มี เงิน ทุน 5000 ทํา อะไร ดี

ใครที่อยากเริ่มลงทุน กำลังวางแผนการลงทุน แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มลงทุนอะไรดี เพราะมีสินทรัพย์ทางการเงินให้เราเลือกลงทุนเยอะแยะไปหมด แถมก็ยังไม่รู้อีกว่าแบบไหนจะเหมาะกับเราทั้งในแง่ของเงินลงทุน ความเสี่ยง และเป้าหมายการลงทุน แนะนำว่าอย่าพลาดบทความนี้ เพราะบทความนี้จะพาทุกคนไปเจาะลึกสินทรัพย์ทางการเงินต่าง ๆ ที่สามารถต่อยอดเงินลงทุนให้เติบโตได้ ซึ่งสินทรัพย์ที่อยู่ในบทความนี้บางอย่างก็สามารถลงทุนได้ด้วยเงินหลักพันเท่านั้น!

ก่อนที่จะไปดูว่ามีสินทรัพย์อะไรให้ลงทุนได้บ้าง เรามารู้จัก “เงินเฟ้อ” กันสักหน่อยว่ามันคืออะไร อย่างน้อย ๆ ก่อนเริ่มลงทุนอะไรเราก็ต้องทำความรู้จักเจ้าเงินเฟ้อนี้ไว้นะ

เงินเฟ้อ คืออะไร?

ใครที่เปิดทีวีดูข่าวเศรษฐกิจหรือแม้แต่อ่านบทความเศรษฐกิจก็คงต้องเคยได้ยินได้เห็นคำว่า “เงินเฟ้อ” กันอย่างแน่นอน แล้วเคยสงสัยกันไหมว่าเจ้าเงินเฟ้อเนี่ยมันหมายถึงอะไรกันแน่? ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็ได้นิยามความหมายของคำว่าเงินเฟ้อไว้ว่า

เงินเฟ้อ คือ การที่ราคาสินค้าและบริการโดยทั่วไปเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งหากเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นมากจะกระทบต่อฐานะและความเป็นอยู่ของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศ โดยทำให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง ทำลายแรงจูงใจในการออมของประชาชนทำให้ความสามารถในการแข่งขันด้านราคา กับต่างประเทศลดต่ำลง และทำให้ความเสี่ยงในการดำเนิน ธุรกิจและการลงทุนในระยะยาวของประเทศมีมากขึ้น

ยกตัวอย่างง่าย ๆ ให้ผู้อ่านเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น เช่น เมื่อ 10 ปีที่แล้วเราอาจจะซื้อข้าวซื้อก๋วยเตี๋ยวได้ในราคา 20 บาท แต่ปัจจุบันเราไปซื้อก๋วยเตี๋ยวในราคา 20 บาท อาจจะได้ปริมาณนิดเดียว หรือบางร้านก็ไม่ขายเลย และเหตุการณ์นี้นี่แหละที่เรียกว่า “ภาวะเงินเฟ้อ”

เงินเฟ้อนั้นเรียกได้ว่าเป็นศัตรูตัวร้ายของระบบเศรษฐกิจเลยก็ว่าได้ เห็นความร้ายกาจของเงินเฟ้อแบบนี้แล้ว ก็คงจะมีคำถามกันว่า แล้วจะมีวิธีใดไหมที่เราจะสามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้? ตรงนี้ก็ขอตอบแบบมั่นใจเลยว่า มีแน่นอน ซึ่งวิธีการนั้นก็คือ “การลงทุน” นั่นเอง แต่เดี๋ยวก่อน! การลงทุนในบางสินทรัพย์ก็ให้ผลตอบแทนที่ไม่สามารถชนะเงินเฟ้อได้เหมือนกัน (อ่านถึงตรงนี้ก็อย่าเพิ่งกุมหัวกันนะว่าทำไมมันเยอะสิ่งขนาดนี้)

เพราะเราต้องดูผลตอบแทนจากการลงทุนที่แท้จริงว่ามีค่าติดลบหรือไม่

สูตรคำนวณผลตอบแทนการลงทุนที่แท้จริง

ผลตอบแทนการลงทุนที่แท้จริง = ผลตอบแทน – อัตราเงินเฟ้อ

เช่น สินทรัพย์ A ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 1.00% ต่อปี ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 1.20% ต่อปี ดังนั้น ผลตอบแทนการลงทุนที่แท้จริงจะเท่ากับ -0.20% ผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์ A จึงแพ้เงินเฟ้อ แสดงให้เห็นว่าการลงทุนในสินทรัพย์ A ไม่สามารถชดเชยอำนาจซื้อที่ลดลงได้ จึงควรหาสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่สามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้นั่นเอง

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงินเฟ้อ

  • ไขข้อสงสัย… “เงินเฟ้อ” คืออะไร? “ภาวะเงินเฟ้อลดลง” แตกต่างกับ “เงินฝืด” อย่างไร?
  • เงินเฟ้อ คืออะไร? มานี่ มีตังค์ จะบอกให้…

เราก็ได้รู้จักเงินเฟ้อกันไปแล้ว ที่นี่เรามาดูกันดีกว่าว่าจะมีสินทรัพย์อะไรให้เราลงทุนได้บ้าง และจะมีสินทรัพย์ประเภทใดที่เราลงทุนแล้วสามารถคาดหวังผลตอบแทนที่เอาชนะเงินเฟ้อได้

เงินฝาก

จะเรียกว่าการฝากเงินเป็นการลงทุนก็คงเรียกได้ไม่เต็มปากนัก เพราะมันคือ “การออม” มากกว่า แต่จะไม่หยิบมากล่าวถึงก็คงไม่ได้ ดังนั้นจึงขอนำมากล่าวสักนิดหน่อยให้พอหอมปากหอมคอ สำหรับการฝากเงินนั้นก็มีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น 

  • เงินฝากออมทรัพย์: เป็นการฝากเงินแบบไม่กำหนดระยะเวลาฝากถอน ผู้ฝากสามารถฝากและถอนเงินได้ตามวันที่สะดวก ดอกเบี้ยเงินฝากประเภทนี้อยู่ที่ประมาณ 0.125% – 2.00% โดยดอกเบี้ยส่วนที่เกิน 20,000 บาทผู้ฝากเงินจะต้องเสียภาษี ณ ที่จ่าย 15% ของดอกเบี้ยที่ได้รับ
  • เงินฝากประจำ: เป็นการฝากเงินแบบกำหนดระยะเวลาฝากถอนชัดเจน ซึ่งระยะเวลาก็มีตั้งแต่ 3, 6, 12, 24, 36 และสูงสุด 48 เดือน ดอกเบี้ยเงินฝากประจำจะอยู่ที่ประมาณ 0.30% – 1.35% ซึ่งหากมีการถอนเงินก่อนครบกำหนดก็อาจจะไม่ได้รับดอกเบี้ยในอัตราที่ธนาคารประกาศ นอกจากนี้ดอกเบี้ยเงินฝากประจำนั้นต้องมีการเสียภาษี ณ ที่จ่าย 15% ของดอกเบี้ยที่ได้รับ เช่นเดียวกับการฝากออมทรัพย์ แต่ก็มีบางธนาคารที่มีบัญชีเงินฝากแบบปลอดภาษีให้ลูกค้าได้เลือกใช้บริการอีกด้วย
  • เงินฝากดิจิทัล: เป็นการฝากเงินในรูปแบบออนไลน์ โดยเงินฝากประเภทนี้จะไม่มีสมุดบัญชี และทำธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านแอปพลิเคชันของธนาคาร ซึ่งแต่ละธนาคารก็จะจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่แตกต่างกันไป ปกติแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 1.10% – 2.00%

การคิดดอกเบี้ยของธนาคารก็จะคิดดอกเบี้ยแบบทบต้น (Compound Interest Rate) โดยจะมีการจ่ายดอกเบี้ยให้ผู้ฝากเงินปีละ 1-2 ครั้ง หรือจ่ายทุกเดือนก็แล้วแต่เงื่อนไขของธนาคารต่าง ๆ  ยกเว้นเงินฝากประเภทฝากประจำที่จะจ่ายดอกเบี้ย ณ วันครบกำหนดระยะเวลาฝากประจำทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่าสินทรัพย์ประเภทเงินฝากนี้เป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงที่สุด เพราะสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ทันทีเมื่อเราต้องการนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา ทางสถาบันคุ้มครองเงินฝากได้ปรับลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากเหลือ 1 ล้านบาท ซึ่งหมายความว่าหากเราฝากเงินในธนาคาร A เกิน 1 ล้านบาท ในวันที่ธนาคาร A ล้มในวันที่ธนาคาร A พลาด เราจะได้รับเงินฝากคืนเพียงแค่ 1 ล้านบาทเท่านั้น ส่วนที่เกิน 1 ล้านบาทไม่รับประกันว่าจะได้คืนนะ จะเห็นได้ว่าการฝากเงินในธนาคารก็มีความเสี่ยงตรงนี้อยู่เหมือนกัน ดังนั้น ควรวางแผนดี ๆ ว่าส่วนที่เกินนั้นจะเอาไปไว้ที่ใดหรือจะเอาไปลงทุนในสินทรัพย์ใด

สำหรับการปรับลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากของสถาบันคุ้มครองเงินฝาก สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เมื่อวงเงินคุ้มครองเงินฝากเหลือ 1 ล้านบาท ควรรับมืออย่างไร? แล้วเอาเงินไปไว้ไหนดี?

ตราสารหนี้

“ตราสารหนี้” ถือเป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากขึ้นมาหน่อย แต่ความเสี่ยงก็ยังไม่มากไปกว่าสินทรัพย์ทางการเงินอื่น ๆ เหมาะกับผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อยแต่ต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก การลงทุนในตราสารหนี้จะแสดงถึง “การกู้ยืม” โดยผู้ถือตราสารหนี้หรือนักลงทุนจะมีสถานะเป็น ‘เจ้าหนี้’ หรือ ‘ผู้ให้กู้’ ส่วนผู้ออกตราสารหนี้จะมีสถานะเป็น ‘ลูกหนี้’ หรือ ‘ผู้กู้’ นักลงทุนที่มีสถานะเป็นผู้ให้กู้ก็จะรับผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย พร้อมได้รับเงินต้นคืนในวันที่ครบกำหนดไถ่ถอน

ตราสารหนี้ หากแบ่งตามประเภทผู้ออกจะแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่

  1. ตราสารหนี้ภาครัฐ หรือ พันธบัตร (Government Bond) เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ เป็นต้น
  2. ตราสารหนี้ภาคเอกชน หรือ หุ้นกู้ (Corporate Bond) ซึ่งออกโดยบริษัทเอกชนต่าง ๆ เพื่อเป็นการระดุมทุน

หากกล่าวถึงความเสี่ยงของตราสารหนี้ทั้ง 2 ประเภทนี้แล้ว แน่นอนว่าพันธบัตรที่ออกโดยภาครัฐนั้นความเสี่ยงก็จะต่ำกว่าหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน หากจะลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนก็ต้องดูให้ดีก่อนว่าบริษัทนั้น ๆ ที่เราจะไปซื้อหุ้นกู้มีฐานะทางการเงินที่มั่นคง และมีความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยและเงินต้นคืนเราได้เมื่อครบกำหนดระยะเวลาไถ่ถอน 

สำหรับสภาพคล่องของตราสารหนี้จะค่อนข้างต่ำ เนื่องจากอย่างที่บอกไปว่าตราสารหนี้จะมีกำหนดระยะเวลาไถ่ถอน ซึ่งแต่ละประเภทก็จะมีระยะเวลาที่แตกต่างกันไป น้อยกว่าหนึ่งปีหรือมากกว่าหนึ่งปี ทำให้สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ช้า

ผลตอบแทนเฉลี่ยของตราสารหนี้จะอยู่ที่ประมาณ 2-5% จะเห็นว่าผลตอบแทนเฉลี่ยมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากก็จริง แต่ทั้งนี้ ขอให้ดูอัตราเงินเฟ้อประกอบกันด้วยอย่างที่กล่าวไปในช่วงต้นบทความ เพราะในกรณีที่อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นก็อาจทำให้ผลตอบแทนของตราสารหนี้บางทีก็แพ้อัตราเงินเฟ้อได้ ดังนั้นควรนำอัตราเงินเฟ้อมาคำนวณด้วยว่าได้คุ้มเสียกันรึเปล่า

อ่านเพิ่มเติม ตราสารหนี้ คืออะไร? พร้อมเคล็ดลับการลงทุนตราสารหนี้ที่พลาดไม่ได้!

ทองคำ

สำหรับทองคำคงไม่ต้องกล่าวอะไรมาก เพราะทุกคนคงทราบกันดีแล้วว่าทองคำนั้นเป็นสินทรัพย์ที่แสดงความมั่งคั่งร่ำรวยมาอย่างยาวนาน ด้วยคุณสมบัติของทองคำที่มีความงดงาม คงทน ทำให้ทองคำถูกนำไปแปรรูปเป็นเครื่องประดับหลากหลายประเภท หรือที่เรียกกันว่า ทองรูปพรรณ รวมถึงถูกนำไปใช้เป็นเครื่องสะสมมูลค่าอีกด้วย

การลงทุนในทองคำสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น การลงทุนทางตรงโดยการซื้อทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณมาเก็บไว้ การลงทุนทองคำผ่านกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในทองคำ การลงทุนผ่านสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures) หรือท่านใดที่อยากเริ่มลงทุนในทองคำแต่คิดว่า หากจะซื้อทองคำแท่งสักหนึ่งแท่งมาเก็บไว้ก็จะดูใช้เงินเยอะไปหน่อย แถมยังมีห่วงเรื่องของความปลอดภัยอีก ก็สามารถลงทุนโดยการออมทองคำผ่านโบรกเกอร์ที่ให้บริการก็ได้เช่นกัน เพราะด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 1,000 บาทก็สามารถออมทองคำได้แล้ว (หรือบางเจ้าก็มีเห็นว่าเริ่มต้นลงทุนแค่ 100 บาทเองนะ)

ผลตอบแทนเฉลี่ยจากการลงทุนระยะยาวในทองคำ 10 ปี และ 20 ปีจะอยู่ที่ 5.20% และ 8.77% ตามลำดับ ส่วนเรื่องสภาพคล่องของทองคำนั้นก็มีค่อนข้างสูง เพราะสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ค่อนข้างง่าย ในขณะเดียวกัน ทองคำนั้นก็มีความสัมพันธ์กับสินทรัพย์อื่นต่ำมาก รวมถึงมีค่าความผันผวนต่ำกว่าสินทรัพย์เสี่ยงชนิดอื่น จึงนิยมนำมากระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุน

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับทองคำ

  • 3 เรื่องต้องรู้ก่อนลงทุนทองคำแท่ง
  • 9 สิ่งที่ต้องรู้ ก่อนซื้อขายทองคำ | อะไรคือสิ่งที่คนซื้อ-ขายทอง 99% ไม่รู้?
  • ทำความรู้จัก “ทองคำ”: สินทรัพย์ที่มีค่าเมื่อตลาดอยู่ในขาลง

หุ้น

ตราสารทุน หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า “หุ้น” (Stock) คงเป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่คุ้นหูกันมากที่สุดแล้ว ลักษณะการลงทุนในหุ้นนั้นจะแสดงถึงการเป็น “เจ้าของกิจการ” หมายความว่าผู้ลงทุนจะมีฐานะเป็นเจ้าของร่วมในบริษัทที่เราเข้าไปซื้อหุ้น

ผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นจะอยู่ในรูปแบบของ ส่วนต่างราคา (Captain Gain) และ เงินปันผล (Dividend Yield) ในกรณีที่บริษัทนั้น ๆ มีนโยบายจ่ายเงินปันผล นอกจากนี้ ผู้ลงทุนในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้นยังมีโอกาสได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ทั้งการเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น การจองซื้อหุ้นออกใหม่ หุ้นเพิ่มทุน ฯลฯ

หุ้นในที่นี่ก็ไม่ได้จำกัดแต่แค่หุ้นไทยเท่านั้น เราสามารถไปลงทุนในหุ้นต่างประเทศได้เพื่อเปิดหาโอกาสในการลงทุน รวมถึงเป็นการกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุนของเราไปในตัว แต่การลงทุนในหุ้นต่างประเทศบางทีต้องใช้เงินจำนวนมาก อย่างเช่น หุ้น Tesla ที่ล่าสุดราคาพุ่งไปเกิน 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ แล้ว การจะซื้อหุ้น Tesla สักหนึ่งหุ้นอาจจะไม่ตอบโจทย์นักลงทุนบางท่านสักเท่าไร อย่างไรก็ตาม การลงทุนในหุ้นต่างประเทศเราสามารถลงทุนได้ผ่านกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นต่างประเทศได้เช่นกัน จำนวนเงินเริ่มต้นลงทุนก็ไม่ได้มากเท่าการลงทุนหุ้นต่างประเทศโดยตรง สำหรับรายละเอียดต่าง ๆ นั้นจะกล่าวถึงในหัวข้อกองทุนรวมอีกที

ผลตอบแทนเฉลี่ยของหุ้นจะอยู่ที่ประมาณ 12% (อ้างอิงจากผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปีของ MSCI World ข้อมูล ณ วันที่ 29 ต.ค. 2564) ผลตอบแทนจะสูงกว่าเงินฝากและตราสารหนี้ค่อนข้างมาก แต่อย่าลืมว่าผลตอบแทนจากการลงทุนย่อมแปรผันตรงกับความเสี่ยง หมายความว่ายิ่งผลตอบแทนสูงความเสี่ยงก็จะยิ่งมากขึ้นตามกันไป ควรศึกษาเบื้องลึกเบื้องหลังของหุ้นตัวนั้น ๆ ที่เราสนใจว่าธุรกิจเขาเป็นอย่างไร งบการเงินต่าง ๆ ก่อนลงทุน

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับหุ้น

  • รวมคำศัพท์หุ้นสำหรับมือใหม่
  • รวมฮิตคำศัพท์ในตลาดหุ้น

อสังหาริมทรัพย์

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 139 บัญญัติว่า “อสังหาริมทรัพย์” หมายความว่า ที่ดินและทรัพย์อันติดอยู่กับที่ดินมีลักษณะเป็นการถาวรหรือประกอบเป็นอันเดียวกับที่ดินนั้น และหมายความรวมถึงทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับที่ดิน หรือทรัพย์อันติดอยู่กับที่ดินหรือประกอบเป็นอันเดียวกับที่ดินนั้นด้วย เช่น ที่ดิน คอนโด บ้าน อาคารพาณิชย์ ฯลฯ

ทั้งนี้ การลงทุนในอสังหาฯ ทางตรงอย่างการซื้อบ้านซื้อคอนโดเพื่อเก็งกำไร หรือซื้อมาปล่อยเช่า ก็จะดูใช้เงินเยอะไปเสียหน่อย อย่างไรก็ตาม เราสามารถลงทุนในอสังหาฯ ทางอ้อมได้ผ่านการลงทุนในกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในอสังหาฯ ไม่ว่าจะเป็น กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund), ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trust: REIT) รวมไปถึง กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund: IFF) ซึ่งรายละเอียดต่าง ๆ จะไปกล่าวถึงในหัวข้อกองทุนรวมอีกครั้ง

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์

  • รู้ก่อนลงทุน: สรุปแล้ว “กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์” คือ อะไร?
  • คู่มือกองทุนรวมอสังหาฯ รวมข้อมูลที่นักลงทุนต้องรู้!!
  • REITs คืออะไร? รู้จักอีกหนึ่งทางเลือกการลงทุนเพื่อสร้างกระแสเงินสด I Club Fund Day SS2 – Ep 5

ตราสารอนุพันธ์

ตราสารอนุพันธ์ (Derivatives) คือ สินทรัพย์ทางการเงินที่มูลค่าของตราสารจะขึ้นอยู่กับ “สินค้าอ้างอิง” (Underlying Asset) นั้น ๆ ลักษณะของตราสารอนุพันธ์จะเป็น “สัญญา” ที่ผู้ซื้อและผู้ขายตกลงทำสัญญาตกลงกัน ณ วันซื้อขาย ทั้งในเรื่องของจำนวนหน่วยและราคา แล้วส่งมอบและชำระราคากันในอนาคต ตราสารอนุพันธ์จะทำการซื้อขายผ่านตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือ TFEX

ตราสารอนุพันธ์ที่ซื้อขายกันในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของประเทศไทย (TFEX) แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ 

  1. สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) – สัญญาที่ผู้ซื้อกับผู้ขายตกลงจะซื้อขายสินค้าอ้างอิง โดยกำหนดราคาตั้งแต่วันนี้ แต่ส่งมอบและชำระเงินในอนาคต เมื่อถึงเวลาที่กำหนด ผู้ซื้อและผู้ขายมีหน้าที่ต้องซื้อหรือขายตามที่ตกลงกันไว้
  2. สัญญาสิทธิ (Options) – สัญญาที่ผู้ซื้อได้รับ “สิทธิ” ซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิงตามราคา จำนวน และระยะเวลาที่ระบุ โดยผู้ซื้อต้องจ่ายค่าพรีเมียม (Premium) และสามารถเลือกที่จะใช้สิทธิหรือไม่ก็ได้ แต่ผู้ขายมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามสัญญา หากผู้ซื้อขอใช้สิทธิ

สินค้าอ้างอิง (Underlying Asset) ของตราสารอนุพันธ์ ได้แก่ หุ้น ดัชนี ตราสารหนี้ เงินตราต่างประเทศ รวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์ โดยสินค้าโภคภัณฑ์สามารถแบ่งตามลักษณะสินค้าได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่

  • Hard Commodities – สินค้าประเภทวัตถุดิบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ ไม่สามารถผลิตโดยการเพาะปลูกได้ โดยต้องทำการสกัดหรือขุดขึ้นมา เช่น ทองคำ เงิน ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันดิบ ถ่านหิน ฯลฯ
  • Soft Commodities – สินค้าทางการเกษตรหรือปศุสัตว์ ที่มนุษย์สามารถผลิตได้โดยการเพาะปลูก เช่น เมล็ดกาแฟ ข้าวสาลี เนื้อสัตว์ น้ำตาล ฯลฯ

ทั้งนี้การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ไม่เพียงแต่ลงทุนผ่านตราสารอนุพันธ์ได้เท่านั้น แต่ยังสามารถลงทุนผ่านกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งรายละเอียดจะกล่าวถึงในหัวข้อกองทุนรวมอีกที

ข้อดีของการลงทุนในตราสารอนุพันธ์ คือ ใช้เงินลงทุนน้อย โดยเราสามารถวางเงินประกัน (Margin) เพียง 10-15% ของมูลค่าสัญญาก็สามารถทำการซื้อขายได้แล้ว ไม่ต้องลงทุนด้วยเงินเต็มจำนวนอย่างเช่นการซื้อหุ้นหน้ากระดาน นอกจากนี้ ตราสารอนุพันธ์ยังเปิดโอกาสให้เราสามารถทำกำไรได้ทั้งในภาวะตลาดขาขึ้นและขาลง ด้วยการเปิดสถานะซื้อ (Long Position) ในภาวะตลาดขาขึ้น หรือเปิดสถานะขาย (Short Position) ในภาวะตลาดขาลง อย่างไรก็ตาม ตราสารอนุพันธ์เป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง และจะมีการกำหนดอายุของตราสาร ตั้งแต่ 1 เดือน 3 เดือน ไปจนถึง 6 เดือน หากผู้ลงทุนไม่ปิดสถานะด้วยตนเองก่อนตราสารอนุพันธ์นั้น ๆ จะหมดอายุระบบจะทำการปิดสถานะเอง ดังนั้น ควรศึกษาถึงรายละเอียดของตราสารอนุพันธ์แต่ละตัวให้ดีก่อนลงทุน

อ่านเพิ่มเติม ตราสารอนุพันธ์ (Derivative) คืออะไร? I เงินล้านไม่ยาก หากรู้จักสินทรัพย์ทางการเงิน (ตอนที่ 4)

คริปโทเคอร์เรนซี

ยังคงเป็นกระแสร้อนแรงอย่างต่อเนื่องสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง “คริปโทเคอร์เรนซี” (Cryptocurrency) หรือ “สกุลเงินดิจิทัล” ซึ่งก็มีหลากหลายเหรียญให้เลือกลงทุน ไม่ว่าจะเป็น Ethereum, Binance Coin, Shiba และอื่น ๆ  แต่เหรียญที่ถือได้ว่าเป็นเจ้าจักรวาลของคริปโทเคอร์เรนซีก็คงจะหนีไม่พ้น “บิทคอยน์” (Bitcoin) ที่ล่าสุดราคาไปแตะที่ 2 ล้านต่อเหรียญแล้ว

อย่างไรก็ตาม การลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีนั่นมีความเสี่ยงสูงมาก หากใครติดตามตลาดคริปโทฯ อยู่ก็จะพอรู้ว่าราคาเคลื่อนไหวค่อนข้างเร็ว ขึ้นแรงลงแรง ดังนั้นควรลองประเมินความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้ดูว่าสามารถยอมรับการขาดทุนได้สักกี่เปอร์เซ็นต์ หากรับความเสี่ยงที่จะขาดทุนไม่ได้มากสินทรัพย์ประเภทนี้อาจจะไม่เหมาะกับคุณสักเท่าไร 

สิ่งที่สำคัญก็คือไม่ควรลงทุนตามกระแส เห็นว่าช่วงนี้กระแสเขามาแรงก็ขอเข้าไปร่วมวงสักหน่อย แบบนี้ไม่ได้เลย ก่อนจะลงทุนในสินทรัพย์อะไรก็แล้วแต่ไม่ใช่เพียงแค่การลงทุนในคริปโทฯ ควรศึกษาข้อมูล รายละเอียดของสินทรัพย์นั้น ๆ ก่อนลงทุนเสมอ ซึ่งหากท่านใดศึกษาข้อมูลตลาดคริปโทฯ เป็นอย่างดีแล้ว และเข้าใจในสินทรัพย์ประเภทนี้แล้วละก็ ตลาดคริปโทฯ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสการลงทุนที่ไม่ควรมองข้าม

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซี

  • รู้จักคริปโทเคอร์เรนซี 7 กลุ่มหลัก ก่อนเลือกลงทุน
  • 7 เรื่องที่ต้องรู้ก่อนซื้อ Bitcoin
  • อยากเริ่มต้นกับ Bitcoin แต่ไม่รู้จะจัดพอร์ตกี่ % ดี ?

กองทุนรวม

กองทุนรวมเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับนักลงทุนทั้งมือใหม่และมือเก๋า เพราะเราสามารถลงทุนในสินทรัพย์แบบที่เรียกได้ว่าเกือบครอบคลุมทั้งหมด ซึ่งรวมถึงสินทรัพย์ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นด้วย ไม่ว่าจะเป็น เงินฝาก ตราสารหนี้ ทองคำ หุ้นในประเทศ หุ้นต่างประเทศ สินค้าโภคภัณฑ์ อสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ เรียกได้ว่ามัดรวมเกือบทุกสินทรัพย์ไว้ใน “กองทุนรวม” ที่เดียว

นอกจากนี้ กองทุนรวมยังเป็นสินทรัพย์ที่มีความพิเศษอีกหนึ่งอย่างที่ไม่มีในสินทรัพย์อื่น คือกองทุนรวมมี “ผู้จัดการกองทุน” ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนคอยบริหารจัดการเงินที่เรานำไปลงทุนในกองทุนนั้น ๆ อย่างไรก็ตาม การมีผู้จัดการกองทุนก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ลงทุนจะไม่ต้องศึกษาก่อนลงทุน เพราะกองทุนรวมนั้นมีหลายประเภทและแต่ละประเภทก็มีความเสี่ยงที่แตกต่างกันไป ดังนั้น ก่อนลงทุนในกองทุนรวม ผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียดนโยบายกองทุน ความเสี่ยงต่าง ๆ รวมถึงค่าธรรมเนียมด้วย เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของผู้ลงทุนเองนะ

อย่างที่บอกไปว่ากองทุนรวมมีหลายประเภทหลายความเสี่ยง เราลองมาดูกันดีกว่าว่าสามารถแบ่งประเภทกองทุนตามระดับความเสี่ยงได้อย่างไรบ้าง

ประเภทของกองทุนรวม

  • ความเสี่ยงระดับที่ 1: กองทุนรวมตลาดเงินในประเทศ ได้แก่ ตั๋วเงิน และตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี
  • ความเสี่ยงระดับที่ 2: กองทุนรวมตลาดเงินต่างประเทศ ได้แก่ ตั๋วเงิน และตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีอายุไม่เกิน 1 ปีที่ลงทุนในต่างประเทศ
  • ความเสี่ยงระดับที่ 3: กองทุนรวมพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ที่มีอายุมากกว่า 1 ปี
  • ความเสี่ยงระดับที่ 4: กองทุนรวมตราสารหนี้ ได้แก่ ตราสารหนี้ทั้งที่ออกโดยภาครัฐและเอกชน 
  • ความเสี่ยงระดับที่ 5: กองทุนรวมผสม ลงทุนในสินทรัพย์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น หุ้น ตราสารหนี้ รวมถึงสินทรัพย์อื่น ๆ
  • ความเสี่ยงระดับที่ 6: กองทุนรวมตราสารทุน เน้นลงทุนในหุ้นเป็นหลัก ทั้งหุ้นในประเทศและต่างประเทศ
  • ความเสี่ยงระดับที่ 7: กองทุนรวมตามหมวดอุตสาหกรรม ยังคงเป็นประเภทกองทุนที่ลงทุนในหุ้นแต่เจาะจงกลุ่มอุตสาหกรรมมากขึ้น เช่น กลุ่มพลังงาน กลุ่ม Healthcare
  • ความเสี่ยงระดับที่ 8: กองทุนรวมทางเลือก เช่น ทองคำ น้ำมัน สินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ

เห็นประเภทกองทุนที่มีมากมายขนาดนี้ แถมแต่ละประเภทก็มีกองทุนจากหลายบลจ. หลายนโยบายให้เราได้เลือกจนตาลาย เชื่อว่าอาจจะมีนักลงทุนหลาย ๆ ท่านที่เลือกลงทุนไม่ถูกแน่ ๆ  ใครที่กำลังมีปัญหานี้อยู่ก็ไม่ต้องกังวลใจไปเพราะ FINNOMENA มีกองทุนแนะนำ FINNOMENA Pick ที่ผ่านกระบวนการคัดกรองจากทีมงาน FINNOMENA แบบเน้น ๆ วิเคราะห์ทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ให้นักลงทุนได้เลือกชอปกันเต็มที่

สำหรับการลงทุนในกองทุนรวมในปัจจุบันใช้เงินลงทุนเริ่มต้นไม่เยอะก็ลงทุนได้แล้ว ซึ่งบางกองทุนสามารถลงทุนได้ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 1 บาทเท่านั้น แถมลงทุนได้ในหลากหลายสินทรัพย์ ตั้งแต่ตราสารตลาดเงิน ตราสารหนี้ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ไปจนถึงสินค้าโภคภัณฑ์

นอกจากนี้ การเปิดบัญชีรวมถึงการซื้อขายกองทุนก็ทำได้ง่ายมาก ๆ จากเดิมที่ต้องเดินทางไปยื่นเอกสารเปิดบัญชีและซื้อกองทุนตามธนาคารต่าง ๆ ที่ออกกองทุนนั้น ๆ แต่ปัจจุบัน นั่งอยู่บ้านก็สามารถเปิดบัญชีและกดซื้อขายกองทุนผ่านแอปพลิเคชันได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ซึ่ง FINNOMENA ก็ตั้งใจจะสร้างแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์นักลงทุนตรงนี้ โดยนักลงทุนสามารถเปิดบัญชีซื้อขายกองทุนกับ FINNOMENA ผ่านแอปฯ ได้เลย ไม่ต้องส่งเอกสารให้ยุ่งยาก แถมอนุมัติก็รวดเร็วภายใน 1-2 วันทำการ ซึ่งหากเปิดบัญชีเรียบร้อยแล้ว การซื้อขายกองทุนก็สามารถทำผ่านแอปฯ ได้เช่นกัน 

สร้างแผนและเปิดบัญชีกองทุนรวมกับ FINNOMENA สะดวก รวดเร็ว เปิดออนไลน์ ไม่ต้องส่งเอกสารให้ยุ่งยาก พร้อมเลือกซื้อกองทุนกว่า 1,000 กอง จาก 22 บลจ. ครอบคลุมทุกบลจ. ในประเทศไทย สร้างแผนและเปิดบัญชี คลิก: //finno.me/open-plan 

ผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนรวมก็ขึ้นอยู่กับว่าเราไปลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายลงทุนอะไร เช่น ถ้าเป็นกองทุนตราสารหนี้ผลตอบแทนเฉลี่ยก็จะน้อยกว่ากองทุนหุ้นนั่นเอง

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับกองทุนรวม

  • คัมภีร์มหากาพย์ กองทุนรวม คืออะไร? มือใหม่อ่านที่นี่ ครบจบที่เดียว
  • 10 อันดับคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการลงทุนในกองทุนรวม
  • เลือกกองทุนแบบจ่ายปันผล หรือไม่จ่ายปันผลดี? แล้วคุณเหมาะกับแบบไหน? I Club Fund Day SS2 Ep 2
  • ลงทุนกองไหนดี? โพยกองทุนอัปเดตล่าสุด

สร้างเงินล้านแรกในชีวิตด้วยเงินลงทุนเริ่มต้น 5,000 บาท!

“ล้านแรกหายาก แต่หากมีแล้ว ล้านต่อไปก็หาง่ายขึ้น” 

บางคนอาจจะเคยได้ยินโควทอะไรทำนองนี้กันมาบ้าง แต่จะจริงรึเปล่า คงต้องลองพิสูจน์กันดูสักหน่อย ในบทความนี้เราจึงขอพาทุกคนมารู้จักกับ “แผนการลงทุน 1st Million” ของ FINNOMENA เป็นแผนการลงทุนในกองทุนรวมที่เหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่ เพิ่งเริ่มต้นลงทุน มีความตั้งใจในการสร้างวินัยการออมและลงทุนแบบรายเดือน และต้องการที่จะสร้าง 1 ล้านบาทแรกในชีวิต โดยแผนนี้เริ่มลงทุนเพียงเดือนละ 2,500 บาท (ลงทุนครั้งแรก 5,000 บาท) มีการกระจายพอร์ตการลงทุนในสัดส่วนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนรับได้ ลองมาดูกันดีกว่าว่าแผน 1st Million จะมีกองทุนใดอยู่ในพอร์ตบ้าง

รีวิวกองทุนในแผน 1st Million

  • TMBGQG – ลงทุนในกองทุนหลัก Wellington Global Quality Growth Fund ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้นสามัญ และใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิง (Depositary receipts) หลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ ตราสารหนี้แปลงสภาพ หุ้นบุริมสิทธิ์ ใบสำคัญแสดงสิทธิ ETF รวมทั้งตราสารหนี้ เงินสดหรือตราสารเทียบเท่าเงินสด และตราสารอนุพันธ์ที่ออกโดยบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลก
  • TMBAGLF – ลงทุนในกองทุนหลัก Schroder International Selection Fund – Emerging Asia ซึ่งมีนโยบายลงทุนอย่างน้อย 2 ใน 3 ในหุ้นและตราสารที่เทียบเท่าตราสารทุนของผู้ออกที่มีการดำเนินธุรกิจในประเทศตลาดเกิดใหม่ ในภูมิภาคเอเชีย
  • UGIS-N – ลงทุนในกองทุนหลัก PIMCO GIS Income Fund (Class I) ซึ่งมีนโยบาลลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศที่มีการจัดสรรสินทรัพย์และเลือกลงทุนในตราสารหนี้ที่หลากหลายทั่วโลก เช่น ตราสารหนี้ที่ออกโดยภาครัฐ ตราสารหนี้ของธนาคารที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น ตราสารหนี้สถาบันการเงิน ตราสารหนี้ภาคเอกชน และตราสาร Basel III

แต่ละกองทุนที่ FINNOMENA คัดกรองเข้ามาอยู่ในพอร์ตเป็นกองทุน FINNOMENA Pick ซึ่งเป็นกองทุนที่ทีมงาน FINNOMENA คัดมาเน้น ๆ ตามที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ โดยกองทุนที่อยู่ใน FINNOMENA Pick ยังเป็นกองทุนมีค่าธรรมเนียมต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับกองทุนที่มีนโยบายเดียวกันอีกด้วย

ซึ่งสัดส่วนการลงทุนของแต่ละกองทุนของแผน 1st Million ก็จะขึ้นอยู่กับว่าเรารับความเสี่ยงได้ระดับใด โดยความเสี่ยงมีตั้งแต่ระดับ 4-7 เช่น หากเรารับความเสี่ยงได้มากสุดก็คือระดับ 7 สัดส่วนการลงทุนในกองทุนหุ้นอย่าง TMBGQG และ TMBAGLF ก็จะมีน้ำหนักมาก รวม 90% ส่วนกองทุนตราสารหนี้อย่าง UGIS-N ก็จะให้น้ำหนักการลงทุนค่อนข้างน้อยที่ 10%

สัดส่วนการลงทุนในแผน 1st Million
ที่มา: FINNOMENA, ข้อมูล ณ เดือน พ.ย. 2564

ที่กล่าว ๆ มาอาจจะยังคงไม่เห็นภาพสักเท่าไรว่าเจ้าแผนนี้จะทำให้เรามีเงินล้านแรกได้อย่างไร ตรงนี้จึงแนะนำให้ สมัครสมาชิก FINNOMENA เพื่อทดลอง สร้างแผน 1st Million สร้างแผนฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย จะได้เห็นภาพชัดมากขึ้น เพราะในหน้านั้นจะให้เรากรอกรายละเอียดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ระยะเวลาที่ต้องการลงทุน เงินลงทุนที่พร้อมลงทุนครั้งแรก เงินลงทุนที่พร้อมลงทุนทุกเดือน และความเสี่ยงที่รับได้

ตัวอย่างการสร้างแผน 1st Million

จากนั้นระบบก็จะคำนวณค่าประมาณการต่าง ๆ มาให้ว่าจากข้อมูลที่เรากรอกไปนั้นจะสามารถพาเราไปได้ถึงเป้าหมายการลงทุนที่เราตั้งไว้หรือไม่ พร้อมแสดงข้อมูล Wealth Path พอร์ตแนะนำ และผลตอบแทนในอดีต ดังเช่นตัวอย่างจากรูปที่ 3 ที่แสดงผลลัพธ์การลงทุนว่า หากเราลงทุนด้วยเงินลงทุนตั้งต้น 5,000 บาท และลงทุนต่อในทุก ๆ เดือนด้วยเงิน 2,500 บาท จะต้องใช้เวลา 17 ปี สำหรับเป้าหมายการมี 1 ล้านแรก อาจจะเห็นว่าใช้ระยะเวลาการลงทุนนาน แต่ทั้งนี้ ระยะเวลาการลงทุนจะขึ้นอยู่กับจำนวนเงินลงทุนด้วย ยิ่งเงินลงทุนมาก ระยะเวลาที่เราจะไปถึงเป้าหมายล้านแรกในชีวิตก็จะสั้นลง

ตัวอย่างการสร้างแผน 1st Million

ส่วนใครที่เป็นนักลงทุนสายพึ่งพาตัวเอง ไม่อยากลงทุนตามแผนที่ FINNOMENA จัดพอร์ตมา เราก็มีทางเลือกให้เช่นกัน เป็นแผนที่เรียกว่า “แผน DIY” คือแผนที่นักลงทุนสามารถออกแบบพอร์ตการลงทุนได้ด้วยตัวเอง เหมาะกับนักลงทุนที่ชอบซื้อแยกเป็นรายกองทุน หรือนักลงทุนที่ต้องการลงทุนตามคำแนะนำของ FINNOMENA ในพอร์ตอื่น ๆ เพียงบางกองทุน พอร์ตนี้ก็จะตอบโจทย์นักลงทุนสายนี้เป็นอย่างมาก ความพิเศษของพอร์ตนี้ก็คือนักลงทุนสามารถใช้ฟังก์ชันพิเศษ TWRR เพื่อดูผลตอบแทนรวมของพอร์ตการลงทุนได้ทั้งหมด แม้ว่าจะลงทุนในกองทุนที่อยู่คนละบลจ. ก็ตาม โดยตอนนี้แพลตฟอร์มของ FINNOMENA ก็สามารถลงทุนได้ 22 บลจ. แล้ว ซึ่งครอบคลุมทุกบลจ. ในประเทศไทย ทดลองสร้างแผน DIY ได้ที่นี่

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ใครยังลังเลที่จะเปิดบัญชีลงทุนกองทุนรวมกับ FINNOMENA ลองสมัครสมาชิกและดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน FINNOMENA มาใช้งานดูก่อนก็ได้ ดาวน์โหลดฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้ง iOS และ Android ซึ่งประกันได้เลยว่าเราขนความพิเศษมาให้ลูกค้าและสมาชิกของ FINNOMENA แบบจัดหนักจัดเต็มเรื่อย ๆ แน่นอน

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปิดบัญชี FINNOMENA ได้ที่

  • วิธีสร้างแผนการลงทุนพร้อมเปิดบัญชีซื้อขายกองทุนกับ FINNOMENA แบบ Step by Step
  • พาเปิดบัญชีซื้อกองทุนรวม นั่งอยู่บ้าน 5 นาที ไม่ต้องส่งเอกสาร พร้อมเทียบให้หมด ที่ไหนเปิดที่เดียวซื้อได้ทุกบลจ. บ้าง
  • พาซื้อกองทุนรวมผ่าน FINNOMENA พร้อมความพิเศษต่าง ๆ ที่หาไม่ได้จากที่อื่น

อ้างอิง

  • //www.1213.or.th/th/serviceunderbot/savings/Pages/savingsbook.aspx
  • //www.bot.or.th/App/FinancialLiteracy/ExchangeRate/02_01_glossary_inflation.pdf
  • //www.setinvestnow.com/th/knowledge/article/201-inflation-versus-investment-opportunity
  • //www.setinvestnow.com/th/mutualfund/types-of-mutual-funds
  • //www.setinvestnow.com/th/derivative/what-are-futures-and-options

— planet 46.

คำเตือน

ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน

เงินทุน5000 ทำอะไรได้บ้าง

อาชีพเสริมงบไม่เกิน 5,000 บาทมีหลายอย่างมากให้คุณได้เลือกสรรกัน ซึ่งแบ่งออกเป็น.
1.แฟรนไชส์อาหาร เครื่องดื่ม ... .
2.ขายสินค้า Pre-oder ออนไลน์ ... .
3.เขียนบทความออนไลน์ ... .
4.บล็อกเกอร์รีวิว ... .
5.รับดูแลแฟนเพจ,Line @, รับโพสเว็บบอร์ด ... .
6.ขายของตลาดนัดวันหยุด.

มีเงิน 5000 ซื้อหุ้นได้ไหม

คำตอบก็คือ “ได้แน่นอน” การเปิดพอร์ตเพื่อเล่นหุ้นนั้นใช้เงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาทก็ซื้อหุ้นได้แล้ว ถ้าเป็นสมัยก่อนการที่เราจะซื้อหุ้นด้วยเงินน้อย ๆ แทบจะเป็นไปไม่ได้ แต่ในปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสนับสนุนให้นักลงทุนรายย่อยเริ่มต้นลงทุน หรือ Invest Now ทำให้การลงทุนด้วยเงินน้อย ๆ นั้นสามารถทำได้ในปัจจุบัน วิธี ...

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน อาจารย์ ตจต ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf lmyour แปลภาษา ชขภใ ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมฟรี 2566 ขขขขบบบยข ่ส ศัพท์ทางทหาร military words หนังสือราชการ ตัวอย่าง หยน แปลบาลีเป็นไทย ไทยแปลอังกฤษ ประโยค การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ข้อสอบโอเน็ต ม.3 ออกเรื่องอะไรบ้าง พจนานุกรมศัพท์ทหาร เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด แปลภาษามลายู ยาวี Bahasa Thailand กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมออนไลน์ การ์ดจอมือสอง ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย คะแนน o-net โรงเรียน ค้นหา ประวัติ นามสกุล บทที่ 1 ที่มาและความสําคัญของปัญหา ร. ต จ แบบฝึกหัดเคมี ม.5 พร้อมเฉลย แปลภาษาอาหรับ-ไทย ใบรับรอง กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน PEA Life login Terjemahan บบบย มือปราบผีพันธุ์ซาตาน ภาค2 สรุปการบริหารทรัพยากรมนุษย์ pdf สอบโอเน็ต ม.3 จําเป็นไหม เช็คยอดค่าไฟฟ้า แจ้งไฟฟ้าดับ แปลภาษา มาเลเซีย ไทย แผนที่ทวีปอเมริกาเหนือ ่้แปลภาษา Google Translate กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน ก่อนจะนิ่งก็ต้องกลิ้งมาก่อน เนื้อเพลง ข้อสอบโอเน็ตม.3 มีกี่ข้อ คะแนนโอเน็ต 65 ตม กรุงเทพ มีที่ไหนบ้าง