พระข นแผนผงพรายก มาร หลวงป ท ม ว ดระหารไร

ยอด พระเกจิที่มีพลังจิตแก่กล้ารูปหนึ่งของภาคตะวันออก เกิดเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ.2422 อุปสมบทเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2449 มี พระครูขาว วัด ทับมา เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์สิงห์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ และพระอาจารย์เกตุ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ณ พัทธสีมา วัดละหารไร่ ได้รับฉายา "อิสริโก"

เป็นพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ยึดมั่นในพระธรรมและพระวินัย มักน้อย สันโดษ ฉันภัตตาหารมื้อเดียวเวลาประมาณ 07.00 น. และฉันน้ำชาประมาณ 16.00 น. อาหารประเภทเนื้อสัตว์ หรืออาหารคาวทุกชนิดท่านจะไม่ยอมฉัน แม้แต่น้ำปลา อาหารที่ฉันส่วนใหญ่จะเป็น ผัก ถั่ว หรือน้ำพริกกับเกลือป่น ปฏิบัติอย่างนี้เป็นเวลาถึง 50 ปี ร่างกายผิวพรรณของท่านก็ปกติอยู่ตามเดิม พละกำลังของท่านยังดีและสมบูรณ์เช่นเดิม ร่างกายอ้วนท้วนพอสมควร

ทั้งนี้ คงเป็นเพราะบุญบารมี จึงทำให้ท่านเป็นพระที่เคร่งครัดและบริสุทธิ์ในพระธรรมวินัย ดำรงชีวิตอยู่ได้ถึง 96 ปี 72 พรรษา

หลวง ปู่ทิมมรณภาพด้วยโรคชรา เมื่อเวลา 23.00 น. ของวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ.2518 ณ หน้าหอสวดมนต์ วัดละหารไร่ หลังจากที่ได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสมเด็จ ณ ศรีราชา เป็นเวลา 23 วัน

คณะศิษย์ได้จัดพิธีบำเพ็ญกุศล ณ วัดละหารไร่ หลังจากทำบุญ 100 วัน อุทิศส่วนกุศลให้กับหลวงปู่ทิมแล้ว ได้เก็บศพไว้ที่ "ศาลาภาวนาภิรัต" ศาลาการเปรียญ วัดละหารไร่ จนกระทั่งพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ.2526 ณ เมรุ วัดละหารไร่

ในวันที่ 16 ตุลาคมของทุกปี ทางวัดละหารไร่และคณะศิษย์จะร่วมกันจัดงานวันระลึกถึงหลวงปู่ทิม ซึ่งก็มีลูกศิษย์มาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก

วัตถุมงคลที่หลวง ปู่ทิมปลุกเสกทุกรุ่นทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น พระโลหะหรือพระผงต่างๆ ท่านจะทำอย่างพิถีพิถันและให้ดีที่สุด โดยทำตามตำราที่ได้รับการถ่ายทอดจากครูบาอาจารย์หรือประสบการณ์ที่ได้ประสบ มาแล้วมาประยุกต์ใช้ สร้างให้วัตถุมงคลทุกรุ่นมีพุทธคุณเข้มขลังเป็นที่ปรากฏ เป็นที่นิยมและเป็นที่แสวงหาอย่างสูงจวบจนปัจจุบัน โดยเฉพาะที่มีส่วนผสมของผงพรายกุมารมหาภูต

การทำ "ผงพรายกุมารมหาภูต" อันลือเลื่องนั้น เกิดขึ้นในกลางปี พ.ศ.2515 เพื่อไว้เป็นมวลสารหลักในการผสมสร้างพระเครื่อง สำหรับแจกญาติโยมผู้มาร่วมทำบุญที่วัดในงานผูกพัทธสีมาที่จะจัดขึ้นโดย นายกุหลาบ จ้อยเจริญ (หมอหลาบ) เป็นผู้รับอาสาไปนำกะโหลกพรายมาเป็นส่วนผสมสำคัญ เมื่อหลวงปู่ทิมปลุกเสกผงพรายกุมารมหาภูตเสร็จแล้วจึงนำมาผสมผงวิเศษอื่นๆ และผงว่าน 108 เพื่อกดพิมพ์พระตามต้องการ เช่น พระพิมพ์เศียรโต พระฉิมพลี (สีวลี) พระพลายเดี่ยว พระพลายคู่ และพระขุนแผน ฯลฯ

หลวงปู่ ทิมกล่าวว่า "หากได้ผงพรายกุมารมหาภูตผสมใส่ลงไปด้วย พระเครื่องที่สร้างขึ้นนี้จะมีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น เพราะมีอานุภาพแห่งพรายกุมารมหาภูตแฝงอยู่คอยช่วยเหลือเอื้ออำนวยพร"

สำหรับ สุดยอดวัตถุมงคลของหลวงปู่ทิม ที่เรียกได้ว่าเป็นที่นิยมและแสวงหากันอย่างมากนั้น ได้แก่ "พระขุนแผนผงพรายกุมาร พิมพ์ใหญ่ ตะกรุดสาริกาคู่" ซึ่งปัจจุบันมีการแบ่งแยกพิมพ์ออกเป็น 3 พิมพ์ คือ บล็อกลองพิมพ์, บล็อกสอง และบล็อกแรก (พิมพ์นิยม) "บล็อกลองพิมพ์" ได้เนื้อผงพรายกุมารผสมอยู่เยอะ "บล็อกสอง" ได้สิ่งมงคลเยอะมาก เช่น มีเส้นเกศา เล็บหลวงปู่ มีผงตะไบทอง เป็นต้น ส่วน "บล็อกแรก (พิมพ์นิยม)" นั้น ได้ความสวยงาม ทำให้ค่านิยมสูงกว่าอีกสองพิมพ์

การเรียกว่า "พระผงพรายกุมาร" ที่เกี่ยวพันไปถึงเรื่องราวของขุนแผนแสนสะท้านนั้น เนื่องจากรูปลักษณ์ของพิมพ์พระที่คล้าย "พระขุนแผนกรุบ้านกร่างและกรุวัดใหญ่ชัยมงคล" คือ เป็นพิมพ์ห้าเหลี่ยม และยังทำเป็นรูปองค์พระพุทธชินราชในซุ้มเฉกเดียวกัน พร้อมกับมีรูปกุมารทองเล็กๆ กำกับในบางพิมพ์ ทำให้ชื่อของ พระขุนแผนผงพรายกุมารมหาภูต ติดตลาดและราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ ครับผม

สนามพระวิภาวดี อาทิตย์แรกของเดือนที่ 8 เริ่มกันที่คำสอนของ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่ว่า “ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอน ความยิ่งใหญ่ คือความไม่ยั่งยืน ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเท่านั้น.....

ต่อเข้าเวทีพระ เริ่มกันที่ พระสมเด็จ พิมพ์เจดีย์ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆังโฆสิตาราม กทม. ของ เดอะโจ๊ก ลำพูน ส่งภาพมาพร้อมข้อความ “พระชำรุด”.....

ดูจากภาพก็ไม่แน่ใจว่า ตรงไหน ก็ได้แต่นึกเสียดาย เพราะทุกครั้งที่ได้ภาพ “พระสมเด็จ” มาก็ดีใจ ยิ่งเป็น พระวัดระฆังฯ หน้าใหม่ สภาพน่ารักแบบว่ากำลังใช้กำลังโชว์อย่างองค์นี้ ก็ตื่นเต้น ถึงเป็นพระชำรุดมีตำหนิ แต่ก็ยังรับได้ เพราะฟอร์มทรง พิมพ์พระ เนื้อมวลสาร ดูเนียนตา รู้ได้ว่าเป็นพระที่มี เนื้ออยู่ครบ ซ่อมด้วยฝีมือช่างชั้นเยี่ยม ที่รู้คุณค่าในพิมพ์พระ.....

ดูจากภาพพระ จึงไม่เห็นริ้วรอยแต่งเติมให้สะดุดตาสะกิดใจซักกะนิด แบบนี้คงเข้าทางแฟนคลับ “พระสมเด็จ” ที่มองข้ามความชำรุด เพราะรู้ดีว่าอานุภาพของ “พระสมเด็จ” มีอยู่ในทุกอณูเนื้อพระ แตกหักชำรุดอย่างไรความศักดิ์สิทธิ์ ยังมีอยู่ครบสมบูรณ์.....

ที่สำคัญเป็น พระสมเด็จ วัดระฆังฯ ฝั่งเดียวจ๋าๆ และพระซ่อมดี สวยเด็ด แบบนี้ ก็หายากไม่แพ้พระสภาพสมบูรณ์ สายตรงพระสมเด็จ ที่มองข้ามพระชำรุด เห็นแล้วคงโดน--แต่ป่านนี้ ไม่รู้ว่าพระธุดงค์ไปไหนแล้ว เพราะเจ้านี้ซื้อไว ขายไว.....

ตามมาด้วย พระรอด พิมพ์ตื้น วัดมหาวัน อ.เมือง จ.ลำพูน ๑ ใน ๕ พระรอด พิมพ์มาตรฐาน พระแท้ดูง่ายสวยเดิมๆสภาพแชมป์ ที่แรกเห็นผ่านตาเข้าใจว่าเป็น พระพิมพ์ใหญ่ เพราะพิมพ์พระที่ติดชัดลึก พระพักตร์มีหน้าตาปรากฏชัดแจ่ม ผนังโพธิ์เป็นธรรมชาติ.....

แต่มีข้อความบอกมาว่าเป็น พระพิมพ์ตื้น จึงต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ก็ชัดเจนว่าเป็น พระพิมพ์ตื้น แต่พิมพ์พระติดชัดมาก โดยเฉพาะพระพักตร์ ปรากฏ พระเนตร พระนาสิก พระโอษฐ์ ซึ่งน้อยองค์จะติดชัดแบบนี้--น่าจะลึกชัดที่สุดเท่าที่เคยได้เห็นมา.....

ฟอร์มทรงก็สมส่วน ผิวเนื้อสมบูรณ์ด้วยคราบฝ้ารากรุ ไร้ริ้วรอยสัมผัส เข้าขั้นพระพรีเมียม แบบนี้ ก็ต้องชื่นชมในการแสวงหาพระเครื่อง ของ เสี่ย ป.สินกาญจน์ ว่าตาเฉียบ คม รสนิยมดีเยี่ยมสุดๆ.....

องค์ต่อไป เป็น พระหูยาน พิมพ์ใหญ่ กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ อ.เมือง จ.ลพบุรี องค์นี้ของ “โป่ยเสี่ย” ไชยทัศน์ เตชะไพบูลย์ เป็นพระดี พรีเมียม โปรไฟล์เด่น ด้วยตำแหน่ง แชมป์งานศรีนคร ซึ่งเป็นงานประกวดพระครั้งประวัติศาสตร์ จัดขึ้นเมื่อวันที่ ๙-๑๒ กันยายน พ.ศ.๒๕๑๙ ณ สำนักงานใหญ่ธนาคารศรีนคร สวนมะลิ.....

เป็นงานประกวด ที่สร้างมาตรฐานให้วงการพระเครื่องมีเครดิต เป็นที่เชื่อถือศรัทธา ขยายวง ต่อยอด มาถึงทุกวันนี้ เพราะพระ เครื่องพระบูชาเครื่องรางของขลังที่ผ่านการประกวด มีรางวัลจากงานนี้ทุกองค์ ได้รับการยกย่องเป็น พระองค์ครู ของวงการ ที่นับวันจะทวีค่าสูงขึ้น ตกถึงมือผู้ใด ถือได้ว่าเป็นผู้ครอบครองของล้ำค่า.....

อย่าง พระหูยาน ลพบุรี ซึ่งค้นพบครั้งแรก จากกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.ลพบุรี เมื่อราวปี พ.ศ.๒๔๕๐ เรียกว่า “พระกรุเก่า”.....

ถึงปี พ.ศ.๒๕๐๘ ค้นพบได้พระจำนวนมากอีกครั้ง เรียกว่า “พระกรุใหม่” องค์พระมีผิวปรอทขาวจับทั่วองค์ พิมพ์พระจุดตำหนิเป็นเช่นเดียวกัน แต่มีความคมชัดกว่ากรุเก่า พิสูจน์ได้ว่าเป็นพระที่สร้างคราวเดียวกัน แต่แยกที่บรรจุ.....

ลักษณะเป็นองค์พระพุทธศิลป์สมัยลพบุรี นั่งปางสะดุ้งมาร เหนือฐานบัว ๑-๒ ชั้น เทหล่อแบบครึ่งซีก มีองค์พระปรากฏเฉพาะด้านหน้า ด้านหลังเป็นแอ่งเนื้อพระเป็นชินเงิน ผิวปรอท.....

พิมพ์พระแยกได้เป็น พิมพ์ใหญ่ (หน้ายักษ์) พิมพ์กลาง พิมพ์เล็ก พิมพ์บัวสองชั้น พิมพ์รัศมีบัวสองชั้น และ พิมพ์จิ๋ว อานุภาพความศักดิ์สิทธิ์มีประสบการณ์ปรากฏสูงด้านคุ้มครองป้องกัน แคล้วคลาด ถึงคงกระพันชาตรี มีชื่อเสียงได้รับการยกย่องเป็น ๑ ใน ๕ พระยอดขุนพลนั่ง ชุดเบญจภาคี ปัจจุบันหาชมพระแท้องค์งามๆแบบนี้ได้ยากมาก.....

อีกสำนัก เป็น พระสมเด็จอรหัง พิมพ์เล็กไม่มีประภามณฑล สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร (สุก ไก่เถื่อน) วัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ ได้ชื่อเป็น พระพิมพ์เนื้อผง รูปทรงสี่เหลี่ยม (ชิ้นฟัก) ที่เป็น ต้นสกุล “พระสมเด็จ”.....

จัดสร้างขึ้นเมื่อราวปี พ.ศ.๒๓๖๐ โดย สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร (สุก ไก่เถื่อน) แล้วนำมอบผู้ร่วมงานพิธี และบรรจุองค์พระเจดีย์วัด มหาธาตุ ครั้งเสด็จ ประทับรับสถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ณ วัด มหาธาตุฯ--และยังมีค้นพบใน องค์พระเจดีย์วัดสร้อยทอง อีกส่วนหนึ่ง.....

ลักษณะเป็น พระพิมพ์เนื้อผงพุทธคุณ ผสมมวลสารรูปทรงสี่เหลี่ยม (ชิ้นฟัก) ด้านหน้าปรากฏองค์พระปฏิมา พุทธศิลป์สมัยรัตนโกสินทร์ นั่งปางสมาธิเหนือฐาน ๓ ชั้น ด้านหลังมีอักขระ คำว่า อะระหัง ทั้งที่ จารลายมือ และ ปั๊ม.....

มีพิมพ์พระ เป็นมาตรฐานรวม ๒ วัด ๕ พิมพ์ คือ ๑.พิมพ์สังฆาฏิ (เข่าตรง) ๒.พิมพ์ฐานคู่ (เข่าโค้ง) ๓.พิมพ์เกศอุ (เปลวเพลิง) ๔.พิมพ์โต๊ะกัง (เนื้อแดง) ๕.พิมพ์เล็ก เนื้อพระมี ๓ ชนิด ๑.เนื้อวัดมหาธาตุ สีขาวละเอียดแกร่ง ๒.เนื้อวัดสร้อยทอง หยาบมีกรวดทรายเกสรดอกไม้มาก ๓.เนื้อวัดสร้อยทองสีปูนแห้ง องค์นี้ ของ เสี่ยเก่ง ท่าพระจันทร์ เป็น พระพิมพ์เล็ก สภาพผ่านการสัมผัสใช้ ที่ยังคงสภาพความสมบูรณ์งดงามไว้ระดับโชว์ได้ใช้ดี.....

ตามมาด้วย เหรียญรุ่นแรก พ.ศ.๒๔๖๙ เนื้อทองแดง กะหลั่ยทอง หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติฯ อ.เมือง จ.พระนครศรีอยุธยา พระอมตะเกจิอาจารย์ แห่งเมืองกรุงเก่า ที่ได้ชื่อมีวิชาอาคมเข้มขลัง ทั้งด้านเมตตามหานิยม จนอีกาที่เลี้ยงไม่เชื่อง บินเกาะหลัง.....

ทุกเช้าที่ท่านออกบิณฑบาต เชื่อว่าท่านใช้ วิชาย่นระยะทาง ที่มีผู้ยืนยันว่า ท่านเดินทางจากวัดไปถึงจุดหมาย ก่อนพระลูกวัดที่เดินทางโดยรถไฟ ท่านมีวิชากระบี่กระบองที่มีชื่อเสียงมากสุดแห่งยุค และ วิชาชาตรี ที่ใครได้เรียนรู้ จะมีชีวิตอยู่รอด คมหอก คมดาบ อย่างอัศจรรย์ .....

เชื่อกันว่าท่านได้ใช้ วิชาชาตรี นี้ปลุกเสก สร้าง เหรียญเสมา รุ่นแรก ขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๙ เพื่อหาทุนปฏิสังขรณ์วัด ปรากฏอานุภาพด้านคุ้มครองป้องกันภัยถึงคงกระพันชาตรี เป็นประสบการณ์สูงเยี่ยม.....

ทำให้มีผู้แสวงหากันแพร่หลาย ทั้งในถิ่นเมืองกรุงเก่าและนักนิยมพระเครื่องในวงการ ได้รับการยกย่องเป็น เหรียญพระเกจิอาจารย์ยอดนิยมอันดับ ๑ ราคาค่าความนิยมสูงถึง หลักล้าน เป็น เหรียญแรก และก็ยังครองความเป็นที่หนึ่งทั้งราคาและความนิยมมาถึงปัจจุบัน.....

ยิ่งเป็น เหรียญแชมป์ องค์จริงจากงานประกวด ธ.ศรีนคร ที่เป็นเหรียญสวยสภาพเดิมแบบเต็มร้อย ไม่มีแต่งเติม ที่ยังยืนหนึ่ง หาองค์สู้ไม่เจอมาถึงปัจจุบัน และก็ยังอยู่ในครอบครองของ “โป่ยเสี่ย” ไชยทัศน์ เตชะไพบูลย์ ต้นแบบนักนิยมพระเครื่องชั้นดี แถวหน้า ที่ยังยืนหยัด แสวงหาสะสมพระดีมีคุณภาพพระหลักพระแชมป์ แบบไม่มีถอย เพราะใจถึงและเงินเยอะ.....

วันนี้เขียนไปก็ดีใจ กับท่านผู้ชมแฟนคลับ เพราะมีแต่พระหลักๆ แชมป์ๆ เพราะอีกองค์ คือ พระรูปเหมือน หล่อโบราณ พิมพ์ขี้ตาสี่ชาย หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน อ.โพทะเล จ.พิจิตร ของ เสี่ยเพชร-อิทธิ ชวลิตรง.....

สายตรง หลวงพ่อเงิน เห็นแล้วคงคุ้นตา เพราะเป็นองค์ที่มีภาพเข้าเผยแพร่ในวงการ ผ่านหน้าหนังสือตำราพระหลวงพ่อเงิน เล่มมาตรฐาน มานานทีเดียว ในฐานะพระระดับแชมป์ องค์หนึ่งในวงการ.....

อีกสำนัก เป็น พระขุนแผน ผงพรายกุมาร เคลือบบรอนซ์ทอง หลังตะกรุด หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง พระพิมพ์สร้างชื่อเสียง ของ หลวงปู่ทิม ที่มีราคาค่าความนิยมพุ่งสูง ขึ้นเทียบชั้นพระหลักยอดนิยมแถวหน้า ราคาหลักแสนหลักล้าน อย่างรวดเร็ว--จนมีเสียงครหาว่าเป็น พระปั่นราคา ไม่นานก็ร่วง .....

แต่เวลาพิสูจน์ ได้ว่า ยิ่งนานวัน พระสกุลนี้ ก็ยิ่งมีผู้แสวงหามากขึ้น ราคาสูงขึ้นไม่ว่าสถานการณ์บ้าน เมืองจะเป็นเช่นไร เศรษฐกิจจะซบเซา หุ้นจะร่วง หวยจะล่ม แต่ พระเครื่องหลวงปู่ทิม ยังเป็นพระยอดนิยมแห่งยุค ยิ่งนานยิ่งรุ่ง .....

จึงเข้าทางของ เสี่ยเพชร นักนิยมพระรุ่นใหม่ ผู้มีวิสัยทัศน์ มองการณ์ไกล ที่แสวงหาสะสมไว้แบบครบชุด ทั้ง หลังยันต์ ตะกรุดคู่ สาลิกา และ ตะกรุดเดี่ยว องค์นี้ ที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์งดงามเต็มร้อย แบบแกะกล่อง.....

ถัดไป เป็น พระปิดตา ยันต์ดวงเล็ก พ.ศ.๒๕๒๑–๒๓ พระราชสังวรภิมณฑ์ (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี กทม. พระปิดตาเนื้อผง ที่ได้รับความนิยมสูงอีกรุ่น.....

มีเอกลักษณ์ ตรง สีเนื้อ ที่มีส่วนผสมของ ผงพระพุทธคุณ ผสมมวลสาร ประสานด้วยน้ำมันตังอิ๊วแบบเข้มข้น ทำให้สีเนื้อ เป็นส้มปนน้ำตาล.....

บางองค์คล้าย ลายเสือโคร่ง อย่างที่เห็นในองค์พระนี้ ของ ร้าน D.M.หลวงปู่โต๊ะ ที่เป็นสีเนื้อนิยมสุดของรุ่น ที่หาพบเห็นได้ยากมาก.....

เรื่องปิดท้ายของเราวันนี้ เกิดจาก พระหูยาน องค์ในข่าว เมื่อมีนักนิยมพระกรุพระเก่า ๒-๓ คน เห็นรูป ต่างแสดงภูมิรู้ และชื่นชม ความเป็นพระยอดขุนพล สุดยอดพระกรุ ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ ๑ มีอายุสมัย เหยียบ ๘๐๐ ปี ประมาณราคาองค์สวยแชมป์งานประวัติศาสตร์แบบนี้ ต้องมี ล้านกลางถึงปลาย.....

จึงชี้ชวนให้เพื่อน หัวหน้ากลุ่ม ที่เพิ่งเริ่มแสวงหาสะสมพระราคาหลักหมื่นหลักแสน หาแบบนี้เก็บไว้ซักองค์ โดยบอกว่าไม่ต้องสวยขนาดนี้ เอาองค์รองๆ ราคาหลักล้านต้นๆ ก็พอ.....

หัวหน้ากลุ่ม ฟังแล้วเกาหัวหน้านิ่วคิ้วขมวด คนแนะนำก็นึกว่า คงกลัวหาพระไม่ได้ จึงรีบบอก หัวหน้าไม่ต้องกลัว ผมรู้จักเซียนใหญ่สายตรง หาพระให้ได้แน่.....

หัวหน้ารีบโบกมือ ผมไม่ได้กลัวหาพระไม่ได้ แต่ผมไม่มีเงินพอเช่าพระขนาดนี้ และที่สำคัญหากมีเงินพอ ก็คงไม่กล้าเช่า เพราะใช้เงินขนาดนี้ ปิดเมียไม่ได้แน่ และถ้าเมียรู้ มีหวังไม่แค่ถูกเมียดึงหูยาน แบบพระ ยังจะหูแตก เพราะโดนด่าไม่จบไม่สิ้นแน่นอน เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.