Natural Organic ต่างกันยังไง

Organic VS Natural 🌿 ด้วยกระแสนิยมผลิตภัณฑ์ Organic และ Natural ในปัจจุบันนั้น หลายๆ คนยังคงสงสัยว่าผลิตภัณฑ์ ออร์แกนิค...

Posted by Skinlabstation on Monday, June 10, 2019

คือวัตถุดิบที่ได้มาจาก พืช แร่ธาตุ รวมไปถึงส่วนประกอบต่างๆ ที่ได้จากสัตว์ เช่น น้ำผึ้ง รวมไปถึงวัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติแต่ผ่านกระบวนการผลิตแล้ว ก็ยังถูกระบุเป็น Natural และเนื่องจากไม่มี การควบคุมเกี่ยวกับการเคลม Natural บนฉลาก แม้ว่าในผลิตภัณฑ์จะมีส่วนประกอบของวัตถุดิบจากธรรมชาติบางส่วน ก็ยังสามารถระบุคำว่า Natural บนฉลากได้

ORGANIC (สารสกัดจากออร์แกนิค)

คือวัตถุดิบที่ได้มาจาก พืช แร่ธาตุ จำเป็นต้องมีการควบคุมการผลิต โดยไม่มียาฆ่าแมลง สารเคมี และสารแปลกปลอมอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานกลางที่ออกเอกสารรองรับผลิตภัณฑ์ว่าเป็นไปตามมาตรฐานรองรับได้ทั้งวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป

จากความแตกต่างจากวัตถุดิบทั้งสองจึงระบุได้ว่า Organic คือวัตถุดิบที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เป็นกลาง และไม่มีการใช้สารเคมีต่างๆ ในกระบวนการปลูก ส่งผลในการเพิ่มความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค

คำว่า organic หรือ “ออร์แกนิค” มักดึงดูดความสนใจของบรรดาผู้บริโภคอย่างเราๆ เสมอ เพราะทุกคนเชื่อว่านี่คือผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพของเราอย่างแน่นอน

 

แต่คำนี้ในแวดวงของผลิตภัณฑ์เสริมความสวยความงาม…คุณแน่ใจแล้วหรือไม่ว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นปลอดภัยจริงๆ?  

 

Organic คืออะไร?

ในเชิงของผลผลิตทางการเกษตร ผลผลิตที่ได้รับการรับรองว่าเป็น “ออร์แกร์นิค” แน่นอนว่าจะต้องปลอดภัยและดีต่อสุขภาพของเราอยู่แล้วค่ะ เพราะตลอดกระบวนการปลูก การเก็บเกี่ยว ไปจนถึงการบรรจุผลิตภัณฑ์จะไม่มีการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ สัตว์ และสิ่งแวดล้อม

 

โดยในปัจจุบัน มีสถาบันรับรอง ออร์แกนิค มาตรฐานสากลระดับโลกหลายแห่งที่เป็นที่ยอมรับ เช่น BDIH ของประเทศเยอรมัน, ECOCERT ของประเทศฝรั่งเศส, USDA ออร์แกนิค ของประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นต้น ซึ่งแต่ละแห่งก็มีกฎเกณฑ์ที่ใช้ในการรับรองแตกต่างกันออกไป แต่ในที่นี้เราขอยกตัวอย่างเกณฑ์การรับรองของ USDA ออร์แกนิค มาให้ทุกคนได้เห็นภาพกันค่ะ  

 

การรับรองจาก USDA Organic  จะแบ่งออกเป็น 4 ระดับ ดังนี้

1. Organic 100%

ส่วนผสมทั้งหมดในผลิตภัณฑ์จะต้องผ่านการผลิตแบบออร์แกนิคเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการปลูก เก็บเกี่ยว ตลอดจนการสกัด ซึ่งหากผ่านมาตรฐานก็จะได้รับอนุญาตให้แสดงตราประทับของ USDA Organic บนบรรจุภัณฑ์ได้

2. Organic

ส่วนผสมทั้งหมดในผลิตภัณฑ์จะต้องผ่านการผลิตแบบออร์แกนิค อย่างน้อย 95% และอีก 5% ที่เหลือจะเป็นสารเคมีแบบเป็นธรรมชาติหรือไม่เป็นธรรมชาติก็ได้ แต่ต้องเป็นที่ยอมรับ ถึงจะได้รับอนุญาตให้แสดงตราประทับของ USDA Organic บนบรรจุภัณฑ์ได้นั่นเองค่ะ

3. มีส่วนผสมที่เป็น Organic

ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเป็นออร์แกนิค อย่างน้อย 70% และอีก 30% เป็นสารเคมีที่ได้รับการยอมรับเช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์แบบออร์แกนิค 

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะผ่านการรับรอง แต่จะไม่ได้รับอนุญาตให้แสดงตราประทับ USDA ออร์แกนิค บนบรรจุภัณฑ์อยู่ดีนั่นเองค่ะ

4. มีส่วนผสมที่เป็น Organic น้อยกว่า 70% (Less than 70% organic ingredients) 

ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้คำว่า “ออร์แกนิค” รวมไปถึงการแสดงตราประทับ USDA ออร์แกนิค บนบรรจุภัณฑ์ แต่ได้รับอนุญาตให้ระบุส่วนผสมที่เป็นออร์แกนิคในตารางแสดงรายการส่วนผสมพร้อมทั้งระบุเปอร์เซ็นต์ที่ใส่ลงไปได้

ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ที่จะเคลมคำว่า “ออร์แกนิค” ลงบนผลิตภัณฑ์ได้นั้น ไม่ได้มีเพียงแค่ส่วนผสมจากธรรมชาติเท่านั้น แต่จะต้องผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวดและได้รับการรับรองจากสถาบันเหล่านี้ด้วย 

 

ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแบบ organic vs natural

สกินแคร์ออร์แกนิค คือ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ โดยตลอดทั้งกระบวนการ ไม่ว่าจะเป็นการปลูก เก็บเกี่ยว หรือสกัดออกมาจะต้องไม่ผ่านการใช้สารเคมีใดใดทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยเคมี ย่าฆ่าแมลง หรือสารอนินทรีย์อื่นๆ 

 

โดยจะต่างจากสกินแคร์ธรรมชาติ (Natural Skincare) ที่ไม่ได้สนใจว่าส่วนผสมเหล่านั้นมีกระบวนได้มาอย่างไร แต่จะเน้นไปที่สรรพคุณและประสิทธิภาพของส่วนผสมเหล่านั้นแทน

 

สิ่งที่ผมมองหา คือ ยาหรือวัตถุดิบต่างๆ ที่มีหลักฐานอ้างอิงและมีข้อมูลทางคลินิกเกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพของมัน ผู้คนมักคิดว่าสิ่งมาจากธรรมชาตินั้นดีกว่า ซึ่งนั่นอาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ได้

–  Doris Day ผู้ช่วยศาสตราจารย์คลินิกโรคผิวหนังของศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก

 

เราไม่ได้บอกว่าผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เป็นธรรมชาติจะดีหรือไม่ดีกว่าผลิตภัณฑ์ที่เป็น organic เพราะหากมองแบบผิวเผินแล้วผลิตภัณฑ์ดูแลผิวทั้ง 2 ประเภท ต่างก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมมาจากธรรมชาติทั้งหมด แตกต่างกันเพียงแค่กระบวนการการได้มา แต่ถึงอย่างนั้นเราไม่อาจแน่ใจได้ว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกับผิวของเราจริงๆ  

 

ตัวอย่างเช่น หากคุณเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ถูกเคลมว่าเป็นธรรมชาติหรือออร์แกนิคแบบ 100% ส่วนที่คุณควรพิจารณาก็คือส่วนผสมอื่นๆ ที่เหลือว่ามีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อผิวหรือไม่ ดังนั้น มันจำเป็นอย่างมากที่จะต้องศึกษาสรรพคุณของส่วนผสมหลักๆ ทั้งหมดในผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงคำเคลมต่างๆ ที่ปรากฏขึ้นบนบรรจุภัณฑ์ 

ถ้าไม่ใช่ Organic 100% แล้วส่วนที่เหลือคืออะไร?

อย่างที่เราบอกไปว่าคำว่า “ ออร์แกนิค” มักดึงดูดใจผู้คนให้เข้ามาสนใจ บวกกับคำเคลมที่ถูกแปะลงในโฆษณาเชิญชวน ทำให้มีผู้บริโภคหลายคนหลงเชื่อและตัดสินใจซื้อมาใช้ 

 

แต่ในบางครั้ง ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหรือเรียกสั้นๆ ว่า สกินแคร์อย่างที่เรารู้จักกันก็ไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่คิด โดยเฉพาะสกินแคร์ที่ไม่ได้มีการระบุว่าเป็น “ออร์แกนิค 100%” มักจะแฝงไปด้วยสารเคมีอันตรายอย่าง สเตียรอยด์ ไฮโดรควิโนน พาราเบน ซัลเฟต พทาเลต เป็นต้น ซึ่งผู้ผลิตมักจะใส่สารเคมีเหล่านี้ลงไปในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่รวดเร็ว 

ครีม Organic ส่วนใหญ่มีส่วนผสมของสารฟอกขาว สเตียรอยด์ และไฮโดรควิโนนที่มีความเข้มข้นสูง ซึ่งอาจทำให้ผิวหนังเสียหายอย่างถาวร

–  Folakemi Cole-Adeife

 

Folakemi Cole-Adeife แพทย์ที่ปรึกษาและแพทย์ผิวหนังของโรงพยาบาลการสอน มหาวิทยาลัยลากอส เมืองอิเคจา กล่าวว่า หลายคนรู้สึกว่าผลิตภัณฑ์ที่เป็นธรรมชาติมักดีกว่า แต่มันไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป เพราะเธอเห็นคนจำนวนมากที่มีผลข้างเคียงที่เลวร้ายจากการใช้ครีมที่พวกเขาซื้อผ่านทางออนไลน์ เพียงเพราะในโฆษณาเคลมว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นเป็นธรรมชาติหรือออร์แกนิค แต่ไม่มีการแสดงให้เห็นถึงที่มาที่ไปของส่วนผสมที่พวกเขาอ้างว่าเป็นธรรมชาติหรือออร์แกนิคเหล่านั้นเลย 

 

เริ่มแรก ครีม Organic จะทำให้ผิวของคุณดูดีและเรียบเนียนขึ้นหากมันมีส่วนผสมของสเตียรอยด์ และผลเริ่มแรกนั้น คือ สิ่งที่ดึงดูดและหลอกล่อผู้คนให้ใช้ครีมออร์แกนิคเหล่านี้

 

เธอยังได้เน้นย้ำอีกว่า ผู้บริโภคควรใส่ใจและระมัดระวังในการเลือกใช้ครีมออร์แกนิค เพราะถึงแม้ว่าในช่วงแรกๆ ของการใช้ครีมจะแสดงผลลัพธ์ให้เห็นว่าผิวของคุณดูดีขึ้น แต่หลังจากที่คุณหยุดใช้ผิวก็จะกลับมาเป็นเช่นเดิมหรือแย่กว่าเดิม 

 

นอกจากนี้ เธอยังระบุอีกว่าผลข้างเคียงที่สำคัญของครีมออร์แกนิค คือ การติดเชื้อที่ผิวหนังซ้ำๆ โดยสังเกตว่าผู้ใช้ครีมออร์แกนิคจำนวนมากมีอาการติดเชื้อที่ผิวหนังตามบริเวณต่างๆ ของร่างกาย หากในหนึ่งวันเธอพบคนไข้ประมาณ 10 คน จะต้องมีคนไข้ประมาณ 5 ถึง 6 คน ที่มาหาเธอเพราะได้รับผลข้างเคียงด้านลบจากการใช้ครีมออร์แกนิคเหล่านี้ โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย ซึ่งผลข้างเคียงที่มักพบได้บ่อยๆ คือ ผิวหนังติดเชื้อรา มีผื่น ผิวบางขึ้น เกิดรอยช้ำ มีอาการคัน ผิวแดง และผิวแตกลาย

 

ผลข้างเคียงที่พบบ่อยอีกอย่างหนึ่ง คือ รอยแตกลาย เมื่อใช้ครีมและคุณเริ่มสังเกตเห็นรอยแตกลายที่ไม่เคยมีมาก่อน อาจเป็นเพราะครีม Organic มีสเตียรอยด์

 

ดังนั้น ในฐานะแพทย์ทางผิวหนัง เธอได้แนะนำว่า อย่าได้หลงเชื่อไปกับคำโฆษณาบนอินเทอร์เน็ต อย่างน้อยก่อนตัดสินใจซื้อคุณควรตรวจสอบเลขทะเบียน อย. ของผลิตภัณฑ์และมีคำเคลมว่าไม่มีพาราเบน สาร SLS ไฮโดรควิโนน แอลกอฮอล์ และน้ำหอมที่ทำให้ผิวหนังเกิดอาการแพ้เสียก่อน  โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย คุณแม่ตั้งครรภ์ และคุณแม่ให้นมบุตร  

 

Mama’s Choice ทางเลือกที่ปลอดภัยสำหรับคุณแม่ยุคใหม่

 

ผลิตภัณฑ์จาก Mama’s Choice เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ไม่ใช่ organic แต่ทางแบรนด์ใส่ใจในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดสรรไปจนถึงการเก็บเกี่ยวเพื่อให้ได้มาซึ่งวัตถุดิบคุณภาพ ผสมผสานร่วมกับนวัตกรรมใหม่ๆ จนได้ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ราคาย่อมเยา และให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด 

 

ที่สำคัญ ผลิตภัณฑ์จาก Mama’s Choice ยังผ่านการทดสอบทางผิวหนังจากห้องทดลองในประเทศสิงคโปร์ว่าไม่มีส่วนผสมของสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เช่น พาราเบน ไตรโคลซาน พทาเลต แอลกอฮอล์ สาร SLS  เป็นต้น อีกทั้งยังได้รับรองมาตรฐานฮาลาลจาก MUI (Majelis Ulama Indonesia) และขึ้นทะเบียนกับกระทรวงสาธารณสุขแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซียอีกด้วย

นอกจากนี้ Mama’s Choice พร้อมที่จะเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสและจริงใจ เพื่อช่วยให้แม่ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นและสร้างความมั่นใจให้กับคุณแม่ตั้งครรภ์และให้นมบุตรว่าผลิตภัณฑ์ของเรานั้นปลอดภัย 100% เพราะสุขภาพของแม่ คือ สิ่งที่เราให้ความสำคัญสูงสุด

 

ท้ายนี้ ไม่ว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นจะเป็นแบบธรรมชาติหรือ organic จะได้รับการรับรองฉลากแบบใดหรือไม่ก็ตาม ปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่คุณควรคำนึงถึงในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลผิว คือ คุณควรใส่ใจกับการศึกษาข้อมูลบนฉลากและดูว่าส่วนผสมเหล่านั้นได้รับการพิสูจน์จากทางคลินิกแล้วหรือไม่ 

และอย่าได้หลงเชื่อในคำโฆษณาและแคมเปญการตลาด หากคุณยังไม่ได้ลองศึกษาข้อมูลของผลิตภัณฑ์ด้วยตัวเองนะคะ 🙂

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน อาจารย์ ตจต ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf lmyour แปลภาษา ชขภใ ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมฟรี 2566 ขขขขบบบยข ่ส ศัพท์ทางทหาร military words หนังสือราชการ ตัวอย่าง หยน แปลบาลีเป็นไทย ไทยแปลอังกฤษ ประโยค การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ข้อสอบโอเน็ต ม.3 ออกเรื่องอะไรบ้าง พจนานุกรมศัพท์ทหาร เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด แปลภาษามลายู ยาวี Bahasa Thailand กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมออนไลน์ การ์ดจอมือสอง ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย คะแนน o-net โรงเรียน ค้นหา ประวัติ นามสกุล บทที่ 1 ที่มาและความสําคัญของปัญหา ร. ต จ แบบฝึกหัดเคมี ม.5 พร้อมเฉลย แปลภาษาอาหรับ-ไทย ใบรับรอง กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน PEA Life login Terjemahan บบบย มือปราบผีพันธุ์ซาตาน ภาค2 สรุปการบริหารทรัพยากรมนุษย์ pdf สอบโอเน็ต ม.3 จําเป็นไหม เช็คยอดค่าไฟฟ้า แจ้งไฟฟ้าดับ แปลภาษา มาเลเซีย ไทย แผนที่ทวีปอเมริกาเหนือ ่้แปลภาษา Google Translate กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน ก่อนจะนิ่งก็ต้องกลิ้งมาก่อน เนื้อเพลง ข้อสอบโอเน็ตม.3 มีกี่ข้อ คะแนนโอเน็ต 65 ตม กรุงเทพ มีที่ไหนบ้าง