โคกหนองนาโมเดล ซึ่งความจริงแล้ว โมเดลนี้จะฮิตกันมากในช่วงปลายปี 2563 กระทั่งถึงต้นปี 2564 ก็ค่อย ๆ ลืมเลือนไป วันนี้ ก็เลยอยากหยิบยกออกมาปัดฝุ่นดูใหม่ เกี่ยวกับเชิงลึกของเรื่องนี้กัน
ว่าด้วยเรื่อง โมเดล นี้มีความเป็นมาอย่างไร และมี วัตถุประสงค์ เพื่ออะไรกันแน่ เพราะหลายคนยังคง สับสน และทำกันผิด ๆ ถูก ๆ
โคกหนองนาโมเดล กับความเป็นจริง
โคกหนองนาโมเดล คือรูปแบบย่อยหนึ่งในหลายส่วนของการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ โดยเน้นในด้านการจัดการเรื่องน้ำเป็นหลัก ซึ่งก็คือ
ทำอย่างไรให้พื้นที่มีน้ำใช้ตลอดปี และสามารถสร้างระบบเชิงนิเวศน์ให้เป็นธรรมชาติที่สุด
แนวคิดนี้ถือกำเนิดขึ้นที่สถาบันเศรษฐกิจพอเพียงและมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ ซึ่งได้น้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ด้านการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ มาต่อยอด
โดยนำแนวคิดมาใช้ ร่วมกับหลักการภูมิปัญญาพื้นบ้าน ผสมผสานปั้นแต่งขึ้นมา จนได้นิยามคำ ๆ นึง นั่นคือ “ภูมิสังคม” และก็ถูกหยิบมาใช้เป็นนิยามเกี่ยวกับโมเดลนี้นับแต่นั้นมา
และจากข้อมูลนี้ หากใครจะดำเนินการในเรื่องของ “โคกหนองนาโมเดล” ก็จำเป็นจะต้องคำนึงถึง “ภูมิสังคม” ร่วมกันไปด้วย
ดังนั้นแล้ว หากเอ่ยถึงคำว่า “โคกหนองนา” เราก็จะคุ้นเคยกับคำว่า “ภูมิสังคม” ตามไปด้วยกัน ซึ่งจะแยกกันไม่ออก ซึ่งคำว่า ภูมิสังคม ก็มาจาก…
- “ภูมิ” คือ สภาพทางกายภาพทั่วไป เช่น สภาพดิน นํ้า ลม ไฟ(แสงแดด) หรือสภาพแวดล้อมทั่วไปในเขตนั้น
- “สังคม” หรือก็คือธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรมในท้องถิ่น ความเชื่อ วิถีชีวิตในชุมชนนั้น
เมื่อรวมกันแล้วก็จะมีหมายความว่า การจะดำเนิน การทำโคกหนองนาโมเดล ย่อมต้องคำนึงถึงเรื่องของสภาพแวดล้อมที่อยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ดิน น้ำ ลม ไฟ(แสงแดด) และไม่ไปขัดกับธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรมหรือความเชื่อของคนในท้องถิ่นนั้นด้วย เช่น
- อยู่ดี ๆ จะไปขุดบ่อลึก 10 เมตรโดยที่รอบข้างเป็นท้องนา มีบ่อลึกเพียง 2-3 เมตร ทำแบบนี้ก็ไปเบียดเบียนท้องถิ่น เพราะน้ำโดยรอบจะไหลเข้าบ่อตัวเองทำให้บ่อรอบข้างไม่มีน้ำ
- หรืออยู่ดี ๆ ขุดบ่อลึกถึงชั้นน้ำบาดาลจนทำให้น้ำใต้ดินปนเปื้อน ในขณะที่ในท้องถิ่นจะต้องใช้น้ำบาดาลอุปโภคบริโภค แบบนี้ก็ไม่ไหวเช่นเดียวกัน
เพราะ โคกหนองนาโมเดล นั้น จะต้องเน้นและให้ความสำคัญกับสังคม มากกว่าภูมิ(หรือพื้นที่) นั่นก็คือ การจะออกแบบ โคกหนองนาโมเดล ซักหนึ่งโครงการ จะต้องให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของผู้ใช้ แม้จะอยู่ในพื้นที่เดียวกันก็ตาม ซึ่งก็จะได้โมเดลที่แตกต่างกันออกไปตามลักษณะที่จำเป็นต้องใช้งาน
เช่น ในหมู่บ้านมีวิถีชีวิตแตกต่างกันในเรื่องของศาสนา การจะทำคอกปศุศัตว์ซักแห่ง ก็ต้องคำนึงถึงทิศทางและตำแหน่งที่ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ไม่ใช่ตามหลักสูตรตำรา บอกว่าให้ทำคอกหนีทิศทางลม คนในบ้านจะได้ไม่เหม็น แต่คอกหมูดันไปอยู่ข้างบ้านคนที่เป็นอิสลาม แบบนี้ก็ไม่ถูกหลักของ การทำโคกหนองนาโมเดล
โคกหนองนาโมเดล มีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร
วัตถุประสงค์หลักของ โคกหนองนาโมเดล ตามที่เกริ่นไปแล้วข้างต้นนั่นก็คือ การแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำ ทำอย่างไรให้มีน้ำใช้สำหรับการเพาะปลูกและทำเกษตรโดยการจัดการที่ชาญฉลาด ลดการใช้แรงงานและเงินทุน
บางแห่งบอกว่า ก็เจาะน้ำบาดาลใช้ แล้วขุดบ่อเก็บน้ำ ทำโคก ทำนา ก็ได้แล้วโคกหนองนา ซึ่งในความเป็นจริงตามหลักการนั้น ไม่ใช่อย่างนี้
เพราะการทำแบบนั้น (ขุดบ่อน้ำตามดีไซน์สวย ๆ แล้วถมที่เป็นโคก มีพื้นที่ทำนานิดหน่อย เป็นเพียงแค่การเก็บน้ำไว้ใช้เฉย ๆ สุดท้ายยังต้องติดตั้งเครื่องมือเพื่อนำน้ำที่เก็บไว้มาใช้อีกรอบ
อีกทั้งการติดตั้งสปริงเกอร์ ปั๊มน้ำ สายยาง ท่อประปา ฯลฯ รวม ๆ ที่ใช้เพียงวัตถุประสงค์คือการรดน้ำต้นไม้ ต้องลงทุนถึงขนาดนี้กันเลยหรือ
โคกหนองนาที่ในหลวง ร.9 ท่านประทานแนวคิดมาให้ เป็นการจัดการน้ำอย่างชาญฉลาดที่แฝงอยู่ในโมเดลนี้ นั่นคือ การลดต้นทุน ลดเครื่องมือและแรงงาน และทำให้ระบบมันเป็นไปตามธรรมชาติมากที่สุด
แล้วจะทำอย่างไรถึงจะถูกต้อง ไม่โดนหลอกมโนเอาได้ว่า แค่การขุดบ่อเลี้ยงปลา หาน้ำมาได้ แล้วเอาดินไปถมโคกสูง ๆ และมีพื้นที่ทำนาก็เป็นโคกหนองนาแล้ว….??
โคกหนองนาโมเดล คืออะไร มีองค์ประกอบอย่างไร
อย่างที่บอก โคกหนองนาโมเดล คือโมเดลในเรื่องของการแก้ไขปัญหาและจัดการน้ำอย่างชาญฉลาด โมเดลนี้มีองค์ประกอบหลักอยู่ 3 อย่างคือ
- โคก หรือพื้นที่สูง
- หนอง คือ หนองน้ำหรือแหล่งน้ำ
- นา คือพื้นที่ลุ่ม ไว้ทำนา หรือแปลงเกษตรอื่นที่ไม่จำเป็นต้องเป็นนาเท่านั้น
แค่มีองค์ประกอบทั้ง 3 อย่างครบ ก็ยังไม่ถือว่าเป็นการทำ โคกหนองนา โมเดล และอย่าให้ใครเขาหลอกเอาได้ เพราะในสิ่งที่เห็นว่าง่าย ๆ มีความยากแฝงอยู่ มีเงินอย่างเดียวไม่ได้นะ…
โคก หรือพื้นที่สูง มีประโยชน์อย่างไร ทำอย่างไรให้เป็น โคกหนองนาโมเดล
ในโมเดลนี้ โคกกับหนอง จะอยู่คู่กัน เมื่อต้องการทำโคก จะต้องมีการขุดหนอง ดังนั้น ดินที่ขุดทำหนองน้ำ ก็ให้นำมาทำโคกไว้สำหรับพื้นที่อาศัย หรือหากไม่จำเป็นต้องใช้เป็นที่อาศัยก็สามารถนำพื้นที่นี้ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ตามแนวทางพระราชดำริ นอกจากจะได้ป่าได้อาหารแล้วยังเป็นพื้นที่กักเก็บน้ำขนาดเล็ก ๆ ได้ด้วย โดยในพื้นที่โคกนี้ ก็สามารถขุดบ่อกักเก็บน้ำได้ด้วยโดยไม่ผิดหลักเงื่อนไข
หนองน้ำหรือแหล่งน้ำ มีประโยชน์อย่างไร ทำอย่างไรถึงจะเป็นโคกหนองนาโมเดล
เมื่อขุดแหล่งน้ำ สิ่งสำคัญโคกหนองนาโมเดลคือ ต้องไม่ขุดหนองให้เป็น 4 เหลี่ยม (เห็นหลายคนขุดสระ ขุดบ่อเลี้ยงปลา แล้วอุปมาว่าทำโคกหนองนาโมเดล ไม่ใช่เลย การขุดบ่อขุดสระ หรือขุดหนองในโคกหนองนาโมเดลนี้ จะต้องขุดให้พื้นที่เก็บน้ำอยู่ในรูปแบบที่เป็นธรรมชาติที่สุด คือไม่เหลี่ยมมุม แต่อาจจะมีส่วนเว้า โค้ง ตื้น ลึก ให้น้ำได้รับแสงที่เพียงพอ รับกระแสลมเพื่อให้เคลื่อนไหว พร้อมทั้งให้ความชื้นแก่พื้นดิน หากมีการปลูกพืชหรือต้นไม้ น้ำในหนองนี้จะเป็นตัวช่วยให้พืชเหล่านี้เติบโตได้โดยที่เจ้าของพื้นที่ แทบไม่ต้องจัดการอะไรเลย คือ จัดการอย่างชาญฉลาดให้อยู่ได้ด้วยตัวเองแบบธรรมชาติ
แต่การจัดการเรื่องน้ำเป็นศาสตร์ที่ต้องใช้ความรู้ การทำอย่างไรให้มีน้ำเพียงพอต่อความต้องการ (ในพื้นที่ 100 ตารางเมตร เมื่อโดนแดดทั้งวัน เฉลี่ยน้ำจะระเหยออกไป 1 cm.) ยังไม่นับเรื่องน้ำซึม การดึงน้ำไปใช้ ฯลฯ ดังนั้นหากจำเป็นต้องขุดกักเก็บน้ำต้องคำนวณปริมาณน้ำต่อปีไว้ด้วย ไม่ใช่คิดว่า ทำนาใช้น้ำเท่านี้ คนโตหรือเด็กใช้น้ำเท่านี้ รดผักเลี้ยงสัตว์ใช้เท่านี้ สรุปขุดลึก 3 เมตรจบ มันคิดตื้นเกินไปนะ หรือบางแห่งทำธนาคารน้ำใต้ดิน ไร้สาระ ถ้าขุดลึกถึงชั้นน้ำใต้ดินก็ทำให้น้ำปนเปื้อนอีก ขุดไม่ถึงน้ำก็ไม่มี แบบนี้แนะนำให้ใช้วัสดุรองก้นบ่อเพื่อกักเก็บน้ำไว้จะดีกว่า
แนะนำบ่อสำหรับเก็บน้ำในพื้นที่แห้งแล้ง
ไม่แนะนำให้ขุดบ่อจนถึงระดับน้ำใต้ดิน หากมีการขุดลักษณะนี้ แนะนำให้ขุดบ่อบนโคกไว้แห่งหนึ่ง ส่วนจะมีขนาดเท่าใดนั้น ต้องศึกษาถึงระบบการใช้น้ำในพื้นที่ ว่าต้องใช้น้ำในปริมาณเท่าใด เช่น
ต้องการขุดบ่อขนาดกว้าง 100 เมตร x ยาว 100 เมตร x ลึก 5 x จำนวน 2 บ่อ เพื่อกักเก็บน้ำโดยใช้วัสดุรองก้นบ่อเพราะเป็นที่ดอน จะได้ปริมาณน้ำ 100,000 ลบ.ม. หักส่วนโค้งส่วนเว้า ตะพัก / ชานบ่อ / Berm 40% จะเหลือพ้นที่เก็บน้ำ 100,000 – 40 % = 60,000 ลบ.ม. และปริมาณการใช้น้ำต่อปี ในพื้นที่ 1 ไร่ มีที่นา สวนผักผลไม้ ป่าไม้ ปศุสัตว์ และที่อยู่อาศัย (ไม่นับน้ำประปา) จะได้ปริมาณการใช้น้ำรวมต่อปี = 11,585 ลบ.ม. เมื่อได้แบบนี้อาจปรับพื้นที่ให้มีขนาดเล็กลงก็ย่อมได้
และแหล่งน้ำส่วนใหญ่ในบริเวณพื้นที่สูงหรือแห้งแล้ง ปกตินิยมเจาะบ่อบาดาล ทำการสูบน้ำบาดาลขึ้นถังเก็บน้ำโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ แล้วจากถังน้ำก็เปิดลงบ่ออีกที หรือจะรับน้ำจากบ่อบาดาลโดยตรงก็ดี
ในการลงทุนลักษณะนี้มีต้นทุนหลายแสนบาท เจ้าไหนมีทุนก็ทำได้ เจ้าไหนไม่มีทุนก็ต้องรอไปก่อน แต่เหมือนระบบนี้ซ้ำซ้อน
สูบน้ำบาดาลมาใส่ถังเก็บ แล้วยังต้องเก็บน้ำไว้ในบ่ออีกทั้ง ๆ ที่น้ำใช้ก็คือน้ำบาดาล แต่ให้เหตุผลว่าน้ำไม่เพียงพอ จึงต้องมีบ่อเก็บน้ำ และบ่อก็เลี้ยงสัตว์น้ำไปด้วย แต่บ่อก็ไม่สามารถเอาน้ำออกมาใช้ประโยชน์ได้ หรือเมื่อเอาน้ำออก ก็ต้องเติมน้ำจากบ่อบาดาลกลับเข้าไปใหม่
**ทำไมไม่เอาน้ำบาดาลไปใช้โดยตรงเลย ไม่ต้องติดตั้งระบบปั๊มน้ำเข้าสวน หรือต้องเดินไปปิดระบบตรงนั้น ต้องเปิดระบบตรงนี้ ขี้เกียจก็โซล่าเซลล์ให้มันทำงานเอง ไม่คิดว่าจะเปลืองอุปกรณ์ เปลืองค่าใช้จ่าย เปลืองแรงงาน บ้างหรือ??***
โคกหนองนาโมเดล จึงเป็นโมเดลในการจัดการเรื่องน้ำที่ชาญฉลาด
เพราะปัญหาหลายปัจจัย สระเก็บน้ำจึงกลายเป็นเอาไว้เลี้ยงสัตว์น้ำเฉย ๆ ส่วนพืชผักผลไม้ กลายเป็นต้องลงทุนทำระบบน้ำจากบ่อบาดาลอีกต่อนึง ลงทุนทำซ้ำซ้อนแบบนี้ แล้วบอกว่าเป็นโคกหนองนาโมเดล คุณคิดว่าใช่หรือไม่
เอาจริง ๆ การทำลักษณะแบบนี้ไม่ใช่โคกหนองนาโมเดล แต่นี่คือการขุดเจาะเอาน้ำบาดาลมาใช้กับทำเกษตร และบ่อเก็บน้ำก็เป็นบ่อเลี้ยงปลาเหมือนทั่วไป พื้นที่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ประโยชน์จากบ่อเก็บน้ำ รวมไปถึงการต่อระบบกระจายน้ำในรูปแบบต่าง ๆ เช่น สปริงเกอร์ ท่อส่งน้ำ ปั๊มน้ำ จะต้องเปลืองอุปกรณ์หลายอย่างและต้นทุนอีกมากมาย
ความลับของหนองน้ำ ในโคกหนองนาโมเดล
การทำโคกหนองนาโมเดล ในเรื่องของหนองน้ำนี้ จริง ๆ แล้ว วัตถุประสงค์คือการเก็บน้ำไว้ให้มีใช้ยามจำเป็น แต่ในขณะเดียวกัน ก็สามารถนำน้ำที่เก็บเอาไว้มาใช้ยามปกติได้ด้วย เช่น..
- หลุมขนมครก การขุดหลุมขนมครกตามจุดสำคัญบนพื้นที่แปลงเกษตร และหลุมขนมครกเหล่านี้ แต่ละหลุมก็มีจุดประสงค์เพื่อเก็บน้ำ ลึกบ้างตื้นบ้างอาจไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่ และแต่ละหลุมก็จะเชื่อมต่อกันด้วยคลองไส้ไก่
- คลองไส้ไก่ ก็คือการขุดคูร่องน้ำให้มีการคดเคี้ยวไปตามพื้นที่ มีทั้งตื้นทั้งลึก เพื่อทำให้น้ำกระจายได้ทั่วพื้นที่เกษตร
คลองไส้ไก่ นี้เองคือ หัวใจของโคกหนองนาโมเดล เพราะจะทำให้ดินได้รับน้ำอย่างเพียงพอ คลองคูที่กระจายไปตามพื้นที่แปลงเกษตรที่สำคัญจะได้รับน้ำได้อย่างทั่วถึง จึงไม่จำเป็นต้องมี สปริงเกอร์ ปั๊มน้ำ หรือท่อส่งน้ำใด ๆ ให้วุ่นวาย
ส่วนพื้นที่ไหนไม่ได้ทำเกษตร หรือไม่ได้ต้องการน้ำ ก็ไม่จำเป็นต้องขุดคลองให้ผ่านไปบริเวณนั้น
คลองหรือร่องน้ำที่ขุดไว้เชื่อมโยงแต่ละหลุมนั้น มีจุดประสงค์เพื่อกระจายน้ำให้แก่ดินตามจุดต่าง ๆ และการคดเคี้ยวเลี้ยวงอนี่เอง จึงเป็นที่มาของชื่อ คลองไส้ไก่
สิ่งที่สำคัญ เมื่อทำให้ระบบเชิงนิเวศน์ของโคกหนองสมบูรณ์แบบแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดน้ำระบายจากหนองอยู่ตลอดเวลา ทำเพียงวันละครั้ง หรือสองสามวันครั้ง หรืออาทิตย์ละครั้งนึงก็ยังได้ เพราะดินยังคงอุ้มน้ำได้ดีอยู่แล้ว
ทำไมถึงต้องมีการขุดคลองไส้ไก่ให้คดเคี้ยว?
นั่นก็เพราะว่า เมื่อน้ำไปถึงที่ไหน จะทำให้ดินชุ่มชื้นที่นั่น และการคดเคี้ยวของคลองจะทำให้กระแสน้ำไม่ไหลแรงเกินไป ทำให้ดินรับน้ำได้อย่างเต็มที่ พืชผักก็งอกงาม
ส่วนในฤดูน้ำหลาก จะต้องสังเกตุว่าบริเวณไหนมีการไหลของน้ำในปริมาณมาก ไม่ว่าจะเป็นบริเวณคลองไส้ไก่ หรือบริเวณที่น้ำไหลเข้าหนอง ก็จำเป็นต้องทำฝายทดน้ำเพิ่มเติม นั่นก็เพื่อกักหรือชะลอน้ำเอาไว้ หากน้ำหลากก็สามารถชะลอน้ำได้ หากในฤดูแล้งก็จะกลายเป็นที่กักเก็บน้ำไปในตัว
และทั้งหมดนี้ หากมีการถ่ายเทน้ำจากหนองที่มี และบริหารจัดการอย่างชาญฉลาด ก็แทบไม่ต้องมีปั๊มน้ำหลายตัว ไม่ต้องต่อท่อประปาติดสปริงเกอร์ให้เต็มสวน หรือแม้แต่มีทั้งบ่อใหญ่ มีทั้งแท๊งค์น้ำ ที่จะต้องเก็บน้ำเอาไว้ใช้เลยด้วยซ้ำ
นา มีประโยชน์อย่างไร และทำแบบไหนให้ โคกหนองนาโมเดลสมบูรณ์แบบ
พื้นที่นาหรือพื้นที่ลุ่ม จะกินบริเวณ 30% ของพื้นที่ทั้งหมด ในบริเวณนี้หากมีการทำนา แนะนำให้ปลูกข้าวอินทรีย์พื้นบ้าน และในบริเวณพื้นที่นานี้ ก็แนะนำให้ทำคันนา ให้มีความสูงและกว้างมากพอที่จะใช้เป็นที่รองรับน้ำในฤดูน้ำหลากด้วย ส่วนคันนาอาจใช้เป็นพื้นที่สำหรับปลูกผลไม้หรือไม้ยืนต้นแบบ การทำเกษตรบนคันดิน
ส่วนของนานี้ หมายรวมไปถึงพื้นที่แปลงเกษตรในที่ราบลุ่มทั้งหมด และควรเน้นพืชที่สามารถทนน้ำท่วมได้พอสมควร สำหรับพันธุ์พืชที่ต้องการน้ำน้อย อาจเลือกปลูกในพื้นที่บริเวณโคก หรือพื้นที่อื่นที่การกระจายน้ำได้ไม่ดีพอก็ได้
ทั้งหมดนี้หากทำให้เป็นระบบและมีการจัดการบริหารน้ำได้ดีแล้ว ภายใน 1 ปีก็สามารถจัดการน้ำได้เพียงพอ รวมไปถึงระบบการไหลเวียนของนิเวศน์ตามธรรมชาติ โดยที่เราอาจไม่ต้องเปลืองแรง หรือลงทุนไปกับอุปกรณ์อะไรมากมาย ตลอดจนไม่ต้องเสียต้นทุนขุดหนองทำโคกให้สวยหรูและใหญ่โต
เอาแค่ตัวเองไหว เพราะท้ายที่สุด ธรรมชาติก็จะทวงคืนกลับไปทุกสิ่ง…
ก็จบกันไปแล้วสำหรับเรื่องของ โคกหนองนาโมเดล ส่วนที่เหลือจะเป็นการแยกย่อยในหัวข้อของการสร้างโคกหนองนา สร้างอย่างไรให้ถูกหลักภูมิสังคม ดูกระแสลม แสงแดด และวางตำแหน่งที่จะทำโคก ขุดหนอง และพื้นที่สำหรับทำเกษตรต่าง ๆ รวมไปถึงการขุดคลองไส้ไก่เชื่อมต่อระหว่างหลุมขนมครกตามจุดต่าง ๆ รวมทั้งหมดนี้เอาไว้ในบทความหน้า อย่าให้โคกหนองนาโมเดลเป็นแค่ศิลปะของการขุดบ่อ
หากชอบและคิดว่าเป็นประโยชน์ก็แชร์กันเยอะ ๆ นะครับ เจอกับกับบทความเรื่อง การสร้างโคกหนองนา สร้างอย่างไรให้ถูกหลักภูมิสังคม สัปดาห์หน้าจ้า