ฟ วเจอร ร งส ต ไป ม.ธรรมศาสตร ร งส ต

“เสือสองตัวอยู่ถ้าเดียวกันไม่ได้” อาจหมายความถึงเส้นทางก้าวขึ้นสู่ผู้นำสูงสุดแวดวงสีกากีของนายตำรวจใหญ่ 2 คน คือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล “บิ๊กโจ๊ก” รอง ผบ.ตร. ฝ่ายสืบสวนสอบสวน กับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล “บิ๊กต่อ” รอง ผบ.ตร. ฝ่ายป้องกันและปราบปราม

แม้บัดนี้ยังไม่มีคำใดหลุดจากปากนายตำรวจทั้งสองว่ามีความขัดแย้งกัน แต่ข้อเท็จจริงต่างๆ ที่เกิดขึ้นไล่มาตั้งแต่ประเด็น “เป้รักผู้การฯ เท่าไหร่ เป้เขียนมา” จนมาถึง "คดีกำนันนก" ล้วนแต่บ่มเพาะความขัดแย้งระบมหนักจนฝีแตก เมื่อ”พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ หรือ “ผกก.เบิ้ม” น้องเลิฟ “บิ๊กต่อ” ใช้อาวุธปืนประจำกาย ฆ่าตัวตายคาบ้านพักในช่วงที่ “บิ๊กโจ๊ก”กำลังไล่บี้ตำรวจที่ไปร่วมงานวันเกิดกำนันนก แล้วเกิดเหตุยิง “สารวัตรแบงก์” พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว อดีต สว.กก.2 บก.ทล.เสียชีวิตคางานเลี้ยง

ความสูญเสียครั้งใหญ่ซ้ำสอง ในหมู่ตำรวจสอบสวนกลางภายใต้ปีกของ “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์” บุคคลในวงการสีกากีต่างโฟกัสไปยังการทำงานของ “บิ๊กโจ๊ก” ที่ไม่ยอมลดราวาศอก ซ้ำยังออกอาการเดินหน้าอย่าดุดัน

คนชอบมองว่าตำรวจรับส่วยจากผู้มีอิทธิพล สมควรถูกกำจัดไป บ้างก็ว่าการดำเนินคดีดูเหมือนเกินเลย มีวาระซ่อนเร้น

ก่อนบานปลายกลายเป็นศึกตำรวจด้วยกันซะเอง “พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์” ผบ.ตร. ที่แอบชิ่งลอยตัวอยู่พักใหญ่ อดรนทนไม่ได้ต้องรีบเป่านกหวีดโยนเรื่องให้ "บิ๊กก้อง" พล.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช กองปราบปรามเข้าคลี่คลายคดีกำนันนกแทน “บิ๊กโจ๊ก” หลังจากข่าวคราวเรื่องร้ายแห่งเมืองนครปฐม เริ่มซาจากหน้าข่าว

เช้าวันจันทร์ที่ 25 ก.ย. ก่อนกำหนดการเคาะตำแหน่ง ผบ.ตร.คนใหม่เพียงสองวัน ปฏิบัติการ BIG CLEANIMG DAY ปัดกวาดบ้านตำรวจที่สร้างความตกตะลึงแก่สังคมไทยก็เกิดขึ้น

กำลังตำรวจหน่วยคอมมานโดติดอาวุธ นำโดย “พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา” ผบช. กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บก.สอท.) พร้อมหมายค้นเข้าตรวจบ้านพัก “บิ๊กโจ๊ก” หลังสโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดี กทม.กับอีก 30 จุดเป้าหมายพื้นที่ 6 จังหวัด นอกจากนั้นยังออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเว็บการพนันออนไลน์ 12 เว็บไซต์ รวม 23 คน แยกเป็นพลเรือน 15 ราย ตำรวจ 8 นาย และเป็นคนสนิท พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นมือไม้ทำงานใกล้ชิด 2 นายเป็นพี่น้องกันคือ “พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิสมัย” รองผบก.สส.ภ.4 นรต.52 และ “พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิสมัย” ผกก.ตม.จว.จันทบุรี นรต.51

ภาพที่ปรากฏแม้ “บิ๊กเด่น” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จะยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับ “บิ๊กโจ๊ก” แต่มองอย่างไรก็ไม่พ้นนายตำรวจคนดังท่านนี้

รวมทั้งแม้ไม่ปรากฏแม้เงา “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” รอง ผบ.ตร. ผู้ที่ถูกสังคมเอ่ยถึง แต่ก็เป็นความเข้าใจของสังคมไปแล้วว่า นายตำรวจท่านนี้คือเงาที่ปรากฏอยู่หลังทีมตรวจค้นจับกุม ที่ไม่ชัด ฟันธงไม่ได้ 100% ก็แค่ไม่มายืนร่วมในที่เกิดเหตุเท่านั้น

การตรวจค้นบ้านนายตำรวจระดับ รอง ผบ.ตร.เสร็จสิ้นไปแล้ว โดยเบื้องต้นไม่มีสิ่งใดผิดกฎหมาย รวมทั้งการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาในระดับหัวโจก จนผ่านกระบวนการฝากขังเรียบร้อยพร้อมๆ กับคำถามของสังคมที่ต่างเชื่อกันว่า สาเหตุมาจากการแก่งแย่งเก้าอี้ ผบ.ตร. คนใหม่ แต่เบื้องลึกปฏิบัติการ “เอาคืน” ในจังหวะที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” กำลังเพลิดเพลินอยู่กับการทำหน้าที่ จนเหมือนกับไม่ทันได้ระวังตั้งตัวนั้น คนที่คร่ำหวอดกับสังคมสีกากี รู้จังหวะจะโคนของการเคลื่อนตัวในลักษณะนี้พยาน หลักฐานแถวแรกที่จัดการกับขบวนการเว็บพนัน อันมีข้าราชการตำรวจตกเป็นผู้ต้องหาร่วมด้วยนั้น ใช่เพียงคลิปร้องเพลง ระหว่าง “สาวมินนี่” เจ้าแม่การพนันออนไลน์เพียงแค่นี้ แต่จะมีหลักฐานเชื่อมโยงเป็นแถวที่ 2-3 ตามลำดับ ไล่ไปจนสามารถมัดตัว “บิ๊ก” หรือขาใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง

หลักฐานเชื่อมโยงสำคัญที่สุดคือ เส้นทางการเงินซึ่งขณะนี้พบแล้วว่ามีการโอนเงินจากบัญชี "มินนี่" ไปยังตำรวจที่เกี่ยวข้องหลายนาย ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา แต่ที่น่าระทึกคือ ค่าใช่จ่ายต่างๆ รวมทั้งค่ารักษาพยาบาลทางฝั่งญาติพี่น้องของบิ๊กตำรวจคนดัง ล้วนโยงใยมาจากเส้นทางการเงินเดียวกัน

ย้อนกลับไปยังประเด็น “เป้รักผู้การฯ” กับส่วยมากถึง 140 ล้าน แลกกับอิสรภาพที่ต้องถูกดำเนินคดี-ยึดทรัพย์ อันมีตัวละครสำคัญที่เกี่ยวข้องกับ 2 นายตำรวจผู้ยิ่งใหญ่

16 มิ.ย.ที่ผ่านมา ฉก.ศปอส.จว.ชลบุรี ตรวจค้นบ้านผู้ต้องหาคดีการพนันออนไลน์ 3 จุด คือย่านคลองสามวา มีนบุรี กทม. ย่านบางใหญ่ จ.นนทบุรี จำนวน 2 หลัง มีการจับกุมผู้ต้องหาส่วนหนึ่งรวมทั้ง “นายเป้” แล้วนำตัวไปพบกับ พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ ผบก.จว.ชลบุรี มีการเรียกรับเงิน 140 ล้าน ต่อมา นายเป้ ผันตัวเป็นเจ้าทุกข์ฐานถูกรีดเข้าแจ้ง พ.ต.อ.วงกต สุวรรณรัตน์ ผกก.สภ.คูคต จ.ปทุมธานี ให้ดำเนินคดีกับ ผบก.จว.ชลบุรี กับพวกอีก 9 นาย แยกเป็นพลเรือน 2 ตำรวจ 7 นาย

ในจำนวนนั้น มีตำรวจไซเบอร์ 2 คนคือ “พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ อ่อนตา” รองผบก.สอท.2 และ “พ.ต.ท.ปฐมพงศ์ มีอยู่” สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.2

เรื่องนี้เป็นข่าวอื้อฉาวแวดวงตำรวจ ยิ่ง “พล.ต.อ.สุรเชษฐ หักพาล” เข้ามากำกับดูแล ประเด็นต่างๆ ถูกสายข่าวขาประจำที่ทราบกันในวงการว่ามีความสนิทคุ้นเคยกับ “บิ๊กโจ๊ก” ต่างออกมาขยำขยี้ กันอย่างเต็มที่

แตกประเด็นโฉบไปเฉี่ยวมา เพราะทราบกันดีว่ากองบัญชาการการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์นั้น ใหญ่กว่า ผบช.ไซเบอร์ตัวจริงก็ “บิ๊กต่อ” นี่แหละ

จังหวะที่สำนักข่าวที่เชื่อว่าคุ้นเคยกับ “บิ๊กโจ๊ก” กำลังเปิดแผลทุกวันนักเคลื่อนไหวอย่าง "อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ " ได้ออกมากระตุกประเด็นเห็นต่างเป็นปากเป็นเสียงให้กับฝ่ายตำรวจผู้ถูกกล่าวหา

โดยเฉพาะมูลสำคัญระบุว่าตำรวจไซเบอร์ ที่เข้าไปเกี่ยวด้วยนั้นเป็นเพราะผู้การฯเมืองชลบุรี ทำหนังสือร้องขอให้ไปช่วยเหลือในฐานะผู้เชี่ยวชาญ

ล่าสุดก่อนการบุกค้นบ้านพัก “บิ๊กโจ๊ก” ประเด็น”เป้รักผู้การฯ” กลับกลายเป็นว่าฝ่ายผู้ต้องหาเล่นงานกลับฟ้อง 157 ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีกับพวกเขารวมทั้ง “บิ๊กโจ๊ก” พร้อมกันนั้นยังมี พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน อดีตผบก.จว.ชลบุรี จำเลยสังคมกรณีรับสินบน 1.5 ล้าน เปลี่ยนตัวผู้ต้องหาพูลวิลล่า ก็เข้าแจ้งความเอาผิด “บิ๊กโจ๊ก” ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเป็นของแถมอีกราย

จากแผลเมืองน้ำเค็ม มาถึงแผลเมืองข้าวหลาม !!??

มองแบบไม่คิดไรมาก สิ่งที่ “บิ๊กโจ๊ก” จัดการปัดกวาดบ้านตัวเองก็นับเป็นเรื่องน่ายินดีต้องให้กำลังใจกันแต่ในมุมมองของคนอีกฝั่งโดยเฉพาะในปีกตรงข้ามพวกเขาไม่มองอย่างนั้น

“คดีกำนันนก” เมื่อเรียงร้อยตัวละครในส่วนของตำรวจทั้งหมดล้วนแต่คนของคู่แข่งทั้งสิ้น!!??

ศพแรกสารวัตรแบงก์ หรือ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว ที่นับว่าเจ็บปวดหัวใจที่สุดแล้วการฆ่าตัวตายของ “พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์” ยิ่งสร้างความสะเทือนใจให้กับผู้บังคับบัญชาสายตรงของนายตำรวจผู้นี้ทุกระดับ รวมทั้ง “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” ในฐานะที่ ผกก.เบิ้ม คือนายตำรวจคนสนิท เป็นน้องนอกไส้ ที่รักกัน รู้ใจกันเป็นที่สุด

เขาสละชีวิตตัวเพราะอะไร จะว่าหนีความผิดก็ไม่ใช่ เพราะมีภาพวงจรปิดปรากฏชัด ขณะนำ “สารวัตรศิว” ส่งโรงพยาบาล เหตุผลอื่นๆ เมื่อนำมารวมกับนิสัยนักรบของนายตำรวจผู้นี้ จึงมีทางเดียวคือ หยุดเรื่อง แสดงความรับผิดชอบหรือเพราะแรงกดดันจากการจ้องจับผิดจนเกินเลยของใครบางคน

ปฏิบัติการ" ทีเอ็งข้าไม่ว่า ที่ข้าเอ็งอย่าโวย" จึงเกิดขึ้น

ไม่ว่าวันข้างหน้าเรื่องนี้จะลงเอยกันอย่างไร ใครผิด ใครถูกอีกทั้งเรื่อง "กฎแห่งกรรม" ที่ชอบหยิบมากระแทกกันในช่วงนี้ ถ้าไม่ลำเอียงเข้าข้างใดข้างหนึ่งก็คงยากยิ่งที่จะตัดสินว่า ใครโหด เลว ดี กว่ากัน

แต่เชื่อเถอะเสือทั้งสอง ต้องมีใครคนใดคนหนึ่งตกเป็นผู้แพ้ มาคอยดูกันตรงนั้น ไม่ใครก็ใคร ศึกครั้งนี้ยังไงก็ไม่มีเจ๊า มีแต่เจ๊งกันไปข้าง

ถึงขนาดหน้าที่การงาน ชีวิตทรัพย์สินอาจเสียไป อาจถูกยึด หรือติดคุกติดตะราง กันเลย!!

**ใครคือ “คนคางยื่น” ที่ “แก๊งทะลุวัง” ต้องฟังคำสั่ง !!

“หยก ธนลภย์” ที่ยังวนเวียนอยู่กับโรงเรียนเตรียมพัฒน์ คือตัวแสดงที่อยู่ภายใต้การกำกับของ “บุ้ง” เนติพร เสน่ห์สังคม แกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “ทะลุวัง” ที่ขณะนี้โดนตำรวจตั้งประเด็นสอบสวน “คดีค้ามนุษย์” จากพฤติกรรมรับเด็ก เยาวชน มาอยู่ในความดูแล อุปการะ เพื่อเคลื่อนไหวทางการเมือง สร้างคอนเทนต์ในประเด็นเกี่ยวกับสถาบัน มาตรา 112 แลกเงินสนับสนุน

ส่วนผู้ที่อยู่เบื้องหลัง “แก๊งทะลุวัง” อีกที นอกจาก “เอ็นจีโอ” ทั้งในประเทศ ต่างประเทศ แล้วยังมีพรรคการเมืองที่มีการเคลื่อนไหว เชื่อมโยงไปในทิศทางเดียวกัน อย่างพรรคก้าวไกล

ในการสร้างคอนเทนต์ของ “แก๊งทะลุวัง” จะมีการแบ่งหน้าที่ ทั้งตัวแสดง ผู้วางพลอต คิดบท ผู้กำกับบท ช่างภาพ และสื่อที่จะนำผลงานไปเผยแพร่ ทั้งในสื่อหลัก และสื่อโซเชียลฯ

เพื่อเรียกร้องความสนใจ การเคลื่อนไหว จะหนักไปทางรุนแรง คาบเกี่ยว ท้าทาย ไม่กลัวผิดกฎหมาย โดยเฉพาะในเรื่อง 112 เมื่อถูกจับกุม อาจจะด้วยผิด พ.ร.บ.การชุมนุม , ผิดกฎหมายอาญา ม.112 ก็จะมีคนของพรรคก้าวไกล ใช้ความเป็นส.ส. ไปเป็นผู้ประกันตัวออกมา

อย่างเช่นกรณี “ตะวัน ทะลุวัง” หรือ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ เคยตกเป็นผู้ต้องหา คดีดูหมิ่นสถาบันฯ ตาม ป.อาญา มาตรา 112 เคยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวออกมาจากเรือนจำ ในความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน มาตรา 368 ฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงาน และ ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ในคดีโพสต์เฟซบุ๊กไลฟ์สดก่อนจะมีขบวนเสด็จ เมื่อวันที่ 5 มี.ค.65 โดยศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวเมื่อ วันที่ 26 พ.ค.65... นั้น นายประกันของ “ตะวัน ทะลุวัง” คือ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกลในขณะนั้นนั่นเอง

หรือกรณี “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” กับ “ตะวัน และแบม ทะลุวัง” บนเวทีหาเสียงของพรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 24 มี.ค.66 ที่สวนสาธารณะเทศบาลนครแหลมฉบัง จ.ชลบุรี โดย “พิธา” แปะสติกเกอร์ ว่าเห็นด้วยกับการยกเลิก ม.112

ยังมีกรณี “เจี๊ยบ อมรัตน์” แกนนำพรรคก้าวไกล ที่ยื่นขอประกันตัวให้ “สายน้ำ ทะลุวัง” ที่ สน.ยานนาวา เมื่อเดือนธันวาคม ปี 63

หลักฐานเชิงประจักษ์เหล่านี้ จึงเป็นที่รับรู้กันทั่วไปว่า “พรรคก้าวไกล” มีความเชื่อมโยง หรือเป็นผู้อยู่เบื้องหลังที่ให้การสนับสนุน อุ้มชู “แก๊งทะลุวัง”

หลังเลือกตั้ง ในช่วงที่พรรคก้าวไกล เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พ่ายแพ้ในการลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรี จากรัฐสภา แบบขาดลอย ตามมาด้วย ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ “พิธา” หยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส.

ทำให้พรรคเพื่อไทย ที่เป็นพรรคอันดับ 2 ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และฉีกเอ็มโอยู 8 พรรคเดิม ขอตั้งรัฐบาลที่ไม่มีพรรคก้าวไกล ร่วมด้วย

“แก๊งทะลุวัง” และเครือข่ายแนวร่วม ก็ออกมาเคลื่อนไหว ต่อต้านอย่างหนัก ด้วยพฤติกรรมและคำพูดที่รุนแรง

จากข้อมูล ของฝ่ายความมั่นคง มีหลักฐานเป็นรูปถ่าย ปรากฏชัดว่า เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 66 ผู้ทรงอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังพรรคก้าวไกล ที่มีเอกลักษณ์คือ “คางยื่นๆ” ได้ย่องไปที่ คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่าน บางซื่อ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นคอนโดฯ ที่ “บุ้ง เนติพร” หัวโจกแก๊งทะลุวัง พักอาศัยอยู่

ตามหลักฐานที่บันทึกเป็นภาพถ่าย “คนคางยื่น”เข้าไปหา “บุ้ง เนติพร” ตั้งแต่ช่วงเที่ยง ใช้เวลาเจอกันอยู่พักใหญ่ เมื่อ“คนคางยื่น”กลับไปแล้ว “บุ้ง เนติพร" ผู้รับออร์เดอร์ ก็รีบออกจากคอนโดมิเนียมทันที บึ่งไปที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ที่กำลังจัดกิจกรรม "งานเสวนาของคณะสังคมศาสตร์" เพื่อไปรวมกลุ่ม รวมก้อนกับ "สมาชิกแก๊งทะลุวัง" ที่รออยู่ในงานเสวนา

จากนั้น "แก๊งทะลุวัง" และสมาชิกที่เป็นแนวร่วม ก็ออกจากงาน ไปนั่งสุมหัว วางแผน กันที่ร้านไอศรีม หลังวัดโพธิ์ ท่าเตียน

หลังจากนั้นอีก 2วัน “แก๊งทะลุวัง” ก็ออกปฏิบัติการ ไปอาละวาดที่กระทรวงวัฒนธรรม ไปสร้างผลงานด้วยการด่าทอ “เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์” ศิลปินแห่งชาติ ในฐานะสว. ที่ไม่ยกมือโหวตให้ “พิธา” เป็นนายกรัฐมนตรี จัดกิจกรรมระบายอารมณ์ใส่ “สว.เห็นหัวกูบ้าง” รวมทั้งจัดกิจกรรมที่หน้า พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นเจ้าภาพ เชิญพรรคการเมืองที่จะร่วมรัฐบาลมาเจรจา

ในช่วงเวลานั้น ขบวนการที่ฝ่ายความมั่นคงเฝ้าจับตาดู พบว่ามีอยู่ 5-6 กลุ่ม ที่เคลื่อนไหว สอดประสานกันและกัน ก็มี "แก๊งทะลุวัง-แก๊งทะลุแก๊ส-แก๊งโมกหลวงริมน้ำ-กลุ่มสหายภาคี-กลุ่มเฟมินีสต์ปลดแอก-กลุ่มสื่ออิสระ" เป็นต้น

แน่นอน กลุ่มแก๊งเหล่านี้มีความเชื่อมโยง รับออร์เดอร์ และเมื่อสร้างคอนเทนต์ สร้างผลงานเสร็จ ก็วางบิล กับ “คนคางยื่น” ที่อยู่เบื้องหลังพรรคก้าวไกล คนนี้ !!

รถตู้จากฟิวไปมธ กี่บาท

48 บาท (ขาไป มธ.) 43 บาท (ขากลับอนุสาวรีย์ชัยฯ) ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต-มธ.ศูนย์รังสิต เที่ยวแรกจากฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต 07.00 น. เที่ยวสุดท้ายจาก มธ.ศูนย์รังสิต 20.00 น. จุดขึ้นรถ : ท่ารถตู้ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต

รถเมล์จากฟิวเจอร์ไปธรรมศาสตร์ หมดกี่โมง

รถตู้สาย ต. 83 ( ฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต – มธ. ศูนย์รังสิต) ทุกวัน 05.30-20.30 น. เที่ยวสุดท้าย 21.30 น.

ธรรฒศาสตร์ใกล้BTSอะไร

สถานีรถไฟ เชียงราก สถานีรถไฟฟ้า คลองหมิ่ง (อนาคต) BANGKOK UNIVERSITY THE CREATIVE UNIVERSITY.

รถตู้หมอชิตไปธรรมศาสตร์รังสิต หมดกี่โมง

ออกจาก BTS หมอชิต 06.00-22.00 น. ออกจาก มธ.รังสิต 05.30-21.00 น.