กาแฟไม สามารถร กษาท กอย างได แต ม นสามารถร กษาเช าได

นั้นถือเป็นหนึ่งในกาแฟที่มีประโยชน์มากที่สุด มากกว่ากาแฟหวานมันกลมกล่องอย่างคาปูชิโน่ เอสเปรสโซ่ หรือกาแฟสำเร็จรูปเสียอีก เนื่องจากกาแฟดำอุดมไปด้วยสารอาหารต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และมีส่วนช่วยในการต้านโรคร้ายต่าง ๆ อย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะ แม้กาแฟดำจะมีรสชาติเข้มข้น แต่ก็อย่าลืมว่าหวานเป็นลม ขมเป็นยา! เริ่มสงสัยกันแล้วสิว่าประโยชน์ของกาแฟดำมีอะไรบ้าง… งั้นเรามาดูกันเลย!

Show

กาแฟไม สามารถร กษาท กอย างได แต ม นสามารถร กษาเช าได

1. กาแฟดำช่วยป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบซี

ประโยชน์ของกาแฟดำอับดับแรกเกี่ยวข้องกับโรคไวรัสตับอักเสบซี ที่เป็นโรคที่มีความอันตรายเป็นอย่างมาก แต่จากการวิจัยพบว่าการดื่มกาแฟดำเป็นประจำทุกวัน จะสามารถบรรเทาและป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบซีได้ โดยจะต้องดื่มกาแฟอย่างน้อยวันละ 3 ถ้วยต่อวัน แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูที่สุขภาพด้านอื่นๆ ของตัวคุณเองด้วย เพราะบางคนอาจมีโรคประจำตัวที่ถูกห้ามไม่ให้ดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มคาเฟอีนนั่นเอง

2. กาแฟดำช่วยลดความอ้วน

หลายคนอาจจะเข้าใจว่าการดื่มกาแฟเป็นสาเหตุที่ทำให้อ้วน แต่ความจริงแล้วนี่เป็นอีกหนึ่งประโยชน์ของกาแฟดำ เพราะกาแฟดำมีส่วนช่วยในการละลายไขมันได้ดี และสามารถให้พลังงานทดแทนได้ ซึ่งการดื่มกาแฟเป็นประจำหลังมื้ออาหาร ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด เนื่องจากกาแฟจะเข้าไปทำให้ไขมันที่ทานเข้าไปแตกตัวและสลายไปอย่างง่ายดายโดยไม่จับเป็นก้อนนั่นเอง แต่จะต้องเป็นกาแฟดำที่ปราศจากน้ำตาลเท่านั้น

3. กาแฟดำช่วยป้องกันโรคหอบ

ฟังดูเหมือนจะไม่น่าเชื่อใช่ไหมเอ่ย ว่าอีกหนึ่งประโยชน์ของกาแฟดำ คือความสามารถในการป้องกันอาการหอบหืดได้ นั่นก็เพราะโรคหอบเกิดจากการที่ประสาทสำรองถูกกระตุ้น จึงแสดงอาการหอบออกมา แต่เมื่อดื่มกาแฟดำเป็นประจำ ฤทธิ์ของกาแฟดำจะเข้าไปช่วยระงับความตึงเครียดของประสาทสัมผัสสำรอง และไม่ทำให้เกิดอาการหอบนั่นเอง

กาแฟไม สามารถร กษาท กอย างได แต ม นสามารถร กษาเช าได

4. กาแฟดำช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ

ใครว่าดื่มกาแฟแล้วใจสั่น นอนไม่หลับ แถมเสี่ยงโรคหัวใจเป็นอย่างมาก ไม่จริงเลย เพราะอีกหนึ่งประโยชน์ของกาแฟดำเมื่อดื่มบ่อยๆ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจได้ดี เนื่องจากในกาแฟดำมีวิตามินบีรวมชนิดหนึ่ง ชื่อว่านิโคติน ซึ่งจะช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดและป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว จึงไม่ทำให้เป็นโรคหัวใจ แถมลดความเสี่ยงภาวะไขมันในเลือดสูงอีกด้วย แต่สำหรับคนที่เป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว ไม่ควรดื่มกาแฟเด็ดขาด

5. กาแฟดำช่วยป้องกันโรคมะเร็ง

มะเร็งร้ายก็สามารถป้องกันได้ด้วยการดื่มกาแฟดำ เพราะประโยชน์ของกาแฟดำคือการมีกรดอะซิติก ที่จะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของก้อนเนื้อร้าย และทำลายเซลล์ผิดปกติ ที่อาจกลายเป็นมะเร็งในวันหน้า เมื่อดื่มบ่อยๆ จึงหมดห่วงเรื่องมะเร็งร้ายมาเยือนไปได้เลย แต่กาแฟดำจะใช้สำหรับป้องกันโรคมะเร็งในขั้นต้นเท่านั้น ไม่สามารถใช้เพื่อรักษาโรคมะเร็งได้

6. กาแฟดำช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะ

อาการปวดศีรษะบ่อย ๆ สามารถบรรเทาได้ด้วยการดื่มกาแฟดำเช่นกัน เพราะประโยชน์ของกาแฟดำคือการมีคาเฟอีนที่มีส่วนช่วยในการขยายหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น และระงับอาการปวดศีรษะได้ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะเนื่องจากอาการเมาค้างจากการดื่มสุราและของมึนเมาอีกด้วย แต่ทั้งนี้ก็ไม่ควรดื่มมากเกินไป เพราะอาจเกิดผลเสียได้เช่นกัน

กาแฟไม สามารถร กษาท กอย างได แต ม นสามารถร กษาเช าได

7. กาแฟดำช่วยชะลอวัย

สำหรับคนที่ไม่อยากแก่เร็ว แค่ดื่มกาแฟดำบ่อยๆ ก็จะช่วยชะลอวัยได้ เพราะประโยชน์ของกาแฟดำจะทำให้ออกไซด์แตกตัว ลดการสะสมของออกซิเจนที่มีมากเกินไปจนอาจทำให้แก่เร็ว พร้อมทำให้ผิวพรรณเต่งตึง กระชับ ป้องกันการเกิดริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นของผิวได้อย่างดีเยี่ยม แบบที่คุณเองก็แทบไม่ต้องซื้อครีมราคาแพงมาใช้เลยล่ะ

8. กาแฟดำช่วยกระตุ้นความจำ ทำให้สมองทำงานดีขึ้น

การวิจัยพบว่าอีกหนึ่งประโยชน์ของกาแฟดำคือความสามารถในการเพิ่มระดับของฮอร์โมน G-CSF ที่ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคอัลไซเมอร์ในคนแก่ได้ เมื่อดื่มกาแฟวันละ 4 - 5 แก้ว และกาแฟดำยังมีสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ประสาท ลดอการหลงลืมได้

9. กาแฟดำช่วยลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน

ประโยชน์ของกาแฟดำอีกข้อที่สำคัญคือช่วยลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน เมื่อดื่มกาแฟดำไม่เกินวัน 3 แก้ว (300 มิลลิกรัม) เนื่องจากมีผลการวิจัยพบว่ากาแฟดำสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคกระดูกพรุนและกระดูกสะโพกหักได้

10. กาแฟดำช่วยลดความเสี่ยงของโรคเกี่ยวกับตับได้

กาแฟดำยังมีประโยชน์ต่อตับอีกด้วย เพราะประโยชน์ของกาแฟดำ คือการช่วยลดและป้องกันโรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับตับได้ ไม่ว่าจะเป็นการลดอักเสบ ลดการเกิดพังผืดในตับ ลดความเสี่ยงของโรคตับแข็งจากการดื่มสุรา โรคไวรัสตับอักเสบ ไขมันพอกตับ และโรคมะเร็งตับ เป็นต้น

ถิ่นกำเนิดถูกค้นพบที่ประเทศเอธิโอเปีย ของทวีปแอฟริกา จนกลายเป็นพื้นเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ที่ไทยเราก็มีอาราบิก้า พันธุ์แท้ 100% ริเร่ิมจากโครงการหลวงที่มีการพัฒนาชาวเขา โดยนำเมล็ดพันธุ์กาแฟชนิดนี้มาปลูกทดแทนการปลูกฝิ่น มีกระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกาให้คำปรึกษาอีกด้วย พื้นที่ที่ใช้ปลูกอาราบิก้า ต้องอยู่ในที่สูงอยู่ระดับของน้ำทะเลขึ้นไปประมาณ 800 - 1,000 เมตร ทางภาคเหนือของประเทศไทยเช่น จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ สามารถปลูกอาราบิก้าได้ เพราะมีอากาศหนาวเย็น ทำให้เมล็ดอาราบิก้าสามารถเจริญเติบโตขึ้นได้ ซึ่งรสชาติของเมล็ดกาแฟอาราบิก้าจะมีรสชาติที่กลมกล่อม มีความนุ่มนวล และมีปริมาณคาเฟอีนที่ต่ำ ประมาณ 2% ทำให้กาแฟพันธุ์อาราบิก้าได้รับความแพร่หลายและนิยมสูง

เมล็ดกาแฟโรบัสต้า คืออะไร?

กาแฟไม สามารถร กษาท กอย างได แต ม นสามารถร กษาเช าได
มาต่อกันที่เมล็ดกาแฟโรบัสต้ากันบ้าง เมล็ดกาแฟโรบัสต้านั้นเป็นสายพันธุ์กาแฟที่ได้รับความนิยมถึง 20% รองลงมาจากสายพันธุ์อาราบิก้า เมล็ดกาแฟพันธุ์โรบัสต้า เป็นเมล็ดที่ถูกค้นพบหลังอาราบิก้า ค้นพบครั้งแรกบนเกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย นำมาปลูกทดแทนกาแฟพันธุ์อาราบิก้าที่ถูกทำลายจากโรคราสนิม ความพิเศษของเมล็ดพันธุ์ชนิดนี้คือ สามารถปลูกได้ในพื้นที่ต่ำ หรือสูงจากระดับน้ำทะเลเพียง 500 - 600 เมตรเท่านั้น สามารถอาศัยอยู่ในอากาศที่ชุ่มชื้นได้ และทนความร้อนได้ อีกทั้งยังปลูกในพื้นที่ประเทศไทย อย่างจังหวัดในแถบภาคใต้ เช่น ระนอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี ซึ่งเมล็ดกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้า มักนำไปผ่านกรรมวิธีเป็นกาแฟสำเร็จรูป เพราะมีปริมาณคาเฟอีนที่มากกว่า 2% และจุดเด่นของพันธุ์นี้จะมีกลิ่นฉุน และมีความเข้มข้นและขมถูกใจคอกาแฟที่ชอบทานกาแฟเข้มๆ

ความแตกต่างของอาราบิก้าและโรบัสต้า

แม้ว่าทั้ง 2 จะเป็นเมล็ดพันธุ์กาแฟ แต่ก็มีความแตกต่างโดยสิ้นเชิง ทั้งในรูปลักษณ์ รสชาติ และจุดเด่น โดยเราจะมาจำแนกความแตกต่างของอาราบิก้า และโรบัสต้าให้ทุกคนได้ทราบกัน แบ่งแยกความแตกต่างเป็น 3 ประการ ดังนี้

ความแตกต่างด้านรูปลักษณ์

  • อาราบิก้า: รูปทรงเมล็ดจะเรียวยาว ส่วนของแกนกลางจะมีความโค้ง คล้ายกับรูปลักษณ์ตัว S
  • โรบัสต้า: รูปทรงเมล็ดกลม ลักษณะจะรูปทรงมน ส่วนของแกนกลางจะเป็นเส้นตรง

ความแตกต่างด้านรสชาติ

  • อาราบิก้า : จะมีรสชาติหวานเล็กน้อย อีกทั้งยังมีกลิ่นสัมผัสของผลไม้ ละมุนนุ่มลิ้น เมื่อนำไปสกัดเป็นกาแฟและจึงดื่มง่าย ทำให้ทั่วโลกนิยมเมล็ดกาแฟอาราบิก้า
  • โรบัสต้า : รสชาติเข้มข้น ขม หนักแน่นเต็มรสกาแฟ และยังติดรสฝาดเล็กน้อย จึงนิยมนำไปทำเป็นกาแฟสำเร็จรูป

ความแตกต่างด้านสารอาหาร

  • อาราบิก้า : มีปริมาณคาเฟอีนน้อยกว่าโรบัสต้า และยังมีกรดกับน้ำตาลสูงกว่า ทำให้มีรสชาติหวานเล็กน้อย เมื่อนำไปสกัดเป็นกาแฟ
  • โรบัสต้า : มีปริมาณคาเฟอีนที่สูง และยังเป็นกรดและระดับน้ำตาลที่น้อย

ส่วนต่อไปเราจะมาพูดถึงการนำเมล็ดกาแฟประเภทต่างๆ มาชงกาแฟกัน ซึ่งการลิ้มรสชาติกาแฟของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันตามความชอบของการดื่มกาแฟ ซึ่งเมล็ดกาแฟอาราบิก้านั้นมีรสชาติที่นุ่มละมุน เหมาะกับไปทำเมนูร้อนต่างๆ เช่น ลาเต้นร้อน, คาปูชิโน่ร้อน, มอคค่าร้อน หรือเมนูกาแฟร้อนอื่นๆ เพราะรสชาติที่นุ่มละมุนนี้ จะช่วยเสริมให้เมนูกาแฟร้อนดื่มง่ายขึ้น และได้กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์

กาแฟไม สามารถร กษาท กอย างได แต ม นสามารถร กษาเช าได

ราคา 225.- (500 กรัม)

เมล็ดกาแฟอาราบิก้าแท้ 100% คั่วระดับ Dark ส่งตรงจากดอยช้าง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย การเพาะปลูกจะตั้งอยู่ที่ความสูงอยู่ระหว่าง 1,000 – 1,700 เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นหนึ่งในแหล่งปลูกกาแฟที่ดีที่สุดในประเทศไทยมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของกาแฟชั้นดี ทำให้มีกลิ่นหอม และมีเจือรสเปรี้ยวแบบผลไม้เล็กน้อย เมื่อนำไปสกัดเป็นน้ำกาแฟทำให้รู้สึกชุ่มคอ และกลมกล่อม

โรบัสต้าขึ้นชื่อว่ามีรสชาติที่คมเข้ม มีบอดี้ที่หนัก ดังนั้นจึงเหมาะกับไปทำเป็นเมนูกาแฟเย็น หรือปั่น เพราะจะช่วยดึงรสชาติกาแฟให้โดดเด่นยิ่งขึ้น เช่นเมนูอเมริกาโน่เย็น, คาปูชิโน่เย็น และเมนูปั่นอื่นๆ เช่น ลาเต้ปั่น มอคค่าปั่นเป็นต้น

ทั้งนี้ทั้งนั้นรสชาติกาแฟก็เป็นอะไรที่ไม่ตายตัว เพราะแต่ละคนก็จะชอบดื่มกาแฟที่รสชาติแตกต่างกันออกไป บางคนดื่มรสชาติอ่อน บางคนดื่มรสชาติเข้มข้น อีกทั้งบางที่ก็นำทั้งสองเมล็ดกาแฟทั้งอาราบิก้าและโรบัสต้ามาเบลนด์ผสมกัน เพื่อให้ได้รสชาติที่ลงตัว

ต่อไปนี้เราก็สามารถจำแนกเมล็ดกาแฟแต่ละแบบได้ถูกต้องกันแล้ว ทั้งอาราบิก้าและโรบัสก็ต่างมีความแตกต่าง แต่ก็ลงตัว เพราะทั้งสองเมล็ดกาแฟเมื่อนำมาคั่วอย่างดี ก็จะได้รสชาติกาแฟที่ดี ทำให้ทั้งสองเมล็ดกาแฟนี้ กลายเป็นเมล็ดกาแฟที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก

กินกาแฟกระป๋องทุกวัน อันตรายไหม

ส่วนใหญ่แล้วกาแฟกระป๋องที่วางขายทั่วไปนั้น มักจะใส่น้ำตาลเพื่อให้มีรสชาติที่อร่อยขึ้น แต่น้ำตาลในกาแฟกระป๋องในปริมาณดังกล่าวมานั้นหากดื่มวันละ 2-3 กระป๋องก็ถือว่าค่อนข้างมาก และอาจส่งผลต่อร่างกาย ทำให้มีน้ำหนักขึ้นหรือทำให้โรคเบาหวานที่มีอยู่ควบคุมไม่ได้ เป็นต้น

กินกาแฟดำ ทำให้กระดูกพรุน ไหม

9. กาแฟดำช่วยลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน ประโยชน์ของกาแฟดำอีกข้อที่สำคัญคือช่วยลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน เมื่อดื่มกาแฟดำไม่เกินวัน 3 แก้ว (300 มิลลิกรัม) เนื่องจากมีผลการวิจัยพบว่ากาแฟดำสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคกระดูกพรุนและกระดูกสะโพกหักได้

ดื่มกาแฟไม่ใส่น้ำตาลดีจริงหรือ

ประโยชน์ของการ ดื่มกาแฟดำ – ช่วยลดน้ำหนัก กาแฟดำช่วยเรื่องการเผาผลาญพลังงานได้ดีค่ะ การดื่มกาแฟดำที่ไม่ผสมน้ำตาลหลังมื้ออาหารจะช่วยให้ไขมันที่ทานเข้าไปแตกตัวและสลายไปได้ง่ายดาย และหากดื่มกาแฟดำก่อนการออกกำลังกาย 30 นาที จะช่วยในการเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้นถึง 12 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียวค่ะ

กาแฟดำช่วยลดความดันได้ไหม

กาแฟมีทั้งคาเฟอีนและสารกลุ่มไดเทอร์พีน ซึ่งมีฤทธิ์เพิ่มการทำงานของหัวใจ ทำให้หลอดเลือดหดตัว ส่งผลให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นได้ การดื่มกาแฟในปริมาณมาก จึงอาจทำให้ใจสั่น กระสับกระส่าย และความดันโลหิตเพิ่มขึ้นชั่วขณะ