คำพิพากษาย่อสั้น
สิทธิที่จะได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินตามสัญญาเช่าซื้อไม่ใช่สิทธิเฉพาะตัว เมื่อผู้เช่าซื้อตาย ทายาทจึงสืบสิทธิของผู้เช่าซื้อได้ และจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกซึ่งมีหน้าที่ ตามกฎหมายที่จะต้องจัดการแบ่งปันทรัพย์มรดกจึงมีสิทธิ ที่จะเข้าสืบสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อเพื่อดำเนินการแบ่งปัน ให้ทายาทต่อไปได้ หลังจาก อ. ผู้เช่าซื้อถึงแก่ความตาย จำเลยซึ่งเป็นทายาทได้ครอบครองรถยนต์คันที่เช่าซื้อและชำระเงินค่าเช่าซื้อให้โจทก์ พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยได้เข้าสืบสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อแล้ว โจทก์ฟ้องจำเลยให้รับผิดในฐานะผู้จัดการมรดก อ. ผู้ตายและ อ. มีทายาทหลายคน ดังนั้น แม้จำเลยจะสืบสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อ ก็เป็นการสืบสิทธิในฐานะผู้จัดการมรดกอ. เพื่อจะดำเนินการแบ่งปันสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อซึ่งเป็นมรดกของ อ. ให้แก่ทายาทต่อไปเท่านั้นตราบใดที่จำเลยยังไม่ได้แบ่งปันสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อให้แก่ทายาทคนใด ตราบนั้นสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาเช่าซื้อก็ยังคงเป็นมรดกของ อ. อยู่ และเมื่อสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายของโจทก์ผู้ให้เช่าซื้อเป็นสิทธิเรียกร้องตามสัญญาเช่าซื้อ และเป็นสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ที่มีต่ออ.เจ้ามรดกสำหรับคดีนี้เมื่อโจทก์ทราบว่าอ.ถึงแก่ความตายเมื่อเดือนเมษายน 2537 และโจทก์ฟ้องคดีนี้วันที่ 19 กรกฎาคม 2537 จึงไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรคสามสัญญาเช่าซื้อนั้น วัตถุประสงค์ของสัญญาไม่ได้อยู่ที่การใช้ หรือการได้รับประโยชน์ในรถยนต์ที่ เช่าซื้อเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ผู้เช่าซื้อชำระเงินค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้วต้องการให้กรรมสิทธิ์ ในรถยนต์ด้วย โดยค่าเช่าซื้อคือราคารถยนต์รวมกับค่าเช่ารถยนต์ ดังนั้น สิทธิการเช่าซื้อจึงไม่ใช่สิทธิเฉพาะตัวของคู่สัญญา ด้วยเหตุนี้ เมื่อผู้เช่าซื้อ หรือผู้ให้เช่าซื้อตาย สัญญาเช่าซื้อย่อมไม่ระงับ ทายาทของคู่สัญญาจึงสามารถสืบสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อได้ ถือได้ว่าสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อเป็นทรัพย์มรดก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2578-2579/2515 วินิจฉัยว่าสัญญาเช่าซื้อมิใช่เป็นสัญญาเช่าธรรมดา แต่มีคำมั่นว่าจะขายทรัพย์โดยมีเงื่อนไขการชำระเงินกันเป็นครั้งคราวรวมอยู่ ด้วยถ้าผู้เช่าซื้อชำระเงินแก่ผู้ให้เช่าซื้อครบถ้วนตามเงื่อนไข ก็ได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้น ซึ่งสิทธิที่จะได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนี้ มิใช่สิทธิเฉพาะตัว สัญญาเช่าซื้อจึงมีผลที่อาจสืบสิทธิกันได้ เมื่อผู้เช่าซื้อตาย ทายาทจึงสืบสิทธิของผู้เช่าซื้อได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1366/2516 วินิจฉัยว่า สัญญาเช่าซื้อก็คือสัญญาเช่าทรัพย์บวกด้วยคำมั่นจะขายทรัพย์สินนั้น สัญญาเช่าเป็นสิทธิเฉพาะตัวผู้เช่า คำมั่นจะขายทรัพย์สินที่ให้เช่าเป็นสิทธิในทรัพย์สินซึ่งอาจตกเป็นมรดกของ คู่สัญญาที่ถึงแก่กรรมได้
แต่ถ้าผู้ให้เช่าซื้อและผู้เช่าซื้อ มีข้อกำหนดในสัญญาเช่าซื้อระบุชื่อบุคคลที่จะรับสิทธิในสัญญาเช่าซื้อแทน ถ้าผู้เช่าซื้อถึงแก่ความตายในระหว่างการผ่อนชำระค่าเช่าซื้อข้อสัญญาเช่น นี้ ถือได้ว่าเป็นข้อสัญญาเพื่อประโยชน์แก่บุคคลภายนอก ต่อมาหากผู้เช่าซื้อถึงแก่ความตาย บุคคลที่ผู้เช่าซื้อกำหนดไว้ในสัญญาเช่าซื้อจะต้องแสดงเจตนาเช่าซื้อตาม สัญญาเช่าซื้อนั้นต่อผู้ให้เช่าซื้อก่อน บุคคลนั้นจึงจะมีสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อนั้นต่อไป
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 374 บัญญัติว่า “ถ้าคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งทำสัญญาตกลงว่าจะชำระหนี้แก่บุคคลภายนอกไซร้ ท่านว่าบุคคลภายนอกมีสิทธิจะเรียกชำระหนี้จากลูกหนี้โดยตรงได้ ในกรณีดังกล่าวมาดังวรรคต้นนั้น สิทธิของบุคคลภายนอกย่อมเกิดมีขึ้นตั้งแต่เวลาที่แสดงเจตนาแก่ลูกหนี้ว่าจะ ถือประโยชน์จากสัญญานั้น”
มาตรา 375 บัญญัติว่า “เมื่อสิทธิของบุคคลภายนอกได้เกิดมีขึ้นตามบทบัญญัติแห่งมาตราก่อนแล้ว คู่สัญญาหาอาจจะเปลี่ยนแปลงหรือระงับสิทธินั้นในภายหลังได้ไม่”