ประเพณ สงกรานต ม ว นท เท าไรบ าง

สงกรานต์ คือ ประเพณีของประเทศไทย ลาว กัมพูชา พม่า ชนกลุ่มน้อยชาวไตแถบเวียดนาม และมนฑลยูนานของจีน รวมถึงศรีลังกา และประเทศทางตะวนั ออกของประเทศอินเดีย สันนิษฐานกัน ว่า ประเพณีสงกรานต์นั้นได้รับวัฒนธรรมมาจากเทศกาลโฮลีในอินเดีย แต่เทศกาลโฮลีจะใช้การสาดสี แทน โดยจะจดั ให้มขี ึน้ ในทกุ วันแรม 1 คา่ เดอื น 4 ซึงก็คือเดอื นมนี าคม

คา่ ว่า “ตรษุ ” เป็นภาษาทมฬิ ใชใ้ นชนเผา่ หนึงทางอนิ เดยี ตอนใต้ แปลวา่ ตัด หรือขาด คอื ตัดปี หรือขาดปี หมายถึงการสิ้นปี ตามปกติการก่าหนดวันตรุษ หรือวันส้ินปีจะถือหลักทางจันทรคติ (วิธนี ับวันและเดือนถือเอาการเดินของดวงจนั ทร์เป็นหลกั ) วนั แรม 15 ค่า เดอื น 4

สงกรานต์ เป็นค่าในภาษา สันสกฤต ทีหมายถึง การเคลือนย้าย โดยเป็นการอุปมาถึงการ เคลือนย้ายการประทับในจกั รราศี หรือการเคลือนเขา้ ส่ปู ีใหมต่ ามความเชอื ของไทยและบางประเทศใน แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเพณีสงกรานต์นั้นมีสืบทอดกันมาต้ังแต่โบราณคู่กับตรุษ จึงมักเรียก รวมกันว่า ประเพณตี รุษสงกรานต์ หมายถึง การส่งทา้ ยปีเกา่ ตอ้ นรบั ปีใหม่ เดิมทีวนั ทีจัดสงกรานต์น้ีนั้น จะมีการค่านวณทางดาราศาสตร์ แต่ในปัจจุบันได้มีการก่าหนดวันทีแน่นอน คือ ต้ังแต่ 13 – 15 เมษายน แต่เดิม วันข้ึนปีใหม่ไทย คือ วันเริมปีปฏิทินของไทยจนถึง พ.ศ. 2431 และได้มีการ เปลียนแปลงมาเปน็ วันที 1 เมษายน เปน็ วนั ขึ้นปีใหมจ่ นถึง พ.ศ. 2483

ดังน้ัน การก่าหนดนับวันสงกรานต์จึงตกอยู่ใน ระหว่างวันที 13, 14 และ 15 เมษายน ซงึ ทงั้ 3 วนั จะมีชอื เรยี กเฉพาะดังน้ี คอื

วันที 13 เมษายน เรียกว่า มหาสงกรานต์ หมายถึง วนั ทีดวงอาทิตย์ก้าวขน้ึ สู่ราศเี มษ อีกคร้งั หนึง หลงั จากทีผ่านการเข้าส่รู าศีอืน ฯ แลว้ จนครบ 12 เดอื น

วันที 14 เมษายน เรียกว่า วันเนา หมายถึง วันทีดวงอาทิตย์เคลือนเข้าอยู่ราศีเมษ ประจ่าที เรียบรอ้ ยแล้ว

วันที 15 เมษายน เรียกว่า วันเถลิงศก หรือวันข้ึนศก คือวันทีเริมเปลียนจุลศักราชใหม่ การ ก่าหนดให้อยู่ในวันน้ีนั้นเพือให้แน่ใจได้ว่าดวงอาทิตย์โคจรขาดจากราศีมีนขึ้นอยู่ราศีเมษแน่นอนแล้ว อยา่ งนอ้ ย 1 องศา

หอ้ งสมดุ ประชาชนอาเภอดงเจริญ สังกดั สานกั งาน กศน.จังหวัดพจิ ติ ร

ประวัตวิ ันสงกรานต์ เมอื ครัง้ ก่อน พิธีสงกรานต์ เปน็ พิธกี รรมทีเกดิ ขึ้นภายในครอบครัว หรอื ชุมชนบ้านใกลเ้ รอื นเคียง แต่ในปัจจุบันได้มีการเปลียนแปลงให้พิธีสงกรานต์น้ันเป็นเทศกาลสงกรานต์ โดยได้ขยายออกไปสู่คม เป็นวงกวา้ งมากขน้ึ และมีแนวโนม้ ทีจะเปลียนทศั คติ ตลอดจนความเชอื ไป แตเ่ ดิมในพิธีสงกรานต์จะใช้ น่้า เป็นสัญลักษณ์ทีเป็นองค์ประกอบหลักของพิธี แก้กันกับความหมายของฤดูร้อน ช่วงเวลาทีพระ อาทิตย์เคลือนเข้าสู่ราศีเมษ ในวันน้ีจะใช้น้่ารดให้แก่กันเพือความชุ่มชืน มีการขอพรจากผู้ใหญ่ มีการ ร่าลึกและกตัญญูต่อบรรพบุรุษทีล่วงลับ ต่อมาในสังคมไทยสมัยใหม่เกิดเป็นประเพณีกลับบ้านในช่วง เทศกาลสงกรานต์ นับว่าวันสงกรานต์เป็นวันครอบครัว อีกทั้งยังมีประเพณีทีสืบทอดมาต้ังแต่ดั้งเดิม อย่าง การสรงน้า่ พระทนี า่ มาซงึ ความเปน็ สริ มิ งคล เพือใหเ้ ปน็ การเรมิ ต้นปีใหมท่ ีมีความสขุ ปัจจุบันได้มีการประชาสัมพันธ์ในเชิงท่องเทียวว่าเป็น Water Festival หรือ เทศกาล แห่งนา โดยได้ตดั ข้อมูลในสว่ นทเี ปน็ ความเชือดั้งเดิมออกไป วันที 13 เมษายน ยังถือเป็นวันผู้สูงอายุ ด้วย โดยรัฐบาลก่าหนดให้วันที 13 เมษายนเป็น วันผู้สูงอายแุ ห่งชาติ เพือให้ลกู หลานได้เล็งเหน็ ความส่าคญั ของผู้สูงอายุ ซึงส่วนใหญก่ ม็ ักจะเป็นบุพการี ผอู้ าวโุ สหรอื ผ้ใู หญใ่ นชุมชนทีเคยท่าคุณประโยชนแ์ กส่ ังคมมาแล้ว วันที 14 เมษายน คณะรัฐมนตรีก่าหนดให้เป็น "วันครอบครัว” ของทุกปี เพือสนับสนุนและ สง่ เสรมิ ให้ประชาชนตระหนกั ถึงคุณคา่ ของสถาบันครอบครวั และใช้เวลาวา่ งในวนั หยดุ ยาวช่วงเทศกาล "สงกรานต์" ให้สมาชิกในครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าและท่ากิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน เป็นการกระชับ ความสัมพนั ธร์ ะหว่างสมาชกิ ในครอบครวั และสร้างความรกั ความอบอุ่นในครอบครัวน้ัน เริมต้นขน้ึ เมือ วันที 31 ตลุ าคม พ.ศ. 2532

หอ้ งสมุดประชาชนอาเภอดงเจริญ สงั กดั สานักงาน กศน.จังหวดั พจิ ิตร

ตานานวนั สงกรานต์

การกา่ เนิดวนั สงกรานต์ มีเรืองเลา่ สบื ต่อกันมาโดยใจความจารกึ ทีวัดพระเชตุพนวมิ ลมังคลารามฯ วา่ …

เมือต้นภัทรกัลป์ มีเศรษฐีคนหนึง มังมีทรัพย์มาก แต่ไม่มีบุตร บ้านอยู่ใกล้กับนักเลงสุรา ซงึ นักเลงสุรานัน้ มีบตุ ร 2 คน ทีผิวเนอื้ ดุจดงั ทอง วนั หนึงนักเลงสุราเขา้ ไปในบา้ นของเศรษฐผี ้นู นั้ แล้วด่า ด้วยถ้อยคา่ ทหี ยาบคายต่าง ๆ นาน ๆ เศรษฐเี มอื ไดฟ้ งั แลว้ จึงถามวา่

พวกเจ้ามาพูดหยาบคายดูหมิ่นเราผู้เป็นเศรษฐีเพราะเหตุใด พวกนกั เลงสรุ าจึงตอบวา่ ท่านมีสมบัติมากมายแต่หามีบุตรไม่ เมื่อท่านตายไป สมบัติก็จะอันตรธานไปมหด หาประโยชน์ อันใดมิได้ เพราะขาดทายาทผู้ปกครอง ข้าพเจ้ามีบตุ รถึง 2 คน อีกท้ังรูปร่างงดงามเสียดว้ ย ข้าพเจ้าจงึ ดกี วา่ ทา่ น เศรษฐีคร้ันได้ฟังก็เห็นจริงด้วย จึงเกิดความละอายต่อนักเลงสุรายิงนัก นึกใคร่อยากได้บุตรบ้าง จากน้ันได้ท่าการบวงสรวงพระอาทิตย์และพระจันทร์ ตั้งจิตอธิษฐานเพือขอให้มีบุตร เมืออยู่ถึง 3 ปี ก็ มิได้มีบตุ รตามทปี รารถนา

ห้องสมดุ ประชาชนอาเภอดงเจรญิ สงั กดั สานกั งาน กศน.จังหวดั พจิ ิตร

เมือขอบุตรจากพระอาทิตย์และพระจันทร์มิได้ตามดังทีปราถนา อยู่มาวันหนึงเมือถงึ ฤดูคมิ หนั ต์ จิตรมาส (เดือน 5) โลกสมมติว่าเป็นวันมหาสงกรานต์ คือ พระอาทิตยย์ กจากราศีมีนประเวสสู่ราศเี มษ ผู้คนทั้งหลายต่างพากันเล่นนักขัตฤกษ์อันเป็นการรืนเริงข้ึนปใี หมไ่ ปทัวทั้งชมพทู วีป ขณะนั้น เศรษฐีจึง พาข้าทาสบริวารไปยังต้นไทรริมฝ่ังแม่น่้าอันเป็นทีอยู่แห่งปักษีชาติทั้งหลาย เอาข้าวสารซาวน้่า 7 คร้ัง แล้วหุงบูชา รุกขพระไทร พร้อมด้วยสูปพยัญชนะอันประณีต และประโคมด้วยดุริยางค์ดนตรีต่างๆ ต้ัง จิตอธิษฐานขอบุตรจากรุกขพระไทร รุกขพระไทรมีความกรุณา เหาะไปขอบุตรกับพระอินทร์ให้กับ เศรษฐี

ตอ่ มา พระอินทร์จงึ ใหธ้ รรมบาลเทวบตุ รลงไปปฏสิ นธิในครรภ์ บดิ ามารดาจงึ ขนานนามวา่ ธรรม บาลกมุ าร แล้วปลกู ปราสาทข้นึ ใหก้ มุ ารอยู่ใต้ตน้ ไทรริมสระฝัง่ แม่นา่้ น้ัน คร้นั เมอื กมุ ารเจริญข้ึนก็รู้ภาษา นกและเรียนจบไตรเพทเมือมีอายุได้ 8 ขวบ อีกท้ังยังได้เป็นอาจารยบ์ อกมงคลการต่างๆ แก่มนุษย์ชาว ชมพทู วปี ทง้ั ปวง ซงึ ขณะนัน้ โลกทง้ั หลายนบั ถือท้าวมหาพรหม มกี บลิ พรหมองค์หนงึ ได้แสดงมงคลการ แก่มนุษย์ท้ังปวง เมือกบิลพรหมได้แจ้งเหตุทีธรรมกุมารเป็นผู้มีชือเสียง เป็นทีนับถือของมนุษยช์ าวโลก ทงั้ หลาย จงึ ไดล้ งมาถามปัญหาแกธ่ รรมกมุ าร 3 ข้อ ดังความวา่

1. เวลาเชา้ สิริ คือ ราศอี ยทู่ ไี หน 2. เวลาเทยี ง สิริ คอื ราศอี ย่ทู ไี หน 3. เวลาเย็น สิริ คอื ราศอี ยู่ทีไหน

และท้าวกบิลพรหมได้ให้สัญญาว่า ถ้าท่านแก้ปัญหา 3 ข้อนี้ได้ เราจะตัดศีรษะมาบูชาท่าน ถ้าท่านแก้ไม่ได้ เราจะตัดศีรษะของท่านเสีย ธรรมกุมารรับสัญญา แต่ผลัดแก้ปัญญาไป 7 ท้าวกบิล พรหมก็กลับไปยังพรหมโลก

ห้องสมุดประชาชนอาเภอดงเจรญิ สังกัดสานกั งาน กศน.จงั หวัดพจิ ิตร

ฝ่ายธรรมบาลกุมารพิจารณาปัญหานั้นล่วงไปได้ 6 แล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นอุบายทีจะตอบปัญหาได้ จึงคิดว่าพรุ่งนี้แล้วหนอทีเราจะต้องตายด้วยอาญาของท้าวกบิลพรหม เราหาต้องการไม่ จ่าจะหนีไปซุก ซ่อนตนเสียดีกว่า เมอื คดิ แลว้ กล็ งจากปราสาท ออกเทยี วนอนทตี ้นตาล 2 ต้นซึงมีนกอินทรี 2 ตัวผวั เมีย ท่ารังอยู่บนตน้ ตาลนนั้

ขณะทีธรรมบาลกมุ ารนอนอยูใ่ ต้ต้นตาลน้ันพลางได้ยินเสียงนางนกอินทรีถามผัวว่า พรุ่งนี้เราจะ ไปหาอาหารที่ไหน นกอินทรีตัวผู้จึงตอบว่า พรุ่งน้ีครบ 7 วันท่ีท้าวกบิลพรหมถามปัญหาแก่ธรรมบาง กุมาร แตห่ ากธรรมบาลกุมารแกไ้ มไ่ ด้ ท้าวกบลิ พรหมก็จะตัดศีรษะเสยี ตามสญั ญา เราทั้ง 2 จะได้กนิ เน้ือ มนุษย์ คือ ธรรมบาลกมุ ารเป็นอาหาร นางนกอินทรจี ึงถามว่า ทา่ นรปู้ ญั หาหรือ ผู้ผัวตอบวา่ รู้ แลว้ ก็เล่า ให้นางนกอินทรีฟังตง้ั แต่ต้นจนปลายว่า

1. เวลาเช้า ราศีอยูท่ ี หน้า คนทัง้ หลายจึงเอาน้่าลา้ งหน้า 2. เวลาเทยี ง ราศอี ยทู่ ี อก คนท้ังหลายจึงเอาน่า้ และแปง้ กระแจะจนั ทร์ลูกไลท้ อี ก 3. เวลาเย็น ราศอี ยทู่ ี เท้า คนท้ังหลายจึงเอานา้่ ล้างเท้า

ธรรมบาลกมุ ารทีนอนอยูใ่ ต้ตน้ ไมไ้ ด้ยนิ การสนทนาของท้ังสองกจ็ ่าได้ จึงมีความโสมนัส ปีติ ยินดี เป็นอันมาก จึงเดินทางกลับมาทีปราสาทของตน คร้ันถึงวาระเป็นค่ารบ 7 วันตามสัญญา ท้าวกบิล พรหมกล็ งมาถามปัญหาทงั้ 3 ข้อตามทีนดั หมายกันไว้ ธรรมบาลกมุ ารก็วิสัชนาแก้ปญั หาทั้ง 3 ข้อตามที ได้ฟังมาจากนกอินทรีนั้น ท้าวกบิลพรหมยอมรับว่าถูกต้อง และยอมแพ้แก่ธรรมบาล จ่าต้องตัดศีรษะ ของตนั บูชาตามทีสัญญาไว้ แตก่ อ่ นทีจะตัดศีรษะ ได้เรียกธดิ าทง้ั 7 อันเปน็ บาทบรจิ ารกิ าของพระอินทร์ คอื

1. นางทงุ ษะเทวี 2. นางรากษเทวี 3. นางโคราคเทวี 4. นางกิรณิ เี ทวี 5. นางมณฑาเทวี 6. นางกิมทิ าเทวี 7. นางมโหธรเทวี

ห้องสมุดประชาชนอาเภอดงเจรญิ สังกดั สานักงาน กศน.จังหวดั พจิ ิตร

อันโลกสมมตวิ ่าเปน็ องค์มหาสงกรานตก์ ับทั้งเทพบรรษัทมาพร้อมกัน จงึ ได้บอกเรืองราวให้ทราบ และตรัสว่า พระเศียรของเรานี้ ถ้าตั้งไว้บนแผ่นดินก็จะเกิดไฟไหม้ไปทัวโลกธาตุ ถ้าจะโยนขึ้นไปบน อากาศฝนก็จะแล้ง เจา้ ทั้ง 7 จงเอาพานมารองรับเศยี รของบิดาไวเ้ ถดิ ครน้ั แล้วท้าวกบลิ พรหมก็ตัดพระ เศียรแค่พระศอสง่ ใหน้ างทุงษะเทวธี ดิ าองค์ใหญใ่ นขณะน้นั โลกธาตุกเ็ กดิ โกลาหลอลเวงยงิ นกั

เมือนางทุงษะมหาสงกรานต์นา่ พานมารองรับพระเศยี รของทา้ วกบลิ พรหม แล้วใหเ้ ทพบรรษทั แห่ ประทักษิณเวียนรอบเขาพระสุเมรุ 60 นาที จากน้ันจึงเชิญเข้าประดิษฐานไว้ในมณฑป ณ ถ้่าคันธุลี เขาไกรลาศ กระท่าการบูชาด้วยเครืองทิพย์ต่าง ๆ ต่อมาพระวิษณุกรรมเทพบุตรได้เนรมิตโลงแก้ว อัน ประกอบไปด้วยแก้ว 7 ประการ แล้วให้เทพยดาทั้งหลายน่ามาซึงเถาฉมุนาตลงล้างน้่าในสระอโนดาต 7 คร้ัง แล้วแจกกันสังเวยทัวทุก ๆ พระองค์ ครน้ั ไดว้ าระครบกา่ หนด 365 วัน โลกสมมตวิ ่าปีหนึงเป็นวัน สงกรานต์ เทพธดิ าทั้ง 7 ก็ทรงเทพพาหนะตา่ ง ๆ ผลัดเปลยี นเวียนมาเชิญพระเศยี รทา้ วกบิลพรหมออก แห่ พร้อมด้วยเทพบรรษแสนโกฏิประทักษิณเวียบรอบเขาพระสุเมรุราชบรรษัทเป็นเวลา 60 นาที แล้วจึงน่ากลับไปประดิษฐานไว้ตามเดิม ซึงในแต่ละปีก็จะมีนางสงกรานต์แต่ละนางมาท่าหน้าที ผลดั เปลียนกนั ตามวันมหาสงกรานต์

นางสงกรานต์ 2565 นามวา่ นางกริ ณิ เี ทวี หรือ นางกาฬกิณเี ทวี ทรงพาหุรดั ทัดดอกมณฑา อาภรณ์แก้วมรกต ภกั ษาหารถวั งา พระหตั ถข์ วาทรงขอช้าง พระหัตถ์ซา้ ยทรงปืน เสด็จยนื มาเหนอื หลังกญุ ชร (ชา้ ง) เป็นพาหนะ เกณฑพ์ ริ ณุ ศาสตร์ ปนี ้ี อาทติ ย์ เป็นอธบิ ดฝี น บนั ดาลให้ฝนตก 400 หา่ ตกในเขาจกั รวาล

160 ห่า ตกในปา่ หมิ พานต์ 120 หา่ ตกในมหาสมุทร 80 ห่า ตกในโลกมนษุ ย์ 40 หา่ เกณฑ์ธาราธิคณุ ตกราศีธนู ชอื เตโช(ธาตุไฟ) น่า้ นอ้ ย อากาศยงั ร้อน เกณฑน์ าคราชให้น่า้ ปนี ี้ นาคราชให้นา่้ 4 ตวั

ท่านายว่า ฝนดีตลอดปีเกณฑ์ธัญญาหารชอื วิบัติ ขา้ วกล้าในไรน่ า จะเกดิ กมิ ชิ าติ คอื มดี ว้ งแมลงรบกวน ข้าวกลา้ จะได้ผล 1 สว่ น เสีย 5 ส่วน บา้ นเมืองจะเกดิ ยทุ ธ สงคราม จะฆา่ ฟันกนั จะนิราชจากกัน จะฉิบหายเปน็ อนั มากแลฯ

ห้องสมุดประชาชนอาเภอดงเจริญ สังกดั สานกั งาน กศน.จังหวัดพจิ ิตร

กจิ กรรมวนั สงกรานต์ การทาบุญตักบาตร นับว่าเป็นการสร้างบุญสร้างกุศลให้กับตนเอง อีกท้ังยังเป็นการอุทิศส่วน

กุศลนัน้ ให้แก่ผูท้ ลี ว่ งลบั ไปแลว้ การท่าบญุ ในลักษณะนมี้ กั จะมีการเตรียมไวล้ ว่ งหน้า เมือถงึ เวลาท่าบญุ ก็ จะน่าอาหารไปตักบาตรถวายพระภิกษุทีศาลาวัดโดยจัดเป็นทีรวมส่าหรับการท่าบุญ ในวันเดียวกันนี้ หลังจากทีได้ท่าบุญเสร็จเรียบร้อย ก็จะมีการก่อเจดีย์ทรายอันเป็นประเพณีทีส่าคัญในวันสงกรานต์อีก ด้วย

การรดนา นับได้ว่าเป็นการอวยพรปีใหม่ให้แก่กันและกัน น่้าทีน่ามาใช้รดหัวในการน้ีมักเป็น น่า้ หอมเจือด้วยน่้าธรรมดา

การสรงนาพระ เป็นการรดน้่าพระพุทธรูปทีบ้านและทีวัด ซึงในบางทีก็จะมีการจัดให้สรงน่้า พระสงฆ์เพมิ เติมด้วย

การบังสกุ ุลอัฐิ สา่ หรับเถา้ กระดูกของญาติผู้ใหญท่ ีได้ล่วงลบั ไปแลว้ มักท่าทีเก็บเป็นลกั ษณะของ เจดีย์ จากนนั้ จะนิมนตพ์ ระไปบังสกุ ุล

การรดนาผใู้ หญ่ คือการทีเราไปอวยพรผู้ใหญ่ทีใหค้ วามเคารพนับถือ อยา่ ง ครบู าอาจารย์ มกั จะ นังลงกบั ที จากนน้ั ผู้ทรี ดกจ็ ะเอาน่า้ หอมเจือกบั นา่้ ธรรมดารดลงไปทีมอื ผหู้ ลกั ผู้ใหญก่ ็จะให้ศลี ให้พรผู้ที ไปรด หากเป็นพระก็อาจน่าเอาผ้าสบงไปถวายเพอื ใหผ้ ลัดเปลียนด้วย แต่หากเป็นฆราวาสก็จะหาผา้ ถงุ หรอื ผ้าขาวม้าไปให้เปลียน มีความหมายกับการเริมต้นสงิ ใหม่ๆ ในวนั ปีใหมไ่ ทย

การดาหัว มีจุดประสงค์คล้ายกับการรดน้่าของทางภาคกลาง ส่วนใหญ่จะพบเห็นการด่าหัวได้ ทางภาคเหนือ การด่าหัวท่าเพือแสดงความเคารพต่อผู้ทีอาวุโสวา่ ไม่ว่าเป็น พระ ผู้สูงอายุ ซึงจะมีการ ขอขมาในสิงทีได้ล่วงเกิน หรือเป็นการขอพรปีใหม่จากผู้ใหญ่ ของทีใช้ในการด่าหัวหลักๆ ประกอบด้วย อาภรณ์ มะพรา้ ว กล้วย ส้มปอ่ ย เทียน และดอกไม้

การปล่อยนกปล่อยปลา ถือว่าการล้างบาปทีเราได้ท่าไว้ เป็นการสะเดาะเคราะห์ร้ายให้ กลายเป็นดี มีแตค่ วามสุข ความสบายในวันขึ้นปใี หม่

การขนทรายเข้าวัด ในทางภาคเหนอื นยิ มขนทรายเข้าวดั เพอื เป็นนิมติ โชคลาคใหพ้ บแต่ความสุข ความเจรญิ เงินทองไหลมาเทมาดุจทรายทีขนเขา้ วดั แตก่ ม็ บี างพน้ื ทีมีความเชอื วา่ การน่าทรายทตี ิดเทา้ ออกจากวัดเปน็ บาป จึงตอ้ งขนทรายเข้าวัดเพอื ไมใ่ ห้เกิดบาป

ห้องสมุดประชาชนอาเภอดงเจริญ สงั กดั สานักงาน กศน.จงั หวัดพจิ ติ ร