การปลูกถ่ายไขกระดูกชนิดที่เหมือนกันเพียงครึ่งเดียว (Haploidentical Stem cell Transplantation) ทางเลือกที่เพิ่มโอกาสในการรักษาให้กับผู้ป่วยโรคในระบบเลือดที่ ศูนย์มะเร็งฮอไรซัน โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ “การปลูกถ่ายไขกระดูก เป็นหนึ่งในการรักษาโรคมะเร็งทางระบบเลือด ที่เป็นเหมือนความหวังผู้ป่วยที่จะหายขาดจากโรคได้ แต่โอกาสที่จะหาไขกระดูกที่เหมือนกันกับผู้ป่วยได้ 100% นั้นมีน้อยมาก การได้ไขกระดูกที่เหมือนผู้ป่วยเพียงแค่ครึ่งเดียว ก็รักษาได้แล้วในตอนนี้ และโอกาสหายค่อนข้างสูง” คำแนะนำในการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งและโลหิตวิทยา รศ.พ.อ.นพ.วิเชียร มงคลศรีตระกูล
การปลูกถ่ายไขกระดูกมะเร็งเม็ดเลือดขาวมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
อ่านเพิ่มเติมได้รับใบผลตรวจสุขภาพทีไร เห็นแต่ตัวเลขอะไรไม่รู้เต็มไปหมด ตะกี้คุณหมออธิบายก็ว่าเข้าใจ แต่พอกลับมาย้อนดูทีไรก็จำไม่ได้ทุกที เชื่อว่าหลายคนต้องเคยประสบปัญหาแบบนี้ จนทำให้ไม่ได้ใส่ใจที่จะติดตามผลการตรวจสุขภาพของตนเอง ทั้งที่จริงๆ แล้วค่าตัวเลขเหล่านี้ ล้วนสะท้อนพฤติกรรมและเป็นเหมือนการทำนายโอกาสเกิดโรคในเบื้องต้นได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ ฉะนั้นรีบไปหยิบผลตรวจสุขภาพขึ้นมา แล้วมาดูกันดีกว่า…ว่าร่างกายเราเป็นอย่างไร
ค่าไหน บอกอะไร มาทำความเข้าใจกัน
1. ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (Complete Blood Count หรือ CBC)
เริ่มกันที่ค่า CBC ค่านี้จะบอกให้รู้ว่าเลือดของเรามีความผิดปกติไปจากที่ควรจะเป็นหรือไม่ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงโรคโลหิตจาง หรือภาวะธาลัสซีเมีย และมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้ โดยจะมีการแยกย่อยเป็นค่าต่างๆ ดังนี้
บ่งบอกถึงความสามารถในการลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ในร่างกายของเม็ดเลือดแดง
ค่าปกติของฮีโมโกลบิน
ผู้ชาย13–17.4 grams per deciliter (g/dL)ผู้หญิง12–16 grams per deciliter (g/dL)
- หากค่าสูงกว่ามาตรฐาน ก็จะบ่งบอกให้รู้ว่ามีภาวะเลือดข้น
- หากค่าต่ำกว่ามาตรฐาน ก็จะบ่งบอกให้รู้ว่ามีภาวะโลหิตจาง
ค่าปกติของฮีมาโทคริต
ผู้ชาย40-50%ผู้หญิง35-47%
- หากค่าสูงกว่ามาตรฐาน ก็จะบ่งบอกให้รู้ว่ามีภาวะเลือดข้น
- หากค่าต่ำกว่ามาตรฐาน ก็จะบ่งบอกให้รู้ว่ามีภาวะโลหิตจาง
- หากค่าสูงกว่ามาตรฐาน อาจบ่งบอกถึงภาวะการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสต่างๆ ในร่างกาย
- หากค่าต่ำกว่ามาตรฐาน คุณถือว่ามีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
เม็ดเลือดขาวเป็นกำลังสำคัญในการต่อสู้กับเชื้อโรคที่ลุกลานเข้ามาในร่างกายของเรา ซึ่งแต่ละชนิดก็จะทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันเชื้อโรคต่างชนิดกันไป
ค่าปกติของเม็ดเลือดขาวแต่ละชนิด
Neutrophils50%–70%Lymphocytes20%–40%Monocytes0%–7%Basophils0%–1%Eosinophils0%–5%
หากค่าเม็ดเลือดขาวชนิดใดเพิ่มสูงกว่าค่ามาตรฐานก็จะบ่งบอกให้รู้ถึงการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียในกลุ่มนั้น แต่หากค่า Eosinophils สูงก็จะบ่งบอกถึงอาการแพ้ การติดเชื้อปรสิต หรือพยาธิ ในร่างกาย
เม็ดเลือดขาวสูง(Leukocytosis)หมายถึง ค่าเม็ดเลือดขาว (Whie blood cell ย่อว่า wbc หรือ WBC หรือ Wbc) ที่ได้จากการตรวจเลือดด้วยการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่เรียกว่า การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด(Complete blood count หรือ ย่อว่า CBC/ซีบีซี) ซึ่งค่าปกติของ wbc จะอยู่ในช่วงประมาณ 3,500-11,000 เซลล์/ไมโครลิตร(Microliter) โดยในเด็กแรกเกิด ค่าเม็ดเลือดขาวปกติจะสูงมากกว่าในผู้ใหญ่ทั่วไป(อาจสูงได้ถึง 38,000เซลล์/ไมโครลิตร) และในสตรีตั้งครรภ์ก็อาจมีเม็ดเลือดขาวสูงกว่าสตรีทั่วไปได้
จำนวนเม็ดเลือดขาวปกติขึ้นกับอายุและภาวะมีครรภ์ ยังไม่มีตัวเลขตรงกันของแต่ละสถาบันว่าจำนวนเม็ดเลือดขาวรวมที่ปกติเป็นเท่าไร บ้างก็ใช้ตัวเลข 5,000-10,000 cells/μL (5-10 x 109/L) เพราะจำง่าย ห้องแล็บของโรงพยาบาลศิริราชใช้ตัวเลข 4,400-10,300 cells/μL (4.4-10.3 x 109/L) แต่นิยามโดยทั่วไปของผู้ใหญ่ปกติที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ เม็ดเลือดขาวมากหรือสูงผิดปกติ หมายถึง มีจำนวนเม็ดเลือดขาว มากกว่า 11,000/μL (11.0 x 109/L) หากสูงถึง 50,000-100,000/μL จะเรียกว่า "Leukemoid Reaction" และถ้าสูงเกิน 100,000/μL จัดเป็นภาวะวิกฤติ เพราะจะมีเลือดหนืดข้นจนไหลเวียนลำบาก มักพบในโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
เช่นเดียวกับภาวะเม็ดเลือดขาวน้อย เม็ดเลือดขาวรวมที่มากผิดปกติ ต้องดูว่าเป็นเม็ดเลือดขาวชนิดใดที่สูงขึ้น โดยคูณเปอร์เซนต์ของเม็ดเลือดขาวแต่ละชนิดกับจำนวนเม็ดเลือดขาวทั้งหมด ก็จะได้จำนวนเม็ดเลือดขาวแต่ละชนิดออกมา
ภาวะนิวโตรฟิลสูง (Neutrophilia)
เม็ดเลือดขาวมากส่วนใหญ่จะตกอยู่ในกลุ่มนี้ ภาวะนิวโตรฟิลสูง หมายถึง จำนวนนิวโตรฟิล > 7,000/μL (7.0 × 109/L) สาเหตุได้แก่
- การติดเชื้อแบคทีเรีย
- การอักเสบ เช่น ข้ออักเสบ ลำไส้อักเสบ (inflammatory bowel diseases) ตับอักเสบ หลอดเลือดอักเสบ (vasculitis)
- จากยา เช่น สเตียรอยด์, ยาขยายหลอดลมกลุ่ม beta-agonists, lithium, epinephrine, ยากระตุ้นไขกระดูก (colony-stimulating factors)
- ภาวะเครียดมาก เช่น ออกกำลังกายอย่างหนัก หลังผ่าตัด หลังการชัก หลังการขาดออกซิเจน หลังประสบเหตุการณ์ที่ทำให้กลัวมาก ถูกไฟไหม้ตัว
- ภาวะเสียเลือด
- ภาวะเม็ดเลือดแดงแตก
- ภาวะ immune thrombocytopenia
- ภาวะฟื้นตัวของไขกระดูกหลังถูกกดด้วยยา
- การสูบบุหรี่
- มีครรภ์
- มะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งเม็ดเลือดขาว
- ความผิดปกติทางเมตาบอลิก เช่น DKA, Thyrotoxicosis, Uremia
- มีการตายของเนื้อเยื่อ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจตาย เนื้อสมองตายจากหลอดเลือดอุดตัน
- โรคทางกรรมพันธุ์ เช่น Hereditary/chronic idiopathic neutrophilia, Down syndrome, Leukocyte adhesion deficiency
- ภาวะไม่มีม้ามหรือม้ามไม่ทำงาน
ภาวะลิมโฟไซต์สูง (Lymphocytosis)
หมายถึง จำนวนลิมโฟไซต์ > 4,500/μL (4.5 × 109/L) สาเหตุได้แก่
- การติดเชื้อไวรัส ปรสิต และแบคมีเรียบางชนิด เช่น ไอกรน วัณโรค ริกเค็ทเซีย บาบีเซีย บาร์โตเนลลา
- การสูบบุหรี่
- ภาวะไม่มีม้ามหรือม้ามไม่ทำงาน
- ภาวะเครียดมาก เช่น ออกกำลังกายอย่างหนัก หลังผ่าตัด หลังการชัก หลังการขาดออกซิเจน หลังประสบเหตุการณ์ที่ทำให้กลัวมาก ถูกไฟไหม้ตัว
- ภาวะ Autoimmune thyroiditis, Hypothyroidism
- โรคทางภูมิคุ้มกันอื่น ๆ
- มะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งเม็ดเลือดขาว และมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
- ภาวะที่ร่างกายปฏิเสธอวัยวะที่นำมาปลูกถ่าย (Graft rejection)
สาเหตุสำคัญของภาวะลิมโฟไซต์สูง (และเม็ดเลือดขาวรวมต่ำหรือปกติ) คือการติดเชื้อไวรัส ซึ่งมักพบในเด็ก โดยจะมีไข้และมีอาการของอวัยวะที่ติดเชื้อร่วมด้วย กรณีเช่นนี้แพทย์จะรักษาตามอาการ โรคจะหายเองใน 1-2 สัปดาห์ ยาปฏิชีวนะไม่ได้ช่วยอะไรในสัปดาห์แรก
ภาวะอีโอสิโนฟิลสูง (Eosinophilia)
หมายถึง จำนวนอีโอสิโนฟิล > 500/μL (0.5 × 109/L) สาเหตุได้แก่
- มีโรคภูมิแพ้ เช่น หอบหืด ภูมิแพ้ของทางเดินหายใจส่วนบน ภูมิแพ้ของผิวหนัง
- ติดเชื้อปรสิต เช่น มีพยาธิในทางเดินอาหาร ตับ ปอด สมอง ฯลฯ
- ติดเชื้อรา โดยเฉพาะเชื้อราที่ปอด
- ภาวะแพ้ยา
- ช่วงฟื้นตัวหลังการติดเชื้อ โดยเฉพาะ scarlet fever, viral infection, chlamydial infection
- โรคผิวหนัง เช่น dermatitis herpetiformis, pemphigus, และ erythema multiforme causing eosinophilia
- มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กิน
- มะเร็งไขกระดูก
- โรคของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (connective tissue diseases)
- กลุ่มอาการ Churg-Strauss syndrome
- กลุ่มอาการ hypereosinophilic syndrome
- กลุ่มอาการ pulmonary infiltration with eosinophilia (PIE) ซึ่งมีลักษณะปอดอักเสบทั้งสองข้าง ตับม้ามโต โดยเชื้อเป็นได้ทั้งแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา และปรสิต
สาเหตุสำคัญของภาวะอีโอสิโนฟิลสูง คือ โรคภูมิแพ้และการติดเชื้อปรสิต ซึ่งอีโอสิโนฟิลมักไม่สูงมาก หากสูงเกิน 1,500/μL ต้องมองหามะเร็งไขกระดูกและมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
ภาวะเบโซฟิลสูง (Basophilia)
หมายถึง จำนวนเบโซฟิล > 100/μL (0.1 × 109/L) สาเหตุมาจากภาวะภูมิแพ้หรือไม่ก็มะเร็งเม็ดเลือดขาว กรณีหลังจำนวนเบโซฟิลมักเกิน 200/μL และเม็ดเลือดขาวรวมมักเกิน 30,000/μL
ภาวะโมโนไซต์สูง (Monocytosis)
หมายถึง จำนวนโมโนไซต์ > 880/μL (0.88 × 109/L) สาเหตุได้แก่
- การติดเชื้อ เช่น วัณโรค, subacute bacterial endocarditis, brucellosis, ซิฟิลิส, infectious mononucleosis, มาลาเรีย, โรคติดเชื้อปรสิต และโรคติดเชื้อริกเค็ทเซีย
- มะเร็ง เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งอวัยวะอื่นกระจายเข้าไขกระดูก และ paraneoplastic leukemoid reaction
- ช่วงฟื้นตัวของภาวะนิวโตรฟิลต่ำ (neutropenia)
- โรคทางภูมิคุ้มกัน เช่น SLE, rheumatoid arthritis, inflammatory bowel diseases
- ภาวะไม่มีม้ามหรือม้ามไม่ทำงาน
- โรค sarcoidosis
- กลุ่มโรค lipid storage diseases
แนวทางการวินิจฉัย
สิ่งที่ต้องพิจารณาประกอบกัน คือ
- อาการทางคลินิก
- ระยะเวลาที่เม็ดเลือดขาวยังคงสูงลอย
- ลักษณะของเม็ดเลือดชนิดอื่นใน CBC
- มีอาการแสดงที่ชวนให้คิดถึงโรคมะเร็งหรือไม่
อาการแสดงที่ชวนให้คิดถึงโรคมะเร็ง ได้แก่
หากไม่มีอาการแสดงให้คิดถึงมะเร็งให้มองหาโรคติดเชื้อก่อน และอาจติดตามผล CBC ทุก 1 สัปดาห์ อีก 1-2 ครั้ง ทุก 1 สัปดาห์