โดยจุดเด่นของการลงมือทำคือ การได้เจอกับความท้าทาย หรือ ประสบการณ์จริงยกตัวอย่าง การเรียนการต่อวงจรไฟฟ้า ถ้าเรียนแต่ทฤษฎี ก็อาจจะได้เห็นมุมมองไม่รอบด้าน ดังนั้นการลงมือทำก็จะช่วยให้เราได้เห็นรอบด้านมากขึ้นซึ่งหนึ่งในงานที่ได้รับการยอมรับอย่างมากในปัจจุบัน เป็นงานของ เดวิด เอ. โคล์บ (David A. Kolb) นักทฤษฎีการศึกษา ได้ทำการพัฒนาและนำเสนอออกมาเป็น ทฤษฎีการเรียนรู้จากประสบการณ์ หรือ Experiential Learning Theory (ELT)
โดยมีจุดเด่นที่เพิ่มขึ้นมา คือการทบทวนประสบการณ์ หรือ นำสิ่งที่ลงมือทำมาตกผลึกความคิด เพื่อให้ได้รับรู้ถึงความรู้ใหม่ที่ได้รับ เป็นการนำไปต่อยอดความรู้เดิม หรือ สามารถนำไปปรับใช้ในบริบทอื่น ๆ สำหรับตัวเองการที่เรามีประสบการณ์ แต่ไม่ได้ตกผลึก ก็เหมือนกับการที่เรารู้เหมือนเดิม บางทีก็ลืมได้ง่าย หรือไม่รู้ว่าควรนำไปปรับใช้ต่อได้อย่างไร เพราะขาดสูตรสรุปประสบการณ์นั้น ๆ ให้กับตัวเอง เนื่องจาก เดวิด เอ. โคล์บ เชื่อว่าในแต่ละคนมีรูปแบบการเรียนรู้ (Learning Styles) ที่แตกต่างกันออกไป“การเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experiential Learning) คือกระบวนการสร้างความรู้ ทักษะ และเจตคติด้วยการนำเอา ประสบการณ์เดิมของผู้เรียนมาบูรณาการเพื่อสร้างการเรียนรู้ใหม่ ๆ ขึ้น”
- การนำตัวเองเข้าไปอยู่ในประสบการณ์ หรือ สถานการณ์ใหม่ หรือ การตีความประสบการณ์ที่เกิดขึ้นมาใหม่ (Concrete Experience)
- เมื่อเราได้เข้าไปรับประสบการณ์ใหม่นั้น ก็มักทำให้เกิดความไม่สอดคล้องกันระหว่างประสบการณ์และความเข้าใจ ในขั้นนี้เป็นการลองสะท้อน ลองทบทวนให้เกิดการตกผลึกความคิด ความรู้สึก และอารมณ์ โดยอาศัยวิธีการตั้งคำถาม (Reflective Observation of the New Experience)
- แน่นอนว่าการสะท้อนมักก่อให้เกิดแนวคิดใหม่ หรือ การดัดแปลงแนวคิดเชิงนามธรรมที่มีอยู่ ซึ่งหมายความว่า ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของตัวเองแล้ว (Abstract Conceptualization)
- การเรียนรู้จะไม่จบลงเพียงแค่การได้แนวคิดใหม่ ดังนั้นในขั้นนี้ผู้เรียนจะได้ลองใช้ความคิดกับบริบทรอบตัวของตัวเอง เพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น (Active Experimentation)
- ชวนให้เด็กได้ลองเข้าไปทำความรู้จักกับอารมณ์เชิงบวก ผ่านการพาเข้าไปเจอประสบการณ์ หรือ กิจกรรม ที่ส่งผลให้เกิดอารมณ์เหล่านั้น
“การชวนดูภาพยนตร์สร้างแรงบันดาลใจ”
- ชวนให้เด็กได้สะท้อนอารมณ์ ความรู้สึก ผ่านการตั้งคำถาม
“จากภาพยนตร์ที่รับชมไปเมื่อสักครู่นี้ เราประทับใจฉากไหน ตัวละครไหน หรือประโยคไหนในภาพยนตร์บ้าง แล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง”
- เมื่อเขาเริ่มรับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่เกิดขึ้น รับรู้ว่าอารมณ์นี้เรียกว่าอะไร ให้ลองชวนคิดต่อว่าเขาเองจะสามารถประสบกับอารมณ์แบบนี้ได้จากการเข้าไปอยู่ในประสบการณ์แบบไหนได้อีกบ้าง
“หลังจากการดูภาพยนตร์แล้ว เราคิดว่า เราจะสามารถสร้างความรู้สึกนี้ให้เกิดขึ้นกับเพื่อนในห้องได้อีกด้วยวิธีการ หรือกิจกรรมอะไรบ้าง ให้ออกแบบกิจกรรมมากลุ่มละ 1 กิจกรรม”
- ให้เขาได้ลองปรับใช้สิ่งที่ได้รู้จักมา กับประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่เขาคิดมาแล้วว่าน่าจะทำให้เกิดอารมณ์แบบนี้อีกครั้ง
“ให้ทุกคนได้ลองนำเสนอกิจกรรมที่คิดค้น และออกแบบมาเพื่อสร้างความรู้สึกนั้นมาพาให้เพื่อนในห้องได้เข้าร่วมกิจกรรม เกิดประสบการณ์ และได้สะท้อนคิดต่อยอดต่อไป” โดยคนนำกิจกรรมจะได้เรียนรู้ สะท้อนคิดอารมณ์เชิงบวกนั้นตั้งแต่การออกแบบ และรับรู้ถึงขั้นตอนวิธีการในการสร้างอารมณ์เชิงบวกนั้นขึ้นมา เพราะเขาได้สามารถออกแบบขั้นตอนกิจกรรมสำหรับผู้อื่นได้แล้ว….”
“ความรู้นั้นสามารถเปลี่ยนแปลง และถูกขยายได้ตลอด ดังนั้นแล้วการพาตัวเองเข้าไปสู่ประสบการณ์ใหม่ ๆ ก็มักจะทำให้ได้เจอความรู้ที่สดใหม่ และเท่าทันการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ”