ประเภทของหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าสามารถจำแนกออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ...
Posted by FDI Logistics & Biz Management on Sunday, January 8, 2017 วันนี้ขอมาให้ความรู้ทุกท่านเกี่ยวกับถิ่นกำเนิดสินค้าค่ะ (Product Origin) หลายท่านที่เคยนำเข้าหรือส่งออกสินค้ามาบ้างแล้วอาจจะเคยได้ยินคำว่า "Certificate of Origin (C/O)" หรือ "ใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า" กันมาบ้างแล้วใช่ไหมคะ ในธุรกิจนำเข้าส่งออก เราเรียกเอกสารนี้แบบย่อๆว่าใบซีโอC/O เป็นหนังสือรับรองที่ออกให้ผู้ส่งออกเพื่อแสดงว่าสินค้ามีถิ่นกำเนิดในประเทศใด และผลิตได้ถูกต้องตามกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า ซึ่งใบ C/O จะมีอยู่ 2 ประเภทด้วยกันดังนี้ค่ะ
1. หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าทั่วไป คือเอกสารที่นำไปใช้รับรองถิ่นกำเนิดสินค้า แต่ไม่สามารถนำไปขอยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีอากรขาเข้าได้ เรียกว่า Ordinary Certificate of Origin
2. หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าแบบพิเศษ ที่นำไปใช้เพื่อขอรับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (ขอยกเว้น หรือลดหย่อนภาษีอากรขาเข้า) เรียกว่า Preferential Certificate of Origin
แล้วใบ C/O 2 ประเภทนี้แตกต่างกันอย่างไร?
- Ordinary Certificate of Origin ขอเรียกสั้นๆว่าแบบทั่วไปแล้วกันนะคะ แบบทั่วไปนี้คือเอกสารที่ใช้เพื่อยืนยันกับผู้ซื้อว่า สินค้าที่ส่งออกไปนั้นประกอบด้วยวัตถุดิบภายในประเทศ มีการผลิต หรือผ่านขั้นตอนกระบวนการผลิตภายในประเทศ
- Preferential Certificate of Origin ศัพท์นำเข้าส่งออกเราเรียกเอกสารสิ่งนี้ว่า "ฟอร์ม" ค่ะ ตัวอย่างเช่น FORM E (ฟอร์มอี) ซึ่งเป็น C/O ที่รับรองว่าสินค้าถูกผลิตในประเทศจีน และ FORM E นี้ล่ะค่ะ ที่เราใช้มาขอยกเว้น/ลดหย่อนภาษีอากรขาเข้าจากกรมศุลกากร C/O ที่ใช้ยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีได้จึงเป็นชนิดพิเศษ
ภาพตัวอย่าง FORM E ค่ะ หน้าตาเป็นแบบนี้นี่เอง
ซึ่งกว่าจะมาเป็น หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าแบบพิเศษ ได้นั้นต้องมีการประชุมเจรจาทางการค้าร่วมกันของแต่ละประเทศ (อาจเป็นการเจรจาทางการค้าเฉพาระหว่าง 2 ประเทศหรือมากกว่า 2 ประเทศก็ได้ค่ะ) มีการศึกษาระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรและกฎถิ่นกำเนิดสินค้า กำหนดคุณสมบัติทางด้านถิ่นกำเนิดและรูปแบบหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า กำหนดระเบียบวิธีปฏิบัติในการขอหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า
วันนี้ขอนำแบบฟอร์มซึ่งมีการเจรจาและตกลงทางการค้าระหว่างประเทศมาให้ดูกันเป็นความรู้นะคะ
ทุกท่านจะได้ทราบว่าแบบฟอร์มชนิดใดมาจากการทำความตกลงทางการค้าระหว่างประเทศใดบ้าง
ซึ่งแบบฟอร์มเหล่านี้ สามารถนำมาใช้ยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีต่อกรมศุลกากรประเทศไทยได้ด้วยค่ะ
อัตราการลดหย่อน/ละเว้นภาษีอากรในการนำเข้านี้จะขึ้นอยู่กับข้อตกลงทางการค้า รวมทั้งชนิดของสินค้าด้วยค่ะ
ตัวอย่างเช่น นายชีฟเคยนำเข้าสินค้า A มาจากประเทศจีนโดยไม่มี FORM E เคยเสียภาษีนำเข้าอยู่ที่ 30%
มาวันหนึ่งนายชีฟเปลี่ยนไปใช้ผู้ผลิตในจีนที่ได้รับสิทธิ์รับรองถิ่นกำเนิดสินค้า เมื่อนายชีฟนำเข้าสินค้าล็อตใหม่
พร้อมยื่นเอกสาร C/O ต่อกรมศุลกากรในขั้นตอนพิธีการศุลกากร จากที่เคยเสียภาษีนำเข้าที่ 30%
อาจได้รับสิทธิ์ยกเว้นอากรเหลือ 0% ก็ได้ค่ะ
จากบทความนี้ ขอสรุปสิ่งที่ผู้นำเข้าควรทำดังนี้นะคะ
1. ผู้นำเข้าควรปรึกษาผู้ที่มีความรู้ความชำนาญในพิธีการศุลกากร (บริษัทชิปปิ้ง) เพื่อตรวจสอบว่าสินค้าที่ท่านจะนำเข้าได้รับสิทธิพิเศษในการขอใช้ฟอร์มยกเว้น/ลดหย่อนภาษีหรือไม่ ในกรณีที่สินค้าประเภทนั้นๆได้รับสิทธิพิเศษดังกล่าว ผู้นำเข้าควรให้บริษัทชิปปิ้งตรวจสอบและเช็คพิกัดอัตราอากรของสินค้าประเภทนั้นๆ จะได้ทราบอัตราอากรนำเข้าเบื้องต้นหากไม่มีฟอร์มยกเว้น/ลดหย่อนภาษี และหากมีฟอร์มยกเว้น/ลดหย่อนภาษี
2. ผู้นำเข้าควรสรรหาผู้ผลิตในต่างประเทศที่ได้รับสิทธิ์รับรองถิ่นกำเนิดสินค้าเพื่อจะได้นำแบบฟอร์มนั้นๆมาใช้ในการละเว้น/ลดหย่อนภาษี ในการนำเข้ามาในประเทศไทยค่ะ
3. ผู้นำเข้าควรทราบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า และใบ C/O ซึ่งมีทั้งแบบ WO และ ST เป็นสิ่งที่แสดงว่าสินค้าที่ระบุ มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศใด และมีประโยชน์ในการขอรับสิทธิพิเศษทางด้านภาษีศุลกากรจากประเทศผู้ให้สิทธิพิเศษ รวมทั้งสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการขยายตลาดการค้า และสร้างอำนาจต่อรองด้านราคาได้อีกทางหนึ่งหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1.หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร
คือ หนังสือรับรองฯ ที่ออกให้แก่ผู้ส่งออกเพื่อรับรองว่าสินค้าที่ระบุในหนังสือรับรองฯ ผลิตถูกต้องตามกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าและตามเงื่อนไขภายใต้ระบบสิทธิพิเศษของประเทศผู้ให้สิทธิพิเศษฯ ซึ่งจะได้รับสิทธิยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีนำเข้าของประเทศผู้ให้สิทธิพิเศษฯ 8 ชนิด ได้แก่
(1) Certificate of Origin Form A เป็นหนังสือรับรองฯ ที่ออกให้แก่ผู้ส่งออกเพื่อใช้ในการขอรับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป โดยจะได้รับสิทธิยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีขาเข้าสำหรับสินค้าที่ส่งออกไปยังประเทศผู้ให้สิทธิพิเศษ GSP ได้แก่ ญี่ปุ่น รัสเซียและเครือรัฐอิสระ 10 ประเทศ (กลุ่ม CIS ได้แก่ รัสเซีย อาร์เมเนีย อาเซอร์ไบจานสาธารณรัฐเบลารุส คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน สาธารณรัฐมอลโดวา ทาจิกิสถานยูเครน อุซเบกิสถาน และเติร์กเมนิสถาน)
(2) ระบบรับรองตนเองของผู้ส่งออก (Registered Exporter: REX)ภายใต้ระบบ GSP สวิตเซอร์แลนด์และนอร์เวย์ ใช้วิธีการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของผู้ส่งออก หรือ Registered Exporter: REX system ผู้ส่งออกที่ประสงค์จะรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองจะต้องมาขึ้นทะเบียนกับกรมการค้าต่างประเทศ (กองบริหารการนำเข้าและรับรองถิ่นกำเนิด) เพื่อให้ได้รับ REX Number ซึ่งผู้ส่งออกจะต้องใช้ในการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง โดยสามารถรับรองถิ่นกำเนิดฯ ลงในเอกสารทางการค้าที่มีข้อมูล เช่น ชื่อ ที่อยู่ของผู้ส่งออก รายละเอียดของสินค้าที่ส่งออกและวันที่ออกเอกสาร (Date of Issue) อาทิ ใบกำกับสินค้า (Invoice) ใบรายการบรรจุหีบห่อ (Packing List) เป็นต้น
(3) หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า แบบ GSTP เป็นหนังสือรับรองฯที่ออกให้แก่ผู้ส่งออกเพื่อใช้ในการขอรับสิทธิพิเศษภายใต้ระบบการแลกเปลี่ยนสิทธิพิเศษทางการค้าสำหรับสินค้าที่ส่งออกไปยังประเทศกำลังพัฒนา รวม43 ประเทศที่ได้ลงนามและให้สัตยาบันข้อตกลงแล้ว
ดูได้ที่ //bit.ly/38MVHAR
(4) Certificate of Origin Form D เป็นหนังสือรับรองฯ ที่ออกให้แก่ผู้ส่งออกเพื่อใช้ในการขอรับสิทธิพิเศษ ตามความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ASEAN Trade In Goods Agreement: ATIGA) สำหรับสินค้าที่ส่งไปประเทศสมาชิกในกลุ่มอาเซียน 10 ประเทศ ได้แก่ บรูไน กัมพูชา สปป.ลาว มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย อินโดนีเซีย และเวียดนาม
(5) หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า การใช้สิทธิพิเศษภายใต้ความตกลงเขตการค้า เสรีต่างๆ เป็น หนังสือรับรองฯ ที่ออกให้แก่ผู้ส่งออกเพื่อใช้ในการขอรับสิทธิพิเศษตามความตกลงว่าด้วยเขตการค้าเสรีต่างๆ ได้แก่
- ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน ใช้ Form E
- ความตกลงว่าด้วยเขตการค้าเสรีไทย-อินเดีย ใช้ Form FTA
- ความตกลงว่าด้วยเขตการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย ใช้ Form AI
- ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย ใช้ Form FTA
- ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น ไทย-นิวซีแลนด์ สามารถรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองบนใบกำกับสินค้า (Invoice)
- ความตกลงเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย- นิวซีแลนด์ ใช้ Form AANZ
- ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น ใช้ Form JTEPA
- ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น ใช้ Form AJ
- ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-เกาหลี ใช้ Form AK
- ความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น ไทย-เปรู ใช้ Form TP
- ความตกลงการค้าเสรีไทย-ชิลี ใช้ Form TC
(6) หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าสำหรับ สินค้าหัตถกรรม (Certificate in Regard to Certain Handicraft Products) เป็นหนังสือรับรองฯที่ออกให้แก่ผู้ส่งออกสินค้าหัตถกรรมไปยังสหภาพยุโรปตามรายการที่กำหนดไว้
(7) หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าสำหรับสินค้า ผ้าไหมและผ้าฝ้ายทอด้วยมือ (Certificate Relating to Silk or Cotton Handloom Products) เป็นหนังสือรับรองฯ ที่ออกให้แก่ผู้ส่งออกสำหรับสินค้าผ้าไหม และผ้าฝ้ายที่ทอ ด้วยมือตามระเบียบการให้สิทธิพิเศษทางการค้าของสหภาพยุโรปซึ่งจะได้รับการยกเว้นภาษีขาเข้า
(8) หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าสำหรับ สินค้าหัตถกรรมทั่วไป (Certificate of Origin Handicraft or Handloom Products) เป็นหนังสือรับรองฯที่ใช้สำหรับการส่งออกสินค้าหัตถกรรมภายใต้สิทธิพิเศษฯไปยังประเทศญี่ปุ่นและแคนาดา
Form D
2.หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าที่ไม่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรคือ หนังสือรับรองฯ ที่ออกให้แก่ผู้ส่งออกเพื่อรับรองว่าสินค้าที่ระบุในหนังสือรับรองฯ มีถิ่นกำเนิด จากประเทศผู้ออกหนังสือรับรองฯ จริงและใช้เป็นเอกสารประกอบการนำเข้าตามระเบียบการนำเข้าของประเทศปลายทาง หรือตามเงื่อนไขของผู้นำเข้าเท่านั้น ไม่สามารถใช้เพื่อขอรับสิทธิพิเศษทางด้านภาษีศุลกากร ได้แก่ หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าทั่วไป (Certificate of Origin : Form C/O ทั่วไป) หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าที่ไม่ได้รับ สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรที่ส่งออกไปยังสหภาพยุโรป และหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าไปยังเม็กซิโก (ANEXO III) และหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าสำหรับสินค้าที่ได้รับโควตาในการนำเข้าสหภาพยุโรป (Certificate of Origin for Imports of Products Subject to Special non-preferential Import Arrangements into the Enropern Unfor)
เราก็ได้เห็นประโยชน์ของหนังสือรับรองสินค้าแล้วนะครับ ครั้งต่อไป เราจะมาศึกษาขั้นตอนในการขอหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดแบบต่างๆ