ข อใดค อว ฒนธรรมจ นท ม ต อคนไทย

กล่าวคือ องค์การคลังสินค้าตรวจพบว่าพันตํารวจเอก รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ ตําแหน่ง ผู้อํานวยการสํานักบริหารกลาง รักษาการแทนผู้อํานวยการองค์การคลังสินค้า ได้จัดซื้อและเข้าทําสัญญาซื้อขายถุงมือยาง (ในไตร) จากบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จํากัด โดยการจัดซื้อในครั้งนี้ ไม่ได้ดําเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 พฤติกรรม ในการกระทําเร่งรีบประกอบกับได้ร่วมสมคบคิดกับนายธณรัสย์ หัดศรี กรรมการผู้มีอํานาจของบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จํากัด

จากกรณีปรากฏข่าวที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรม สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ครั้งที่ 11/2566 เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 ได้พิจารณาเห็นชอบให้ดำเนินการกับทรัพย์สินที่เกี่ยวกับ การกระทำความผิดเกี่ยวกับตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีพันตำรวจเอก รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) กับพวก ได้ทำสัญญาซื้อขายถุงมือยางกับบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด โดยไม่ได้ดำเนินการตามกฎหมาย ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง และระเบียบที่เกี่ยวข้อง เป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบทำให้ราชการได้รับ ความเสียหาย

โดยคณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว จำนวน 8 รายการ (ที่ดิน ยานพาหนะ นาฬิกา และเครื่องประดับ) พร้อมดอกผล มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท

• ก่อนโดนสั่งยึดทรัพย์พร้อมพวก 10 ล. คดีถุงมือยาง 'รุ่งโรจน์' เป็นบุคคลล้มละลายไปแล้ว

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้นำเอาคำสั่งดังกล่าวมานำเสนอมรายละเอียดดังนี้

ด้วยสํานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สํานักงาน ปปง.) ได้รับรายงาน จากองค์การคลังสินค้า ตามหนังสือที่ อคส.ผอก./8687 ลงวันที่ 17 กันยายน 2563 เรื่อง ขอให้ตรวจสอบ เส้นทางการเงินและอายัดบัญชีเงินฝากธนาคารในคดีความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการหรือความผิด ของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ รายพันตํารวจเอก รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ กับพวก เพื่อให้ สํานักงาน ปปง. พิจารณาดําเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญาความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ และความผิดต่อตําแหน่ง หน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น

กล่าวคือ องค์การคลังสินค้าตรวจพบว่าพันตํารวจเอก รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ ตําแหน่ง ผู้อํานวยการสํานักบริหารกลาง รักษาการแทนผู้อํานวยการองค์การคลังสินค้า ได้จัดซื้อและเข้าทําสัญญาซื้อขายถุงมือยาง (ในไตร) จากบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จํากัด โดยการจัดซื้อในครั้งนี้ ไม่ได้ดําเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 พฤติกรรม ในการกระทําเร่งรีบประกอบกับได้ร่วมสมคบคิดกับนายธณรัสย์ หัดศรี กรรมการผู้มีอํานาจของบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จํากัด

โดยปกปิดข้อเท็จจริงเรื่องสถานะของบริษัท ที่พึ่งจดทะเบียนบริษัท เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2563 ไม่นําเรื่องเข้าเสนอต่อคณะกรรมการองค์การคลังสินค้าพิจารณา แต่ใช้อํานาจรักษาการ ผู้อํานวยการองค์การคลังสินค้า สั่งการให้ดําเนินการตามสัญญาและสั่งจ่ายเงินให้กับบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จํากัด ไปแล้ว เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2563 จํานวนเงิน 2,000,000,000 บาท (สองพันล้านบาทถ้วน) โดยนําฝากเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จํากัด

การกระทําดังกล่าวเป็นการใช้อํานาจ หน้าที่โดยมิชอบ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ รับเรื่องดังกล่าวไว้ เพื่อดําเนินการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 และพิจารณารายงานการไต่สวนเบื้องต้นแล้วมีมติว่าการกระทําของ พันตํารวจเอก รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จํากัด นายธณรัสย์ หัดศรี นายสุชาติ เตชจักรเสมา นายเกียรติขจร แซ่ไต่ นายศรายุทธ สายคํามี นางสาวปิยาภรณ์ รอดเจริญ นางสาวพิชญรส์ เศวตศุภวัฒน์ นางสาวกันตา สิงห์ศักดิ์ นายอัยวัฏฐ์ เศวตนริทร์ นางสาวสุภาวดี เอกรัตนากุล หรือจักรบดินร์ นายชิเนนทรธรณ์ หรือชเนนทร เลิศพิพัฒน์ นายก้องหล้า มฤคพิทักษ์ นางเฟื่องฟ้า วงศ์สินศิริกุล นายอับดุลลา ปาทาน นายราชาทีปสิงห์ ยอน นางฉันทิศา หวง บริษัท ไทย สไมล์ เทรด จํากัด ร้อยตํารวจเอก นพฤทธิ์ หรือณรภัทร สุขแจ่ม นางนรากร รมศรี นางปณาลี บุรณศิริ

มีมูลความผิดทางอาญาในการเป็นตัวการและผู้สนับสนุน ตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิด เกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 และต่อมาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติ ได้มีมติว่าการกระทําของพันตํารวจเอก รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ กับพวก มีมูลความผิดทางอาญา และได้ส่งรายงานการไต่สวนและคําวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดําเนินคดีอาญา และส่งเรื่องไปยัง ผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาโทษทางวินัย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98 อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐาน ตามมาตรา 3 (5) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และกรณีมีเหตุ อันควรเชื่อได้ว่า พันตํารวจเอก รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิด ดังกล่าว

ในการนี้ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ในการประชุมคณะกรรมการรธุรกรรม ครั้งที่ 6/2566 เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2566 ที่ประชุมมีมติมอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อดําเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ประกอบกับคําสั่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินลับ ที่ ม. 378/2566 ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2566

เรื่อง มอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรม หรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิด รายพันตํารวจเอก รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ กับพวก พนักงานเจ้าหน้าที่ ได้ดําเนินการตรวจสอบรายงานการทําธุรกรรมหรือข้อมูลเกี่ยวกับการทําธุรกรรมของบุคคลดังกล่าวแล้ว ปรากฏหลักฐานเป็นที่เชื่อได้ว่า พันตํารวจเอก รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ กับพวก มีพฤติการณ์แห่งการกระทํา ความผิด อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (5) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราม การฟอกเงิน พ.ศ. 2542 หรือเป็นผู้ซึ่งเกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้กระทําความผิดมูลฐานหรือ ความผิดฐานฟอกเงิน และจากการตรวจสอบข้อมูลการทําธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิด รวมทั้งจากการรวบรวมพยานหลักฐาน ปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิด จํานวน 4 รายการ พร้อมดอกผล

และเนื่องจากทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดในคดีนี้ประกอบด้วย อสังหาริมทรัพย์ประเภทที่ดินตามโฉนดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง อสังหาริมทรัพย์ประเภทที่ดินตามหนังสือ รับรองการทําประโยชน์ (น.ส.3 ก.) พร้อมสิ่งปลูกสร้าง อันเป็นทรัพย์สินที่ปรากฏหลักฐานในทางทะเบียน ในการเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์และผู้มีสิทธิครอบครอง

โดยผู้มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้มีสิทธิครอบครอง อาจดําเนินการทางนิติกรรมโอน เปลี่ยนแปลงชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือผู้มีสิทธิครอบครองทางทะเบียนได้ สังหาริมทรัพย์ประเภทรถยนต์ อันเป็นทรัพย์สินที่ปรากฏหลักฐานในทางทะเบียนในการควบคุมการเสียภาษี หรือการเป็นผู้ครอบครองทรัพย์สินดังกล่าว โดยผู้มีชื่อเป็นผู้ครอบครองอาจดําเนินการโอนเปลี่ยนแปลง ชื่อผู้มีสิทธิครอบครองในทางทะเบียนได้โดยง่าย และสังหาริมทรัพย์ประเภทเครื่องประดับ อันเป็นทรัพย์สิน ที่ไม่ปรากฏหลักฐานในทางทะเบียน

โดยเจ้าของหรือผู้ครอบครองสามารถโอน จําหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือ ซ่อนเร้นได้โดยง่าย หากมิได้มีการออกคําสั่งให้ยึดทรัพย์สินดังกล่าวไว้ชั่วคราว เมื่อเจ้าของหรือผู้ หรือผู้มีสิทธิในทรัพย์สินดําเนินการโอน จําหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าวไปเสีย และหาก มาศาลได้มีคําสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน สํานักงาน ปปง. อาจไม่สามารถติดตามทรัพย์สิน ดังกล่าวกลับคืนมาได้ จึงเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าพันตํารวจเอก รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ กับพวก ได้ไป ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิด และอาจมีการโอน จําหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าว

อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 34 (3) และมาตรา 48 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติ ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มติคณะกรรมการธุรกรรมในการประชุม ครั้งที่ 11/2561 เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2560 และระเบียบคณะกรรมการธุรกรรม ว่าด้วยการรับเรื่องการตรวจสอบ การพิจารณาดําเนินการ และการควบคุมตรวจสอบการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2556 ข้อ 25 คณะกรรมการธุรกรรม จึงมีคําสั่งยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดไว้ชั่วคราว จํานวน 4 รายการ พร้อมดอกผล มีกําหนด ไม่เกิน 90 วัน (เก้าสิบวัน) นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการธุรกรรมมีมติ กล่าวคือ นับตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 โดยมีรายการทรัพย์สินที่ยึดปรากฏตามบัญชีทรัพย์สินแนบท้ายคําสั่งนี้ ทั้งนี้ ให้รวมถึงเงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาจากการจําหน่าย จ่าย โอนด้วยประการใด ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวหรือสิทธิเรียกร้องหรือผลประโยชน์หรือดอกผลของเงินหรือทรัพย์สินดังกล่าวด้วย

ในกรณีผู้ซึ่งถูกยึดทรัพย์สินตามคําสั่งนี้หรือผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินดังกล่าวประสงค์จะขอให้มีการเพิกถอนคําสั่งยึดทรัพย์สินดังกล่าวนั้น

ให้ยื่นคําขอเป็นหนังสือต่อเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินพร้อมด้วยหลักฐานที่เกี่ยวข้องที่แสดงว่าเงินหรือทรัพย์สินที่ถูกยึดดังกล่าว น 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้งคําสั่งเป็นหนังสือ

อนึ่ง การยักย้าย ทําให้เสียหาย ทําลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย ทําให้สูญหายหรือทําให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สิน ที่เจ้าพนักงานยึดหรืออายัดไว้หรือที่ตนรู้หรือควรรู้ว่าจะตกเป็นของแผ่นดินอาจมีความผิดอาญาตามนัยมาตรา 65 แห่งพระราชบัญญัติการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542

สำนักข่าวอิศรารายงานว่าในท้ายประกาศยังได้ระบุรายละเอียดทรัพย์สินที่มีการยึดทรัพย์จำนวน 8 รายการมูลค่ารวม 10,310,000 บาท ประกอบไปด้วย

1.ที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 131959 เลขที่ดิน 253 เนื้อที่ 111.30 ตารางวา ตําบลลําพยา อําเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม พร้อมสิ่งปลูกสร้าง บ้านเดี่ยว 2 ชั้น บ้านเลขที่ 111/23 หมู่ 4 จำนวน 1 แปลงราคาประเมิน 7,770,000 บาท

2.ที่ดิน น.ส.3 ก. เลขที่ 8610เลขที่ดิน 800 เนื้อที่ 69 ตารางวาตําบลบุ่ง อําเภอเมืองอํานาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ พร้อมสิ่งปลูกสร้าง บ้านพักชั้นเดียว เลขที่ 888/25 จำนวน 1 แปลง ราคาประเมิน 1,200,000 บาท

3.ที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 90219 เลขที่ดิน 561 ตําาบลบ้านด่าน อําเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ เนื้อที่ 309.30 ตารางวา จำนวน 1 แปลง ราคาประเมิน 300,000 บาท

4.รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน เลขทะเบียน 1 ขย 4496 กรุงเทพมหานคร ยี่ห้อรถ TOYOTA แบบ C-HR สีขาว จำนวน 1 คัน

5.นาฬิกาข้อมือ ยี่ห้อ Cartier จำนวน 1 เรือน ราคาประเมิน 150,000 บาท

6.แหวนเพชร ยี่ห้อ Cartier 1 วง ราคาประเมิน 200,000 บาท

7.นาฬิกาข้อมือยี่ห้อ Franck Muller (หน้าเสือ) จำนวน 1 เรือน ราคาประเมิน 200,000 บาท

8.แหวนเพชร ยี่ห้อ Cartier จำนวน 1 วง ราคาประเมิน 50,000 บาท (ดูเอกสารประกอบ)

อย่างไรก็ตามคดีนี้ศาลยังไม่มีคำพิพากษาว่า พ.ต.อ. รุ่งโรจน์กับพวก เป็นผู้กระทำผิด ดังนั้นจึงยังไม่มีความผิด