พระอาจารย เฉล ม ว ดท าขาม เพชรบ ร

พระอาจารย เฉล ม ว ดท าขาม เพชรบ ร

nanthintungtong06 Download

  • Publications :0
  • Followers :0

ประวัติศาสตร์ชาติไทย สค22020 ม ต้น

ประวัติศาสตร์ชาติไทย สค22020 ม ต้น

Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!

Create your own flipbook

View Text Version Likes : 0 Category : All Report

  • Follow
  • Upload
  • 0
  • Embed
  • Share

ประวัติศาสตร์ชาติไทย สค22020 ม ต้น

พระมงคลโมลี วิ. (หลวงป่บู ุญ โสภโณ) 17 ประวัติ ปฏปิ ทา บารมธี รรม วัตถุมงคล พระมงคลโมลี วิ. (หลวงปูบ่ ญุ โสภโณ) วัดทุ่งเหียง ต.หมอนนาง อ.พนสั นคิ ม จ.ชลบรุ ี ....ชาติกาล พระมงคลโมลี (หลวงปูบ่ ุญ โสภโณ) พระเกจิอาจารยผ์ เู้ ป่ียม ดว้ ยเมตตาบารมี เข้มขลงั ด้วยวทิ ยาคม ท่านเกดิ เมื่อวันศกุ ร์ ขน้ึ ๖ ค่�ำ เดือน ๓ ปีมะแม ตรงกับวันท่ี ๑๒ เดอื น กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๔ อันเป็น ปกี อ่ นเปลย่ี นแปลงการปกครองสมยั รชั กาลที่ ๗ นามเดมิ วา่ สมบญุ ทวพี ร โยมบิดาช่อื นายเท่ยี ง ทวีพร โยมมารดาชอ่ื นางมี ทวีพร พืน้ เพเป็นคน บ้านหนองมว่ งใหม่ หมู่ ๔ ต�ำบลหนองขยาด อ�ำเภอพนัสนิคม จังหวัด ชลบรุ ี ดว้ ยฐานะทางบา้ นทย่ี ากจน ทา่ นจงึ ไดเ้ รยี นหนงั สอื เพยี งชนั้ ประถมส่ี และไม่ได้เรียนต่อ ประสบการณ์จากความยากจนท่ีท่านเคยประสพใน 18 วยั เยาวน์ ไี้ ดเ้ ปน็ ปจั จยั หนง่ึ ทไ่ี ดห้ ลอ่ หลอม สมบญุ ทวพี รพระภกิ ษสุ มบญุ โสภโณหรอื พระมงคลโมลี (หลวงปู่บุญ โสภโณ) ในกาลต่อมา ให้เป็นผู้ท่ีเปี่ยมด้วยจิต เมตตาต่อผู้ขาดแคลน ผู้ด้อยโอกาส ทางการศึกษา บ�ำเพ็ญประโยชน์ต่อ พระพุทธศาสนาและสงั คมอย่างไม่หวัง ผลตอบแทนส่วนตัว ด้วยใจท่ีใฝ่ในการศึกษาธรรมะ ตงั้ แตเ่ ยาวว์ ยั ครนั้ อายคุ รบยส่ี บิ ปี ทา่ นก็ หลวงพอ่ โด่ วัดนามะตมู ได้บรรพชาอุปสมบทในบวรพระพุทธ ศาสนา ณ พัทธสีมาวัดหนองม่วงเก่า โดยมีพระครูพินิจสมาจาร หรือ หลวงพอ่ โด่ วดั นามะตมู เปน็ อปุ ชั ฌาจารย์ พระกรรมวาจาจารย์คอื พระ อธิการห่อ ขนฺติสารโร วัดหนองม่วงเก่า และพระอนุสาวนาจารย์คือ พระอธกิ ารปาน วดั ใหม่ทา่ โพธิ์ ได้รบั ฉายาทางพระพุทธศาสนาเป็นภาษา บาลีว่า “ โสภโณ” อนั แปลความหมายได้วา่ “ผู้มีความงาม” ....สเู่ ส้นทางวิทยาคม เมอ่ื อปุ สมบทในบวรพระพทุ ธศาสนาแลว้ พระภกิ ษสุ มบญุ โสภโณ ไดร้ บั เมตตาประสาทวชิ าจากหลวงพอ่ โด่ ผเู้ ปน็ อปุ ชั ฌาจารย์ หลวงพอ่ โด่ นับเป็นเกจิอาจารย์ที่มีช่ือเสียงโด่งดังมาก เวลาน้ันพระภิกษุบุญในฐานะ พระนวกะหรือพระบวชใหม่ยังไม่นึกอยากเรียนวิชาอาคม หลวงพ่อโด่ พระมงคลโมลี ว.ิ (หลวงปู่บญุ โสภโณ) 19 ไดเ้ มตตาชกั ชวนเชงิ สงั่ การใหท้ า่ นสนใจเรยี นศาสตรน์ ้ี โดยบอกเปน็ นยั วา่ “.....เรยี นเอาไวเ้ ถอะแลว้ จะดี ” ท่านจึงยินยอมเรียนคาถาอาคมหลายวิชา เม่ือได้เรียนก็ได้รู้ เม่ือยิ่งเรียนก็ยิ่งรู้ จึงเกิดความสนใจใฝ่ศึกษา หลวงพ่อโด่ได้แนะน�ำให้ พระภิกษุสมบุญเดินทางไปหาพระเกจิอาจารย์อีกหลายรูปเพ่ือศึกษา เพมิ่ เติม เรียกว่า ทไ่ี หนสำ� นกั ไหนมีช่ือเสียง สายไหนโด่งดงั พระภิกษุ สมบุญหรือที่ศรัทธาชาวบ้านนิยมเรียกท่านว่า “พระอาจารย์บุญ” บา้ งหรอื ไม่ก็ “หลวงพ่อบญุ ” เปน็ ตอ้ งหาโอกาสเดินทางไปเพ่ือขอเรียน วชิ า กระท่ังข้ามไปเรียนถึงฝั่งลาวกเ็ คย ท่านได้ไปศกึ ษาอยหู่ ลายอาจารย์ มากจนทา่ นเองกแ็ ทบจำ� ไมไ่ ดห้ มดวา่ มใี ครบา้ ง เกจอิ าจารยท์ หี่ ลวงพอ่ บญุ เคยไปกราบนมสั การขอโอกาสเรยี นวชิ านนั้ มอี าทิ หลวงปจู่ อ้ ย วดั บา้ นโนน อ.ประจนั ตคาม จ.ปราจนี บรุ ี ไดส้ อนวธิ ที ำ� และปลกุ เสก “ตะกรดุ ทองคำ� ” ที่ถือเป็น “สุดยอดวิชาด้านตะกรุด เมตตามหานิยม” ศึกษาวิชา การท�ำเหรียญโภคทรัพย์ นางกวัก จาก หลวงป่เู ส็ง วดั ประจนั ตคาม เป็นศิษย์วิชาคงกระพัน และวิชา ทางเมตตามหานิยมจาก หลวงพอ่ เอีย วดั บา้ นด่าน ซึ่งท่านเป็นศิษย์ สายหลวงปู่ศุข วัดปากคลอง- มะขามเฒ่า ได้รับวิชามหาอ�ำนาจ การปลกุ เสกเขยี้ วเสอื จาก หลวงพอ่ คง สุวัณโณ วดั วังสรรพรส ไดร้ บั หลวงพ่อคง สุวัณโณ 20 ความเมตตาจากหลวงพ่อบ๊วย วัดเครือวัลย์ จ.ชลบุรี ให้ค�ำแนะน�ำ การสร้างพระปิดตาและมอบผงเก่าด้ังเดิมหลวงพ่อแก้ววัดเครือวัลย์ให้ นอกจากนท้ี ่านยังมอี าจารย์ฆราวาส ขนุ นครเขต จอมขมงั เวทย์แห่งเกาะ สชี งั ผูเ้ ป็นศษิ ย์สบื ทอดวชิ าผงปถมังจากหลวงพ่อรอด ....หลวงปบู่ ุญกับวชิ าเมตตามหานิยม หลวงปบู่ ญุ มโี อกาสไดศ้ กึ ษาดา้ นวชิ าเมตตามหานยิ มจากอาจารย์ หลายทา่ น อาจารยท์ โ่ี ดดเดน่ ของทา่ นนนั้ กค็ อื ขนุ นครเขต พระอาจารยบ์ ญุ ไดข้ า้ มไปเกาะสชี งั เพอ่ื ขอเรยี นวิชาจากขนุ นครเขต ซงึ่ เปน็ จอมขมังเวทย์ เล่ืองช่ือด้านวิชาเสน่ห์เมตตามหานิยม ตัวขุนนครเขตนั้นเป็นคนอยุธยา เมื่ออายุสิบแปดได้ไปอาศัยเรียนวิชาจากหลวงพ่อรอดอยู่สามปี ก่อนจะ กลับไปรับราชการ และได้ไปอาศัยที่เกาะสีชัง วิชาเสน่ห์มหานิยมของ ขุนนครเขตเป็นท่ีเลื่องชื่อ โดยตัวขุนนครเขตมีเมียถึง ๑๕๐ คน อาศัย ปลูกบ้านอยู่ในบริเวณเดียวกัน การเขียนผงปถมังของขุนนครเขตน้ัน เขยี นชนิด “ทะลุกระดาน” ท�ำใหม้ ฤี ทธ์อิ นภุ าพมาก แม้แตเ่ พยี งนิดเดยี ว กท็ �ำใหค้ นหลงไหลนิยมชมชอบรกั ใครไ่ ด้ ผงปถมงั ตำ� ราทห่ี ลวงปบู่ ญุ ทา่ นไดร้ ำ�่ เรยี นมาน้ี เปน็ เมตตาชนั้ หนงึ่ เป็นตำ� ราที่ไมม่ ีใครเหมือน โดยเขียนลงเป็นยันต์เปน็ ตัวเลข เขยี นแล้ว ลบเกบ็ ใสโ่ ถ แลว้ ปลกุ ใหเ้ กดิ แลว้ เกบ็ ไว้ หลวงปบู่ ญุ ทา่ นทำ� ผงปถมงั สะสม ไว้ได้เยอะ ต่อมามีพระท่ีเห็นว่าท่านท�ำผงปถมังแล้วคนมาหาท่านเยอะ ก็งัดกุฏิเพื่อขโมยผงที่ท่านเก็บไว้ เม่ือเป็นเช่นนี้หลวงปู่บุญจึงด�ำริว่า เกบ็ เอาไวค้ งไมด่ ี ในราวปี 2515 ทา่ นกไ็ ดน้ ำ� ผงปถมงั นม้ี าผสมกบั ผงจาก พระมงคลโมลี วิ. (หลวงปู่บญุ โสภโณ) 21 อกี หลายๆ อาจารยก์ ดทำ� เปน็ พระยอดขนุ พลเกบ็ ใสโ่ บสถไ์ ว้ พระเคร่ือง ของหลวงปู่บุญรนุ่ เกา่ ๆ จะแก่ผงปถมังมาก เมอื่ หลวงปบู่ ญุ เขยี นผงปถมงั กจ็ ะตอ้ งใชค้ วามระมดั ระวงั ในตอน เขยี นและลบผง ต้องทำ� ในท่ีมิดชดิ และต้องไมม่ ผี งติดมอื ตดิ ตัวออกมา แมแ้ ตน่ ดิ เดยี วเพอื่ ไมใ่ หเ้ กดิ ปญั หา เมอื่ เสรจ็ แลว้ ตอ้ งสรงนำ�้ ชำ� ระรา่ งกาย ใหเ้ รียบรอ้ ยก่อน นีเ่ ปน็ ค�ำส่งั เครง่ ครัดจากอาจารย์ หลวงปบู่ ญุ เลา่ วา่ ......“พระบางรปู ไมเ่ ชอื่ คำ� ครอู าจารยท์ ใี่ หอ้ าบนำ้� ชำ� ระรา่ งกายใหเ้ รยี บรอ้ ยกอ่ น พระรอ้ นวชิ ารปู นน้ั ทะเลอ่ ทะลา่ ออกไปพบ ญาตโิ ยม ปรากฏวา่ ถูกสกี าโดดกอด...” นอกจากอาบตั ิตามพระวินยั แล้ว ยงั ถูกชาวบา้ นวิจารณ์กันเซง็ แซ่ อีกด้านท่ีข้ึนชื่อของหลวงปู่บุญคือวิชาหุงสีผึ้ง ท่านได้วิชาจาก หลายอาจารย์ ท้ังหลวงพ่อโด่ หลวงปู่จ้อย หลวงปู่แสน วัดท่าแหน จ.ลำ� ปาง หลวงพ่อวดั บ้านคา่ ย ทา่ นจะหงุ ด้วยโองการพระสวี ลี หุงในโบสถ์ ใชไ้ มร้ ัก ไม้เถาหลง มาเป็นฟืนหุง บรรดาพ่อค้าแม่ค้ารู้กันดี มักมาขอสีผึ้งจากหลวงปู่บุญ ท่านหงุ ไว้เป็นหมอ้ ใหญก่ ็เมตตาแจกให้ไปบูชา (ปัจจบุ นั ท่านหงุ ใสต่ ลับไว้ คือสผี ้ึงสาลกิ ามหานยิ ม และน้ำ� มนั ว่านสาลกิ ามหาเสนห่ ์ ) กล่าวถึงเมตตาทางการค้าขาย ก็ต้องนึกถึงนางกวักอีกอย่าง หลวงปบู่ ญุ ไดว้ ชิ านางกวกั จากหลวงปเู่ สง็ วดั ประจนั ตคาม ผสู้ รา้ งเหรยี ญ โภคทรพั ย์ และยงั มีคาถาเสกนางกวักจากตำ� ราซงึ่ เรยี นจากหลวงพ่อสงิ ห์ จันทบุรี นางกวักของหลวงปู่บุญเสกด้วยคาถานางกวัก คาถาพระสีวลี คาถาเมตตามหานยิ ม อุดดว้ ยผงปถมงั ผสมสผี ้ึง 22 ....ตะกรุดของขลงั ขมังเวทย์ ทางด้านวิทยาคมสายคงกระพันชาตรี หลวงปู่บุญได้สืบทอด วิชาการท�ำตะกรุดมหาระงับต�ำราหลวงพ่อเดิม พุทธสโร โดยหลวงพ่อ เจา้ คณะอ�ำเภอไพศาลผี เู้ ปน็ ศิษยห์ ลวงพอ่ เดิมไดส้ ืบทอดวิชานม้ี า หลวงปู่บุญเล่าถึงการท�ำตะกรุด ในสมัยก่อนว่าท�ำยาก เพราะ อย่างตะกรุดมหาระงับ (ตะกรุดด�ำน้�ำ) เวลาท�ำจะต้องด�ำน้�ำลงไปม้วน แผน่ ยนั ตใ์ ตน้ ำ�้ หากไมส่ ำ� เรจ็ ในการดำ� ครง้ั นนั้ ตะกรดุ ดอกทท่ี ำ� อยกู่ ต็ อ้ งทง้ิ เขียนแล้วต้องคาบลงน้ำ� ด�ำน้ำ� ลกึ สามวา ถา้ ท�ำไดก้ ็เอาขึน้ มา ถ้าไมส่ �ำเร็จ กเ็ อาท้ิง ทา่ นเล่าว่าสมัยกอ่ นท่านดำ� น้�ำลงไปท�ำจนไข้ขนึ้ หลวงปบู่ ญุ ยงั ทำ� ตะกรดุ เกา้ ยอด และตะกรดุ ลกู ระเบดิ ทพ่ี เิ ศษตรง ไม่เหมอื นใคร เพราะบรรจุแผน่ ยันตส์ ามแผน่ แปลกกวา่ ของทุกที่ มยี นั ต์ มหาอุด แคล้วคลาด อดุ ดว้ ย ชันโรง ตัวอกั ขระมสี ิ่สบิ ตัวรอบลูก ขา้ งใน มยี ันต์สามแผน่ ใช้ทางคมุ้ ภยั ป้องกันอนั ตราย ....ผงหลวงพ่อแก้ว วัดเครอื วัลย์ หลวงปบู่ ญุ กลา่ ววา่ ตามประวตั กิ ารสรา้ งหลวงพอ่ แกว้ วดั เครอื วลั ย์ ชลบรุ ีทแี่ ทจ้ ริงนั้น ผ้สู ร้างพระปิดจาหลวงพอ่ แก้วคอื หลวงพ่อถัน ซง่ึ เดมิ เป็นคนอ�ำเภอปากทะเล จังหวัดเพชรบุรี ธุดงค์มาจนถึงวัดเครือวัลย์ ในเวลาน้ัน วัดเครือวัลย์แทบจะเป็นวัดร้าง หลวงพ่อถันสร้างโบสถ์ วดั เครอื วลั ยแ์ ละในครงั้ นนั้ กไ็ ดส้ รา้ งพระหลวงพอ่ แกว้ ใหญ้ าตโิ ยมไดบ้ ชู า พระหลวงพ่อแก้วโด่งดังแต่น้ันมา ผู้คนก็ไม่เรียกช่ือท่านว่าหลวงพ่อถัน แตก่ ลับเรยี กหลวงพอ่ แกว้ ตามพระท่ีทา่ นสร้าง พระมงคลโมลี ว.ิ (หลวงปู่บญุ โสภโณ) 23 หลวงพอ่ บว๊ ยนบั เปน็ ศษิ ยก์ น้ กฏุ ิ ของหลวงพอ่ ถนั ไดเ้ ปน็ เจา้ อาวาส ตอนหลวงปู่บุญบวชได้ห้าหก พรรษาก็ไปเยี่ยมหลวงพ่อบ๊วย ท่ีวัดเครือวัลย์และขอโอกาส เรียนวิชาการสร้างพระปิดตา ตำ� หรบั หลวงพอ่ แกว้ วดั เครอื วลั ย์ ผงหลวงพ่อแก้ว วดั เครอื วลั ย์ (ทข่ี องแท้ปัจจบุ นั ราคาคา่ นิยมหลกั ล้าน) หลวงพอ่ บว๊ ยทา่ นมผี งหลวงพอ่ แกว้ อยสู่ ว่ นหนง่ึ ผงหลวงพอ่ แกว้ นน้ั เปน็ ร้อยปีก็ยงั หอม หลวงพ่อบว๊ ยก็นำ� มาสรา้ งพระหลวงพอ่ แก้วยอ้ นยุค และบอกใหห้ ลวงปบู่ ญุ เอาผงไปทำ� พระบา้ ง หลวงปบู่ ญุ ทา่ นไดม้ ากระปกุ หนงึ่ เปน็ แทง่ อกี หา้ แทง่ ตอนนย้ี งั เหลอื อยบู่ า้ งเปน็ เชอ้ื แท้ ๆ จากผงหลวงพอ่ แกว้ วัดเครือวัลย์ ชลบรุ ี ตามความเชอื่ วา่ ผงหลวงพอ่ แกว้ มคี ณุ วเิ ศษกลา่ วคอื เปน็ ผงอทิ ธเิ จ มอี านภุ าพทางให้คนรกั คนหลงเช่นเดยี วกับผงปถมงั ห้ามใส่น้�ำใส่อาหาร ใหผ้ ูห้ ญงิ กนิ เพราะจะเกิดปญั หาตามมา ....เรยี นวิชาท�ำตะกรดุ ทองคำ� บนิ ได้ ด้วยความสนใจใฝ่รู้ หลวงปู่บุญเดินทางไปกราบหลวงปู่จ้อย วัดบ้านโนน ต.ดงบัง อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ถึงยี่สิบเจ็ดครั้ง เพ่ือขอเรียนท�ำตะกรุดทองค�ำ ท่านให้ไปหาคาบคาถา หลวงปู่บุญ หาอยู่สามปีก็ไม่ใช่ไม่ถูกต้อง หลวงปู่จ้อยเห็นว่ามีความพยายามก็ช้ีแนะ 24 วา่ ใหก้ ลบั ไปถามจากนกั ปราชญ์ หลวงปบู่ ญุ นกึ ถงึ อาจารยก์ อ่ ม นกั ปราชญ์ แหง่ เมอื งพนสั อาจารยก์ อ่ มกแ็ นะให้ คาบคาถามสี บิ แปดตวั สอนกนั ไมไ่ ด้ ฟ้าจะผ่า หลวงปู่จ้อยก็หันหลังหาเสาสอนต่อ ท้ังหมดมันมี ๓๒ ตัว ท่านก็สอนต่อจาก ๑๘ ตัว จนครบแล้วสอนทำ� ตะกรุด ซึง่ ตะกรุดทองคำ� นี้ ท่านว่าเป็นเมตตาชั้นหนึ่ง ใช้ทองค�ำหนักเฟื้องหนึ่งท�ำ เป็นตะกรุดที่ บินหนีได้หากเจ้าของท�ำผิด ถ้าปลุกถึงจะกลับมา หลวงปู่จ้อยว่าถ้าไม่มี คาบนี้กป็ ลุกของไม่ขึ้น (รายละเอียดจะไดอ้ รรถาธิบายในกาลต่อไป) ....แสวงวชิ าวิทยาคมท่วั ทกุ สารทิศ หลงั จากนนั้ หลวงปบู่ ญุ กอ็ อกแสวงหาวชิ าสารพดั ขนึ้ ไป ทางเหนือกราบขอเรียนวิชา หลวงพ่อแสน วัดท่าแหน จังหวัดล�ำปาง ท่านเก่งด้าน ท� ำ สี ผ้ึ ง เ ม ต ต า ม ห า นิ ย ม เข้มขลัง ท่านเล่าว่าเคยเรียน เสน่ห์ เลห่ ก์ ล แตต่ ่อมาคดิ ได้ ว่าเป็นบาปก็ท้ิงไป ท่านไป สมเด็จพระพฒุ าจารย์ (โต พรหมรังสี) เรยี นวชิ านำ้� มนั ทาตาใหต้ าทพิ ย์ มองทะลปุ ุโปร่ง เรียนมาสองอาจารย์ แต่ท่านไมไ่ ดท้ ำ� พระมงคลโมลี วิ. (หลวงปูบ่ ญุ โสภโณ) 25 ....สำ� นกั วดั ระฆงั โฆษติ าราม ตน้ ตำ� หรบั จกั รพรรดพิ ระเครอ่ื ง ด้วยความสนใจศรัทธาในบารมีธรรมของเจ้าประคุณสมเด็จ พระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) อมตะเถราจารยแ์ หง่ กรงุ รัตนโกสนิ ทร์ และพุทธานภุ าพของพระสมเดจ็ ฯวัดระฆงั ฯ หลวงปู่บุญจึงพยายามขวนขวายหาโอกาสมาศึกษาวิทยาคม และกรรมวิธีการสร้างพระสมเด็จฯที่วัดระฆังโฆษิตาราม ต้นต�ำหรับ สมเด็จวัดระฆัง จกั รพรรดพิ ระเครือ่ ง หนง่ึ ในเบญจภาคี คงด้วยแรงศรัทธาแรงอธิษฐานแรงครูดลบันดาลให้พระภิกษุบุญ ในครั้งน้ันได้รับเมตตาพ�ำนักอยู่กับหลวงปู่นาค วัดระฆังฯ มีโอกาส วาสนาได้เรียนรู้กรรมวิธีการท�ำผง การทำ� พิมพ์ การกดพิมพ์ ตัดพมิ พ์ ทำ� พระสมเด็จจากหลวงปนู่ าค สมยั นน้ั หลวงปหู่ นิ (ซง่ึ ทา่ น เกิดทันสมัยสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต) ก�ำลงั สรา้ งพระสมเด็จ และได้ บอกหลวงปู่บุญว่าอนุญาตให้หยิบ พระสมเด็จท่ีท่านตากไว้บนหลังคา ไปบ้างก็ได้ หลวงปู่บุญก็สนอง ความเมตตาหยบิ มาแคส่ องสามองค์ เพราะหลวงปู่บุญมีความเชื่อและ หลวงปู่นาค วัดระฆัง มั่นใจวา่ .......เมือ่ เรียนร้วู ธิ ที ำ� ผง.....วธิ ผี สมผงมวลสาร ......วิธีสร้างพมิ พ์ กดพมิ พ์ ตัดพิมพ์ พิธกี รรมพทุ ธาภเิ ษก จากต�ำรบั ต�ำราเดียวกัน ย่อมจะ 26 ได้พระเคร่ืองที่มีพุทธานุภาพ เชน่ เดยี วกนั ซงึ่ กาลตอ่ มาหลวงปู่ บญุ ไดข้ อบารมสี มเดจ็ โต หลวงปู่ หนิ หลวงปนู่ าค นำ� สตู รนม้ี าสรา้ ง “พระสมเด็จบุญฤทธิ์”บรรจุลง ในกรทุ ีว่ ดั ทุง่ เหียง หลวงปู่บุญ ท่านกล่าว ว่า ท่านตง้ั ใจสร้าง “พระสมเด็จ บญุ ฤทธ”์ิ พมิ พ์วดั ระฆังฯ โดย หลวงปู่หิน วดั ระฆงั พยายามอนุรักษ์กรรมวิธีการ สรา้ งแบบโบราณทั้งรูปแบบ เน้อื หา การสรา้ งแมพ่ ิมพก์ ท็ ำ� ดว้ ยหินมดี โกน มวลสารผสมตามสตู รโบราณ การกดพมิ พพ์ ระด้วยมือทีละองค์ ตดั ขอบ คว่�ำตดั ดว้ ยตอกแบบโบราณเชน่ กัน ....หลวงปู่เป่ยี มกบั วริ ูปกั เขร้อยแปดจบ หลวงปบู่ ญุ มโี อกาสไดใ้ กลช้ ดิ หลวงปเู่ ปย่ี ม อดตี เจา้ อาวาสวดั ทงุ่ เหยี ง ผเู้ ปน็ ศษิ ยใ์ นสายหลวงป่ทู อง วดั ราชโยธา หลวงปู่เปี่ยมท่านชอบปฏิบัติกรรมฐาน พาพระลูกศิษย์ของท่าน นั่งกรรมฐานให้ปฏิบัติไปนิพพาน พระหนุ่ม ๆ พากันคิดว่าท่านเป็น พระหลวงตาธรรมดา ๆ แต่หลวงปู่บุญรู้ลึกรู้สึกว่าท่านเป็นพระแท้ท่ี กราบไหว้ได้สนิทใจ มีสมาธิจิตมั่นคง เจริญธรรมปฏิบัติกรรมฐานทุกวัน สมำ่� เสมอ พระมงคลโมลี ว.ิ (หลวงปบู่ ุญ โสภโณ) 27 ก่อนมาจ�ำพรรษา ณ วัด ทุ่งเหียง หลวงปู่เปี่ยมเคยเป็น เจา้ อาวาสวดั บางกระบอื หากเพราะ เบื่อหน่ายการแก่งแย่งต�ำแหน่ง เจ้าอาวาส ท่านจึงหลีกมาเสียและ ไดไ้ ปอยกู่ บั พอ่ ทา่ นลี วดั อโศการาม พอดีพี่เขยของท่านเป็นมัคทายก ท่ีวัดทุ่งเหียงน้ีได้นิมนต์หลวงพ่อ เปย่ี มใหม้ าอยทู่ วี่ ดั ทงุ่ เหยี่ งทไ่ี มค่ อ่ ยมี พระจำ� พรรษา หลวงพอ่ เปย่ี มจะไมพ่ ดู ถงึ วชิ าคาถาอาคมของขลงั ใครจะมา หลวงปูเ่ ปี่ยม อดีตเจา้ อาวาสวดั ทงุ่ เหียง พดู กบั ทา่ นเรอ่ื งเครอ่ื งรางทา่ นเปน็ ตอ้ งเทศนใ์ สว่ า่ มนั ไมใ่ ชข่ องจรงิ ใครทา้ ฟนั ท่านก็ไม่เอา คุยเร่ืองวิชาเมตตาก็ไม่ได้ ท่านจะไล่ให้ไปถากหญ้า บอกวา่ จบั ด้ามจอบน่นั แหละเมตตา จวบจนทา่ นอายุได้ ๗๔ ปี สุขภาพ ก็ไมด่ ี หลวงปบู่ ญุ รวู้ า่ หลวงปเู่ ปย่ี มมวี ิชาดี ท่านมตี �ำราปลัดขิกหลวงพ่ออี๋ ทงั้ ยงั เปน็ ศษิ ยห์ ลวงพ่อโด่ เพราะท่านเป็นคนนามะตมู ตอนหลวงปเู่ ปย่ี ม เปน็ ฆราวาสท่านกเ็ ปน็ คนไมก่ ลวั คน ท่านมีคาถาลงใสก่ ลองตีให้คนมาวดั แต่ท่านไมพ่ ูดวา่ มดี ใี ด ๆ จนกระทั่ง ชาวบา้ นมาขอทำ� เหรยี ญของทา่ น ท่านกป็ ฏเิ สธตลอด ว่า “มันไม่ขลงั หรอก พระมกี เิ ลส” ใหท้ �ำเหรียญพระพทุ ธ ชาวบ้านลงมติ กันว่าอยากจะท�ำเหรียญท่านไว้ระลึกถึงบูชา ท้ายสุดท้ายท่านก็อนุญาต พระอาจารย์บุญ โสภโณ ไดร้ บั มอบหมายหน้าทใ่ี นการจัดทำ� ออกแบบให้ 28 เหรียญหลวงปเู่ ปย่ี ม วดั ทงุ่ เหียง ดา้ นหลงั ใส่ อรหงั สขุ ะโต ภควา ทห่ี ลวงปเู่ ปย่ี มชอบบรกิ รรม ใสเ่ ปน็ ยนั ต์ หลวงปู่เป่ยี มนัง่ ปลกุ เสกเจ็ดวนั ให้พระอาจารย์บุญ โสภโณ ปลุกเสกอีก เจด็ วนั นำ� มาออกใหบ้ ชู าในงานสรงนำ�้ หลวงปเู่ ปย่ี ม ตอ่ มาเกดิ ปาฏหิ ารยิ ข์ น้ึ เด็กวิ่งไปหลังวัดโดนควายชนกระเด็น เป็นแผลปูด แต่ไม่เข้า รุ่งข้ึน เด็กไปจับงูเห่าแม่ลูกที่ใส่ปี๊บไว้ งูเห่าแผ่แม่เบ้ียข้ึนมาขู่คน แต่พอเด็ก เอามือเขา้ ไปงกู ็กลบั ลดตวั ลงขดตามเดิมเปน็ ท่ีฮือฮา หลวงปูเ่ ป่ยี มทา่ นมี ปฏปิ ทาบารมีที่ไมโ่ ออ้ วด คนทไ่ี ด้ไวจ้ ะหวงแหนเพราะรูว้ า่ แขวนหลวงพ่อ เปีย่ มไวไ้ มม่ ตี ายโหง รถแหลกแค่ไหนกไ็ ม่เป็นอะไร ครง้ั หนง่ึ คนถกู ไฟฟา้ แรงสงู ขาดตกใสล่ ม้ ลงไป คนทเี่ หน็ เหตกุ ารณ์ คดิ วา่ ไมร่ อดแน่ พอหามไปโรงพยาบาลใหน้ ำ�้ เกลอื ขวดเดยี วหายเดนิ กลบั ได้เลย รอดไดอ้ ย่างไรแขวนหลวงพอ่ เป่ยี มองค์เดยี ว หมอจะขอเหรียญ แลกกับรักษาให้ฟรี คนท่ีโดนไฟฟ้าก็ไม่ให้เพราะเขารอดตายมาได้ก็ด้วย เหรยี ญนั้น พระมงคลโมลี ว.ิ (หลวงปูบ่ ุญ โสภโณ) 29 หลวงปู่บุญได้เพียรถามว่าหลวงพ่อเปี่ยมว่าท่านปลุกเสกด้วย คาถาอะไร ตงั้ สมมตุ ฐิ านวา่ ปลกุ ดว้ ยธาตุ ทา่ นกบ็ อกวา่ ปลกุ ดว้ ยพทุ ธคณุ ธมั มคณุ สังฆคุณ ตอบเชน่ นตี้ ลอดทง้ั สิบครั้ง ต่อมาหลวงปู่บุญท่านไปสร้างส�ำนักวิปัสสนาพระธาตุเขาเจ้า อำ� เภอบอ่ ทอง หลวงปเู่ ปย่ี ม วดั ทงุ่ เหยี ง ทา่ นใหค้ นมาตามพระอาจารยบ์ ญุ ใหล้ งจากเขาเจา้ มาทว่ี ดั ทงุ่ เหยี ง เมอ่ื วนั ท่ี ๒๐ มกราคม ๒๕๒๑ ไดม้ ากราบ หลวงปเู่ ปย่ี ม เจา้ อาวาส หลวงพ่อเปี่ยมท่านบอกให้พระอาจารย์บุญช่วย เปน็ ภาระธุระสรา้ งพระสรา้ งเหรยี ญอีกให้ด้วย พระอาจารยบ์ ญุ ไดฟ้ งั แลว้ ยกมอื ขนึ้ วนั ทาขออนญุ าตไมร่ บั ภาระนี้ เพราะปฏญิ าณไวแ้ ลว้ วา่ จะไมข่ อทำ� เหรยี ญหลวงพอ่ เปย่ี ม เนอื่ งจากเคยมี กรรมการวัดบางคนกล่าวหาวา่ ท�ำเหรยี ญหลวงพอ่ มาหากนิ หลวงปเู่ ปย่ี มทา่ นกลา่ ววา่ “....ทำ� เถอะนา่ อยา่ ถอื สาเลย....ปากคน.” ด้วยความเคารพกตัญญุ และเข้าใจในเจตนาของครุอาจารย์ พระอาจารย์บุญยอมท�ำตามแต่มีข้อแม้ว่า หลวงพ่อปี่ยมด้องเฉลยว่า ทา่ นปลกุ เสกดว้ ยคาถาบทใด แมจ้ ะถามอยหู่ ลายครง้ั ทา่ นกย็ งั ไมย่ อมบอก จวบจนถงึ หนงึ่ วนั กอ่ นทา่ นจะมรณภาพกไ็ ดเ้ ผยเคลด็ การปลกุ เสกของทา่ น ใหก้ ับพระอาจารย์บญุ หลวงปู่เปี่ยม บอกว่า ท่านปลุกด้วย “วิรูปักเข ร้อยแปดจบ” รับทราบแล้วก็ตกลงว่าวันท่ี ๒๗ จะเรียกประชุมกรรมการท�ำเหรียญ หลวงปู่เปี่ยม แต่พอหากเช้ามืดวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๒๑ หลวงปู่เปี่ยมก็ได้ ละสังขาร จึงไม่ได้ท�ำเหรียญชุดใหม่ 30 ราวสามปีต่อมาโรงเรียนวัดทุ่งเหียงจะท�ำมูลนิธิไม่มีเงินทุนก็ขอ ให้ปั๊มเหรียญหลวงปู่เปี่ยม หลวงพ่อบุญก็ได้ส่งไปแกะบล็อก แต่ช่างไป แกะผดิ เปน็ ปี ๒๕๐๐ ซง่ึ เปน็ พ.ศ.เดมิ คนกห็ าวา่ ปลอม ทำ� ไดส้ ามพนั เหรยี ญ บล็อกกแ็ ตก ก็ไดใ้ หโ้ รงเรียนห้าร้อย ท่านเองเก็บไวส้ องพนั ห้า ท้ังหมด ปลุกด้วยวิรูปักเข ล็อกเก็ตของท่านที่ท�ำเม่ือตอนฉลองอายุหกสิบปีนั้น หลวงป่บู ญุ ท่านบอกวา่ เสกดว้ ยวิรูปักเข ๑๐๘ จบทกุ คืน ....วทิ ยาคมเข้ม มวลสารขลงั พลังศักดสิ์ ทิ ธิ์ พระเคร่ืองของหลวงปู่บุญจะประกอบด้วยมวลสารที่ท่านได้ใช้ เวลากว่าสามสิบปีสะสม จนมีมวลสารสารพัดเต็มกุฏิ ท่านด�ำเนินตาม ต�ำนานสมเด็จโตฯ ในการเอามวลสารเก่าจากโบสถ์เก่า โบสถ์ร้างบ้าง ชุกชีพระท่ีฉาบด้วยปูนขาวอย่างน้อยย่ีสิบห้าโบสถ์ คราบปูนขาวกะเทาะ จากชุกชีน้ันท่านว่านับร้อย ๆ ปีที่พระท�ำวัตรสวดมาเป็นร้อย ๆ ปีจะมี ความขลงั เวลาทา่ นเดนิ ทางไปวดั ไหนหากมปี นู ขาวกะเทาะทา่ นกจ็ ะขอมา หรือทีเ่ ขารอื้ โบสถ์ลงท่านกจ็ ะนำ� กลบั มา นอกจากนี้ทา่ นยงั สะสมชน้ิ สว่ น กระเทาะจากเจดยี ์ พระธาตุส�ำคญั ตา่ งๆ อาทิ พระธาตพุ นมเมื่อคราวล้ม ทา่ นเคยขา้ มไปฝง่ั เขมรเอามวลสารจากปราสาทนครวดั นครธม จากฝง่ั ลาว ทห่ี ลวงพระบาง จากนครเวียงจนั ทร์ จากพมา่ ที่พระมหาเจดีย์ชเวดากอง และเคยเดินทางไปอธิษฐานจิตที่เขาโปปา มหาคีรีศักดิ์สิทธ์ิ ชานเมือง พุกาม ทไี่ ดร้ ับการยกย่องวา่ มคี วามสำ� คญั ดุจ “เขาพระสเุ มรุ ศูนย์กลาง แห่งจกั รวาล” พระมงคลโมลี ว.ิ (หลวงปบู่ ุญ โสภโณ) 31 ....ครบู าอาจารยท์ หี่ ลวงปบู่ ญุ โสภโณ ศกึ ษาวชิ าวทิ ยาคม ต่าง ๆ ๑. หลวงพ่อโด่ อินทโชโต (พระครพู นิ จิ สมาจาร) วดั นามะตูม อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ผู้เป็นอุปัชฌาจารย์ให้การบรรพชาอุปสมบท หลวงพ่อโด่จัดว่าเป็นเกจิผู้ทรง วิทยาคุณและเป็นผู้ส่งหลวงปู่ บุญมาอยู่ท่ีวัดทุ่งเหียงซ่ึงเป็นวัด ทสี่ รา้ งบนทดี่ นิ ของบดิ าหลวงพอ่ โด่ คือ “ปู่แพ” (ปัจจุบันมี “ศาลปแู่ พ” ทว่ี ดั ทงุ่ เหยี ง ซงึ่ เปน็ ที่เคารพศรทั ธาในฐานะ “เจา้ ท”ี่ ผมู้ บี ญุ คณุ กบั วดั นแ้ี ละเปน็ บพุ การี ของหลวงพอ่ โด)่ หลวงปบู่ ญุ ไดม้ ี โอกาสศกึ ษาเลา่ เรยี นวชิ าอาคมทาง หลวงปเู่ ป่ยี ม อดตี เจ้าอาวาสวดั ทงุ่ เหยี ง เมตตามหานยิ ม การทำ� ตะกรดุ คาถานะถอดโมถอน การแกอ้ าถรรพต์ า่ ง ๆ ขจดั ปดั เป่าอปั มงคลจากหลวงพ่อโด่ ๒. หลวงพ่อเปี่ยม อดีตเจ้าอาวาสวัดทุ่งเหียง (ศิษย์ในสาย หลวงปทู่ อง วดั ราชโยธา) หลวงปบู่ ญุ ไดร้ บั การถา่ ยทอดวชิ าเขม้ อาคมขลงั จากหลวงปเู่ ปย่ี มและรบั ภารธรุ ะดแู ลงานวดั วาอารามจากครอู าจารยด์ ว้ ยความ เอาใจใส่ ทา่ นใหค้ วามเมตตาตอ่ หลวงปบู่ ญุ ครง้ั เป็นพระภกิ ษบุ ญุ เปน็ อนั มาก ท่านสอนให้ตั้งแต่เรื่องกรรมฐาน การเจริญจิตภาวนาจนกระทั้งเวทมนต์ คาถา เชน่ การปลกุ เสกของใหเ้ ขม้ ขลงั ทรงฤทธานภุ าพดา้ นอยยู่ งคงกระพนั 32 ดว้ ยคาถาวริ ปู กั เข คาถาปลกุ เสกปลดั ขกิ ตามตำ� รบั หลวงปอู่ ี๋ สตั หบี ซงึ่ ทา่ น ได้เมตตาถ่ายทอดให้ครบถ้วน ตลอดจนพระเวทย์ด้านมหาโชคมหาลาภ ที่ให้ผลจริง หลวงพ่อเปลี่ยมท่านยังเคยมอบภารธุระให้หลวงปู่บุญ เปน็ ผดู้ ำ� เนนิ การจดั สรา้ งวตั ถมุ งคลของทา่ นคอื “เหรยี ญหลวงพอ่ เปลยี่ ม วัดทุ่งเหียง รุ่น ๑” ซึ่งต่อเหรียญน้ีมีประสบการณ์เป็นท่ีเล่ืองลือ เพราะเกดิ อบุ ตั เิ หตสุ ายไฟแรงสงู เกดิ ชอ๊ ตขาดสะบน้ั ตกใสร่ า่ งเดก็ คนหนงึ่ กระแสไฟเปน็ หมน่ื โวลตว์ ง่ิ ผา่ นรา่ งทม่ี หี วงั มอดไหมเ้ ปน็ ตอตะโก แตป่ รากฏ ว่าเด็กคนนนั้ รอดตายด้วยปาฏิหารยิ เ์ พราะแขวนเหรยี ญรุน่ นเ้ี อง ๓. หลวงปเู่ หรยี ญ วดั ทงุ่ เหยี ง สมยั นนั้ ไดถ้ า่ ยทอดวชิ าทางดา้ น เมตตามหานยิ ม และคาถาพระสีวลี ๔. พระอาจารยส์ ุกรี วดั หนองย่าง อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ได้เรียน เวทมนต์คาถาและต�ำรายาสมุนไพร ๕. พระอาจารยค์ ำ� วดั นากระรอก อ.พนสั นคิ ม จ.ชลบรุ ี ไดค้ าถา เมตตา กรรมวิธีท�ำผงพทุ ธคุณ ๖. หลวงพอ่ ชว่ ง วดั โปง่ ตะมกุ อ.พานทอง จ.ชลบุรี ได้คาถา และต�ำราทำ� ผงนะใหญ่ และคาถาเมตตา ๗. พระอาจารยแ์ ยม้ วดั โปง่ ตะมกุ อ.พานทอง จ.ชลบรุ ี ไดเ้ รยี น อาคมขลังต่าง ๆ ๘. พระอาจารยภ์ ชุ ชงค์ วดั ชอ่ งลม จ.ชลบรุ ี ด้านคาถาเมตตา คาถาคงกะพนั ๙. หลวงพอ่ บว๊ ย วดั เครอื วลั ย์ จ.ชลบรุ ี วดั ตน้ ตำ� หรบั “พระปดิ ตา หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์” ได้คาถาและผงเก่าหลวงพ่อแก้ว และ พระมงคลโมลี ว.ิ (หลวงปู่บุญ โสภโณ) 33 ต�ำราต่าง ๆ เก่ียวกับการสร้างการปลุกเสกพระปิดตาหรือพระควัมปติ ซง่ึ เมอื งชลบรุ ถี ือเปน็ “ตกั สลิ าแห่งพระปดิ ตา” ๑๐. หลวงพ่อเจ้าคุณวรพรต วัดป่า ชลบุรี ผู้สร้างพระปิดตา ท่ีโด่งดังเช่นกัน ท่านได้เมตตามอบผงมวลสารและถ่ายทอดคาถา ปลกุ เสกตา่ ง ๆ ให้ ๑๑. หลวงปจู่ อ้ ย วดั บา้ นโนน ต.ดงบงั อ.ประจนั ตคาม จ.ปราจนี บรุ ี ได้สอนวิธที ำ� และปลกุ เสก “ตะกรุดทองคำ� ” ๑๒. หลวงปู่ลิ้นด�ำ วัดบ้านตม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี เรียนคาถาคงกระพันและเมตตามหานิยม ๑๓. หลวงปู่เส็ง วัดประจันตคาม ปราจีนบุรี เจ้าต�ำหรับ เหรียญโภคทรัพย์ ซึ่งหลวงปู่บุญได้ไปเรียนวิทยาคมมาและได้เคย สืบสานต�ำนานด้วยการสร้างเหรียญโภคทรัพย์มาแล้วซึ่งปรากฏว่า ได้รับความนิยมเป็นอันมากโดยเฉพาะในหมู่พ่อค้าแม่ขายนักธุรกิจ ตา่ งแสวงหากนั ๑๔. พระครูสังวรกิตติคุณ หรือหลวงพ่อเอีย กิตติโก วัด- บ้านด่านศรัทธาอุดม ประจันตคาม ปราจีนบุรี ลูกศิษย์หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒา่ จ.ชัยนาท (หลวงปู่ศุขทา่ นสำ� เรจ็ วิชา ธาตทุ ัง้ 4 ดิน น้ำ� ลม ไฟ ทา่ นสามารถผกู หุน่ ให้เฝา้ วัดได้ สะเดาะกุญแจ ล่องหน หายตวั ได้ ระเบิดน้�ำได้ ซงึ่ คร้งั หนง่ึ ทา่ นเคยระเบดิ น้ำ� ไปท�ำตะกรดุ ใหก้ ับ กรมหลวงชุมพรเขตต์อุดมศักด์ิ) หลวงพ่อเอียท่านเช่ียวชาญในกฤตยา คมด้านไสยเวท โดยศึกษามาจากอาจารยต์ า่ ง ๆ หลายท่าน ประกอบกบั ทา่ นยงั มีวิชาอาคมแก่กลา้ ในทางเพง่ กสิณทำ� นำ�้ มนต์อีกด้วย 34 หลวงปู่บุญได้เดินทางจากพนัสนิคม จ.ชลบุรี มาที่วัดบ้านด่าน ประจันตคามเพ่ือกราบสักการะและเรียนเวทย์วิทยาคาถาอาคมขลัง วิชาปลุกเสกตะกรดุ ชนิดตา่ ง ๆ วิชาการท�ำตะกรุดแบบบูรพาจารย์อาทิ หลวงพ่อเดิม พุทธสโร ก�ำหนดว่า ผู้จารอักขระลงตะกรุดมหาระงับจะต้องด�ำน�้ำและลงไปจาร- อักขระตามสูตรใต้ผิวน้�ำ ในชั่วอึดใจที่ด�ำน�้ำลงไปต้องจารและบริกรรม พระคาถาบทนั้นให้บรรลุ ถ้าหากกล้ันลมหายใจไม่อยู่โผล่ขึ้นเหนือน�้ำ กอ่ นทอ่ นนน้ั เสรจ็ การทำ� ตะกรดุ นน้ั ทง้ั ดอกเปน็ โมฆะใชไ้ มไ่ ดต้ อ้ งเรมิ่ ตน้ ใหม่ หลวงปู่บุญได้เรียนวิชาน้ีและลงด�ำน้�ำจารตะกรุดชนิดนี้ส�ำเร็จแล้วจ�ำนวน ไม่น้อย ปัจจุบัน “ตะกรุดด�ำน้ของหลวงปู่บุญ” กลายเป็นของหายาก เปน็ ที่แสวงหาของผ้ทู ชี่ อบตะกรดุ ขลังอาคมเขม้ ๑๕. หลวงปู่ค�ำแสน วัดทา่ แหน ลำ� ปาง เรยี นพระเวทย์ลา้ นนา คาถาท�ำสีผ้ึงเมตตาคา้ ขาย ๑๖. หลวงพ่อตาทิพย์ จ.พะเยา เรียนคาถาท�ำเทียนสืบชะตา สะเดาะเคราะห์ รับโชค การทำ� ยนั ตต์ ่าง ๆ ๑๗. หลวงพอ่ วดั สนั กลาง อ.ดอกคำ� ไต้ ไดเ้ รียนคาถากนั ฟา้ ผ่า และคาถาต่าง ๆ ๑๘. หลวงพ่อพระมหาเมธงั กร (พรหมเทโว) วดั เมธงั กราวาส (น้�ำคอื ) อดตี เจา้ คณะจงั หวดั แพร่ ไดเ้ รียนคาถาอาคมต�ำหรบั ลา้ นนา ๑๙. พระอาจารยพ์ มา่ วดั บอ่ แกว้ จ.แพร่ ไดเ้ รยี นคาถาไสยเวทย์ แบบพกุ ามหลายอย่าง ที่เดน่ ๆ คอื ด้านเมตตามหาละลวย พระมงคลโมลี วิ. (หลวงปู่บญุ โสภโณ) 35 ๒๐. หลวงพ่อคง สุวัณโณ วัดวังสรรพรส อ.ขลุง จ.จันทบุรี ไดเ้ รยี นวชิ ามหาอำ� นาจ การสรา้ งและปลกุ เสกพญาเสอื (ตอ่ มาหลวงปบู่ ญุ ไดน้ �ำมาสรา้ งและปลกุ เสกเขยี้ วเสือและตะกรุดหนังเสอื ) ๒๑. หลวงพ่อเกษม สุสานไตรลักษณ์ ล�ำปาง ได้เรียนคาถา เรียกทรัพย์ ๒๒. พระมหาโพธิวงศาจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระบาทมิ่งเมือง จ.แพร่ ไดเ้ รียนพระเวทย์วิทยาคมสายเมตตามหานิยม ๒๓. หลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิราช จ.อยุธยา หลวงปู่เทียม เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีวิทยาคมและพุทธาคมสูง วัตถุมงคลของท่าน อาทิ ตะกรุดหรือเหรียญวัตถุมงคล มีช่ือเสียงในด้านอยู่ยงคงกระพัน แคล้วคลาดปลอดภัย จนเป็นที่ประจักษ์ หลวงปู่บุญได้เดินทางไปกราบ สกั การะและขอศกึ ษาวิชาการทำ� ตะกรดุ ๒๔. อาจารยล์ ำ� ดวน ชาวเขมร จ.สรุ นิ ทร์ ไดถ้ ่ายทอดวิชาคาถา อาคมขลังแบบเขมรและเวทย์มนต์ต่าง ๆ ตลอดจนการสักเสกเลขยันต์ ตำ� หรบั ขอมโบราณซึ่งถือวา่ เป็นต้นตำ� หรับความขลงั ขมงั เวทย์ ๒๕. หลวงพ่อแห ศรีสะเกษ ได้ศึกษาต�ำรายันต์หลายอย่าง หลายรูปแบบ หลวงปบู่ ญุ ไดเ้ รยี นรู้ภาษาขอม การจารอกั ขระ การลงยนั ต์ ตามศาสตร์โบราณครบถ้วนกระบวนความ ๒๖. หลวงพ่อสอน วัดเสิงสาง ครบุรี โคราช ซง่ึ เป็นพระเกจิ- อาจารยผ์ เู้ กง่ กลา้ ในวชิ าดา้ นคงกระพนั ชาตรี หลวงปบู่ ญุ ดน้ั ดน้ เดนิ ทางไป ถงึ โคราช ไดม้ โี อกาสกราบขอความรดู้ า้ นอาคมขลงั มาหลายสงิ่ หลายอยา่ ง โดยเฉพาะทางดา้ นคงกระพันชาตรี ยิงไมอ่ อก ฟันไม่เข้า 36 ๒๗. หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ ด่านขุนทด โคราช ไดเ้ รียนคาถามหาอดุ คาถาเมตตา ๒๘. หลวงปูว่ ัดผาตั้ง อ.สงั คม จ.หนองคาย ไดศ้ ึกษาขอ้ อรรถ ข้อธรรม การเจรญิ พระกรรมฐาน ๒๙. หลวงพอ่ ฮวด วดั เสมด็ อ่างศิลา จ.ชลบุรี เกจิดงั แหง่ ฝัง่ ตะวนั ออก ได้มโี อกาสสอบถามความรู้และเรียนคาถามาหลายอยา่ ง ๓๐. หลวงพ่อเจ้าคณะอ�ำเภอพรานกระต่าย จ.ก�ำแพงเพชร ไดศ้ กึ ษาตำ� ราหลวงพอ่ เดมิ วดั หนองโพธ์ิ วชิ าตา่ ง ๆ อาทกิ ารสรา้ งการเสก มดี หมอ เทพศาสตรามดี อาคม (หลวงปบู่ ญุ ไดส้ บื สานการจดั สรา้ งมดี หมอ เทพศาสตรามีดอาคมโดยการจัดสรา้ งมดี หมอต�ำหรบั หลวงพอ่ เดิม) ๓๑. หลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน แห่งทุ่งละลม ศรีสะเกษ หลวงปบู่ ญุ เดนิ ทางไปกราบสกั การะทา่ นหลายวาระทกี่ ระทอ่ มกลางทงุ่ นา ท่านได้เมตตามอบภาพของท่านและว่าวที่มีรอยจารให้ด้วย หลวงปู่บุญ กล่าววา่ “หลวงปสู่ รวง ทา่ นเปน็ พระผเู้ หนือโลก เหนือสมมตุ ิ....” ๓๒. หลวงพ่อชนื่ วัดตาอี อ.บ้านกรวด จ.บุรีรมั ย์ เกจสิ ายเขมร ทมี่ ผี ศู้ รทั ธาในวตั ถมุ งคลสายเสนห่ ข์ องทา่ นทว่ั ประเทศ หลวงปบู่ ญุ ไดเ้ รยี น เมตตามหานยิ ม มหาเสนห่ ์ คาถาอาคมตา่ ง ๆ และตอ่ มาไดเ้ คยกราบนมิ นต์ หลวงพ่อช่ืน วัดตาอีมาปลุกเสกวัตถุมงคลท่ีวัดทุ่งเหียง หลวงพ่อชื่นยัง ได้มอบมวลสารและพระเคร่ืองอาทิพระขุนแผนให้กับหลวงปู่บุญไว้ส่วน หนง่ึ อีกด้วย (หลวงปบู่ ญุ ได้นำ� ผงนีผ้ สมท�ำพระเครื่องชดุ ไตรมาส ๒๕๕๑ อาทิ ขุนแผน กมุ ารทองอุ้มบญุ ) พระมงคลโมลี วิ. (หลวงป่บู ุญ โสภโณ) 37 ๓๓. พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธ์ิ วัดสวนขัน จ.นครศรีธรรมราช หลวงปู่บุญได้เดินทางลงใต้ไปกราบนมัสการท่านพ่อคล้ายท่ีเมืองนคร พ่อท่านคล้ายได้เมตตาให้ความรู้ และค�ำแนะน�ำอันเป็นประโยชน์ พร้อมกับให้ศีลให้พรอันถือว่าเป็น มงคลอันอุดมเพราะค�ำที่ออกจาก ปากท่านนัน้ ลว้ น “วาจาสิทธ”์ิ โดย ทา่ นใหพ้ รวา่ “ดจี งั ฮู้ ...ขลงั เหมด็ ” หมายถงึ “ดจี งั ...เสกอะไรขลงั หมด” ๓๔. หลวงพอ่ สงฆ์ จนั ท- สาโร วดั เจา้ ฟา้ ศาลาลอย จ.ชุมพร ไดไ้ ปกราบขอบารมที า่ นทวี่ ดั เจา้ ฟา้ ศาลาลอย พอ่ ทา่ นคลา้ ย วาจาสทิ ธิ์ ๓๕. หลวงปู่ศรี วัดหมอนนาง อ.พนสั นคิ ม ชลบุรี เรยี นมหาอดุ ตะกรดุ โทน ๓๖. หลวงพ่อศรี วัดพลับ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี เรียนต�ำรา ท�ำเครื่องรางของขลัง ๓๗. หลวงพอ่ ป่ี วดั โคกท่าเจรญิ อ.พานทอง ชลบุรี ๓๘. อาจารยข์ นุ นครเขต อ.เกาะสชี งั จ.ชลบรุ ี ฆราวาสจอมขมงั เวทย์ (ลูกศิษย์หลวงปู่รอด) ขุนนครเขตท่านเป็นคนมีวิทยายุทธอันเลิศล้�ำ โดยเฉพาะด้านเสนห่ เ์ มตตามหานยิ ม เม่อื ทา่ นมาอยู่เกาะสชี ังกห็ อ้ มลอ้ ม ดว้ ยสตรที ตี่ กลงปลงใจมารว่ มหอเปน็ ภรรยานอ้ ยใหญ่ กลา่ วกนั วา่ ขนุ นครเขต 38 ปลกู เรอื นใหอ้ ยรู่ ายรอบลอ้ มเรอื นหลงั หลกั ไมม่ ากไมน่ อ้ ยแคร่ อ้ ยหา้ สบิ คน วิชาที่ถือว่าเป็นเลิศของท่านขุนฯ คือการเรียกสูตรลบผงปถมังอันเป็น สุดยอดมหาเสน่ห์ ต�ำรับต�ำราวิชานี้ได้ตกทอดมายังหลวงปู่บุญโสภโณ ครบศาสตร์ ครบสตู ร ซ่ึงตอ่ มาท่านไดน้ �ำมามาสรา้ งพระเครื่องสายเสน่ห์ อาทิ ขนุ แผนนะหน้าทอง ขุนแผนกมุ ารทอง ขนุ แผนแสนนางล้อม และ เคร่อื งรางสายเสน่หท์ ห่ี ลวงปบู่ ุญจดั สร้างในยุคตอ่ ๆมา ๓๙. หลวงพอ่ หนิ วดั หนองสนม อ.บา้ นคา่ ย จ.ระยอง หลวงปบู่ ญุ ไดไ้ ปกราบขอบารมแี ละเรยี นวชิ าอาคมซึ่งท่านกเ็ มตตาเป็นอย่างดี ๔๐. หลวงพอ่ หนู วดั ภมุ รนิ ทรก์ ฎุ ที อง อ.อมั พวา จ.สมทุ รสงคราม เรยี นวชิ าตอ่ กระดกู วชิ าทำ� ตะกรดุ เกา้ ยอด (ตำ� หรบั หลวงปหู่ รนุ่ เกา้ ยอด ช่ือเสียงของหลวงพ่อหรุ่นโด่งดังในด้านการสักยันต์ย่ิงนัก โดยเฉพาะ นักเลง “กก๊ เก้ายอด” ท่ที า่ นสักยนั ต์ใหจ้ นไดร้ ับฉายาว่า “หลวงพ่อหรนุ่ เก้ายอด” ต่อมาหลวงปู่บุญก็ได้สร้าง “ตะกรุดเก้ายอด” และให้มีการ สกั ยันตเ์ ก้ายอดทีว่ ดั ทุ่งเหยี ง ๔๑. พระอาจารยท์ องพลู นครเวยี งจนั ทร์ ประเทศลาว เรยี นดา้ น พระเวทยล์ ้านชา้ ง ๔๒. พระอาจารยจ์ ันทร์ ประเทศเขมร เรยี นวิชาต�ำหรบั โบราณ ของสงั ฆราชาแหง่ เขมร ๔๓. เรียนต�ำราหลวงพ่อรอด วัดท่าลาด อ.พนมสารคราม จ.ฉะเชงิ เทรา ๔๔. หลวงพ่อเคน วัดเขาอีโต้ จ.ปราจนี บรุ ี พระมงคลโมลี ว.ิ (หลวงปบู่ ญุ โสภโณ) 39 ๔๕. อาจารย์หมอดดั บา้ นหนองเขิน อ.บา้ นบงึ จ.ชลบุรี ศกึ ษา ดา้ นสมุนไพร ไม้มงคล ๔๖. อาจารย์หมอพนิ จ.ชลบุรี ด้านสมนุ ไพร ตำ� หรบั ยาโบราณ ๔๗. อาจารย์ตู่ บ้านดอนก่อ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ด้านเวทยม์ นตล์ มุ่ นำ้� โขง ๔๘. อาจารยถ์ า บา้ นหนองมว่ งเกา่ อ.พนัสนคิ ม จ.ชลบรุ ี ๔๙. อาจารย์ขนั บ้านหนองกะดี่ อ.พนสั นิคม จ.ชลบุรี ๕๐. พระอาจารยม์ ณี จ.อบุ ล ๕๑. หลวงปพู่ รหมมา เขมจาโร วดั สวนหนิ ผานางคอย จ.อบุ ล- ราชธานี พระเกจสิ ายสำ� เรจ็ ลนุ นครจำ� ปาสกั ทา่ นไดเ้ มตตาถา่ ยทอดวชิ ากบั หลวงปบู่ ญุ หลวงปพู่ รหมมาทา่ นเปน็ ผู้ช�ำนาญและมีช่ือเสียงด้านการ สร้างพระฤาษี ซึ่งต่อมาหลวงปู่บุญ กไ็ ดจ้ ดั สรา้ ง “พระมหาฤาษโี พธสิ ตั ว์ บญุ ฤทธ”ิ์ องคใ์ หญป่ ระดษิ ฐานอยทู่ ี่ กฏุ หิ ลวงปบู่ ญุ วดั ทงุ่ เหยี งกลา่ วกนั วา่ มคี วามศกั ดสิ์ ทิ ธใ์ิ นการขอโชคขอลาภ ขอความสำ� เรจ็ และหลวงปบู่ ญุ ยงั ได้ จดั สรา้ งรปู หลอ่ บชู า รปู หลอ่ ลอยองค์ และเหรียญพระมหาฤาษีโพธิสัตว์ หลังยันตห์ า้ แถว เสรมิ ดวง เสริมดี ซงึ่ เป็นทเี่ ร่อื งลือในหมู่ผู้รูผ้ ู้บชู า หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร 40 ๕๒. หลวงพอ่ จนั ทร์ วดั ปา่ บา้ นยางนอ้ ย อ.ประทาย จ.นครราชสมี า เกง่ ทางด้านเมตตาและมาชว่ ยปลกุ เสกทว่ี ัดทุง่ เหียงทุกคร้ังที่นมิ นต์ ๕๓. หลวงปู่เสถยี ร วดั ภเู ขาเหิน จ.อบุ ลราชธานี ๕๔. อาจารย์รอด บ้านบงึ อ.บา้ นบงึ จ.ชลบรุ ี ๕๕. อาจารยแ์ ตง่ บ้านหนองม่วงเก่า อ.พนสั นิคม จ.ชลบรุ ี ๕๖. อาจารย์ลิ บา้ นตาลด�ำ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ๕๗. อาจารย์ทอง บา้ นคลองหลวง อ.พนสั นิคม เรยี นวิชาสกั หนทู องแดง ๕๘. อาจารยไ์ พล ก�ำแพงเพชร ไดร้ บั มอบตำ� ราและมวลสาร ๕๙. อาจารย์ปู่ ลูกศิษยส์ มเด็จฯโต เมตตาแนะนำ� เก่ยี วกบั การ สรา้ งพระสมเดจ็ ฯ ๖๐. หลวงปู่หนิ วดั ระฆังโฆษติ าราม ๖๑. หลวงปนู่ าค วัดระฆังโฆษติ าราม หลวงปู่บุญเคยไปพ�ำนักอยู่ที่วัดระฆังโฆษิตาราม ต้นต�ำหรับ พระสมเดจ็ วดั ระฆงั จกั รพรรดพิ ระเครอ่ื ง โดยไปพกั อยกู่ บั กบั หลวงปนู่ าค วัดระฆัง ได้มีโอกาสเรียนวิชากับหลวงปู่หิน โดยเฉพาะการเขียนสูตร ลบผงพุทธคุณ ครั้งนั้นท่านได้รับเมตตาจากพระผู้ใหญ่ท้ังมอบพระ และผงสมเด็จวัดระฆัง และสูตรการลบผงพุทธคุณต�ำหรับสมเด็จโต ซง่ึ ตอ่ มาหลวงปบู่ ญุ โสภโณ ไดข้ อบารมสี มเดจ็ โต หลวงปหู่ นิ หลวงปนู่ าค นำ� สตู รนี้มาสรา้ ง “พระสมเดจ็ บญุ ฤทธ”ิ์ บรรจลุ งในกรุ พระมงคลโมลี วิ. (หลวงปบู่ ุญ โสภโณ) 41 พระสมเด็จบญุ ฤทธ์ิ จากกรุ พระสมเดจ็ บญุ ฤทธ์ิ หลวงปู่บุญ ท่านกล่าวว่า ท่านต้ังใจสร้างพระเคร่ืองสืบสาน ต�ำนานพระบูรพาจารย์สองส�ำนักด้วยกันคือ พระปิดตา หลวงพ่อแก้ว วดั เครอื วลั ย์ ซง่ึ ทา่ นไดร้ บั มอบผงเกา่ สบื ตอ่ มา และตงั้ ใจสรา้ ง “พระสมเดจ็ ฯ” พิมพ์วัดระฆังฯ โดยพยายามอนุรักษ์กรรมวิธีการสร้างแบบโบราณท้ัง รูปแบบ เนื้อหา เช่น การสร้างแม่พิมพ์ด้วยหินมีดโกน ผสมมวลสาร ตามสูตรโบราณ การกดพิมพ์พระด้วยมือทีละองค์ ตัดขอบแบบโบราณ เช่นกัน ทุกข้ันตอนทำ� ในวัดท่ีกูฏิของหลวงปู่บุญ จากน้ันน�ำบรรจุกรุและ ท่านจะปลุกเสกตลอดมาและเมื่อมีพิธีพุทธาภิเษกครั้งส�ำคัญก็จะโยง สายสญิ จ์มาท่ีกรุ พระชุดน้ีหลวงปู่บุญถวายนามว่า “พระสมเด็จบุญฤทธ์ิ” คือ เป็นพระในตระกูลสมเด็จ จักรพรรดิพระเคร่ือง หน่ึงในพระเครื่อง เบญจภาคี ทมี่ ที ั้ง บญุ ญานุภาพ และ ฤทธานภุ าพ 42 ในวาระวนั ไหวค้ รบู รู พาจารยแ์ ละครบรอบวนั เกดิ หลวงปบู่ ญุ โสภโณ เมอ่ื วนั ที่ ๑๔-๑๕ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๕๒ ทา่ นไดน้ ำ� พระเครอ่ื ง “สมเดจ็ บญุ ฤทธ”์ิ ท่ีสร้างบรรจุกรุไว้แต่อดีตออกมาถวายพระเถรานุเถระที่มาร่วมงานและ ออกแจกให้แก่ผู้มาร่วมงานยังความตื่นตาตื่นใจของผู้ได้รับและพบเห็น ด้วยความงดงามของพมิ พ์ทรง เนื้อหามวลสารและคราบกรุ ประกอบกับ การปลุกเสกมาอยา่ งต่อเนอื่ ง ๖๒. พระอาจารย์ปัญญานันโท ชาวพม่า เม่ือคร้ังเดินทางไป นมสั การพระมหาเจดยี ์ชะเวดากอง ร่างกงุ้ ๖๓. อาจารย์สมเกยี รติ ส�ำโรงใต้ จ.สมทุ รปราการ ๖๔. ศกึ ษาเวทยว์ ทิ ยาคมจากตำ� ราโบราณสายวดั พระญาตกิ าราม อยุธยา ท่ีเคยเป็นแหล่งศึกษาและพ�ำนักของสุดยอดพระเกจิอาจารย์ คือ หลวงพอ่ กลั่น หลวงพ่ออัน้ วัดพระญาติฯ (ตำ� ราโบราณนี้หลวงปบู่ ญุ ได้รบั ความเอื้อเฟ้ือจากอาจารย์นพวรรณ วัดเสนานิมิต อยธุ ยา) ๖๕. อาจารย์เจริญ ปากน�้ำ สมทุ รปราการ ๖๖. หลวงพ่อแดง วัดใหม่ท้ายตลาด อ.พนัสนคิ ม จ.ชลบรุ ี ๖๗. หลวงปอู่ ๊บั วดั ทองไทร นครชัยศรี จ.นครปฐม ๖๘. อาจารยแ์ ขก บึงน้ำ� เปร้ียว จ.ฉะเชิงเทรา ๖๙. อาจารยง์ ้วน บ้านโพธ์ิ จ.ฉะเชงิ เทรา ๗๐. หลวงพ่อเสอื วัดไผส่ ามกอ จ.ฉะเชิงเทรา ๗๑. หลวงพ่อหลยุ วดั สามผาน อ.ท่าใหม่ จ.จนั ทบรุ ี ๗๒. พระอาจารยเ์ ชยี ง วดั ใหม่พญาธรรม จ.ชลบุรี พระมงคลโมลี ว.ิ (หลวงปบู่ ญุ โสภโณ) 43 ๗๓. หลวงพ่อวัดช่องลม จ.ชลบุรี ๗๔. หลวงพ่อเส็ง จ.ปทมุ ธานี ๗๕. หลวงพอ่ ผาด วดั ทุ่งชัย จ.ศรีษะเกษ ๗๖. หลวงพอ่ พุทธริ ัตน์ จ.นครพนม ๗๗. อาจารย์ฆราวาสข้างวัดบ่อแก้วได้เรียนต�ำรายันต์หัวใจ บุรุษสตรีเจด็ จ�ำพวก ๗๘. อาจารย์เผือก พูลสวัสดิ์ บ้านนามะตูม อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ๗๙. หลวงป่บู ญุ วัดบา้ นนา อ.แกลง จ.ระยอง พระเถราจารย์ ผู้ทรงศีลาจารวตั ร ๘๐. หลวงพอ่ วดั ศลิ ขันธ์ จ.อา่ งทอง ๘๑. หลวงพอ่ สน วัดไทร จ.อา่ งทอง ๘๒. หลวงปถู่ ัง ก�ำแพงเพ็ชร ๘๓. พระอาจารยซ์ ว้ น วดั ทา่ ลาดใต้ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชงิ เทรา เจ้าต�ำหรับปลดั ขิกวิง่ ได้ ๘๔. อาจารย์พงษเ์ ดช จ.ชลบุรี ๘๕. หลวงพอ่ สองพน่ี อ้ ง ถ้�ำเขาพระ จ.ราชบุรี ๘๖. หลวงพ่อสม วดั โคกพระ อ.พนัสนิคม จ.ชลบรุ ี ๘๗. หลวงพ่อจนั ทร์ วัดหนองครก อ.พนัสนิคม จ.ชลบรุ ี ๘๘. หลวงพอ่ หอ่ วัดหนองม่วงเกา่ อ.พนสั นิคม จ.ชลบรุ ี 44 ๘๙. หลวงปแู่ พ วดั หนองแช่แว่น อ.พานทอง จ.ชลบุรี ๙๐. หลวงพ่อทาบ วัดกะบอก บ้านค่าย จ.ระยอง ๙๑. อาจารยห์ มอสอย ตลาดทุง่ เหียง อ.พนสั นิคม จ.ชลบุรี ๙๒. อาจารย์หล่ัน บา้ นทงุ่ เหยี ง อ.พนสั นิคม จ.ชลบรุ ี ๙๓. อาจารย์จำ� เนียร จนั ทาเสงีย่ ม บา้ นทงุ่ เหยี ง อ.พนสั นคิ ม จ.ชลบรุ ี ๙๔. หลวงพอ่ ผยุ วดั หน้าพระธาตุ อ.พนสั นิคม จ.ชลบรุ ี ๙๕. หลวงพ่อทเุ รียน วดั ทา่ ดนิ แดง อ.ครี มี าศ จ.สุโขทัย ศิษย์ สายหลวงพ่อต่วน วัดลาย และหลวงพ่อโถม เกจิสุโขทัย หลวงปู่บุญ ไดม้ โี อกาสแลกเปลย่ี นวชิ ากบั ทา่ น หลวงพอ่ ทเุ รยี นไดถ้ า่ ยทอดคาถาสำ� คญั คอื คาถาหลวงปสู่ รวง บายตกึ๊ เจยี ออยเตยี นสลนู ผวู้ เิ ศษแหง่ ภตู ะแบง ครอู าจารย์ ผปู้ ระสทิ ธว์ิ ทิ ยาวชิ าอาคมทา่ นเหลา่ นลี้ ำ� ดบั จากความ ทรงจำ� ของหลวงปบู่ ญุ โสภโณ สริ ริ วมทงั้ สน้ิ ๙๕ ราย (หลวงปบู่ รรพชา อปุ สมบทปี ๒๔๙๕ ลงทา้ ย ๙๕ เชน่ กนั ) และยงั มคี รอู าจารยอ์ กี หลายรปู หลายนามทย่ี งั มไิ ดเ้ อย่ ถงึ (เนอ่ื งจากสญั ญาแลสงั ขาร ความทรงจำ� หลวงปู่ ท่านเขียนนามครูอาจารย์เป็นลายมือของท่าน ท่านจ�ำได้ขนาดนี้ก็ถือว่า ท่านมีความจ�ำดมี ากแลว้ ) พระมงคลโมลี ว.ิ (หลวงปู่บุญ โสภโณ) 45 ....ครบศาสตร์ ครบสูตร เข้มที่เสก ขลังท่ีสุด สรรพวชิ าอาคม เวทยม์ นตค์ าถา เคลด็ วชิ าการสรา้ งพระเครอื่ ง ของขลงั ทหี่ ลวงปบู่ ญุ โสภโณ เรยี นมาจากพระคณาจารยแ์ ตล่ ะองค์ ทา่ นลว้ นเปน็ ผทู้ รงวทิ ยาคณุ และแตล่ ะพระบพุ พาจารยท์ า่ นไดเ้ มตตาถา่ ยทอดวทิ ยาคม ด้วยความเต็มใจเตม็ ที่ พร้อมกันน้ีหลวงปู่บุญท่านยังเป็นคลังปัญญาแห่งต�ำรับต�ำรา สายต่าง ๆ อาทิ สายวดั ประดโู่ รงธรรม ตกั ศิลาทางไสยเวทยแ์ ห่งอยุธยา ต�ำรามหาเวทย์มหายันต์สายวัดพระญาติ สายวัดปากคลองมะขามเฒ่า สายวัดระฆงั โฆษติ าราม สายล้านช้าง สายนครวดั นครธม ฯลฯ หลวงปู่บญุ ท่านมีความรู้ ความสามารถในวิชาวทิ ยาคมทเ่ี รียนมา อย่างแตกฉานอาทิ การเรียกสูตรลบผงศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ การจารอักขระ เลขยันต์ การปลุกเสกวัตถุมงคลท่ีท่านเน้นว่าต้องท�ำให้ “ครบศาสตร์ ครบสูตร เข้มทเ่ี สก ขลงั ทส่ี ุด” คลังปญั ญาแหง่ ตำ� รับต�ำรา 46 ....เมตตาสู่เด็กชาวเขาชาวดอยผู้ดอ้ ยโอกาส เม่อื ปี ๒๕๒๙ หลวงปู่บุญ โสภโณ เดนิ ธดุ งค์ไปยังแม่ฮ่องสอน ทีแรกท่านอยากเห็นชีวิตของผู้คนชาวเขาชาวดอยจึงขอให้หมอวิเชียร พาเดนิ เขา้ ไปในปา่ เขาลกึ ประมาณสบิ หา้ กโิ ลเมตร ทา่ นไดไ้ ปพบเดก็ ชาวเขา อยกู่ นั ตามลำ� พงั ไมไ่ ดร้ บั การศกึ ษา พดู ไทยกไ็ มไ่ ด้ พอ่ แมท่ ำ� อาชพี ปลกู ฝน่ิ ท�ำไรเ่ ลื่อนลอย ฐานะยากจนนา่ เวทนา ทา่ นไปดูนน้ั แตล่ ะบา้ นก็จะกินข้าว กบั หนอ่ ไม้ กระหรำ่� ปตี ม้ กบั เกลอื เทา่ นนั้ ทา่ นคดิ วา่ เดก็ พวกนเ้ี ปน็ คนไทย ท�ำไมไม่ได้เรียนหนังสือ ท่านไปคุยกับชาวบ้านที่ต้ังร้านขายของซี่งเป็น คนจีนฮอ่ พอพูดภาษาไทยไดบ้ ้าง เขาก็เล่าวา่ อยู่ ทน่ี ่ีไม่มพี ระมีเจ้ามาหา เลยไม่เคยเห็น เด็กชาวเขาพวกนี้ไม่ได้เรียนหนังสือกันเป็นส่วนใหญ่ นับถือผี และมีมชิ ชันนารเี ข้ามาเผยแผศ่ าสนาครสิ ต์ มโี บสถ์ แตก่ ็ไม่ได้ มีการสอนหนงั สอื ใหเ้ ดก็ ๆ เด็กชาวเขา พระมงคลโมลี ว.ิ (หลวงปู่บุญ โสภโณ) 47 หลวงปู่บุญจึงด�ำริว่าน่าจะหาท่ีสร้างส�ำนักให้พระอยู่จะได้นิมนต์ พระข้ึนมาอบรมสอนศีลธรรม เม่ือท่านลงมาทางจีนฮ่อคนน้ีก็ได้ติดต่อ ผ่านหมอวิเชียรว่า หาที่ทางได้แล้ว ท่านก็จัดให้พระไปอยู่ท่ีดอยห้ารูป ปลกู กระต๊อบอยู่ พระชุดแรกอยู่ได้ไม่นานกอ็ พยพไปเพราะความลำ� บาก สื่อสารกับชาวม้งไมไ่ ด้ ทงั้ ไมม่ ีคนใสบ่ าตร หลวงปบู่ ญุ ทา่ นกน็ ำ� พระชดุ ใหมข่ นึ้ ไปอกี รวมตวั ทา่ นแลว้ เปน็ หา้ รปู ไปบุกเบิกเองโดยไม่ย่อท้อต่อความล�ำบากทุรกันดาร ท่านได้ให้พระ สอนหนงั สอื ไทย โดยอาศยั สอ่ื การเรยี นงา่ ย ๆ คอื เขยี นลงบนดนิ ตดี นิ เปน็ พ้นื เรยี บ ๆ เขียนเปน็ ก ข ค ง ใหเ้ ด็กอ่าน มเี ดก็ มาเรียนทลี ะ ๔๐-๕๐ คน กอ็ ยู่กันไปโดยไม่มีล่าม ใช้ภาษามือสื่อสารกัน ให้พระสอนอยสู่ ามเดอื น เด็กก็พอประสมพูดเป็นภาษาไทยได้รู้เร่ืองข้ึน ท่านก็ถามว่าอยากเรียน หนงั สอื ไหม ทกุ คนกต็ อบวา่ ...อยากเรยี น ทา่ นกใ็ หค้ ดั เดก็ ลงไปสง่ มาเรยี น ทโ่ี รงเรยี นทุ่งเหียง นสั นคิ ม ชลบรุ ี ครั้นท่านส่งรถไปรับแทนท่ีเด็กจะมายี่สิบคนอย่างที่ท่านคิด กลับอัดมาถึงสี่สิบคน ท่านให้โกนหัวบวชเณรก่อน แล้วสอนหนังสือ สอนทีละคำ� สอนให้เรยี กส่งิ ของในชวี ิตประจ�ำวัน ในช้ันแรกท่านต้ังใจว่าจะให้เด็กเหล่าน้ีเรียนจบประถมหกแล้ว กลบั ไปสอนคนทบี่ า้ นเกดิ แตเ่ มอ่ื เดก็ มาอยกู่ บั ทา่ นมากขนึ้ ทา่ นกค็ ดิ สรา้ ง โครงการทรัพยากรมนุษย์ผู้ดอ้ ยโอกาสขึน้ เม่อื ปี ๒๕๓๐ ดูแลเด็กในความ อปุ การะอยา่ งดยี ง่ิ กวา่ ลกู ดแู ลทกุ อยา่ งนบั แตท่ พ่ี กั ทอี่ าศยั อาหารการกนิ ไม่ยอมให้ใครเอาไปใช้แรงงาน ท่านให้ตั้งใจเรียนอย่างเดียว สอนให้มี ความรับผิดชอบ ฝึกหัดการท�ำเกษตร สร้างหอพักให้อยู่ ให้ได้เรียนสูง ท่สี ุดเทา่ ท่ีจะไปได้ 48 ....อยทู่ ่ีนเ่ี ปน็ เผ่า “หลวงตาบญุ ” อย่างเดียว จากเดมิ ทรี่ บั เดก็ ชาวเขาจากแมฮ่ อ่ งสอนกบั เชยี งใหม่ แตป่ จั จบุ นั เด็กชาวเขาที่หลวงปู่บุญรับอุปการะน้ันมาจากแปดจังหวัด ได้แก่ ตาก แมฮ่ ่องสอน เชียงใหม่ เชยี งราย พะเยา น่าน แพร่ สุโขทัย เรียกไดว้ ่า มาจากคนละทิศ คนละภาษา คนละภูมิหลัง การเลี้ยงเด็กคนสองคน ก็วา่ ยากแลว้ แต่ท่านสามารถเล้ียงเดก็ นบั ร้อยไดโ้ ดยไมม่ ปี ัญหา โดยทา่ น มีหลักการสร้างสามัคคีและการดูแลให้อยู่ในระเบียบวินัย สอนให้ เคารพกฏกติกา ไม่ให้เด็กแบ่งแยกกันว่ามาจากเผ่าไหน แต่ให้เป็น ลกู พอ่ เดยี วกันหมด เด็กชาวเขา ที่วดั ทุ่งเหยี ง พระมงคลโมลี ว.ิ (หลวงปู่บญุ โสภโณ) 49 การมาอยวู่ ดั ทงุ่ เหยี งนนั้ ทา่ นเมตตาใหไ้ ดม้ าทกุ คนทงั้ หญงิ และชาย ขอเพียงตงั้ ใจเรียน อยูใ่ นระเบยี บ เชอ่ื ฟงั การอบรมสั่งสอน ระหว่างท่อี ยู่ กับท่านแม้จะเรียนระดับสูงแล้ว ท่านขอว่าอย่าได้ริมีแฟน หากใครมี ท่านก็จะเรยี กให้มาพูดกนั ทงั้ สองฝา่ ย ชีใ้ หเ้ หน็ ความส�ำคัญของการเรยี น เหน็ หนา้ ทกี่ ารเรยี นตอ้ งมากอ่ น หากเลอื กจะมแี ฟนทา่ นจะสง่ กลบั ไมใ่ หอ้ ยู่ เขาก็จะเลิกรากันหันมาสนใจที่จะเรียนตอ่ ไป ท่านเล้ยี งเดก็ มากวา่ ย่ีสิบปี แต่ไม่เคยเกิดเร่ืองเพศในวัดเลย เด็กเหล่านี้แม้จะมาจากพ้ืนฐานบ้าน ยากจนแต่ก็หัวดี เรียนเก่ง หลวงปู่บุญรับภาระค่าใช้จ่ายทุกอย่างตั้งแต่ กินอยู่ ทุนการศึกษา กระทั่งเจ็บป่วยก็ให้ได้รับการรักษาในโรงพยาบาล การกินอยู่น้ัน ท่านได้รบั ความช่วยเหลอื จากแรงศรทั ธาชาวบา้ น ญาตโิ ยม ลกู ศษิ ย์ โดยไมม่ ภี าครฐั เขา้ มาชว่ ย พอ่ คา้ แมค่ า้ ทต่ี ลาดจะใหผ้ กั สด ของสด มาท�ำอาหารเลีย้ งเด็ก ใหไ้ ดก้ นิ หลวงปู่บุญสอนให้เด็กๆรู้จักท�ำมาหากิน โดยทุกวันจะได้หัดท�ำ การเกษตร ท�ำร่องปลูกผัก อย่างน้อยถ้ากลับไปบ้านก็จะมีวิชาติดตัวไป หลวงปบู่ ญุ คอยเอาใจใสก่ ารกนิ อยไู่ มใ่ หม้ ขี าดตกบกพรอ่ ง ตอ้ งคอยหามา เตรยี มส�ำรองเสมอเหมอื นเป็นพ่อคนหนึ่ง ซึง่ ทา่ นนน้ั มีแตใ่ หก้ บั ให้ และ ไม่เคยที่จะย่อท้อ ไม่เคยบ่นล�ำบาก ท่านไม่เคยเครียด กับอุปสรรคใด ท่านวา่ เทวดาช่วย ถา้ ไม่มเี ทวดาคนกไ็ ม่น�ำของมาบรจิ าคกนั ทกุ วัน นอกจากนี้หลวงปู่บุญเห็นความล�ำบากของชาวเขาในถ่ินกันดาร ที่ไม่มีถนนเช่ือมต่อจากโลกภายนอก ได้ขอก�ำลังทหารไปตัดทางเข้า หมูบ่ า้ น 50 ....ทำ� พิธีตัดผี เปลย่ี นใจมาเปน็ พุทธ เด็กในอุปการะของท่านจะถูกสอนถูกฝึกให้รู้จักการสวดมนตร์ ไหวพ้ ระ โดยหลวงปบู่ ญุ มไิ ดบ้ งั คบั กะเกณฑว์ า่ อยวู่ ดั แลว้ ตอ้ งเปน็ พทุ ธ หรอื สอนวา่ ความเชอ่ื เดมิ ศาสนาเดมิ ของพวกเขาไมด่ ี ทา่ นสอนวา่ ทกุ ศาสนา สอนให้เปน็ คนดหี มด แต่ถ้าอยวู่ ัดกจ็ ะตอ้ งทำ� วตั ร สวดมนตร์ เดก็ อยใู่ น อปุ การะของทา่ นจะสวดมนตรท์ กุ วนั แลว้ ทอ่ งสตู รคณู ทำ� การบา้ น เดก็ ผชู้ าย ก็จะอยใู่ นความดูแลของพระ ส่วนเด็กผหู้ ญงิ กจ็ ะเป็นหนา้ ที่แม่ชีดแู ล เด็กเหล่าน้ีมีความฝังใจในบุญคุณพระพุทธศาสนา คร้ันกลับไป บ้านก็บอกพ่อแม่ว่าพวกเขาได้รับสิ่งดี ๆ จากวัด ชวนพ่อแม่ให้หันมา นบั ถอื พระพุทธศาสนา ละจากศาสนาอื่นเพราะพระชว่ ยเหลอื เขามาก เดก็ ชาวเขาชาวดอย ท่ีวัดทุ่งเหยี ง พระมงคลโมลี ว.ิ (หลวงปู่บุญ โสภโณ) 51 แต่การจะให้พวกเขาเลิกถือผีน้ัน ล�ำบากมาก พวกเขาขอให้ หลวงปบู่ ญุ ตัดผีให้ในแต่ละหมบู่ า้ น เพราะตามความเช่ือของเขาน้ันใครท่ี จู่ ๆ เลกิ นับถอื จะถกู ผีกนิ หลวงปู่บุญนึกถึงการที่พระพุทธเจ้าชนะมารด้วย พาหุง ท่านจึง สวดพาหงุ ทำ� นำ้� มนตร์ เอาสายสญิ จนใ์ หจ้ บั ไว้ เอาพระรปู หนงึ่ พรมนำ�้ มนตร์ แลว้ ท่านก็ใชก้ รรไกรตัดสายสิญจนใ์ ห้ชาวบ้านผกู ขอ้ มอื เด็กชายเมื่อจบประถมหก ท่านจะให้บวชเรียนหมด หลังจาก จบชั้นมัธยมสาม เด็กส่วนหนึ่งจะออกไปท�ำมาหากินและอีกส่วนก็จะ ศกึ ษาตอ่ ในช้นั สงู ตอ่ ไป สว่ นเดก็ ผหู้ ญิงสว่ นมากจะเรยี นตอ่ มหาวทิ ยาลยั ท่านก็ส่งเสียท้ังค่าอาหารค่าที่พัก เดือนหนึ่งๆ ตกประมาณห้าพันบาท ตอ่ ราย ถงึ จะขดั สนเงนิ ทองไมพ่ ออยา่ งไรทา่ นกต็ อ้ งหามาใหไ้ ด้ หลวงปบู่ ญุ มีเด็กชาวเขาท่ีท่านอุปการะร่�ำเรียนไปจนถึงระดับปริญญาหลายคน ปัจจุบันก�ำลังท�ำปริญญาโทก็มี ปริญญาเอกก็มี ท่ีก�ำลังศึกษาทางธรรมที่ ประเทศอินเดียก็มี ตลอดเวลา ๓๐ ปีท่ีผ่านมา ท่านสร้างโอกาสสร้างชีวิตใหม่ ให้กบั เดก็ ผู้ยากไร้ ใหม้ กี ารศึกษา มีอนาคต อ่านเขียนเรยี นหนงั สือไทย จนกระทง่ั สำ� เรจ็ การศกึ ษาระดบั มธั ยม ระดบั อาชวี ะ จนถงึ ระดบั อดุ มศกึ ษา ประมาณรว่ ม ๓,๐๐๐ กวา่ ราย โดยไมเ่ รยี กรอ้ งคา่ ตอบแทน ทา่ นเลยี้ งเหมอื น ลูกเหมอื นหลาน ใหม้ คี ุณภาพชีวติ ทด่ี ี เปน็ คนดีของสงั คม เป็นบคุ ลากร ทีอ่ ุดมของประเทศชาติ ปจั จบุ นั มเี ดก็ อยใู่ นความดแู ลหลวงปบู่ ญุ รว่ ม ๔๐๐ คน มสี ามเณร อีก ๘๐ รูป รายจ่ายค่าอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค เคร่ืองเขียน แบบเรยี น หลวงปูร่ ับภาระทงั้ หมด !!! 52 สามเณรชาวเขา วดั ทงุ่ เหียง หลวงปู่บญุ โสภโณทา่ นทมุ่ เทแรงกายแรงใจอยา่ งมาก เพอ่ื เลีย้ ง เด็กเหล่าน้ันด้วยเมตตา หลวงปู่กล่าวว่า......อีกไม่นานท่านก็ตายแล้ว ความดตี ้องรบี ท�ำ ท่านยอมอดดกี ว่าให้เดก็ ๆ เหล่านีอ้ ด …….. ด้วยจิตท่ีเปี่ยมด้วยเมตตาอย่างหาท่ีสุดมิได้ เป็นจิตที่ด�ำเนิน แบบพระโพธิสัตวท์ เี่ ปย่ี มดว้ ยเมตตาบารมหี าท่ีสดุ มไิ ด้ไม่มปี ระมาณ ....พระราชบารมีปกเกล้าฯ ค้ำ� จุน ในปี ๒๕๔๒ ซ่ึงบ้านเมืองเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ วัดทุ่งเหียงเอง กป็ ระสบปญั หาเพราะขา้ วของขน้ึ ราคา ขา้ วสารมรี าคาแพงมากและทางวดั จะตอ้ งใช้ปรมิ าณมาก หลวงปบู่ ุญจ�ำต้องส่งเดก็ ในความอุปการะของทา่ น พระมงคลโมลี ว.ิ (หลวงป่บู ญุ โสภโณ) 53 กลับไปเหลือไว้ ๑๕๐ คน ไม่มีเด็กคนไหนอยากกลับไปแต่ท่านก็ไม่มี ทางอนื่ กระทง่ั ความทราบไปถงึ พระเนตรพระกรรณ พระองคโ์ ปรดเกลา้ ฯ พระราชทานขา้ วสารมาชว่ ยเดอื นละ ๖๐ กระสอบ ทำ� ใหห้ ลวงปบู่ ญุ สามารถ สบื ต่อภารกิจของท่านได้ จนวกิ ฤตผา่ นพ้นไป ข้าวสารท่ีใช้เลี้ยงเด็กน้ันใช้ถึงวันละกระสอบคร่ึง (๑๕๐ กิโล) ค่าใช้จ่ายอาหารสามมื้อตกวันละ ๕ พันบาท หลวงปู่บุญมิได้คิดเป็น อ่ืนใด นอกจากอยากให้เด็ก ๆ มีเสถียรภาพ เติบโตรู้จักท�ำมาหากิน ไมก่ ่อความวุ่นวายให้บา้ นเมอื ง ความเมตตาของหลวงปู่บุญเป็นที่ประจักษ์ โดยท่านหวังเพียง ให้เด็กชาวเขาเหล่านี้เป็นคนไทยโดยสมบูรณ์ รู้รักแผ่นดินท่ีอาศัย รู้จัก ภาษาไทย ไมต่ อ้ งกลบั ไปมชี วี ติ อยา่ งไรจ้ ดุ หมายอดอยากดงั เดมิ ทา่ นไมไ่ ด้ ยุวศลี จารณิ ชี าวดอย ทีว่ ดั ทุ่งเหียง 54 หวงั วา่ เขาจะตอ้ งกลบั มาตอบแทนอะไรทา่ น อยากใหก้ ลบั ไปชว่ ยบา้ นเกดิ ของเขา ใหก้ ลบั ไปพฒั นาบา้ นของเขาใหด้ ี ทา่ นทำ� เพอื่ เปน็ กศุ ล ตง้ั ใจอทุ ศิ ชวี ิตเพ่ือศาสนา และเพื่อการศกึ ษาทด่ี ีของเยาวชน ทา่ นนกึ ถงึ วยั เดก็ ของ ทา่ นทไี่ มไ่ ดเ้ รยี นเพราะความยากจน เพง่ิ จะไดเ้ รยี นเมอื่ บวช จนทา่ นเจรญิ ในทางธรรม ได้ปกครองวัดเปน็ เจา้ อาวาส หลวงปู่บุญยึดหลักวา่ “ต้องอดทน มีใจกว้าง ถ้าเราใจแคบเลี้ยงเด็กไม่ได้ เราต้อง ยดึ หลักเมตตตาธรมเป็นหลกั ใหค้ วามรักเสมอภาค ไมเ่ ลอื กปฏิบัต”ิ ....การศึกษาเป็นสงิ่ ส�ำคัญ หลวงปบู่ ญุ ทา่ นมองวา่ คนเราเกดิ มาจะมชี วี ติ ทด่ี มี คี วามรไู้ ดก้ ต็ อ้ ง อาศัยโรงเรยี น อาศัยการศกึ ษา ท่านจงึ ทำ� ทกุ อย่างเพือ่ ให้เด็กมกี ารศึกษา ที่ดี ไม่ล�ำบาก พยายามอบรมเรื่องธรรมะทุกวัน สอนกรรมฐานให้จิต ยึดมั่นถือมั่นในหลักธรรม ให้กตัญญูต่อแผ่นดิน รักในหลวง รักและ เทดิ ทนู สถาบนั หลวงปู่บุญ โสภโณยังอุปการะวัดสาขาอีกหลายแห่งได้แก่ สำ� นกั วปิ ัสสนาพระธาตเุ ขาเจา้ อ�ำเภอบ่อทอง ชลบรุ ี ส�ำนกั สงฆพ์ ระธาตุ ดอยปางองุ๋ ทงุ่ บวั ตอง อำ� เภอขนุ ยวม เชยี งใหม่ และทคี่ ลองลกึ ตดิ ชายแดน เขมร อรัญประเทศ ด้วยเหตุผลและความจ�ำเป็นดังกล่าว ทางวัดจึงจ�ำเป็นต้อง บอกบุญมายังท่านผู้มีจิตศรัทธาท้ังหลาย ได้ช่วยกันบริจาคทรัพย์ ตามกำ� ลังศรัทธา เพือ่ จะได้นำ� มาเปน็ คา่ ใชจ้ า่ ยในดา้ นต่าง ๆ ต่อไป หรอื ถ้าหากท่านมีเวลาพอที่จะเดินทางมาเป็นเย่ียมหรือร่วมท�ำบุญกับทางวัด พระมงคลโมลี วิ. (หลวงปูบ่ ญุ โสภโณ) 55 โดยตรงก็ขอเรียนเชิญมาได้ โดยจะมาเป็นคณะ หรือเฉพาะครอบครัว ก็สุดแล้วแต่สะดวก ขออนุโมทนามา ณ โอกาสน้ี ติดต่อสอบถาม โทร. ๐๘๑-๗๖๒๔-๙๗๗, ๐๘๑-๙๘๓๕-๗๘๑, ๐๖๑-๕๗๙๗-๒๒๒ สิ่งของจ�ำเป็นเพอ่ื การสงเคราะห์ ๑. ขา้ วสารอาหารแหง้ ทุกชนิด ๒. อุปกรณ์การเรยี น เช่น สมดุ -ปากกา เปน็ ตน้ ๓. เสอ้ื ผ้าเครอ่ื งนงุ่ ห่ม เคร่อื งกนั หนาว ๔. ของใชท้ จ่ี ำ� เปน็ เชน่ สบ-ู่ ยาสฟี นั -แปรงสฟี นั -ผงซกั ฟอก ฯลฯ ๕. หนงั สอื เรยี นของพระภกิ ษสุ ามเณร บาล-ี นกั ธรรม ตร-ี โท-เอก ๖. อัฏฐบริขารของพระภิกษแุ ละสามเณร เยาวชนในความอปุ ถัมภข์ องหลวงปูบ่ ญ วดั ทุ่งเหียง 56 ....เมตตาธรรม ค้ำ� จุนโลก หากทา่ นใดองคก์ รใดมกี ศุ ลเจตนา ตอ้ งการทำ� บญุ สง่ เสรมิ การศกึ ษา พระเณรและช่วยเหลือเพ่ือนมนุษย์ผู้ด้อยโอกาสบริจาคโดยการโอนเงิน เข้าบัญชี ธนาคารทหารไทย สาขา พนสั นิคม ประเภทบญั ชี ออมทรัพย์ ชือ่ บัญชี พระครโู สภณพัฒนาภริ ม หมายเลขบัญชี ๔๒๑-๒-๐๒๗๖๒-๙ หรอื บริจาคโดยตรงที่ พระมงคลโมลี (หลวงปู่บญุ โสภโณ) วดั ทงุ่ เหยี ง ต�ำบลหมอนนาง อ�ำเภอพนัสนคิ ม จังหวัดชลบรุ ี ตดิ ตอ่ สอบถาม โทรศพั ท์ ๐๘๑-๗๖๒๔-๙๗๗, ๐๘๑-๙๘๓๕-๗๘๑, ๐๖๑-๕๗๙๗-๒๒๒ แผนท่ีวัดทุ่งเหียง ชลบรุ ี พระมงคลโมลี วิ. (หลวงปูบ่ ญุ โสภโณ) 57 ....หลวงปู่บญุ โสภโณ เจ้าอาวาสวดั ทุ่งเหยี ง เมอ่ื วนั ท่ี ๒๐ เดอื น กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๒๑ ทางการคณะสงฆ์ จงั หวดั ชลบรุ ี อนั มพี ระธรรมโกศาจารย์ เจา้ คณะจงั หวดั ชลบรุ ี ไดม้ คี ำ� สง่ั แตง่ ตง้ั ให้ พระครสู มบญุ โสภโณ(หลวงปบู่ ญุ โสภโณ) ดำ� รงตำ� แหนง่ เจา้ อาวาสวดั ทงุ่ เหยี ง เป็นตน้ มาจนถงึ ปจั จบุ ันน้ี ในระหว่างท่ีต้องบริหารงานคณะสงฆ์ทั้งที่วัดทุ่งเหียงและส�ำนัก วิปัสสนาพระธาตุเขาเจ้า พระครูสมบุญ โสภโณ ได้ปฏิบัติภารกิจของ คณะสงฆ์ด้วยดีตลอดมา จนได้รับความเช่ือถือจากเจ้าคณะพระสังฆา- ธิการระดับเหนือข้ึนไป ไ ด ้ พิ จ า ร ณ า เ ห็ น ค ว า ม สามารถ ตลอดจนความ พยายามในการท่ีจะบริหาร งานคณะสงฆ์ให้ประสบ ความเจรญิ ก้าวหน้า จึงได้ พจิ ารณาเสนอขอสมณศกั ดิ์ ไปตามลำ� ดบั ชน้ั และไดร้ บั พระกรณุ าโปรดพระราชทาน ตั้งสมณศักด์ิเป็นพระครู สญั ญาบตั รชนั้ โทที่ พระครู โสภณพัฒนาภิรม พระมงคลโมลี วิ. (หลวงปบู่ ญุ โสภโณ) 58 ....พระราชาคณะท่ี พระมงคลโมลี วิ. เน่ืองในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๘ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานตั้งสมณศักดิ์ พระครูโสภณพัฒนาภิรม (หลวงปู่บุญ โสภโณ) วัดทุ่งเหียง ต.หมอนนาง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี เปน็ พระราชาคณะช้ันสามัญ ท่ี พระมงคลโมลี วิ ....ปแู่ พทว่ี ัดท่งุ เหยี ง วัดทงุ่ เหียงสรา้ งข้นึ บนทดี่ ินของปแู่ พ ชัยเสมอ ซึง่ เปน็ โยมบดิ า ของหลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม ปู่แพมีหลวงพ่อโด่เป็นลูกคนเดียว ที่ดิน จึงตกทอดเป็นมรดก ท่ีดินของ หลวงพ่อโด่น้ีติดกับชายคลอง ซ่ึงปัจจุบันสร้างเป็นโรงเรียนวัด ทงุ่ เหยี ง กาลตอ่ มาไดย้ า้ ยวดั ขนึ้ มา บริเวณเลยศาลาหลังใหญ่ของวัด ทงุ่ เหียงในปจั จบุ นั ป่แู พทีว่ ดั ทุ่งเหียง ในบรเิ วณวดั ทงุ่ เหยี ง มศี าล ของปแู่ พตงั้ อยู่ หลวงปบู่ ญุ ไดเ้ ลา่ วา่ ....ในสมยั กอ่ น มอี าจารยเ์ อม ทา่ นเปน็ คนรน้ั ๆ เมอื่ กอ่ นศาลปแู่ พอยตู่ รง ต้นสะเดาตรงเมรุ ใครจะไปปีน สะเดาตน้ นน้ั ไมไ่ ดเ้ ลย มเี หตตุ ลอด พระมงคลโมลี ว.ิ (หลวงปูบ่ ุญ โสภโณ) 59 บางครงั้ ฝนไมต่ กแตฟ่ า้ กผ็ า่ เคยมเี ดก็ ไปปนี กถ็ กู ฟา้ ผา่ ตาย อาจารยเ์ อมกป็ ว่ ย ไม่ทราบว่าเป็นอะไร คนก็ว่าต้องปู่แพ...... อาจารย์เอมลุกข้ึนคว้ามีดขอ จะไปฟนั ศาลปูแ่ พ ไม่ทนั ไดฟ้ ันเลือดพ่งุ ออกจากปากตายเดยี๋ วนั้น หลวงปู่บุญมาอยู่ก็เห็นศาลต้ังอยู่ ได้กราบเรียนหลวงพ่อเปี่ยม เจ้าอาวาสองค์ก่อนหน้าซ่ึงนับเป็นลูกหลานของปู่แพย้ายศาลของปู่แพ ป้นั รปู ปูแ่ พ ราวพ.ศ. ๒๕๐๑ ภายหลังมพี ราหมณ์มาวดั ก็ทักว่าให้ยา้ ยศาล ก็ต้ังศาลป่แู พบนท่ปี ัจจบุ ัน ศาลปแู่ พ วดั ท่งุ เหยี ง 60 นอกจากนี้ สถานท่ีซ่ึงเป็นโรงเรียนในปัจจุบัน ในอดีต เคยเป็น ที่ตั้งพักทัพของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เมื่อคราวยกไปตีเมือง จนั ทบรุ ี โดยพกั อยหู่ ลายวนั กอ่ นจะเดนิ ทพั ตอ่ ไปพกั ครงั้ สดุ ทา้ ยท่ี “ทพั รงั้ ” ซงึ่ เปน็ สถานทท่ี ที่ รงใหท้ หารทบุ หมอ้ ขา้ วแลว้ เดนิ ทางไปยดึ เมอื งจนั ทบรุ ไี ด้ หลวงพอ่ เปีย่ มมาอยทู่ ่วี ัดทงุ่ เหยี ง และเร่ิมสร้างโบสถ์ในปี ๒๔๙๖ โดยมี โยมจากกรงุ เทพฯทเี่ คยอปุ ถมั ปห์ ลวงพอ่ เปย่ี มใหก้ ารชว่ ยเหลอื นำ� ชาวบา้ น บางกระบอื มาทอดกฐนิ อยสู่ ปี่ ตี ดิ กนั กไ็ ดเ้ งนิ สรา้ งโบสถจ์ นสำ� เรจ็ ดว้ ยเงนิ หกแสนบาท ทวี่ ดั ทงุ่ เหยี งมพี ระพทุ ธรปู เกา่ เปน็ ส�ำรดิ สมยั อยธุ ยาแตไ่ มท่ ราบวา่ ใครเอามา แตก่ อ่ นอยทู่ ศ่ี าลา พอสรา้ งโบสถก์ ย็ า้ ยมา สมเดจ็ ฯ วดั สามพระยา มาทว่ี ดั กบ็ อกวา่ ใหร้ กั ษาไวใ้ หด้ ี ทว่ี ดั ยงั มกี ารพบวตั ถโุ บราณ เชน่ พระบชู า พระเคร่อื งสมยั ทวารวดี ....ดั้นด้นเสาะหาวชิ าตะกรุดทองค�ำ หลวงบุญ โสภโณ หรือพระอาจารย์สมบุญในช่วงพระวัยหนุ่ม ท่านชอบแสวงหาวิชาวิทยาคมท่านจะสืบเสาะแสวงหาส�ำนักเรียนครูบา อาจารย์ที่เก่งกล้าในด้านคาถาอาคมเวทย์มนต์ต่าง ๆ ตลอดจนการ สร้างวตั ถุมงคล เครอ่ื งรางของขลงั ปี ๒๕๒๔ ชาวบา้ นละแวกวดั ทงุ่ เหยี งไดจ้ า้ งคณะหมอลำ� จากภาค- อีสานมาแสดง พอตกค�่ำผู้คนชาวบ้านชายหญิงท้ังเด็กผู้ใหญ่ต่างทยอย เดินทางมายังวัดท่งุ เหยี งเพือ่ มาชมมาฟงั หมอล�ำอนั เป็นมหรสพทสี่ รา้ งความ บนั เทงิ ใหก้ บั ชาวชนบทในยคุ สมยั ทล่ี ะครหนงั ทางโทรทศั นย์ งั ไมแ่ พรไ่ ปถงึ พระมงคลโมลี วิ. (หลวงปบู่ ญุ โสภโณ) 61 เสียงโฆษกประกาศผ่านล�ำโพงเคร่ืองขยายเสียงเชิญชวนให้ มติ รรักนกั ชมเตรยี มตวั พบกบั หมอลำ� ย่งิ เร่งเร้าความสนใจใหผ้ คู้ นอมุ้ ลกู จงู หลานหอบเสอื่ มาปูรองน่ังหนา้ เวทีจนเกอื บเต็มลานแสดง คร้ันเมื่อได้เวลาหมอล�ำเร่ิมแสดง โสตประสาทของผู้ชมก็พุ่งไป จดจอ่ ยงั เวทแี สดง ยงิ่ นางเอกหมอลำ� ออกมารอ้ งมาฟอ้ นยง่ิ เปน็ ทช่ี อบอก ชอบใจของผู้ชม สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่นางเอกหมอล�ำราวกับถูกมนต์ สะกด ไม่ว่าจะรองจะรำ� อะไรดเู ปน็ ทถี่ กู อกถกู ใจไปหมด เวลาเคลอ่ื นไปดกึ ดนื่ เทยี่ งคนื ผชู้ มกย็ งั ไมม่ ที ที า่ จะถอย ยงั ปกั หลกั ชมหมอล�ำกันอย่าง “ม่วนหลาย”จนกระท้ังจบบทจบกลอนล�ำจึงได้ยุติ การแสดง ผชู้ มจงึ ทะยอยกนั กลบั บา้ น ชาวคณะหมอลำ� กอ็ าศยั วดั พกั คา้ งคนื ตลอดการแสดงบนเวทีที่มีเครื่องไฟเคร่ืองขยายเสียง ท�ำให้ พระอาจารย์บุญ ได้ยินเสียงหมอล�ำเรื่องต่อกลอนสลับกับเสียงปรบมือ เสยี งหวั เราะชอบใจของผชู้ ม ท่านพิจาณาดูกน็ า่ แปลกใจ เพราะคณะที่มา แสดงก็เปน็ คณะเลก็ ๆ การแสดงก็ธรรมดา ๆ แตท่ ำ� ไมคนไม่ยอมลุกจาก ทนี่ งั่ ตา่ งนง่ั จอ้ งเขมง็ กบั การแสดง ยงิ่ นางเอกหมอลำ� ยงิ่ เปน็ ทถ่ี กู อกถกู ใจ ของผู้ชมเป็นอันมาก ด้วยความเป็นคนช่างสังเกตของพระอาจารย์บุญ จงึ คิดพจิ ารณาวา่ ........น่าจะมี “ของด”ี คนถงึ ไดต้ ิดอกตดิ ใจกันมากมาย ขนาดนี้ พอรงุ่ เชา้ นางเอกหมอลำ� มากราบลาเพอ่ื เดนิ ทางไปแสดงตอ่ ทอี่ น่ื ท่านจงึ ถามวา่ “อีนาง....เอ็งมีอีหยัง...ผู้คนถึงได้มักเจ้าหลาย” (มีอะไรดี ถึงมี ผู้ชมชื่นชอบมาก) 62 “บ่มีอีหยังหรอก...ถ้ามีก็ตะกรุด ทองค�ำดอกน่ีแหละ เป็นตะกรุดทองค�ำ ท่ีหลวงปู่จ้อย วัดบ้านโนน ประจันตคาม ปราจนี บรุ ี ทา่ นเมตตาทำ� ใหเ้ สกใหพ้ กตดิ ตวั ” พระอาจารย์บุญพิจารณาตะกรุดดอกนั้น ท่มี ขี นาดยาวราว ๆ ๑ นิ้วและสอบถามทมี่ า ที่ไปของตะกรุดทองค�ำได้ความว่าเป็นของ หลวงปู่จ้อย วัดบ้านโนน อ.ประจันตคาม หลวงปจู่ อ้ ย วดั บา้ นโนน จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นเกจิอาจารย์ท่ีมีความรู้ ความสามารถในการท�ำและปลกุ เสก”ตะกรดุ ทองคำ� ” ไม่รอช้าเมื่อมีเวลาและโอกาสพระอาจารย์บุญได้เดินทางไป ท่ีฉะเชิงเทราเพื่อต่อรถไฟไปปราจีนบุรี เมื่อถึงสถานี ต.ดงบัง อ.ประจนั ตคาม จ.ปราจนี บรุ ี กต็ อ้ งเดนิ ทางดว้ ยเทา้ ไปตามราวปา่ อกี ๑๔ กโิ ล จดุ หมายปลายทางคอื ...ไปพบหลวงปจู่ ้อย วดั บา้ นโนน ....เรียนวิชา “ตะกรุดทองค�ำบินได้” จากหลวงปจู่ ้อย วัดบา้ นโนน เมื่อพระอาจารย์บุญเดินลัดเลาะจนถึงวัดบ้านโนน ก็ได้พบกับ หลวงปู่จ้อย ท่านเป็นพระเถระที่มีจิตใจเมตตา พระอาจารย์บุญได้เล่า สาเหตทุ ่ีมาและถามทา่ นเกยี่ วกบั เรื่องตะกรดุ ทองคำ� ของนางเอกหมอล�ำ หลวงปู่จ้อยนึกทบทวนสักครูแล้วกล่าวว่า “แม่นแล้ว” ท่านให้ ไปเอง ตะกรุดทองค�ำน้ีเป็นสุดยอดตะกรุดด้านเมตตามหานิยมช้ันหน่ึง พระมงคลโมลี วิ. (หลวงป่บู ุญ โสภโณ) 63 ใครมีไวจ้ ะเพ่ิมเสนห่ ์มหานยิ ม การจรจากับใครกไ็ ดผ้ ล เข้าหาผู้ใหญ่ ๆ ก็ เมตตา เป็นคดีความก็ไม่แพ้ ถ้าผู้ชายอมตะกรุดไว้ในปากพูดกับผู้หญิง ไม่ว่าคนใดไมม่ ลี ุกหนี แม้เปน็ นักร้องนกั แสดงผ้คู นกจ็ ะนยิ มชมชอบ พระอาจารย์บุญจึงขอโอกาสเรียนวิชาท�ำตะกรุดทองค�ำจาก หลวงปจู่ อ้ ย แตท่ า่ นบอกวา่ การเรยี นวชิ านตี้ อ้ งหา “คาบคาถา” ใหไ้ ดก้ อ่ น จงึ จะเรียนได้ เพราะผสู้ อนจะบอกคาบคาถาใหต้ รง ๆ ไมไ่ ด้ หากขนื บอก ไปทา่ นว่า “ฟา้ จะผ่าเอา” การเรียนวิชานี้ตอ้ งไดค้ าบคาถาและอ�ำนาจจติ จงึ จะปลกุ ของข้ึน พระอาจารยบ์ ญุ พกั อยกู่ บั หลวงปจู่ อ้ ย ๒ คนื จงึ ไดล้ ากลบั วดั ทงุ่ เหยี ง ปริศนาเกยี่ วกับ “คาบคาถา” น้ีพระอาจารย์บญุ พยามสอบถาม จากเกจิอาจารย์หลายส�ำนักหลายอาจารย์ เมื่อคิดว้าได้แล้วก็เดินทางน�ำ “คาบคาถา” ไปถามหลวงปจู่ อ้ ยทว่ี ดั บา้ นโนนครง้ั แลว้ ครง้ั เลา่ แตห่ ลวงปจู่ อ้ ย ก็ยังบอกว่า “บแ่ ม่น” คอื ยงั ไมใ่ ช่ เวลาผ่านไปรว่ มสามปี หลวงปู่จอ้ ยเห็นความวิริยะมานะบากบ่ัน ของพระอาจารย์บุญพยายามหาคาบคาถามาสอบถามร่วมยี่สิบกว่าครั้ง ก็ยังไม่ละความพยายาม ในครั้งท่ีย่ีสิบเจ็ดท่านจึงบอกเป็นปริศนาว่า..... ให้ไปถามนักปราชญ์ พระอาจารยบ์ ญุ กลบั มาทบทวนคำ� วา่ ..... “ใหไ้ ปถามนกั ปราชญ”์ ท่านจึงเดินทางไปพบอาจารย์กล่อม ฆราวาสท่ีมีความรู้ในพุทธศาสน์ และความสามารถด้านคาถาอาคมถือได้ว่าเป็นนักปราชญ์ เพราะในอดีต ทา่ นเคยเป็นเจา้ อาวาสวัดเกาะแกว้ นครสวรรค์ พนสั นิคม “อาจารย์บญุ มธี รุ ะอะไรเหรอ” อาจารย์กลอ่ มถาม 64 “อาตมาอยากจะมาถามว่า...คาบคาถานั้นคืออะไร” แล้วพระ อาจารยบ์ ญุ ก็เล่าบางประเด็นใหฟ้ งั เหตุท่ีมา อาจารย์กลอ่ มตบเขา่ ฉาด “โธเ่ อย้ ......ของกินกบั ข้าวทกุ มือ้ ” “ปฏสิ ังขาโยใชไ่ หม”่ พระอาจารย์บุญถามตอ่ “ไม่ใช่ คาบคาถาคืออย่างนี้...........” อาจารย์กล่อมอธิบาย เปน็ ฉาก ๆ ใหฟ้ ัง จนพระอาจารยบ์ ญุ จำ� ได้ คนื นนั้ ทง้ั คนื แทบนอนไมห่ ลับ อยากให้รุ่งเช้าเร็ว ๆ เพ่ือจะได้เดินทางไปหาหลวงปู่จ้อย วัดบ้านโนน เป็นครั้งท.่ี ....ยส่ี บิ แปด เม่ือถึงวัดบ้านโนนกราบหลวงปู่จ้อยแล้ว พระอาจารย์บุญก็ว่า คาบคาถาให้ฟงั “แมน่ แลว้ ” หลวงปจู่ อ้ ยกลา่ วยนิ ดกี บั ศษิ ยผ์ ไู้ มล่ ะความพยายาม จากน้ันท่านได้ต่อคาบคาถาให้ครบท้ังสามสิบสามตัวและถ่ายทอดวิชา “ตะกรดุ ทองค�ำ” ให้ความเมตตา วิชาตะกรุดทองค�ำ เป็นวิชาท่ีหลวงปู่จ้อยเรียนมาจากอดีต เจา้ อาวาสวดั บา้ นโนน วิธที �ำตอ้ งใชแ้ ผ่นทองคำ� แหนกั หน่ึงเฟ้ือง ขาดหรอื เกินกไ็ มไ่ ด้ ขนาดกวา้ ง ๑ น้ิว ยาว ๑.๒ น้วิ แลว้ ปลกุ เสกจนตระกรุดน้ี บนิ ไดเ้ หมอื นนก ถา้ ยงั บนิ ไมไ่ ดถ้ อื วา่ ยงั ใชไ้ มไ่ ดก้ ต็ อ้ งเสกตอ่ ไปอกี จนกวา่ จะบนิ ได้ ตะกรดุ ทองคำ� นมี้ ขี อ้ หา้ มหลายอยา่ ง เชน่ หา้ มลอดใตถ้ นุ ใตส้ ะพาน ราวตากผ้า หากท�ำไม่ดีตะกรุดทองค�ำจะบินหนีไปแล้วไม่กลับ ที่ส�ำคัญ หา้ มทำ� ตะกรดุ นีใ้ ห้นักบวชเพราะเสยี่ งตอ่ การอาบัตปิ ราชกิ พระอาจารย์บุญได้ศึกษาและต่อมาได้น�ำวิชาตะกรุดทองค�ำนี้ มาสรา้ งและปลกุ เสกจน..ตะกรดุ ทองคำ� บินได้ พระมงคลโมลี ว.ิ (หลวงปูบ่ ุญ โสภโณ) 65 หลวงปู่บญุ เจรญิ จติ ตานภุ าพ ....กรรมฐานทเ่ี ก่ยี วเนื่องกบั การเพง่ กสิณ หลวงปู่จ้อยยังได้สอนกรรมฐานที่เก่ียวเนื่องกับการเพ่งกสิณ ให้อีก โดยให้ฝึกเพ่งกสณิ ทอี่ าศยั วัสดุอปุ กรณง์ า่ ย ๆ คือกระดาษเจาะรู ตรงกลางเส้นผ่าศูนย์กลางสิบหกน้ิวและเพ่งกสิณผ่านรูกลมนี้จนบังเกิด ความสว่างและความวา่ ง การเพง่ กสณิ จดั เปน็ อบุ ายวธิ ใี นการทำ� สมาธทิ มี่ ดี อี ยใู่ นตวั กลา่ วคอื เป็นเสมือนทางลัดที่จติ ใช้ในการเข้าสู่สมาธไิ ดอ้ ยา่ งรวดเร็ว และง่ายดาย กว่าการเลือกใช้อุบายกรรมฐานกองอื่นๆ ทั้งน้ีเนื่องจากแนวทาง ในการ ปฏบิ ตั สิ มาธภิ าวนาดว้ ยการใชอ้ บุ ายวธิ กี ารเพง่ กสณิ นน้ั จติ จะยดึ เอาภาพ นมิ ติ กสณิ ทเ่ี กดิ ขนึ้ มาเปน็ เครอ่ื งรขู้ องจติ แทนอารมณต์ า่ ง ๆ ทผ่ี า่ นเขา้ มา 66 ในจิต และเมอ่ื ภาพนิมิตกสณิ เรมิ่ รวมกันเปน็ หนง่ึ เดียวกันกับจติ จติ ก็จะ รับเอาภาพนิมิตกสิณนั้นมาเปน็ หนึง่ เดียวกนั กบั จิต จากนนั้ ภาพนิมติ กสณิ จะคอ่ ยๆ พฒั นาไปเองตามความละเอียด ของจิต ซ่ึงจะส่งผลให้เกิดมีความเปลี่ยนแปลงขึ้นกับภาพนิมิตกสิณน้ัน เรมิ่ ตง้ั แตค่ วามคมชดั ในการมองเหน็ ภาพนมิ ติ กสณิ ทป่ี รากฏขน้ึ ภายในจติ และสามารถมองเห็นภาพนิมิตกสิณน้ันได้อย่างชัดเจน ราวกับมองเห็น ดว้ ยตาจรงิ ๆ ไปจนกระทงั่ การทจี่ ติ สามารถบงั คบั ภาพนมิ ติ กสณิ ดงั กลา่ วได้ อนั เป็นพลงั จติ ทเี่ กดิ ขึ้นจากการเพ่งนิมติ กสณิ การท�ำสมาธิด้วยวิธีเพ่งกสิณ ถือว่าเป็นกรรมฐานท่ีท�ำให้จิต มีอานุภาพเกิดข้ึนมากมาย โดยเฉพาะอย่างย่ิงในเรื่องท่ีเกี่ยวอภิญญา อภนิ หิ ารทัง้ หลาย ล้วนแต่เกดิ ข้ึนจากอ�ำนาจของกสณิ ....บูรพาจารยแ์ หง่ บรู พาทิศ ในภาคตะวนั ออกโดยเฉพาะจงั หวดั ปราจนี บรุ ใี นอดตี เปน็ ดนิ แดน ท่มี พี ระเกจิอาจารย์ผู้เรอื งวิทยาคมหลายรูปหลายส�ำนกั พระอาจารยบ์ ญุ ไดต้ ระเวนเรยี นวชิ าหาความรใู้ นแถบถนิ่ นน้ั อยเู่ ปน็ เวลาสามปี ไดม้ โี อกาส เรยี นวชิ ากบั บรู พาจารยแ์ หง่ บรู พาทศิ หลายรปู อาทิ หลวงปจู่ อ้ ย วดั บา้ นโนน (วิชาตะกรุดทองค�ำ) หลวงพ่อเส็ง วัดประจันตคาม (วิชาสร้างเหรียญ โภคทรพั ย์ นางกวกั ) หลวงพอ่ เอยี วดั บา้ นดา่ น หรอื พระครสู งั วรกติ ตคิ ณุ หลวงพอ่ บญุ ล้นิ ด�ำ วดั บา้ นตม อ.ประจนั ตคาม หลวงพ่อเคน วดั เขาอโี ต้ ปราจีนบุรี