การ ควบค ม อาหาร ผ ชาย ลด น ำหน ก

เมื่อลดน้ำหนัก คนเรามักคาดหวังอยากเห็นผลลัพธ์เร็ว ๆ จึงเริ่มลดปริมาณอาหารที่รับประทาน จํากัดจำนวนแคลอรี่ที่ได้รับ หรือแม้กระทั่งเริ่มอดอาหาร ซึ่งยิ่งทำให้หิวและไปเพิ่มความอยากอาหาร เกิดอาการที่เรียกว่าโยโย่เอฟเฟกต์ (Yo-yo Effect)

Show

การลดน้ำหนักโดยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และควบคุมแคลอรี่เป็นทางเลือกที่ยั่งยืนกว่า

วันนี้เรามีเคล็ดลับการลดน้ำหนักที่คุณสามารถทําได้เพื่อให้ลดน้ำหนักได้อย่างยั่งยืนและมีสุขภาพที่แข็งแรง

1. เริ่มต้นวันใหม่ด้วยอาหารเช้าโปรตีนสูง

สามารถช่วยลดความอยากอาหารและลดปริมาณแคลอรี่ที่บริโภคระหว่างวัน การรับประทานโปรตีนอย่างเพียงพอจําเป็นต่อการรักษามวลกล้ามเนื้อและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ปริมาณโปรตีนที่ควรบริโภคในแต่ละวันอยู่ที่ประมาณ 56-91 กรัมสําหรับผู้ชายและ 46-75 กรัมสําหรับผู้หญิง

โดยทั่วไปแล้ว ใน 1 วันคนเราควรรับประทานโปรตีน 0.8 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ในรายที่อายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป ควรเพิ่มการบริโภคโปรตีนมากขึ้นเล็กน้อยที่ 1-1.2 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม และผู้ที่เป็นนักกีฬาควรได้รับโปรตีน 1.4-2 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม

ผู้ที่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์สามารถรับประทานโปรตีนจากพืช เช่น เต้าหู้ ถั่ว ควินัว หรือถั่วเหลืองหมักเทมเป้ อย่างไรก็ตามหากมีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคไตเสื่อมเรื้อรัง อาจพิจารณาลดปริมาณการบริโภคโปรตีนตามแต่แพทย์ผู้รักษาแนะนำ

2. เลือกรับประทานอาหารที่เป็นมิตรต่อการลดน้ำหนัก

การรับประทานคาร์โบไฮเดรตขัดสี อันได้แก่ น้ำตาลและแป้ง ให้น้อยลงเป็นวิธีที่ทำให้ลดน้ำหนักได้รวดเร็ววิธีหนึ่ง การรับประทานธัญพืชไม่ขัดสีช่วยลดความหิวและปริมาณแคลอรี่ที่บริโภค และยังทําให้อิ่มและรู้สึกหายอยากอาหาร เมื่อรับประทานคาร์โบไฮเดรตน้อยลงร่างกายจะเริ่มนำไขมันที่กักเก็บเอาไว้ออกมาใช้เป็นพลังงานมากขึ้น จากการศึกษาพบว่าการกินคาร์โบไฮเดรตน้อยลงเป็นวิธีการลดน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามผลกระทบของการบริโภคอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำในระยะยาวยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด

ผักมีแคลอรี่ต่ำแต่มีสารอาหารและกากใยสูง การกินผักใบเขียวมากขึ้น เช่น ผักโขม หรือผักตระกูลกะหล่ำ เช่น ผักคะน้า บรอกโคลีกะหล่ำดอก กะหล่ำปลี และผักกาดหอม มีประโยชน์ในการรักษาน้ำหนักตัวตามเกณฑ์ ผักประเภทข้าวโพด มันฝรั่ง และมันเทศประกอบไปด้วยคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน หากกำลังพยายามลดน้ำหนัก อาจรับประทานให้น้อยลง

การรับประทานไขมันดีจากปลาที่มีไขมัน ถั่ว หรืออะโวคาโด หรือการใช้น้ำมันมะกอกในการปรุงอาหารนั้นมีประโยชน์ ควรลดการบริโภคไขมันอิ่มตัว เช่น ไขมันจากเนยหรือน้ำมันมะพร้าว

3. รับประทานอาหารช้า ๆ

การรับประทานอาหารและเคี้ยวช้าลงจะส่งสัญญาณไปยังสมองว่ามีอาหารอยู่ในท้อง ทําให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ช่วยป้องกันการกินมากเกินไปและช่วยเพิ่มฮอร์โมนลดน้ำหนัก การเคี้ยวให้ละเอียดยังช่วยให้การย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหารมีประสิทธิภาพมากขึ้น

4. ดื่มน้ำมาก ๆ

การดื่มน้ำช่วยให้ความอยากอาหารลดลงและรู้สึกอิ่มได้เร็วขึ้น การดื่มน้ำอย่างพอเพียงยังช่วยลดการบริโภคเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลหรือเครื่องดื่มที่มีแคลอรี่ น้ำจําเป็นสําหรับระบบเผาผลาญอาหาร ช่วยเผาผลาญแคลอรี่และไขมันที่ร่างกายกักเก็บไว้ได้มากขึ้น การดื่มน้ำเย็นยังทำให้ร่างกายต้องใช้พลังงานเปลี่ยนอุณหภูมิของน้ำให้ร้อนขึ้นก่อนถูกดูดซึมหรือย่อยต่อไป นอกจากนี้การดื่มน้ำอย่างเพียงพอยังช่วยให้ร่างกายกำจัดของเสียหรือขับถ่ายได้ดีขึ้น และการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนแต่ไม่มีน้ำตาล เช่น ชาหรือกาแฟช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบเผาผลาญอาหาร

5. ออกกําลังกายอยู่เสมอ

การทำตัวให้กระฉับกระเฉงและออกกําลังกายเป็นประจําช่วยลดน้ำหนักได้ การออกกําลังกายแบบคาร์ดิโอและออกกำลังกายแบบใช้แรงต้านช่วยลดน้ำหนักได้ดีและทําให้ร่างกายแข็งแรง การเดิน วิ่งเหยาะ ๆ หรือว่ายน้ำช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและการยกน้ำหนักช่วยสร้างกล้ามเนื้อ การออกกําลังกายทั้งสองประเภทป้องกันไม่ให้ระบบเผาผลาญอาหารช้าลงซึ่งมักเกิดขึ้นเมื่อลดน้ำหนัก

6. พักผ่อนให้เพียงพอโดยการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ

การนอนหลับอย่างไม่มีคุณภาพเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการที่น้ำหนักตัวจะเพิ่มขึ้น โรคอ้วน ระบบเผาผลาญอาหารผิดปกติ และปัญหาทางสุขภาพอื่น ๆ จากการศึกษาพบว่าผู้ที่นอนหลับไม่เพียงพอจะทำให้นาฬิกาชีวภาพแปรปรวน รู้สึกไม่สดชื่น ไม่ค่อยมีพลังในการทำกิจวัตรในแต่ละวัน ผู้ที่อดนอนมักรับประทานอาหารที่มีแคลอรี่สูงเพื่อให้ร่างกายมีพลังงาน การนอนดึกยังทำให้กินจุบจิบมากขึ้น

การ “ลดน้ำหนัก” ไม่จำเป็นต้องอดอาหารเสมอไป เพียงแค่รู้จักเลือกประเภทอาหารให้ถูกต้อง และรับประทานแต่ละมื้อในปริมาณที่เหมาะสม รวมกับการออกกำลังกายควบคู่กัน จะทำให้ลดน้ำหนักได้สำเร็จ และยั่งยืน

ข้อสำคัญ คือ เมื่อรู้สึกอิ่มแล้วควรหยุด ไม่ฝืนรับประทานอาหารมื้อนั้นจนหมดด้วยความเสียดาย เพราะการที่ร่างกายได้รับพลังงานเกินความต้องการ จะทำให้เกิดการสะสมไขมัน และนำไปสู่โรคอ้วนนั่นเอง ในบทความนี้จะแนะนำเกี่ยวกับอาหารในแต่ละมื้อ รับประทานอย่างไรให้ลดน้ำหนักได้โดยไม่ต้องอด แถมยังได้สุขภาพร่างกายที่แข็งแรงอีกด้วย



อาหารลดน้ำหนักมื้อเช้า

“มื้อเช้า” จัดเป็นมื้ออาหารที่ไม่ควรละเลยอย่างยิ่ง เพราะเป็นช่วงที่สมอง และระบบต่างๆ ของร่างกายต้องเริ่มปฏิบัติงาน หากได้รับพลังงานอย่างเหมาะสมจะทำให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การรับประทานมื้อเช้านอกจากจะช่วยให้ร่างกายมีเรี่ยวแรง สมองมีพลังในการประมวลผล คิดวิเคราะห์ เรียนรู้ และจดจำแล้ว ยังช่วยให้ไม่อ้วนง่ายเมื่อเปรียบเทียบกับคนที่ละเลยมื้อเช้า

คนที่อดอาหารมื้อเช้านั้น จะทำให้หิวโหยมากในมื้อต่อๆ ไป เป็นผลให้รับประทานอาหารในปริมาณมากขึ้น และมักเลือกอาหารที่มีพลังงานสูงเพื่อให้อิ่มท้องนานๆ โดยเฉพาะอาหารขยะ (Junk food) เช่น แฮมเบอร์เกอร์ ไก่ชุบแป้งทอด ขนมปังขัดขาว

เมื่อร่างกายเผาผลาญพลังงานไม่หมดจะเกิดการสะสมไขมันจนนำไปสู่การเป็นโรคอ้วน

“อาหารลดน้ำหนักมื้อเช้า” จึงเป็นสิ่งที่ควรใส่ใจ และห้ามละเลยเป็นอันขาด โดยเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และให้พลังงานต่ำ (เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องรับประทานอาหารเที่ยงแล้ว)

การอดอาหารมื้อเช้าจะทำให้น้ำหนักลดลงไหม?

มีผลการศึกษามากมายจากทั่วโลกที่แสดงว่า ผู้ที่ละเลยมื้อเช้ามีโอกาสสูงที่จะเป็นโรคอ้วน

หลายคนอาจคิดว่า เป็นเรื่องเหลวไหล เพราะถ้าไม่รับประทานอาหารแล้วจะน้ำหนักเกินได้อย่างไร ในเมื่อน้ำหนักตัวเป็นผลจากแคลอรี่ที่รับประทานเข้าไป เมื่อเทียบกับแคลอรี่ที่ร่างกายใช้ ถ้ารับประทานน้อยลง 1 มื้อ แคลอรี่ที่ได้รับก็ควรน้อยลงไม่ใช่หรือ

แต่ผลการศึกษาพบว่า ผู้ที่ไม่รับประทานมื้อเช้ามักจะรู้สึกหิวเกือบตลอดวัน ทำให้รับประทานมื้ออื่นๆ หนักกว่าเดิม ผลรวมแคลอรี่ที่รับประทานตลอดวันจึงมากกว่าผู้ที่รับประทานครบ 3 มื้อเสียอีก

ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก หรือจะอยากเริ่มต้นวันใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ ควรใส่ใจการรับประทานมื้อเช้า

ตัวอย่างเมนูมื้อเช้าแบบง่ายๆ ได้คุณค่า

  • โจ๊กหมู เมนูที่หาซื้อง่าย แถมมีประโยชน์ครบถ้วน
  • ต้มเลือดหมู เมนูเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง มีสารอาหารครบถ้วน
  • ขนมปังไข่ดาว เมนูที่ทำง่าย สะดวก แต่ควรเลือกแผ่นขนมปังโฮลวีตแทนขนมปังขาว เนื่องจากมีกากใยอาหาร และสารอาหารมากกว่า
  • ซีเรียลผสมข้าวโอ๊ต หรือผลไม้ต่างๆ เป็นอีกเมนูที่ทำง่าย ได้ประโยชน์
  • โยเกิร์ตผสมผลไม้สด ควรเลือกโยเกิร์ตรสธรรมชาติ เนื่องจากมีปริมาณน้ำตาลน้อยกว่าโยเกิร์ตรสผลไม้ ค่อยใส่ผลไม้สดที่มีรสชาติชาติหวานน้อยเพิ่มทีหลัง
  • แกงจืด เมนูที่รับประทานง่าย ไม่หนักท้อง จะซื้อไว้ หรือทำเองตั้งแต่ตอนเย็น พอตอนเช้าก็นำมาอุ่นรับประทานได้ทันที
  • อกไก่อบ เป็นส่วนที่มีไขมันน้อยที่สุดของเนื้อไก่ ได้โปรตีนแบบเน้นๆ แถมยังไม่ผ่านการทอดด้วยน้ำมัน หาซื้อได้ง่ายในร้านสะดวกซื้อ
  • ไข่ต้ม หากไม่ต้องการคอเลสเตอรอลสามารถเลือกรับประทานเฉพาะไข่ขาวได้
  • น้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาล เมนูที่ช่วยให้อยู่ท้องมากกว่าการรับประทานกาแฟ หากใครที่ทำงานสาย และอีกไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงมื้อเที่ยง น้ำเต้าหู้ถือเป็นตัวเลือกอาหารเช้าที่ดี

เมนูมื้อเช้าที่ควรเลี่ยง

  • อาหารประเภททอด ไม่ว่าจะเป็นหมูทอด ไก่ทอด ปาท่องโก๋ เต้าหู้ทอด ไข่ทอด ฯลฯ
  • ขนมปังที่เป็นของหวาน เช่น ขนมอบ ขนมเค้ก พาย

อาหารลดน้ำหนักมื้อเที่ยง

แม้มื้อเที่ยงจะได้ชื่อว่า เป็น "มื้อแห่งราชา" ที่สามารถรับประทานได้มาก แต่สำหรับผู้ที่กำลังลดน้ำหนักอยู่ ก็ควรใส่ใจอาหารที่รับประทานด้วย เพราะหากรับประทานแบบไม่ยั้งคิด มื้อกลางวันก็อาจกลายเป็นตัวการที่ทำให้อ้วนได้ โดยเฉพาะ “หนุ่มสาวออฟฟิศ” ที่หลังจากรับประทานมื้อเที่ยงแล้วต้องนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ต่ออีกหลายชั่วโมง ไม่ได้ขยับเขยื้อนร่างกายเท่าไหร่นัก

พฤติกรรมเช่นนี้อาจทำให้เกิดไขมันสะสม พอกพูนอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้องได้

“อาหารลดน้ำหนักมื้อเที่ยง” จึงควรเน้นอาหารที่อิ่มนาน แคลอรีต่ำ และไขมันต่ำ

ตัวอย่างเมนูมื้อกลางวัน

  • สุกี้ไก่ หรือสุกี้ทะเล
  • ต้มยำ
  • เกาเหลา
  • สปาเก็ตตี้อกไก่
  • โซบะอกไก่
  • ข้าวกล้องกับไก่ผัดขิง
  • ข้าวกล้องกับต้มจืดวุ้นเส้น

อาหารลดน้ำหนักมื้อเย็น

เทคนิคในการรับประทานอาหารลดน้ำหนักมื้อเย็นคือ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารปริมาณมาก โดยหลัง 20.00 น. เป็นต้นไปไม่ควรรับประทานอาหารต่างๆ เข้าไปอีก

“อาหารลดน้ำหนักมื้อเย็น” ควรเลือกอาหารเบาๆ ไม่หนักท้อง เพราะเราไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานเท่ากับในมื้อเช้า หรือมื้อกลางวัน

หากรับประทานอาหารเข้าไปมาก เมื่อถึงเวลานอนนอกจากอาหารจะไม่ย่อย เสี่ยงเป็นโรคกรดไหลย้อนแล้ว ไขมันยังเข้าไปแทรกซึมสะสมอยู่ตามผนังหลอดเลือด และส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทำให้อ้วนได้

ถึงแม้หลายคนจะทราบว่า ไม่ควรรับประทานมากในมื้อเย็นแต่ก็มักละเลย เพราะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานมาทั้งวัน หรือบางคนอาจถือเป็นการสังสรรค์ จึงทำให้ไม่สามารถลดน้ำหนักได้สำเร็จเสียที

ตัวอย่างเมนูสำหรับมื้อเย็น

  • ผักผลไม้ต่างๆ ที่มีน้ำตาลน้อย เช่น มะละกอ แอปเปิล แครอท และอะโวคาโด
  • เมี่ยงปลาทู
  • ปลานึ่ง ผักต้ม
  • สลัดผัก ควรเลือกน้ำสลัดแคลอรี่น้อย เช่น น้ำสลัดงา
  • แกงจืดเต้าหู้

อาหารลดน้ำหนักที่หาซื้อได้จาก 7-11

อาหารในร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11 เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของใครหลายคน เพราะมีสินค้าให้เลือกซื้อหลายชนิด มีสาขามาก และง่ายต่อการเข้าถึง

สำหรับอาหารใน 7-11 นั้นมีเมนูอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำเหมาะสำหรับผู้รักสุขภาพให้เลือกซื้อเช่นกัน ได้แก่

  • ไข่ต้มแบบต่างๆ เช่น ไข่ต้มยางมะตูม ไข่ต้มออนเซ็น
  • อกไก่อบ
  • อาหารคลีนต่างๆ และสลัดผัก
  • ปลาทูน่ากระป๋องในน้ำแร่
  • ถั่ว หรือเมล็ดธัญพืชต่างๆ ชนิดไม่ปรุงแต่ง
  • ปลาเส้น หรือปลาอบต่างๆ
  • ผลไม้อย่างฝรั่ง แอปเปิล กล้วยหอม และกล้วยน้ำว้า

อาหารคลีน ทางเลือกสำหรับคนอยากผอม

“อาหารคลีน” อีกหนึ่งทางเลือกดีๆ สำหรับคนอยากผอม แต่มีหลายคนที่เข้าใจผิดคิดว่า อาหารคลีนคืออาหารที่มีราคาแพง

อาหารคลีนจะเน้นที่รสชาติดั้งเดิมของวัตถุดิบ ไม่ผ่านการปรุงแต่ง หรือผ่านกระบวนการปรุงแต่งน้อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน น้ำปลา น้ำตาล น้ำส้มสายชู และเกลือ เนื่องจากเครื่องปรุงรสเหล่านี้ล้วนแต่ส่งผลเสียต่อร่างกายทั้งสิ้น

ตัวอย่างเมนูอาหารคลีน

  • สเต๊กอกไก่
  • ขนมปังโฮลวีตกับมะเขือ และอัลมอนด์
  • ปลาดอลลี่อบรับประทานกับข้าวกล้อง
  • อกไก่ม้วนแตงกวาแครอท
  • ซูชิอกไก่
  • แซนด์วิชโฮลวีตหน้าผลไม้ และเมล็ดธัญพืช
  • สลัดทูน่า เสิร์ฟพร้อมขนมปังโฮลวีต และไข่ดาว

7 หลักการรับประทานอาหารคลีนอย่างง่ายๆ

1. ควรเริ่มต้นด้วยการปรับตัวให้เข้ากับอาหารคลีน

การหักดิบทานอาหารคลีนทันทีอาจปรับตัวไม่ได้จนท้อ ควรลดเครื่องปรุงรสลงทีละน้อย เมื่อรู้สึกชินกับรสชาติแล้ว จึงค่อยหันมารับประทานอาหารคลีนอย่างจริงจัง

2. ควรเลือกรับประทานอาหารที่นำมาปรุงแบบสดใหม่อยู่เสมอ

อาหารที่ปรุงสดใหม่และสะอาดจะให้คุณค่าครบถ้วนแก่ร่างกาย ไม่ก่อให้เกิดอาการท้องเสีย หรืออาหารเป็นพิษ

3. ขณะเลือกซื้ออาหารควรดูให้ดี

หากเป็นเนื้อสัตว์ต้องดูถึงความสดใหม่ ส่วนผลไม้ควรเลือกรับประทานตามฤดูกาลจะดีกว่าเพราะมีราคาถูก และมีสารเคมีเร่งการเจริญเติบโตน้อยนั่นเอง

4. เลือกรับประทานอาหารที่ไม่ผ่านการปรุงแต่ง หรืออาหารรสจัด

ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มจัด หวานจัด เนื่องจากร่างกายจะได้รับโซเดียมสูง ส่วนน้ำตาล นอกจากจะทำให้น้ำหนักขึ้นง่ายแล้วยังทำให้เซลล์แก่ก่อนวัยอีกด้วย

5. หมั่นดื่มน้ำเปล่าให้มาก

นอกจากจะปราศจากน้ำตาลแล้วยังทำให้รู้สึกอิ่มท้องได้เร็วแล้ว ช่วยขจัดสารพิษ ชะล้างสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย ทำให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน และชะลอวัย

6. ไม่จำเป็นต้องเน้น หรือคำนวณปริมาณแคลอรี่แบบเป๊ะๆ

ในแต่ละมื้อควรเลือกรับประทานในปริมาณแค่ที่ร่างกายบอกว่า “อิ่ม” และไม่ควรจำกัดแคลอรี่อย่างจริงจังจนมากเกินไป เพราะอาจทำให้เครียดได้

7. ควรจัดสรรอาหารคลีนอย่างสมดุล

ในแต่ละมื้อควรมีสารอาหารครบ 5 หมู่ เน้นปริมาณผัก และผลไม้มากกว่าเนื้อสัตว์ ไขมัน และแป้ง

อาหารว่างสำหรับลดน้ำหนัก

ในระหว่างวัน โดยเฉพาะช่วงบ่ายๆ หลายคนมักรู้สึกอยากหาอะไรเคี้ยวเล่น หรือบางคนอาจรู้สึกหิวขึ้นมา แต่ในช่วงลดน้ำหนัก หากหิวแนะนำให้รับประทาน “อาหารว่างเพื่อลดน้ำหนัก” เหล่านี้แทน ได้แก่

  • เมล็ดธัญพืชต่างๆ เช่น อัลมอนด์ เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง และถั่วอื่นๆ
  • สาหร่ายอบ หรือซุปสาหร่าย
  • ถั่วแระญี่ปุ่น
  • คุกกี้ข้าวโอ๊ต
  • ขนมปังโฮลวีตทาเนยถั่ว
  • โยเกิร์ตรสธรรมชาติผสมผลไม้สด
  • แอปเปิลทาเนยถั่ว
  • ดาร์กช็อกโกแลต

อย่างไรก็ดี หากไม่อยากแคลอรี่เกิน แนะนำอาหารว่างระหว่างมื้อเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อยจะดีที่สุด

6 ข้อดีของการจำกัดปริมาณอาหารที่รับประทาน

ข้อดีของการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และจำกัดปริมานอาหารที่รับประทานให้เหมาะสมกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวันมีดังนี้

1. ช่วยลดน้ำหนัก ทำให้ผอมลงได้ในระยะเวลาไม่นาน รู้สึกกระฉับกระเฉง และกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น

2. ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง การรับประทานอาหารคลีนจะช่วยให้ห่างไกลจากโรคมะเร็งได้ เนื่องจากร่างกายเกิดความสมดุลมากขึ้น แข็งแรงขึ้น และเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคได้ดีขึ้น

3. ลดหน้าท้อง หากสามารถเผาผลาญพลังงานจากอาหารหมดในทุกๆ วัน จะไม่ทำให้เกิดการสะสมไขมัน ช่วยลดหน้าท้อง ป้องกันการอ้วนลงพุง

4. ชะลอความแก่ การจำกัดปริมาณอาหาร และเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ จึงช่วยให้ไม่แก่ก่อนวัยอันควร ทำให้แลดูอ่อนเยาว์ เนื่องจากสารอาหารที่ได้รับอย่างครบถ้วนจะช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานเป็นปกติ โดยเฉพาะระบบขับถ่าย

5. ช่วยควบคุมความหิว ช่วยให้ในแต่ละมื้อไม่ต้องทนหิวโหย หรืออิ่มจนเกินไป เพราะในแต่ละมื้อได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายแล้ว และไม่ต้องใช้เวลานานในการออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญไขมัน หรือพลังงานออกจากร่างกายมากด้วย

6. ช่วยให้นอนหลับสบาย การรับประทานอาหารคลีนเป็นประจำยังช่วยให้สามารถนอนหลับได้ง่าย และสบายขึ้น โดยเฉพาะในมื้อเย็นที่กระเพาะอาหารไม่ต้องแบกรับภาระหนักจนเกินไป ทำให้ระบบย่อยทำงานได้ดี และยังส่งผลดีต่อการขับถ่ายด้วย

"กราโนล่า" เป็นอาหารลดน้ำหนักจริงหรือ?

ว่ากันว่า "กราโนล่า" เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่เหมาะสำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนักมาก เพราะเป็นสูตรอาหารที่นำเอาธัญพืชหลากชนิดมารวมไว้แล้วนำไปอบกรอบ อาจมีการใส่สารให่ความหวาน เช่น น้ำผึ้ง

กราโนล่านิยมรับประทานคู่กับนม หรือโยเกิร์ต เป็นอาหารที่ให้พลังงานต่ำ

แต่กราโนล่าไม่ใช่ยาลดความอ้วน ไม่มีส่วนเข้าไปเผาผลาญพลังงานใดๆ ในร่างกายเลย นอกจากทำหน้าที่ "เพิ่ม" พลังงานต่างหาก เพราะอุดมไปด้วยสารอาหารจากธัญพืช และผลไม้อบแห้ง มีไฟเบอร์สูง ใน 1 ถ้วยมีปริมาณที่พอดี เมื่อรับประทานคู่กับนม หรือโยเกิร์ตจะได้อาหาร 1 มื้อที่ให้พลังงานต่ำนั่นเอง

ดังนั้นใครที่รับประทานกราโนล่าเป็นอาหารหลักทุกมื้อ มื้อละ 1 ถ้วย ก็จะทำให้น้ำหนักลดลงได้อย่างรวดเร็ว แต่หากรับประทานในปริมาณมากกว่านี้ก็จะได้แคลอรี่เพิ่มมากขึ้น และยิ่งไม่ออกกำลังกายร่วมด้วยแล้ว ไม่ว่าอย่างไรน้ำหนักก็ไม่ลดลงอยู่ดี

ทั้งนี้ในมื้ออาหารก็ไม่ควรรับประทานแค่กราโนล่าอย่างเดียว ควรมีโปรตีนจากเนื้อสัตว์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วย จะเห็นได้ว่า การเลือกรับประทานอาหารเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการลดน้ำหนักอย่างยิ่ง

เพียงจำกัดปริมาณอาหารให้อยู่ในเกณฑ์ที่พอดี เน้นผัก ผลไม้ โปรตีน คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน และไขมันดี ในอัตราส่วนที่เหมาะสม ควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย เพียงเท่านี้การมีรูปร่างดี หุ่นเฟิร์มกระชับ ก็ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว