทา Post test

ข้นั Wrap up 13.นกั เรยี นจัดรวบรวมประโยคทีเ่ พอ่ื นแต่งและแกไ้ ขความถกู ต้องจากครแู ลว้ มาขึ้น Board ตดิ ไวห้ นา้ ช้นั โดย เขียนท้งั Board ว่า Past Simple Tense เพอ่ื จะได้ใช้ทบทวนในเวลาว่าง สื่อการเรยี นรู้ 1. กจิ กรรม Response 2.ใบความรูท้ ี่ 6 - 7 3.ใบงานที่ 5-6 4.รูปภาพ / ของจริง 5.สถานการณจ์ รงิ แหลง่ การเรยี นรู้ 1.ห้องสมุด 2.หนังสอื Grammar 3.เหตุการณใ์ นชวี ติ ประจาวัน การวดั และประเมินผล 1. การเลน่ เกม 2.วดั จากการทาแบบฝกึ ใบงานที่ 5-6 3. วัดจากการแต่งประโยคหรือทากิจกรรมดว้ ยตนเอง 4.วดั จากการทดสอบ Post Test 5.วัดจากความตง้ั ใจและความรบั ผดิ ชอบ

ใบความรทู้ ่ี 1 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 Language เร่ือง Present Simple Tense เวลา 12 นาที Present Simple Tense โครงสร้าง : Subject + V. (-s , es , -) + Complement / Object การใช้ 1. ใชแ้ สดงความจรงิ ตามธรรมชาติ หรอื ข้อความจรงิ โดยท่วั ไป ตวั อยา่ ง The sun rises in the east. ดวงอาทติ ย์ข้นึ ทางทศิ ตะวนั ออก Light moves faster than sound. แสงเดินทางเรว็ กว่าเสยี ง 2. ใช้แสดงการกระทาที่ทาจนเปน็ นิสัยถาวร หรือทาซา้ บ่อยๆ ตัวอยา่ ง I drink a glass of coffee every day. ฉันดื่มกาแฟ 1 แก้วทุกวัน He often comes late to school. เขามกั จะมาโรงเรยี นสายเปน็ นิจ 3. ใชแ้ สดงเหตกุ ารณห์ รือการกระทาที่จะเกิดข้นึ ในอนาคต โดยมากมกั จะเก่ยี วกบั การเดนิ ทาง )journey or trip( ตวั อยา่ ง He leaves for Australia next week. เขาจะเดนิ ทางไปออสเตรเลยี สัปดาห์หน้า 4. ใช้ในประโยคาสัง่ )Command( หรือประโยคขอรอ้ ง )Request( ตวั อยา่ ง หุบปากของคุณเสียที กรุณาเปิดหนา้ ต่างที Shut your mouth. Please open the window. 5. ใชใ้ นประโยคอทุ าน )Interjection( ตวั อยา่ ง Here comes Jim! น่ไี ง จิมมาแล้ว There goes the train นนั่ ไง รถไฟมาแล้ว

ใบความรทู้ ี่ 2 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 Language เร่ือง ตวั อย่างประโยคบอกเล่า ปฏิเสธและคาถาม เวลา 10 นาที 1. She goes to school every day. She doesn’t go to school every day. Does she go to school every day? 2. The always play football. They don’t always play football? What do they always play? 3. Sam often speaks English. Sam doesn’t often speak English. Does Sam often speak English? 4. He usually comes here on Sunday ? What does he usually do on Sunday? Where does he usually come on Sunday? 5. We study English every week. We don’t study English every week. When do we study English?

ใบความรูท้ ่ี 3 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 2 Language เรือ่ ง Present Continuous Tense เวลา 10 นาที โครงสร้าง : Subject + is/am/are + V.ing + Complement / Object การใช้ 1. ใชแ้ สดงเหตุการณ์หรอื การกระทาท่กี าลงั เกิดขน้ึ ในขณะทก่ี าลงั พูดอยู่ ตวั อย่าง It’s raining mow. ฝนกาลังตกตอนน้ี The sun is shining so it is a lovely day for a picnic. ดวงอาทิตยก์ าลังทอแสงดงั นน้ั วนั นี้จึงเปน็ วนั ทเ่ี หมาะแกก่ ารไปพกั ผ่อนตากอากาศ 2. ใชก้ บั เหตุการณ์หรือการกระทา 2 อย่างท่ีกาลงั เกิดขน้ึ พร้อมๆ กนั ในปจั จุบนั ตัวอย่าง She is reading a book and (is) singing a song. เธอกาลงั อ่านหนังสือและรอ้ งเพลงคลอตามไปด้วย 3. ใชแ้ สดงเหตุการณห์ รือการกระทาที่จะเกดิ ข้นึ ซา้ แล้วซา้ อีก และผ้พู ดู รสู้ ึกไม่ค่อยสบายใจท่ี เกดิ เหตกุ ารณ์ดงั กลา่ วซา้ ซากจนน่าเบอื่ หนา่ ย ตัวอย่าง You are always spilling things. เธอนีช่ อบทาอะไรหกเลอะเทอะอยู่เรอื่ ย )ผพู้ ูดไม่คอ่ ยพอใจ( 4. ใชแ้ สดงเหตุการณอ์ ย่างหน่งึ ท่ีกาลงั ดาเนนิ อยู่ ในขณะท่มี ผี ู้กระทาการอีกอย่างหนงึ่ ขน้ึ มา โดยไม่คาดฝนั มาก่อนเลย ตัวอยา่ ง She enters the room while I am reading a book. เธอเข้ามาในหอ้ ง ในขณะทีผ่ มกาลังอ่านหนังสอื As I am playing chess, my sister comes in. ขณะท่ีผมกาลงั เลน่ ไพ่อยู่ นอ้ งสาวของผมก็เขา้ มา

5. ใช้แสดงเหตกุ ารณ์หรือการกระทาที่จะเกิดขน้ึ ในอนาคตอันใกลน้ ้ี ตวั อย่าง Thomas is coming here next week. โทมัสจะมาท่ีนใี่ นสัปดาห์หน้า Are you doing anything this evening? คณุ จะทาอะไรหรอื เปลา่ เย็นน้ี หมายเหตุ : เราจะไมใ่ ชค้ ากรยิ าในรูป Continuous forms(หรือ V.ing(เม่ืออยู่หลังคากริยาตอ่ ไปน้ี ก. กรยิ าแสดงการรบั รู้ )verbs of perception(ไดแ้ ก่ fell รู้สกึ hear ได้ยนิ notice สงั เกตเหน็ recognize จาได้ see เห็น smell มีกลน่ิ taste มีรสชาติ ข. กรยิ าแสดงอารมณ์ความรู้สึก )verbs of emotion( ไดแ้ ก่ desire ปรารถนา dislike ไม่ชอบ forgive ให้อภยั hate เกลียด like ชอบ love รัก prefer ชอบ refuse ปฏิเสธ want ต้องการ wish ปรารถนา ค. กริยาแสดงการเปน็ เจ้าของ )verbs of possession( ได้แก่ belong เปน็ ของ owe เปน็ หน้ี own เป็นเจ้าของ possess เปน็ เจา้ ของ ง. กรยิ าแสดงความคิดและทัศนะ )verbs of thinking and ideas( ได้แก่ believe เชอื่ doubt สงสัย expect คาดหวงั feet คิด forget ลมื hope หวังว่า know รู้ mean หมายถงึ mind รงั เกยี จ realize ตระหนัก recall ระลกึ ได้ remember จาได้ จ. กริยาอื่นๆ )other verbs( ไดแ้ ก่ เรยี กว่า appear ดูเหมือนวา่ call concern เกีย่ วขอ้ งกับ consist ประกอบดว้ ย contain ประกอบดว้ ย deserve เหมาะสมท่จี ะ matter เป็นเรอ่ื งสาคัญ seem ดูเหมอื นว่า

ตวั อยา่ ง Susan in loving George.  Susan loves George.  ซซู านรกั ยอรจ์  I am thinking I am still owning you 100 baht.  I think I still owe you 100 baht. ผมคิดวา่ ผมยังเปน็ หน้ีคณุ อยู่ 100 บาท

ใบความรูท้ ่ี 4 เวลา 10 นาที หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 2 Language เรอื่ ง Present Perfect Tense โครงสรา้ ง : Subject + have + has + V.3 + Complement / Object การใช้ 1. ใชก้ บั เหตกุ ารณ์ท่ีเกดิ ขน้ึ ในอดตี และได้เสรจ็ สน้ิ สมบรู ณ์ไปแลว้ แต่ยังมีผลแหง่ เหตุการณ์นัน้ ปรากฏให้ เหน็ ในขณะทีพ่ ูดปจั จุบนั ตัวอย่าง I have turned on the light. ฉนั ได้เปิดไฟ The train has arrived. รถไฟไดม้ าถึงแล้ว 2. ใช้กบั เหตกุ ารณ์ที่เพ่ิงจบสนิ้ ไปหรอื เกอื บจะจบสนิ้ แล้ว โดยปกติจะมีคาวเิ ศษณ์ ได้แก่ just, already, yet ตัวอยา่ ง He has just gone out. เขาเพิง่ จะออกไปข้างนอก He has already done his homework. เขาไดท้ าการบ้านของเขาเสร็จแลว้ 3. ใชก้ บั เหตกุ ารณ์ท่ีเกิดขนึ้ ในอดีตและดาเนินเรอ่ื ยมาจนถงึ ปัจจบุ นั โดยปกตมิ ักจะมคี าวา่ since (ตั้งแต่( หรือ for )เปน็ เวลา( ปรากฏอยู่ ตวั อย่าง They have lived here since 1980. พวกเขาไดม้ าอาศัยอยู่ทน่ี ี่ตั้งแตป่ ี 1980 He has worked here for five years. เขาได้ทางานท่ีนี่มา 5 ปแี ลว้

หมายเหตุ : หากการกระทาทีเ่ กดิ ขน้ึ ในอดตี น้ันมีช่วงเวลาระบไุ ว้ อาทิ age, yesterday, last week / month / year , one week ago , in 1980, ฯลฯ ใหใ้ ช้ Past Simple Tense แตห่ ากเป็น adverbs of time เช่น ever , already , for , just , lately , never , recently , up to the present ใหใ้ ช้ Present Perfect Tense ตัวอยา่ ง He finished his essay an hour ago. เขาได้เขียนเรียงความของเขาเสร็จมาได้ 1 ชัว่ โมงแล้ว ใบความรทู้ ่ี 5 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 Language เร่ือง ตัวอย่างประโยค Present Perfect ทม่ี ี Adverbs ประกอบอยู่ เวลา 15 นาที 1. She has taught here since 2003. 2. I have lived in Bangkok for 3 years. 3. We haven’t finished our homework yet. 4. They have already seen him. 5. Susan has just written the letter. 6. Teerapat has studied in K.P. School for 2 years. 7. Have you cleaned your house yet? 8. Have you ever eaten snake? 9. I’ve just seen your sister. 10. They have never watched T.V. . 

ใบความร้ทู ่ี 6 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 Language เรอื่ ง Past Simple Tense เวลา 15 นาที โครงสร้าง : Subject + V.2 + Complement / Object การใช้ 1. ใชแ้ สดงเหตกุ ารณ์ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในอดีตและเสรจ็ สิน้ สมบูรณไ์ ปแล้วในอดีต ตวั อยา่ ง The train reached the station at two yesterday. รถไฟไดม้ าถึงสถานีเมอื่ เวลาบ่าย 2 โมงเม่ือวานนี้ He came to see us half an hour ago. เขาไดม้ าพบเราเม่อื ครงึ่ ชั่วโมงทีผ่ ่านมา 2. ใช้แสดงอุปนสิ ัยอยา่ งในอดตี )past habit( โดยปกติมักจะมคี าวิเศษณเ์ หล่านีป้ รากฏอยใู่ นประโยค ด้วย เช่น always (เสมอๆ( never )ไมเ่ คย( frequently )บอ่ ยๆ( ฯลฯ ตัวอย่าง They always keps a light on in the hall. พวกเขาชอบเปิดไฟในห้องโถงทง้ิ ไวป้ ระจา She never cooked food when she was 12. เธอไม่เคยปรงุ อาหารเลย เมอื่ ตอนท่ีเธออายุได้ 12 ปี 3. ใชก้ บั การกระทาในอดตี ที่เกิดขึ้นเปน็ ชุด )a series of past actions( ซึ่งแสดงลาดับเหตกุ ารณ์ไว้ อย่างชัดเจน ตัวอยา่ ง I entered the room, switched on the television, sat on the sofa and lit a pipe. ฉนั เข้าไปในห้อง เปดิ ทีวี นง่ั บนโซฟา และจุดบุหรีส่ บู

ใบความรู้ท่ี 7 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 Language เรือ่ ง ตวั อยา่ งประโยค บอกเล่า ปฏเิ สธ คาถาม (Past Simple Tense) เวลา 15 นาที 1. Yesterday evening we walked home. Yesterday evening we didn’t walk home. Where did we walk to yesterday evening? 2. She slept very well last night. She didn’t sleep very well last night. Did she sleep very well last night? 3. We went to school last year. We did we go to school? When did we go to school? 4. Anong felt very well yesterday. Anong didn’t feel very well yesterday. How did Anong feel yesterday? 5. Dang played tennis three years ago. Did Dang play tennis three years ago? What did Dang play three years ago? 

ใบงานที่ 1 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 Language เรื่อง แบบฝกึ Present Simple (1) เวลา 10 นาที Direction : Correct the verbs given by using Present Simple Tense. )จงทากรยิ าในวงเลบ็ ให้เปน็ Present Simple Tense( 1. She (go) …………….…………….. to school every day. 2. Dogs always (chase) ……………………………. cats. 3. It always (rain) ………………………….. in Bangkok. 4. He often (sing)…………………………. before taking a bath. 5. Cows (eat) …………………………… grass. 6. The sun (rise) ……………..…………… in the east. 7. Bad students always (work) ………………………………. hard. 8. I sometimes (go) ………………………….to the movies.

ใบงานที่ 2 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 Language เรื่อง แบบฝกึ Present Simple (2) เวลา 10 นาที Direction : Make the questions from the answers. )สรา้ งประโยคคาถามจากประโยคคาตอบทีใ่ ห(้ 1. She works in London. ………………………………………………………………………………………….. 2. We always travel by train. ………………………………………………………………………………………….. 3. They speak English in England. ………………………………………………………………………………………….. 4. Sam always gets up late. ………………………………………………………………………………………….. 5. The nurse looks after the baby. …………………………………………………………………………………………..

ใบงานที่ 3 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 Language เร่ือง แบบฝึก Present Continuous Tense เวลา 10 นาที Direction : Write the given verbs in to Present Continuous Tense. )ทา Verbs ใหเ้ ป็น Present Continuous Tense( 1. Dang (work) ……………………. very hard. ………………………………………………………………………………………….. 2. I (study)………………………English. ………………………………………………………………………………………….. 3. She (clean)……………………….the window. ………………………………………………………………………………………….. 4. The (move)…………………………the cupboard. ………………………………………………………………………………………….. 5. She (sing)……………………..a song. ………………………………………………………………………………………….. 6. Ladda (cook)………………………dinner. …………………………………………………………………………………………..

ใบงานที่ 4 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 Language เรือ่ ง แบบฝึก Present Perfect Tense เวลา 10 นาที Direction : Write the verbs into Present Perfect Tense. )ทากรยิ าที่ให้เป็น Present Perfect Tense) 1. I (live)……………………….here since 1999. ……………………………………………………………………………………………………………………… 2. She (live)…………………….here since Jone. ……………………………………………………………………………………………………………………. 3. They (sleep)………………………since eight o’clock. ……………………………………………………………………………………………………………………. 4. He (teach)…………………………here since last year. …………………………………………………………………………………………………………………….. 5. It (rain)………………….since last night. …………………………………………………………………………………………………………………….. 6. Dang (wait)………………………..there for two years. ………………………………………………………………………………………………………………………

ใบงานท่ี 5 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 Language เร่อื ง แบบฝกึ Past Simple Tense เวลา 10 นาที Direction : Write the verbs given into Past Simple Tense. )เขียนกริยาท่ใี ห้เป็น Past Simple Tense( 1. It (snow)……………………….last year. …………………………………………………………………………………………………………………………………. 2. He (work)………………….in the company yesterday. ………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. Dang (finish)…………………..the work yesterday. …………………………………………………………………………………………………………………………………. 4. We (see)……………………..him last week. ………………………………………………………………………………………………………………………………. 5. Ladda (find)…………………..the book last week. ………………………………………………………………………………………………………………………………. 6. The stores (close)………………………yesterday ………………………………………………………………………………………………………………………………

ใบงานท่ี 6 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 Language เรื่อง แบบฝกึ Present Simple Tense (2) เวลา 10 นาที Direction : Make question form the given answers )สร้างคาถามจากคาตอบทใ่ี ห้( 1. She went home yesterday. ………………………………………………………………………………………….. 2. He loved her very much. ………………………………………………………………………………………….. 3. The train left Chaiyaphum yesterday. ………………………………………………………………………………………….. 4. She saw the dog on the road. ………………………………………………………………………………………….. 5. The teacher taught English last year. …………………………………………………………………………………………..

Pre / Post Test Language Direction : Choose the best answer. 1. Mount Everest …………………..the highest mountain in the world. a. is 2. This time last year Charlie………………Nepal. c. has toured 3. He …………………..to see me every day. a. comes 4. I …………………….my hair cut yesterday. c. had 5 .People……………………. English in the England. b. speaks 6. I see Puy, I ……………….her your book. b. give 7. She always ……………………… Some money from me. b. borrows 8. He was watching television when his friend…………….. b. arrived 9. When we went home, night already…………………. d. had faller 10. He just ………………. to bed when he heard a knock at the door. d. had gone

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 : Myself รายวชิ าภาษาอังกฤษพ้ืนฐาน รหัสวิชา อ22101 ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 เวลา 8 ช่ัวโมง ……………………………………………………………………………………………………………………………………… สาระที่ 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร มาตรฐานการเรียนรู้ มฐ. ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเรอ่ื งทฟ่ี งั และอา่ นจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคดิ เหน็ อยา่ งมี เหตุผล มฐ. ต 1.2 มีทักษะการสอ่ื สารทางภาษา ในการแลกเปลยี่ นข้อมูล ข่าวสาร การแสดงความรู้สึกและ ความคดิ เห็นอย่างมปี ระสิทธภิ าพ มฐ. ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เหน็ ในเร่ืองตา่ งๆโดยการพูดและการ เขยี น ตัวชว้ี ัด ต 1.1 ม 2/3 ระบุ / เขียนประโยคและขอ้ ความให้สัมพันธ์กับสือ่ ท่ไี มใ่ ช่ความเรียงรปู แบบต่างๆ ที่อา่ น ต 1.2 ม.2/5 พูดและเขียนแสดงความรู้สึกและความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกับเรื่องต่างๆกิจกรรมและ ประสบการณพ์ ร้อมท้ังใหเ้ หตผุ ลประกอบอย่างเหมาะสม ต 1.3 ม.2/1 พูดและเขียนบรรยายเกีย่ วกบั ตนเอง กิจวัตรประจาวนั ประสบการณ์ท่อี ยใู่ น ความสนใจของสังคม ต 1.3 ม.2/3 พูดและเขียนแสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกับกจิ กรรม เรอ่ื งตา่ งๆใกลต้ วั และประสบการณ์ พรอ้ มให้เหตุผลสน้ั ๆประกอบ 2. เป้าหมายการเรยี นรู้ ( Learning Goal ) ความเข้าใจที่คงทน การถา่ ยทอดขอ้ มูลเก่ียวกบั ตนเองนน้ั นอกจากจะตอ้ งมีความรูค้ วามสามารถเร่อื งการใช้ ศัพท์แล้ว ผู้เรยี นตอ้ งมคี วามสามารถในการตงั้ คาถามและความสามารถ ในการใช้ Tense ตา่ งๆ ในการแต่ง ประโยคดว้ ย ความรู้และทกั ษะครอ่ มวชิ า (ทักษะ/กระบวนการ ) (8) ทักษะการฟัง พูด อา่ น

(9) ทักษะการคิด (10)กระบวนการกลุม่ ความรูแ้ ละทกั ษะเฉพาะวิชา (สาระ) )1( การบอกกิจกรรมทท่ี าในชีวิตประจาวนั ของตนเอง )2( การกรอกประวตั ิยอ่ ของตนเองตามแบบฟอร์มกรอกประวัตยิ ่อ )3( การแตง่ เรยี งความง่ายๆ เก่ียวกบั ตนเอง )4( การ แต่งประโยคในสิ่งทชี่ อบทาหรอื ไมช่ อบทา จติ พสิ ยั (คณุ ลักษณะที่พึงประสงค์ ) (1) ความเชือ่ ม่ันในการใช้ภาษา ( 2) ความสนกุ สนานในการเรยี น ( 3( มีความรบั ผิดชอบในการทางาน สาระการเรยี นรู้ เนอ้ื หา - Present Simple Tense - Past Simple Tense - Yes/No and Wh – Questions - ประวตั ิบคุ คลสาคัญ - เรยี งความเกีย่ วกับตนเอง คาศพั ท/์ สานวน - Action Verbs ทใ่ี ช้ในชวี ิตประจาวัน - ศัพทท์ ่ีอยใู่ นแบบฟอร์มการกรอกขอ้ มูลเกยี่ วกบั ตนเอง กจิ กรรการเรยี นรู้ ชั่วโมงท่ี 1-2 (Speaking and Writing) - แจ้งมาตรฐานการเรยี นร้แู ละตวั ชีว้ ัด ข้ัน Warm up 1.ทา Pre – test 2.นกั เรยี นเล่นเกม Guess What? โดย 2.1 ใหน้ กั เรียนทัง้ ห้องยนื เป็นวงกลม 2.2 เปิดเพลงใหน้ กั เรยี นเต้นในขณะท่ีเตน้ ต้องส่งลูกบอลหรือลูกปิงปองไปเรอื่ ยๆ 2.3 ลกู บอลไปหยุดท่ีใคร คนน้ันตอ้ งแสดงท่าทางทเ่ี ป็น Action Verb ให้เพื่อนทาย เชน่ ทาท่าแปรงฟนั เพ่อื นกจ็ ะทายว่า brush the teeth หรอื ทาทา่ เต้นราเพ่อื นจะทายวา่ dance 2.4 ดาเนินการเชน่ นเี้ รอ่ื ยๆ จนหมดเวลาทีก่ าหนด

ขนั้ Presentation 3.ครแู จกใบความรู้เกยี่ วกับการใช้ Present Simple Tense (ใบความรู้ที่ 1) 4. อธบิ ายว่า Present Simple Tense จะใช้บรรยายเหตุการณ์ที่เกดิ ขน้ึ เป็นประจาเป็นนิสยั แล้วยกตวั อยา่ งประกอบ เชน่ My mother cooks dinner at 5 p.m. every day. I go to bed at 10 p.m. every night. 5.สุ่มตวั อยา่ งใหน้ กั เรียนแตล่ ะคนพดู ถึงกิจวตั รประจาวันของตนเองโดยใช้ Present Simple Tense ใหต้ ัวอยา่ ง Action Verb ท่ีใช้ในชีวติ ประจาวัน (ใบความรูท้ ี่ 2) ขั้น Practice นกั เรียนฝึกแตง่ ประโยคทเ่ี ป็นกจิ กรรมท่ที าในชวี ิตประจาวันตามหวั ข้อทคี่ รกู าหนด (ใบงานท่ี 1) นักเรียนฝึกแตง่ ประโยคด้วยตนเองประมาณ 5 ประโยค สง่ ให้ครูตรวจ ขน้ั Production นักเรยี นแตล่ ะคนเขียนบนั ทกึ ประจาวนั โดยตัง้ ชอื่ วา่ My daily life ส่งใหค้ รตู รวจอาทิตย์ละ 1 ครง้ั ข้ัน Wrap up .นกั เรยี นรว่ มกันจดั ป้ายนเิ ทศ Action Verbs ที่ควรรู้ สือ่ การเรยี นรู้ 1. เกม Guess What ? 2. ใบความรู้ท่ี 1-2 3. ใบงานที่ 1 4. ปา้ ยนเิ ทศ แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนังสือพมิ พ์ 2. Internet การวัดและประเมินผล 1. จากการทา Pre test 2.วัดจากการเลน่ เกม 3. จากการทาแบบฝกึ ในใบงานท่ี 1 4. จากการตอบคาถาม 5. วดั จากความต้ังในในการทางาน

ช่ัวโมงที่ 3-4 (Reading and Writing) ข้ัน Warm up 1. นักเรียนเลน่ เกม Hot Potatoes โดย 1.1 นักเรยี นลอ้ มกนั เป็นวงกลม 1 วง 1.2 ให้นกั เรียนท่เี ปน็ คนท่ี 1 ถอื ก้อนกระดาษทสี่ มมติวา่ เปน็ มะเขอื เทศทร่ี ้อนๆ 1.3 เปดิ เพลงแลว้ ใหน้ ักเรยี นย่ืนกระดาษไปทลี ะคนถดั ไปเรอ่ื ยๆ จนเพลงหยดุ คนที่ถือกอ้ นกระดาษ จะตอ้ งพดู ประโยค My name is Puy and my favorite fruit is papaya. ซึ่งขน้ึ ตน้ ดว้ ย P เหมอื นชอื่ เล่น 1.4 ถา้ นกั เรยี นพูดถูกให้เล่นต่อไป เม่ือเพลงหยุดที่ใครคนน้ันจะตอ้ งพดู ประโยคลักษณะเดยี วกนั ซึง่ คานาม ที่กาหนดอาจจะเปลีย่ นจาก fruit เปน็ คาอื่นๆ กไ็ ด้ ข้ัน Presentation 2. ครแู จกตัวอย่างเรียงความทมี่ ีเนอื้ หาเกยี่ วกบั สิ่งทน่ี กั เรยี นชื่นชอบ (ใบความร้ทู ี่ 3) 3.นักเรียนร่วมกนั ศกึ ษาและช่วยกนั สรุปเนื้อหาในเรียงความ ขน้ั Practice 4.นักเรียนตอบคาถามเก่ียวกับเรยี งความที่อา่ น (ใบงานที่ 2) 5.นักเรยี นแต่งเรยี งความในลักษณะเดียวกันตามกรอบที่ครกู าหนด (ใบงานที่ 3) ข้นั Production 6.นักเรียนแต่ละกลมุ่ รว่ มกันต้ังคาถามเพื่อนาไปถามเกย่ี วกบั ส่งิ ที่นักเรียนกลุ่มอน่ื ๆ ชนื่ ชอบ เช่น ดาราที่ชน่ื ชอบ ผลไม้ที่ช่นื ชอบ กีฬาที่ชืน่ ชอบ วิชาท่ีชื่นชอบ อาชีพท่ชี นื่ ชอบ ฯลฯ 7. ทา Post – test ข้ัน Wrap up 8.นกั เรียนสร้างแบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ เพอื่ ไปสอบถามและสัมภาษณบ์ ุคคลทนี่ กั เรียนอยากรจู้ กั อย่างนอ้ ย 1 คน ส่อื การเรยี นรู้ 1. เกม Hot Potatoes 2. ใบความร้ทู ี่ 3 3. ใบงานที่ 2- 3 4. บทสัมภาษณ์

แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนังสอื พมิ พ์ 2. Internet การวัดและประเมนิ ผล 1.วดั จากการเล่นเกม 2. จากการทาแบบฝึกในใบงานท่ี 2 ตอบคาถาม 3.จากการทาแบบฝึกในใบงานที่ 3การเขยี นเรยี งความ 4. จากการทา Post test 5. วัดจากความตง้ั ในในการทางาน ชว่ั โมงที่ 5-6 (Writing) ข้ัน Warm up 1.ให้นักเรยี นเล่นเกมScrambled Words โดย 1.1 ครูสรา้ งเกมโดยเตรยี มบัตรอักษร ท่ีเป็นคาศัพท์เกยี่ วกับการกรอกข้อมลู สว่ นตวั 1.2 ให้นักเรยี นจบั คู่ 1.3 ครแู จกแบบฝกึ Scrambled words ให้นักเรียนแลว้ ใหน้ ักเรียนเรียงคาใหถ้ กู ตอ้ งตามความหมายท่ี กาหนด (อักษรจะถูกจดั เปน็ ชดุ และชุดหน่ึงจะมีคาศัพท์ 1 คา แต่จะอยูแ่ บบปะปน) 1.4คู่ใดหรือคนใดเขยี นคาศพั ท์ได้ถกู ต้องมากท่ีสุดเป็นผชู้ นะ ขั้น Presentation 2. ครูนาเสนอคาศัพท์ท่ีเก่ียวกบั ประวัตขิ องบคุ คล เชน่ name , address , telephone number , date of place , date of birth , age , sex , marital status , nationality , profession , occupation โดยใชก้ าร อธิบาย ยกตวั อยา่ งสาธิต และใชส้ ื่อรูปภาพหรอื ส่ือของจริง 3.แจกตัวอย่างประวัตบิ คุ คลซึ่งมีรายละเอียดตามรายการศพั ท์ท่ีกาหนด(ใบความรทู้ ่ี 4) 4.นกั เรียนศกึ ษาและร่วมกันอภปิ รายซักถาม ถ้ามจี ุดใดที่ยงั ไม่เข้าใจ ครจู ะคอยตอบ คาถามและอธบิ าย เพิ่มเติม 5. ครใู หต้ วั อย่างการถาม/ตอบ เก่ียวกับการจะได้มาซึง่ ประวตั ิส่วนตัวของแต่ละบุคคล (ใบความร้ทู ่ี 5) เชน่ What’s your name ? What’s your address ? etc. ขน้ั Practice 6. นักเรียนฝึกถาม/ตอบเก่ียวกับคาถามที่จะมากรอกประวัติ โดยการฝกึ ทง้ั ชั้น ฝึกเปน็ ทีม ฝกึ เป็นกลมุ่ และ จับคู่ฝกึ จนคล่อง

7.นกั เรียนทาแบบฝกึ เขยี นกรอกประวตั ิของตนเอง (ใบงานท่ี 4) ข้นั Production 8.นักเรยี นสรา้ งคาถามเพ่อื นาไปถามเพ่ือนท่ีนกั เรียนเลอื กเปน็ คู่ (Close pair) 9.นาข้อมูลท่ไี ด้จากการถามมากรอกประวตั เิ พือ่ น นาส่งครตู รวจ 10.นาประวัตติ นเองทผี่ า่ นการตรวจสอบจากครผู ู้สอนแล้วมาจัดทาเปน็ ประวัตสิ ว่ นตวั โดยการจัดพมิ พแ์ ละ ตกแตง่ ให้สวยงามโดยให้ช่ือหัวข้อวา่ About Myself ขั้น Wrap up 11. นาผลงานที่จัดทาตดิ ไวห้ น้าชัน้ เพ่ือเปน็ การแนะนาตนเอง สอ่ื การเรยี นรู้ 1. เกม Scrambled Words 2. ใบความรทู้ ่ี 4-5 3. ใบงานที่ 4 แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนังสอื พิมพ์ 2. Internet การวัดและประเมนิ ผล 1.วดั จากการเล่นเกม 2. จากการทาแบบฝกึ ใน ใบงานท่ี 4 กรอกประวตั ิตนเอง 3. วดั จากความตงั้ ในในการ ชว่ั โมงที่ 7-8 (Writing) ข้นั Warm up 1. นกั เรยี นเล่นเกมถามมาตอบไป (Ask and answer) โดยรูปแบบคาถามจะเปน็ ลกั ษณะปรศิ นาคาทาย เชน่ Who is the famous tennis player in Thailand? (Paradorn) Who is the most famous person in the U.S.A? (George Bush) Who is the popular T.V. star who acted in “Sapai Tornado” ? (Suwanan Kongying) ข้นั Presentation 2.แจกใบความรู้ประวตั แิ ละผลงานของบุคคลสาคัญ (ใบความรู้ที่ 6)

3.อธบิ ายคาศพั ท์ยากท่อี ย่ใู นประวัติทแ่ี จก 4.นักเรียนศึกษาประวัติและผลงานของบุคคลดังกล่าวโดยมีครูชว่ ยอธิบายเพม่ิ เตมิ ขน้ั Practice 5.นักเรยี นเขยี นย่อประวตั ิของตนเองตามตวั อย่างที่ทาในใบงานท่ี 4 แลว้ นาสง่ ครตู รวจและแกไ้ ข ถา้ บกพรอ่ ง ขัน้ Production 6. นกั เรียนเขยี นประวัติย่อบคุ คลสาคัญทนี่ ักเรียนใกลช้ ดิ เช่น พอ่ แม่ พี่ นอ้ ง ฯลฯ เพ่มิ เตมิ 7. สรา้ งเกมใครเอ่ย หรอื Who’s Who? เหมอื นเกมถามมาตอบไปท่ีครูนาเลน่ 8.แลกเปลี่ยนเกมกันในช้นั แลว้ ตอบคาถาม ข้นั Wrap up 10.รวบรวมคาถามและคาตอบท่ีถูกต้อง สรา้ งเป็นหนงั สอื เลม่ เล็ก สื่อการเรยี นรู้ 1. เกม Ask and Answer 2. ใบความรทู้ ่ี 6 3. ใบงานท่ี 4 4. หนงั สือเล่มเล็ก แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนังสือพิมพ์ 2. Internet การวัดและประเมินผล 1.วัดจากการเลน่ เกม 2. จากการเขยี นประวตั ิย่อของตนเอง 3. วัดจากความตง้ั ในในการทางาน ชัว่ โมงท่ี 9 (Listening, Speaking and Writing) ขนั้ Warm up 1. นกั เรยี นเล่นเกม Who can guess? โดย 1.1ให้นักเรียนนง่ั เป็นวงกลม

1.2ใหน้ กั เรยี นนบั one , two , ……… ถ้าใครไดน้ ับ five, ten, fifteen, twenty , …… จะตอ้ ง ออกมาแสดงกรยิ าตา่ งๆ ใหเ้ พ่อื นดู เชน่ แสดงการเตน้ รา แล้วใหเ้ พ่อื นทายว่า dance ถา้ เพ่ือนทายไม่ถูก จะต้องแสดงซา้ ๆ จนเพ่ือนทายถกู (คากรยิ าอาจถูกกาหนดโดยครเู ช่นการทาเปน็ ฉลากใหน้ กั เรียนจบั ) 2. ดาเนินการเชน่ น้จี นถึงเวลาท่กี าหนด ขัน้ Presentation 3.ครูทบทวนคากริยาที่ทาในชวี ิตประจาวัน โดยให้นกั เรยี นช่วยกนั ระดมสมอง 4. นากริยาทไี่ ด้มาเขียนบนกระดาน 5. ครูใหต้ ัวอย่างประโยคใน Present Simple Tense ทท่ี าการบรรยายถงึ การทากิจวตั รประจาวันของคนทว่ั ๆ ไปพร้อมกับแจกใบความรู้ตัวอยา่ งบันทกึ ประจาวัน (ใบความรทู้ ี่ 7) ใหน้ ักเรียนศึกษา 6.ใหต้ วั อยา่ งประโยคคาถามทถ่ี าม/ ตอบในการทากิจกรรม ในชีวติ ประจาวนั โดยเฉพาะการถาม/ตอบ จาก Wh-Questions ขัน้ Practice 7. นกั เรยี นฝึกถาม/ตอบ เกยี่ วกับส่งิ ที่ทาในชวี ิตประจาวัน โดยการฝึกทัง้ ชน้ั และฝึกแบบจับคู่ เชน่ When do you have dinner ? Where do you go every day ? 8. ครูให้นักเรยี นฟังเทป 2 เทีย่ วเกีย่ วกบั บนั ทกึ ประจาวันของบุคคลหนง่ึ แลว้ ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามจากส่งิ ท่ี ฟงั (ใบงานที่ 5) ขนั้ Production 9.นักเรยี นเขียนบนั ทึกประจาวันของตนเอง ใสส่ มุดบันทึกประจาวนั แลว้ นามาให้ครตู รวจอาทติ ย์ละ 1 คร้ัง ข้ัน Wrap up 10. ชว่ ยกันทา My Mapping สรปุ ขอ้ ดีของการเขยี นบันทกึ ประจาวัน ส่ือการเรยี นรู้ 1. เกม Who can guess ? 2. ใบความรู้ท่ี 7 3. ใบงานที่ 5 4. เทปบนั ทึกเสยี ง 5. My Mapping แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สอื พมิ พ์ 2. Internet การวดั และประเมินผล

1.วดั จากการเล่นเกม 2. จากการทากิจกรรมในใบงานที่ 5 บันทีกประจาวนั 3. วดั จากความตงั้ ในในการทางาน 4. การทา My Mapping ชวั่ โมงท่ี 10 ขน้ั Warm up 1.ใหน้ กั เรียนเลน่ เกม Introduction Game โดย 1.1 นกั เรียนนั่งหรือยนื เปน็ วงกลม 1.2ให้คนใดคนหนึ่งเร่มิ ตน้ เกมโดยการแนะนาตนเอง เช่น My name is Malida. My nickname is Toy and I like talking หรอื My name is Busaba. My nickname is But and I dislike bananas. (หมายถงึ สิง่ ท่ีชอบหรอื ไมช่ อบจะต้องมอี กั ษรเดยี วกบั ช่อื เลน่ ) 1.3 ดาเนินการเล่นไปจนครบทุกคนที่อยู่ในวงกลม ขนั้ Presentation 2. ให้นกั เรยี นดภู าพคน สตั ว์ หรือสงิ่ ของ แล้วตั้งคาถามว่าชอบส่งิ น้ันหรอื ไม่ชอบ โดยใช้รูปแบบประโยค Do you like ตามดว้ ยคานามทงั้ ทีเ่ ป็น Gerund และเป็นนามปกติ T : Do you like playing football ? SS : Yes, I do. No, I don’t. T : Do you like papayas ? SS : Yes, I do. No, I don’t. 3. ช่วยกันต้ังคาถามถึงส่ิงท่ีชอบและไมช่ อบ และอภปิ รายเสนอแนะร่วมกนั โดยมีครคู อยให้ความชว่ ยเหลือ เรอ่ื งคาศัพท์และรูปแบบของประโยค โดยใชเ้ วลาประมาณ 30 นาที ข้นั Practice 4.ให้นักเรยี นทาแบบฝกึ เก่ียวกบั สิ่งทชี่ อบและไม่ชอบ โดยการเตมิ คาลงในชอ่ งว่าง ) ใบงานท่ี 6) 5.นักเรยี นจับคูส่ นทนาถาม/ตอบเก่ียวกบั สงิ่ ท่ชี อบหรอื ไมช่ อบ ข้ัน Production 6.นกั เรยี นแต่ละคนบนั ทึกเก่ยี วกบั ตัวเองถึงสิง่ ทชี่ อบและไมช่ อบในหลายๆ ประเด็น เชน่ สิ่งที่ชอบ/ไมช่ อบ ดาราทีช่ อบ/ไม่ชอบ หรอื นักการเมืองท่ีชอบ/ไมช่ อบ เป็นตน้ 7. ทา Post – test ขนั้ Wrap up 8. จดั ทาเปน็ Card แนะนาตัวเองตกแตง่ ให้สวยงาม แล้วจัดปา้ ยนเิ ทศก์ โดยใช้ชือ่ ปา้ ย นิเทศก์ว่า มารูจ้ กั พวก เรากันเถอะ (Let’s know the students in M.2/….) เปน็ ต้น

สือ่ การเรยี นรู้ 1. เกม Introduction Game 2. ใบงานที่ 6 4. ป้ายนิเทศก์ แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนังสือพิมพ์ 2. Internet การวัดและประเมินผล 1.วัดจากการเล่นเกม 2. จากการทากิจกรรมในใบงานที่ 6 3. วัดจากความต้งั ในในการทางาน 4. การจัดปา้ ยนิเทศก์

ใบความรู้ที่ 1 เวลา 8 นาที หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 เร่อื ง การใช้ Present Simple Tense Present Simple Tense โครงสรา้ ง : Subject + V. (-s , es , -) + Complement / Object การใช้ 1. ใชแ้ สดงความจริงตามธรรมชาติ หรอื ขอ้ ความจรงิ โดยทว่ั ไป ตวั อย่าง ดวงอาทิตยข์ ้นึ ทางทศิ ตะวันออก แสงเดินทางเร็วกวา่ เสียง The sun rises in the east. Light moves faster than sound. 2. ใชแ้ สดงการกระทาท่ที าจนเปน็ นสิ ยั ถาวร หรอื ทาซา้ บอ่ ยๆ ตัวอย่าง I drink a glass of coffee every day. ฉันดม่ื กาแฟ 1 แก้วทุกวนั He oftern comes late to school. เขามักจะมาโรงเรียนสายเปน็ นิจ 3. ใช้แสดงเหตกุ ารณ์หรือการกระทาท่ีจะเกิดขนึ้ ในอนาคต โดยมากมักจะเกีย่ วกับการเดินทาง (journey or trip) ตวั อยา่ ง He leaves for Australia next week. เขาจะเดินทางไปออสเตรเลยี สปั ดาห์หนา้ 4. ใช้ในประโยคาสัง่ (Command) หรือประโยคขอรอ้ ง (Request) ตวั อย่าง หุบปากของคุณเสียที กรุณาเปิดหน้าต่างที Shut your mouth. Please open the window. 5. ใช้ในประโยคอุทาน (Interjection) ตวั อยา่ ง Here comes Jim! น่ไี ง จมิ มาแลว้ There goes the train นั่นไง รถไฟมาแล้ว

เร่อื ง ตวั อย่าง Action Verb ใบความรทู้ ่ี 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 เวลา 10 นาที Action Verb get up eat take a bath brush wash comb go to bed cook water (v) watch make bed work swim clean make up dress talk jog put on sweep shop play take off type switch on put switch off speak run polish dig study borrow ใบความรทู้ ่ี 3

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 เวลา 10 นาที เร่อื ง Composition (About favorite thing) This is the time you have to know the very pretty girl like me. My name is Arisara Benchapan. I am studying in Kanchanapisek Wittayalai School in Chaiyaphum province. I like singing when I have free time. Sometimes I like to swim but I don’t have a lot of time because I have to help my mother to do housework. My mother is a teacher in a primary school and my father is a lawyer. I dislike to study Thai but I like to study English. In future I want to be a good teacher.

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน อาจารย์ ตจต ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf lmyour แปลภาษา ชขภใ ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมฟรี 2566 ขขขขบบบยข ่ส ศัพท์ทางทหาร military words หนังสือราชการ ตัวอย่าง หยน แปลบาลีเป็นไทย ไทยแปลอังกฤษ ประโยค การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ข้อสอบโอเน็ต ม.3 ออกเรื่องอะไรบ้าง พจนานุกรมศัพท์ทหาร เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด แปลภาษามลายู ยาวี Bahasa Thailand กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมออนไลน์ การ์ดจอมือสอง ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย คะแนน o-net โรงเรียน ค้นหา ประวัติ นามสกุล บทที่ 1 ที่มาและความสําคัญของปัญหา ร. ต จ แบบฝึกหัดเคมี ม.5 พร้อมเฉลย แปลภาษาอาหรับ-ไทย ใบรับรอง กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน PEA Life login Terjemahan บบบย มือปราบผีพันธุ์ซาตาน ภาค2 สรุปการบริหารทรัพยากรมนุษย์ pdf สอบโอเน็ต ม.3 จําเป็นไหม เช็คยอดค่าไฟฟ้า แจ้งไฟฟ้าดับ แปลภาษา มาเลเซีย ไทย แผนที่ทวีปอเมริกาเหนือ ่้แปลภาษา Google Translate กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน ก่อนจะนิ่งก็ต้องกลิ้งมาก่อน เนื้อเพลง ข้อสอบโอเน็ตม.3 มีกี่ข้อ คะแนนโอเน็ต 65 ตม กรุงเทพ มีที่ไหนบ้าง