โรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ หรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่า “เซ็กซ์เสื่อม” นั้น คือ ภาวะที่อวัยวะเพศชายไม่สามารถแข็งตัวได้สมบูรณ์ในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งอาการนี้อาจเกิดขึ้นกับผู้ชายวัยใดก็ได้ แต่มักพบมากในกลุ่มที่มีอายุเพิ่มมากขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับผู้ชายทุกคน และจากสถิติพบว่าผู้ชายกว่า 152 ล้านคน .jpg)ทั่วโลกต้องเผชิญกับปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งปัญหานี้มีที่มาจากหลากหลายสาเหตุโดยไม่ต้องรอให้ถึงวัยเกษียณก็อาจเผชิญปัญหานี้ได้เช่นกัน เพราะแม้พฤติกรรมบางอย่างที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องบนเตียงเลยนั้น ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะเสื่อมสมรรถภาพได้อย่างไม่น่าเชื่อ ลองไปดูกันว่าพฤติกรรมที่ส่งผลต่อสมรรถภาพทางเพศนั้น มีอะไรกันบ้าง Show
สะสมความเครียด คนเราทุกวันนี้มีความเครียดสะสมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งความเครียดนี่เองจะส่งผลกระทบต่อฮอร์โมนในร่างกายหลายตัว รวมถึงฮอร์โมนเพศให้ทำงานผิดปกติ ดังนั้น เราควรพยายามทำจิตใจให้สบาย เลือกวางปัญหาต่างๆ เอาไว้บ้าง เสพข่าวสารต่างๆ แต่พอดี บาลานซ์ชีวิตให้ลงตัวระหว่างเรื่องงานและเรื่องชีวิตส่วนตัว มีเซ็กซ์น้อยเกินไป มีการวิจัยยืนยันว่าผู้ชายที่มีเซ็กซ์น้อยกว่า 1 ครั้งต่อสัปดาห์ มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศมากกว่าผู้ชายที่มีเซ็กซ์ 3 ครั้งต่อสัปดาห์หลายเท่า เพราะการมีเซ็กซ์น้อยกว่าค่าเฉลี่ยนั้น ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้เช่นกัน พักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายของคนเราต้องการการพักผ่อนที่เพียงพอ เพื่อให้ระบบต่างๆ ของร่างกายได้ฟื้นฟู ซ่อมแซมตัวเอง แต่เมื่อคุณใช้ร่างกายหนัก ขาดการพักผ่อน นอนน้อยติดกันเป็นเวลานานมันจะส่งผลต่อระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน หรือฮอร์โมนเพศชายในร่างกายให้ต่ำลง จนส่งผลให้ความต้องการทางเพศลดลงตามไปด้วย สูบบุหรี่จัด เจ้านิโคตินตัวร้ายในบุหรี่ นอกจากจะส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างมากแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อหลอดเลือด เพราะไปยับยั้งการไหลเวียนของเลือดในหลอดเลือดดำและแดง ส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดสู่องคชาติผิดปกติ และในระยะยาวก็จะทำให้สเปิร์มของคุณไม่แข็งแรงพอที่จะสืบพันธุ์ ดูทีวีมากเกินไป งานวิจัยหนึ่งในสหรัฐอเมริการะบุว่า ผู้ชายที่ใช้เวลาอยู่หน้าทีวีนานกว่า 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ จะมีจำนวนสเปิร์มน้อยกว่าผู้ชายที่ไม่ดูทีวีเลยถึง 44% นอกจากนี้ ผู้ที่มีนิสัยติดดูทีวีเป็นประจำ จะมีสเปิร์มที่ไม่แข็งแรงนัก เนื่องจากขาดการออกกำลังกาย .jpg) ออกกำลังกายมากเกินไป หรือน้อยเกินไป การออกกำลังช่วยทำให้การไหลเวียนของเลือดสูบฉีดได้ดี ระบบต่างๆ ทำงานได้เต็มที่ ซึ่งการออกกำลังกายน้อยเกินไป หรือมากเกินไป ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สมรรถภาพทางเพศแย่ลงได้เหมือนกัน เพราะเมื่อคุณออกกำลังกายอย่างหนักจะส่งผลให้เกิดความตึงเครียดสะสมภายในกล้ามเนื้อ แล้วพอสะสมไปมากๆ ก็จะทำให้คุณเกิดความเครียด จนหงุดหงิด อารมณ์แปรปรวนเสียสุขภาพจิต ร่างกายอ่อนล้าตลอดทั้งวัน ซึ่งทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีผลทำให้ความต้องการทางเพศลดลงทั้งสิ้น จึงควรที่จะต้องควบคุมการออกกำลังกายให้อยู่ในระดับที่พอดี การใช้ยาบางชนิดติดต่อกันเป็นเวลานาน ยาบางชนิดที่ส่งผลต่อการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิต และฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกาย เช่น ยาลดความดัน ยารักษาโรคเบาหวาน ยารักษาโรคซึมเศร้า ยารักษาสิวบางชนิด เป็นต้น ผู้ที่ใช้ยาเหล่านี้ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ จึงอาจประสบปัญหาอวัยวะเพศไม่แข็งตัว แข็งตัวช้า หรือหลั่งเร็ว มีความต้องการทางเพศลดลง หรือมีการตอบสนองทางเพศที่ผิดปกติได้ ดังนั้น ก่อนจะใช้ยาใดๆ ต้องศึกษาให้ดี และอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์อย่างใกล้ชิด ติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และคาเฟอีน แม้ว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีสารคาเฟอีนจะช่วยให้สมรรถภาพทางเพศดีขึ้น แต่ในทางกลับกันหากได้รับสองสิ่งนี้ในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น ก็อาจทำให้สมรรถภาพทางเพศแย่ลงได้เช่นกัน เพราะการที่ร่างกายได้รับแอลกอฮอล์และคาเฟอีนที่มากเกินไป จะทำให้ฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุลกัน โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) คือ การติดเชื้อซึ่งสามารถติดต่อจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ การมีเพศสัมพันธ์หมายถึง
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยมีอะไรบ้าง? (What are the most common STIs?)โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยที่สุดคือ
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Find out more about STIs) คุณจะติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อย่างไร? (How do you get an STI?)คุณสามารถติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วยการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย คุณมีแนวโน้มที่จะติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มากขึ้น หากคุณมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยกับ
ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักโดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยกับผู้ชายคนอื่น มีความเสี่ยงที่สูงกว่าในการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์? (How do you know if you have an STI?)โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางชนิดไม่อาการแสดงหรืออาการใด ๆ ให้เห็น ดังนั้น คุณอาจติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้โดยไม่รู้ตัว นั่นหมายความว่า คุณสามารถแพร่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไปให้คู่นอนของคุณและทำให้พวกเขาติดโรคได้เช่นกัน โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางชนิดมีอาการที่บริเวณอวัยวะเพศของคุณ อันได้แก่
อาการเหล่านี้ อาจรวมถึง
อาการของฉันน่ากังวลมากแค่ไหน? (How urgent are my symptoms?) การตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์คืออะไร? (What is an STI test?)วิธีเดียวที่จะทราบว่าคุณติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือไม่คือ การเข้ารับการตรวจโรค อันได้แก่
แพทย์ของคุณจะบอกคุณว่าควรรับการตรวจด้วยวิธีไหน ซึ่งใช้เวลา 1 ถึง 2 สัปดาห์จึงจะทราบผลการตรวจ ฉันจะเข้ารับการตรวจได้ที่ไหนบ้าง? (Where can I be tested?) เมื่อไหร่ที่คุณควรเข้ารับการตรวจ? (When should you be tested?)คุณควรตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หากว่า
ฉันต้องเข้ารับการตรวจอะไรบ้าง? (What tests do I need?) อาการของฉันน่ากังวลมากแค่ไหน? (How urgent are my symptoms?) จะทำอย่างไรถ้าผลการตรวจของคุณเป็นบวก? (What can you do if your test is positive?)ผลการตรวจเป็น 'บวก' หมายความว่า คุณติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แพทย์ของคุณจะให้ยากับคุณเพื่อรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มาจากเชื้อแบคทีเรียส่วนใหญ่สามารถรักษาได้และรักษาให้หายขาดได้ ซึ่งหมายความว่า เมื่อคุณได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว เชื้อจะหายไปจากร่างกายของคุณและไม่สามารถติดต่อไปยังคู่นอนของคุณได้ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มาจากเชื้อไวรัสบางชนิดสามารถรักษาได้ แต่ไม่หายขาด ซึ่งหมายความว่า เมื่อคุณได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว อาการทางกายภาพของเชื้อไวรัสจะหายไป แต่ไวรัสยังอาจคงอยู่ในร่างกายของคุณและยังสามารถแพร่เชื้อไปสู่คู่นอนของคุณได้ คุณต้องแจ้งผลการตรวจของคุณกับใครบ้าง? (Who do you need to tell about your test results?)คุณควรแจ้งคู่นอนของคุณว่า คุณติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพื่อให้พวกเขาสามารถไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจ หากคู่นอนของคุณไม่เข้ารับการตรวจหรือไม่ได้รับยารักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของเขา คุณอาจแบ่งยารักษาโรคให้กับกันและกันได้ คุณไม่จำเป็นต้องบอกบุคคลเหล่านี้
อาจเป็นการยากที่จะพูดกับคู่นอนเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่คุณสามารถใช้แหล่งข้อมูลออนไลน์ที่เรียกว่า Let Them Know เพื่อช่วยคุณในการแจ้งคู่นอนของคุณ หรือแจ้งแบบไม่ระบุชื่อผู้แจ้งเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางโรค คุณสามารถถามแพทย์ของคุณว่าพวกเขาสามารถช่วยคุณได้หรือไม่ Let Them Know เป็นฝ่ายจัดหาข้อมูลเพื่อช่วยแพทย์ในการให้ความช่วยเหลือคุณ การรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทำได้อย่างไรบ้าง? (How are STIs treated?)คุณควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่า คุณปลอดภัยไม่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ส่วนใหญ่สามารถรักษาได้อย่างง่าย ๆ ด้วยยาเช่น ยาปฏิชีวนะ หลังจากได้รับการรักษาแล้ว คุณจะไม่แพร่เชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ให้กับคนอื่นอีก โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางชนิดสามารถรักษาได้ด้วยยา แต่ไม่หายขาด ยาจะช่วยควบคุมเชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในร่างกายของคุณและช่วยป้องกันอาการได้ แต่คุณจำเป็นต้องจัดการกับโรคและคนที่คุณติดต่อมีเพศสัมพันธ์ด้วย แพทย์สามารถพูดคุยกับคุณได้ว่าจะทำเช่นนี้ได้อย่างไร หากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไม่ได้รับการรักษา คุณอาจมีปัญหาสุขภาพในระยะยาวได้ เช่น ภาวะการมีบุตรยาก และคุณยังสามารถแพร่เชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไปยังคู่นอนที่คุณมีเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย จะแน่ใจได้อย่างไรว่าคุณไม่ได้แพร่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไปติดคนอื่น? (How can you make sure you don't give an STI to someone else?)ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อคุณมีเพศสัมพันธ์ หากคุณติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อย่ามีเพศสัมพันธ์อีกจนกว่าคุณและคู่นอนของคุณได้ไปพบแพทย์และเข้ารับการรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จนหายดีแล้ว คุณสามารถหลีกเลี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อย่างไร? (How can you avoid STIs?)วิธีที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คือการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ แต่คุณก็ยังควรที่จะ |