!!! ประกาศ!!!! รายละเอียดการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษออนไลน์ Cambridge Key English Test (KET) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และนักเรียนใหม่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และ 3 เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการจัดการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับนักเรียนรายบุคคล
เปิดระบบการสอบในวันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม 2564
ตั้งแต่เวลา 9.00 น.ถึงวันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม 2564 เวลา
17.00 น.
นักเรียนสามารถเข้าสอบได้ตามความสะดวกภายในช่วงวันและเวลาดังกล่าว โดยจะใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมงในการสอบ
การสอบประกอบด้วย 3 ส่วนได้แก่ Listening, Reading และ Writing ข้อสอบแต่ละส่วนจะใช้เวลาในการสอบประมาณ 30 นาที ในการสอบ Listening ต้องใช้หูฟังหรือลำโพง สามารถฟังคลิปเสียงได้ 2 ครั้ง
โดยนักเรียนจะต้องเข้าสอบผ่านระบบ Schoology ด้วยคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (PC) หรือ Laptop เท่านั้น
สำหรับการเตรียมตัวเพื่อเข้าสอบ
ขอให้นักเรียนศึกษาคู่มือการใช้ Schoology ตามลิ้งก์แนบ *ล่วงหน้าก่อนวันสอบ* เพื่อสมัครบัญชี Schoology และ join a course ด้วยรหัสของระดับชั้นและห้องของตนเอง (ตามสไลด์หน้าที่6)
เมื่อสมัครบัญชี Schoology และเข้า Course ของตนเองแล้ว *** นักเรียนจะต้องกดเข้า Helps and Guidelines for the tests เพื่อศึกษาคำแนะนำและการสาธิตการทำข้อสอบ Cambridge PET***
หากพบปัญหาการสมัครใช้ Schoology และเรื่องอื่น ๆ เกี่ยวกับการสอบ กรุณาติดต่อทาง Line Group นี้เท่านั้น //line.me/ti/g/u5hvpY6moQ
O-NET, GAT/PAT และ 9 วิชาสามัญน่าจะเป็นการสอบที่น้องๆคุ้นเคยกันอยู่แล้วแต่ในความเป็นจริงแล้วยังมีการสอบอีกหลายๆอย่างที่จำเป็น เมื่อน้องๆต้องการสมัครเข้าบางคณะสาขาวันนี้เราจึงรวมรวมการสอบที่จำเป็นต่างๆมาให้น้องๆได้ศึกษากันก่อนที่จะเลือกลงสนามจริงเน้นเลยนะครับว่าต้อง “เลือก” เพราะหากน้องๆไม่ได้มีเป้าหมายที่จะเข้าคณะสาขาที่ต้องใช้คะแนนสอบจากสนามสอบนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องไปสอบให้เสียเงินและเอาเวลาที่เหลือไปเตรียมตัวกับสนามสอบที่เป็นเป้าหมายของตัวเองดีกว่า
O-NET (Ordinary National Educational Test)
คือ การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน เป็นการทดสอบเพื่อวัดความรู้และความคิดของนักเรียน ประเมินตามมาตรฐานการเรียนรู้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 จำนวน 51 มาตรฐานการเรียนรู้ ครอบคลุม
5 กลุ่มสาระการเรียนรู้
สอบอะไรบ้าง?
ภาษาไทย, คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม, ภาษาอังกฤษ
ใครบ้างที่ต้องสอบ?
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และที่สำคัญกับน้องๆชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่ต้องใช้คะแนน O-NET เป็นส่วนหนึ่งในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย
GAT
GAT เป็นการทดสอบวิชาความถนัดทั่วไป (General Aptitude Test) คือ การวัดศักยภาพในการเรียนในมหาวิทยาลัยให้ประสบความสำเร็จมี 2 ส่วน
สอบอะไรบ้าง?
ส่วนที่ 1 คือความสามารถในการอ่าน/การเขียน/การคิดเชิงวิเคราะห์/และการแก้โจทย์ปัญหา
ส่วนที่ 2 คือ ความสามารถในการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ ประกอบด้วย Speaking and Conversation, Vocabulary, Structure and Writing, Reading Comprehension
ใครบ้างที่ต้องสอบ?
น้องๆชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่จะยื่นสมัคร TCAS ตั้งแต่รอบที่ 2 เป็นต้นไป
PAT
PAT เป็นการทดสอบวิชาความถนัดทางวิชาการและวิชาชีพ (Professional and Academic Aptitude Test) คือการวัดความรู้ที่เป็นพื้นฐานกับศักยภาพที่จะเรียนในวิชาชีพนั้นๆให้ประสบความสำเร็จ
สอบอะไรบ้าง?
PAT 1 คือความถนัดทางคณิตศาสตร์
PAT 2 คือ ความถนัดทางวิทยาศาสตร์
PAT 3 คือความถนัดทางวิศวกรรมศาสตร์
PAT 4 คือความถนัดทางสถาปัตยกรรมศาสตร์
PAT 5 คือความถนัดทางวิชาชีพครู
PAT 6 คือความถนัดทางศิลปกรรมศาสตร์
PAT 7 คือความถนัดทางภาษาต่างประเทศ ประกอบด้วย
PAT 7.1 ความถนัดทางภาษาฝรั่งเศส
PAT 7.2 ความถนัดทางภาษาเยอรมัน
PAT 7.3 ความถนัดทางภาษาญี่ปุ่น
PAT 7.4 ความถนัดทางภาษาจีน
PAT 7.5 ความถนัดทางภาษาอาหรับ
PAT 7.6 ความถนัดทางภาษาบาลี
ใครบ้างที่ต้องสอบ?
น้องๆชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่จะยื่นสมัคร TCAS ตั้งแต่รอบที่ 2 เป็นต้นไปโดยไม่จำเป็นต้องสอบทั้งหมดทุกวิชาแต่เลือกสอบวิชาตามเกณฑ์การรับแต่ละสาขาของมหาวิทยาลัยที่น้องๆต้องการจะเรียนก็พอ
9 วิชาสามัญ
ข้อสอบกลางที่จัดสอบโดยสทศ. เพื่อใช้ในการรับตรงเข้ามหาวิทยาลัย แต่เดิมจะสอบเพียง 7 วิชาแต่เพื่อให้ครอบคลุมกับเนื้อหาของสายศิลป์จึงเพิ่มอีก 2 วิชาเข้าไปรวมเป็น 9 วิชา
สอบอะไรบ้าง?
1.วิชาภาษาไทย
2.วิชาสังคมศึกษา
3.วิชาภาษาอังกฤษ
4.วิชาคณิตศาสตร์ 1
5.วิชาฟิสิกส์
6.วิชาเคมี
6.วิชาชีววิทยา
8.วิชาคณิตศาสตร์ 2 (สายศิลป์)
9.วิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน (สายศิลป์)
ใครบ้างที่ต้องสอบ?
วิชาสามัญนี้สามารถสอบได้ทั้งน้องๆสายวิทย์และสายศิลป์โดยไม่จำเป็นต้องสอบทั้ง 9 วิชาแต่เลือกสอบวิชาตามเกณฑ์การรับแต่ละสาขาของมหาวิทยาลัยที่น้องๆต้องการจะเรียนก็พอ
วิชาความถนัดแพทย์
วิชาเฉพาะหรือวิชาความถนัดแพทย์คือวิชาที่สมัครสอบพร้อมสมัครกสพท. ใช้เป็นสัดส่วนทั้งหมด 30%
สอบอะไรบ้าง?
ประกอบด้วย 3 ส่วนดังนี้
1.1 เชาว์ปัญญาเช่นคณิตศาสตร์อนุกรมเลขอนุกรมภาพการอ่านจับใจความเป็นต้น
1.2 จริยธรรมทางการแพทย์ซึ่งไม่มีสอนในห้องเรียน
1.3 ทักษะการเชื่อมโยงคล้ายๆกับ GAT ที่ก็มีส่วนที่แตกต่างกันอยู่บ้างนะคะ
ใครบ้างที่ต้องสอบ?
น้องๆที่ต้องการยื่นสมัครกสพท. ใน TCAS รอบที่ 3 จะต้องได้สอบในวิชาความถนัดแพทย์ซึ่งสัดส่วนคะแนนถือเป็นวิชาที่มีค่าน้ำหนักสูงที่สุดน้องจึงต้องวางแผนและเตรียมตัวให้ดี
BMAT
BMAT ย่อมาจาก Biomedical admission test เป็นข้อสอบเฉพาะทางสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าศึกษาต่อในสาขาการแพทย์สัตวแพทย์ซึ่งจัดทำโดย Cambridge Assessment แห่งสหราชอาณาจักรสรุปง่ายๆก็คือข้อสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรนั่นเองแต่สาเหตุที่มีการพูดถึงในไทยบ่อยครั้งในช่วงนี้เพราะหลักสูตรทางด้านการแพทย์ในไทยตกลงจะใช้ข้อสอบ BMAT ในการรับนักศึกษาแพทย์ใหม่เช่น วิทยาลัยแพทยศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (CICM) ซึ่งเป็นหลักสูตรแพทยศาสตร์ “อินเตอร์” ประกาศว่านักศึกษาใหม่จะต้องผ่านการสอบ BMAT ทุกคนหรือคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีมหาวิทยาลัยมหิดลก็ยินดีรับผล BMAT เช่นกัน
สอบอะไรบ้าง?
การสอบ BMAT ใช้เวลา 2 ชั่วโมงประกอบด้วย 3 ส่วน
ส่วนที่ 1 ความถนัดและทักษะ 60 นาที (ข้อสอบปรนัย)
ส่วนที่ 2 ความรู้และการประยุกต์ด้านวิทยาศาสตร์ 30 นาที (ข้อสอบปรนัย)
ส่วนที่ 3 งานเขียน 30 นาที (ข้อสอบบรรยาย)
ใครบ้างที่ต้องสอบ?
น้องๆที่ต้องการเข้าเรียนในสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพในประเทศไทยควรเช็คให้ดีว่าในแต่ละรอบที่มีการเปิดรับในระบบ TCAS ต้องใช้คะแนน BMAT หรือไม่และน้องๆที่ต้องการเรียนในสาขาการแพทย์สัตวแพทย์ของมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร
SAT
SAT หรือ Scholastic Assessment Tests คือข้อสอบมาตรฐานที่มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ในสหรัฐอเมริการวมถึงบางหลักสูตรในเมืองไทยใช้ประกอบการสมัครเข้าเรียนระดับปริญญาตรีเพียงแต่ไม่ได้วัดที่ความรู้วิชาต่างๆแต่เป็นการวัดทักษะ (Skills) การใช้เหตุผลเหมือนข้อสอบความถนัดทั่วไป
สอบอะไรบ้าง?
SAT ประกอบด้วยข้อสอบ 3 ส่วนได้แก่ Critical Reading, Mathematics, และ Writing
ใครบ้างที่ต้องสอบ?
น้องๆที่สนใจจะสมัคร TCAS รอบที่ 1 บางโครงการ และหลักสูตรนานาชาติในรอบอื่นๆ
SAT II
เป็นข้อสอบที่ใช้สอบคัดเลือกเพื่อเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยอินเตอร์ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
สอบอะไรบ้าง?
AT II แบ่งเป็น 3 วิชาคือเคมีฟิสิกส์และชีววิทยา
ใครบ้างที่ต้องสอบ?
น้องๆที่สนใจจะสมัครหลักสูตรนานาชาติ
ACT
ACT หรือ American College Testing เป็นการสอบวัดระดับทักษะการใช้เหตุผลและการสื่อสารที่จำเป็นสำหรับการเรียนในระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัย
สอบอะไรบ้าง?
เป็นการวัดทักษะการคิดวิเคราะห์และการแก้ไขปัญหาซึ่งมีความจำเป็นสำหรับการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยข้อสอบ ACT มีคะแนนเต็มทั้งสิ้น 36 คะแนนจากการสอบทั้งหมด 5 ส่วนดังต่อไปนี้ 1) English 2) Mathematics 3) Reading 4) Science Reasoning 5) Writing
ใครบ้างที่ต้องสอบ?
เป็นการวัดทักษะการคิดวิเคราะห์และการแก้ไขปัญหาซึ่งมีความจำเป็นสำหรับการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยแต่โดยทั่วไปแล้วผลสอบ ACT ยังไม่เป็นที่ยอมรับแพร่หลายเหมือนกับผลสอบ SAT ซึ่งเป็นที่ยอมรับในเกือบทุกหลักสูตร
TOEFL
TOEFL หรือ Test of English as a Foreign Language เป็นการทดสอบวัดความรู้ภาษาอังกฤษตามมาตรฐานของภาษาอังกฤษอเมริกันซึ่งมีการออกแบบสำหรับใช้ในการประเมินความสามารถทางภาษาของผู้สมัครเพื่อนำไปใช้เป็นเกณฑ์ในเรื่องของการศึกษาต่อ หรือทำงานในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารโดยผลคะแนนโทเฟลจะใช้ได้เป็นระยะเวลา 2 ปี
สอบอะไรบ้าง?
TOEFL จะทดสอบทักษะภาษาอังกฤษทั้ง 4 ด้านได้แก่การพูด (Speaking) การฟัง (Listening) การอ่าน (Reading) และการเขียน (Writing) และในครั้งจะต้องผสมผสานทักษะต่าง ๆเข้าด้วยกันเพื่อใช้ในการตอบคำถามโดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่งสำหรับการสอบซึ่งคุณสามารถเลือกการสอบได้ทั้ง Internet-based Test (iBT) หรือ Paper-based Test (PBT) ขึ้นอยู่กับรูปแบบที่มีให้ที่ศูนย์ทดสอบ
TOEFL Internet-based Test (iBT)ประเมินความสามารถของคุณในการอ่านฟังพูด และเขียนภาษาอังกฤษและใช้ทักษะเหล่านี้ร่วมกันในชั้นเรียนมหาวิทยาลัยเช่นคุณอาจอ่านหรือฟังบรรยายแล้วเขียนหรือพูดเกี่ยวกับสิ่งที่คุณรู้
TOEFL Paper-based Test (PBT)ประเมินความสามารถของคุณในการอ่านฟังและเขียนภาษาอังกฤษ
ใครบ้างที่ต้องสอบ?
หลายคณะจะมีเกณฑ์กำหนดให้น้องๆ ต้องมีคะแนนสอบภาษาอังกฤษเพื่อยื่นรับตรงโดยเฉพาะในระบบ TCAS รอบที่ 1 (บางคณะให้เลือกสอบได้ระหว่าง TOEFL หรือ IELTS ) และหากน้องๆคนไหนต้องการไปเรียนต่อในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักก็ต้องใช้คะแนน TOEFL iBT เช่นกัน
IELTS
International English Language Testing System (IELTS) เป็นการสอบวัดความสามารถทางภาษาอังกฤษที่ได้รับความนิยมมากที่สุดโดยในปีที่ผ่านมามีผู้เข้าสอบมากกว่า 2.7 ล้านคนผลสอบ IELTS เป็นที่ยอมรับในมากกว่า 9,000 องค์กรซึ่งได้แก่สถานศึกษาบริษัทนายจ้างองค์กรทางวิชาชีพและรัฐบาลใน 140 ประเทศทั่วโลก เนื้อหาในการสอบ IELTS ได้รับการพัฒนาโดยทีมผู้เชี่ยวชาญนานาชาติและมีการวิจัยอย่างครอบคลุมเพื่อให้การสอบมีความยุติธรรมและเป็นกลางสำหรับผู้สมัครทุกคนโดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติภูมิหลังเพศวิถีการดำเนินชีวิตหรือสถานที่อยู่
สอบอะไรบ้าง?
เป็นการสอบวัดทักษะทางภาษาทั้งสี่ด้านและมีด้วยกันสี่หมวดได้แก่ การฟังการอ่านการเขียนและการพูดคุณจะต้องสอบการฟังการอ่านและการเขียนในวันเดียวกันทั้งหมดโดยไม่มีการหยุดพักระหว่างการสอบส่วนการพูดอาจสอบในวันเดียวกันกับการสอบอีกสามทักษะหรือภายในเจ็ดวันก่อนหรือหลังจากนั้นแล้วแต่ทางศูนย์สอบจะกำหนดโดยการสอบทั้งหมดจะใช้เวลาไม่เกินสามชั่วโมง
ใครบ้างที่ต้องสอบ?
หลายคณะจะมีเกณฑ์กำหนดให้น้องๆต้องมีคะแนนสอบภาษาอังกฤษเพื่อยื่นรับตรงโดยเฉพาะในระบบ TCAS รอบที่ 1 (บางคณะให้เลือกสอบได้ระหว่าง TOEFL หรือ IELTS )
HSK
HSK ย่อมาจากตัวสะกดเสียงพินอินของภาษาจีนว่า “Hanyu Shuiping Kaoshi” ซึ่งหมายถึงการสอบวัดระดับความรู้ทางภาษาจีนสำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาจีนเป็นภาษาแม่การสอบนี้จัดขึ้นโดย The Office of Chinese Language Council International: HANBAN ของรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนผู้ที่มีผลคะแนนสอบสูงสุดในแต่ละระดับของศูนย์สอบจะได้รับทุนการศึกษาจากรัฐบาลจีนในการเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศจีนเป็นประจำทุกปี
สอบอะไรบ้าง?
การสอบ HSK แบ่งออกเป็น 3 ระดับดังนี้
1. ระดับพื้นฐาน (HSK: Basic) สำหรับผู้ที่ผ่านหลักสูตรการเรียนภาษาจีนมาแล้วราว 100 - 800 ชั่วโมงมีความรู้ในคำศัพท์พื้นฐาน 400 - 3,000 คำและเข้าใจถึงหลักไวยากรณ์โครงสร้างประโยคขั้นพื้นฐาน
2. ระดับต้นและกลาง (HSK: Elementary and intermediate) คือระดับผู้ที่ผ่านหลักสูตรการเรียนภาษาจีนราว 400 - 2,000 ชั่วโมงมีความรู้ในคำศัพท์พื้นฐาน 2,000 - 5,000 คำ
3. ระดับสูง (HSK: Advanced) คือ ระดับผู้ที่ผ่านหลักสูตรการเรียนภาษาจีนมาแล้วตั้งแต่ 3,000 คาบขึ้นไปมีความรู้ในศัพท์กว่า 5,000 คำเข้าใจไวยากรณ์โครงสร้างทางภาษาในรูปประโยคที่ซับซ้อน
ใครบ้างที่ต้องสอบ?
น้องที่ต้องการไปเรียนต่อในประเทศจีนสามารถใช้ประกาศนียบัตรผลสอบเป็นเอกสารประกอบการศึกษาต่อ
JLPT
การสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาญี่ปุ่น (Japanese Language Proficiency Test : JLPT) มีวัตถุประสงค์เพื่อวัดความสามารถทางภาษาญี่ปุ่นของชาวต่างชาติผู้เรียนภาษาญี่ปุ่นการสอบภายในประเทศญี่ปุ่นจัดโดยสมาคมสนับสนุนการศึกษานานาชาติแห่งประเทศญี่ปุ่น(JEES)โดยจัดสอบในหลายจังหวัดที่ประเทศญี่ปุ่นส่วนนอกประเทศญี่ปุ่นนั้นมูลนิธิญี่ปุ่น (Japan Foundation) เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดสอบแบ่งผลการสอบออกเป็น 5 ระดับและจัดสอบปีละ 2 ครั้งในสัปดาห์แรกของเดือนกรกฎาคม และเดือนธันวาคม
สอบอะไรบ้าง?
เป็นการวัดความสามารถทางทักษะแต่ละด้านและความสามารถด้านการสื่อสารการสอบนี้จะวัดความสามารถในการใช้ภาษาของผู้เรียนในสถานการณ์จริงวิชาที่สอบแบ่งออกเป็น 2 วิชาคือ
1. 読む試験(よむしけん)เป็นการสอบ ”文字(もじ)·語彙(ごい)" และ "文法(ぶんぽう)·読解(どっかい)"
2. 聞く試験(きくしけん)เป็นการสอบ ”聴解(ちょうかい)
ใครบ้างที่ต้องสอบ?
น้องๆที่ต้องการไปเรียนต่อในประเทศญี่ปุ่นโดยการรับทุน จำเป็นต้องสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาญี่ปุ่น
TOPIK
TOPIK ย่อมาจาก Test Of Proficiency In Korean เป็นการทดสอบความสามารถทางภาษาเกาหลีของชาวต่างชาติโดยเป็นการสอบเพื่อวัดพื้นฐาน หรือความสามารถทางภาษาเกาหลีของผู้ที่ไม่ใช้ภาษาเกาหลีเป็นพื้นฐานชาวเกาหลีที่อยู่ต่างแดนชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศเกาหลีผู้เรียนภาษาเกาหลีนักเรียนต่างชาติที่สนใจเรียนที่เกาหลีบุคคลที่สนใจทำงานในประเทศหรือต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับประเทศเกาหลี
สอบอะไรบ้าง?
TOPIK แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
1. การทดสอบความสามารถทางภาษาเกาหลีทั่วไป (The Standard TOPIK) เป็นการสอบเพื่อวัดระดับความสามารถในการใช้ภาษาเกาหลีทั่วๆไปในชีวิตประจำวันที่จำเป็นต่อความเข้าใจถึงวัฒนธรรมเกาหลีและการศึกษาต่อเป็นต้นหรือที่ในหมู่นักเรียนที่เรียนภาษาเกาหลีเรียกกันว่าการสอบ “กึบ” หรือ ระดับนั่นเองผู้เข้าสอบสามารถเลือกเข้าสอบตามระดับชั้นที่เหมาะสมกับความสามารถของตนโดยจะมีการเปิดให้สมัครสอบ 3 ช่วงชั้นด้วยกันคือชั้นต้นชั้นกลางและชั้นสูง
2. การทดสอบความสามารถทางภาษาเกาหลีเชิงธุรกิจ (The Business TOPIK) เป็นการสอบเพื่อวัดระดับความสามารถในการใช้ภาษาเกาหลีเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำวันและที่จำเป็นต่อการทำงานในสถานประกอบการเกาหลีซึ่งจัดทำขึ้นสำหรับผู้ที่มีความประสงค์จะทำงานในประเทศเกาหลีการสอบ TOPIK ประเภทนี้ไม่มีการให้เกรดว่ามีความสามารถทางภาษาอยู่ในระดับใดหรือการประเมินผลว่าสอบตก – สอบผ่านใดๆทั้งสิ้นมีเพียงแต่การตรวจให้คะแนนและให้ผู้สอบนำผลคะแนนไปใช้ในการสมัครงานเท่านั้น โดยคะแนนเต็มของการสอบ TOPIK ประเภทนี้คือ 400 คะแนน
ใครบ้างที่ต้องสอบ?
TOPIK มีผลระดับน่าเชื่อถือสูงสุดในการสอบเพื่อเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยน้องๆที่ต้องการไปเรียนต่อในประเทศเกาหลี จึงจำเป็นต้องสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาเกาหลี
ขอขอบคุณบทความจาก (www.admissionpremium.com)