การเขียนแผนการสอนและ การนำแผนการสอนไปใช้สอนจริง ๆ และวิชาทางด้านศิลปะก็จะเรียนเกี่ยวกับการวาดเส้น โดยจะสอนตั้งแต่พื้นฐานศิลปะแขนงต่าง ๆ โดยเมื่อเรียนจบปีการศึกษา ปี 1 และปี 2 จะมีการออกสังเกตการและฝึกสอนตามโรงเรียน Show นาฏศิลป์ศึกษาเรียนเกี่ยวกับนาฏศิลป์พื้นฐาน นาฏศิลป์ไทยและสากล สร้างสรรค์นาฏศิลป์เพื่อการสอน และมีวิชาศึกษาเกี่ยวกับความเป็นครูเพื่อนำไปใช้ในอนาคตหลังจบการศึกษา การละครเพื่อการศึกษา การวิจัยทางการสอนนาฎศิลป์ไทย ให้นิสิตมีความสามารถในการบูรณาการความรู้ เนื้อหาวิชา หลักสูตรศาสตร์การสอนและเทคโนโลยีดิจิทัลในการ จัดการเรียนรู้ตามวิชาเอกโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน และมีการฝึกปฏิบัติการสอนตามโรงเรียน นาฏศิลป์สร้างสรรค์และการจัดการ ประกอบด้วย 2 วิชาเอก ได้แก่ วิชาเอกนาฏศิลป์ไทยและวิชาเอกนาฏศิลป์สากล มีลักษณะการ บูรณาการระหว่างศาสตร์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับศิลปะการแสดงและนาฏศิลป์ โดยนิสิตจะได้เรียน เพื่อสามารถสร้างสรรค์ผลงานการแสดงนาฏศิลป์ทั้งในส่วนของเบื้องหน้าและเบื้องหลัง มีการเรียนในด้านทฤษฎีและเน้นการปฏิบัติงานจริงผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้นโดยสาขาวิชา ดุริยางคศาสตร์ไทยและเอเชียในสาขาวิชานี้ จะเรียนเป็นหลักสูตร กศบ. 4 ปีหรือการศึกษาบัณฑิต โดยหลัก ๆ นิสิตที่เข้าเรียนสาขาวิชานี้จะต้องเรียนเกี่ยวกับดนตรีไทยเป็นหลัก โดยจะมีแนวทางการศึกษาโดยรวมดังนี้ วิชาพื้นฐานของการเป็นครู เรียนดนตรีพิเศษต่าง ๆ ที่ภาควิชาเรามีคือ ดนตรีเอเชีย (กู่เจิง กลองทับบรา ฆ้องกระเหรี่ยง และกาเมรัน) อีกทั้งยังมีดนตรีพื้นบ้าน ฆ้องวง เครื่องสาย และปี่พาทย์ อีกทั้งยังมีวิชาซ่อมสร้าง การปรับวงและดนตรีเอเชียศึกษา ในส่วนที่สำคัญไม่แพ้กันคือเรื่องของการสังเกตการสอน สุดท้ายจะต้องฝึกสอนตามโรงเรียน ดุริยางคศาสตร์สากลประกอบด้วย 2 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตร กศ.บ. คือ หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต เรียนครูโดยตรง เครื่องมือเอกคือ เปียโน และหลักสูตร ศป.บ คือ ศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต เรียนเครื่องมือเอกโดยตรง เรียนจบสามารถเป็นศิลปิน โปรดิวเซอร์ คอมโพสเซอร์ ซาวด์เอนจิเนียร์ รวมไปถึงงานเบื้องหลังต่าง ๆ ได้ ทั้ง 2 หลักสูตร เรียน 4 ปี เท่ากัน ออกแบบสื่อสารเรียนเกี่ยวกับการออกแบบเพื่อใช้ในการสื่อสารกับผู้อื่น ส่วนใหญ่จะเป้นงานกราฟิก ซึ่งต้องใช้โปรแกรมต่าง ๆ เพื่อสร้างสรรค์ชิ้นงานขึ้น โดยตลอดทั้ง 4 ปี เริ่มจากการปูพื้นฐานเบื้องต้น การถ่ายรูป อินทีเรีย ออกแบบแบรนด์ เริ่มตั้งแต่การตลาดไปถึงการคุมงานดีไซน์ โมชัน ทำ Ae พื้นฐาน ตัดต่อภาพ ภาพประกอบ ซิกเนเจอร์ดีไซน์ ปั้น 3D พื้นฐานการใช้ Cinema4D ออกแบบตัวอักษร มาสคอต เว็บไซต์ สื่อสิ่งพิมพ์ (นิตยสาร) การถ่ายรูป การจัดตั้งธุรกิจ (Startup) การทําวิจัย และการออกแบบสื่อ นวัตกรรมการจัดการศิลปวัฒนธรรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติในรูปแบบ 2 ภาษา ซึ่งเนื้อหาจะเกี่ยวกับการนำนวัตกรรมต่าง ๆ มาจัดการกับศิลปวัฒนธรรมให้เข้ากับยุคสมัยและกระแสในปัจจุบัน ดึงดูดให้ผู้คนสนใจมากขึ้น แต่ยังคงแก่นของศิลปวัฒธรรมเอาไว้เช่นเดิม โดยจะเรียนวิชาที่เป็นการจัดการ และมีวิชาเลือกที่เป็นวิชาการสร้างแบรนด์ วิชาการจัดการศิลปิน เรียนรู้การระดมทุนเพื่อจัดงานศิลปวัฒนธรรม การจัดการบริหารงานเพื่อการทำธุรกิจในอุตสาหกรรม และจัดการอีเวนท์ทางศิลปวัฒนธรรมต่าง ๆ ในส่วนของวิชาเลือกคือการตลาดออนไลน์กับการจัดแสง สี เสียงเพื่อการแสดง จัดการศึกษาเพื่อส่งเสริมศักยภาพแก่เยาวชนโดยใช้หลักสูตรขั้นพื้นฐานและหลักสูตรนานาชาติเป็นต้นแบบการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูสร้างสรรค์นวัตกรรมและการวิจัยที่มีคุณภาพ วิสัยทัศน์ (Vision)เป็นต้นแบบในการจัดการศึกษาโดยใช้หลักสูตรขั้นพื้นฐานและหลักสูตรนานาชาติ บนฐานการวิจัยและสาธิตการสอนที่ส่งเสริมพหุปัญญา ภาวะผู้นำ คุณธรรมและวินัยของผู้เรียนโดยสอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก พันธกิจ (Mission)1. ร่วมผลิตบัณฑิตและเป็นศูนย์ฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู 2. เป็นต้นแบบการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนานักเรียนให้มีคุณภาพ 3. สร้างสรรค์นวัตกรรมและการวิจัยที่มีคุณภาพ 4. บริการวิชาการที่มีคุณภาพ เพื่อให้ชุมชนและสังคมเข้มแข็งและยั่งยืน 5. ส่งเสริมและทำนุบำรุงวัฒนธรรมและศิลปะ 6. พัฒนาระบบบริหารที่มีคุณภาพและหลักธรรมาภิบาล อัตลักษณ์ของนักเรียน (Student Identity)รอบรู้วิชาการ ชำนาญเทคโนโลยี มีภาวะผู้นำ คุณธรรมและวินัย คำขวัญโรงเรียน (SchoolMotto)ยึดมั่นในวัฒนธรรมไทย ใส่ใจความเป็นสากล เอกลักษณ์ของโรงเรียน(School Identity)ส่งเสริมพหุปัญญา สาธิตการสอน ต้นแบบการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู จุดเน้นของโรงเรียน (School Focus Point)การจัดกระบวนการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียนโดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล (ตามแนวคิดทฤษฎีพหุปัญญา) ประวัติโรงเรียน ประวัติความเป็นมาโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนรัฐบาล เดิมสังกัดกองโรงเรียนรัฐบาล กรมวิสามัญศึกษา ตั้งอยู่ในบริเวณโรงเรียนฝึกหัดครูชั้นสูง เลขที่ 176 ถนนประสานมิตร อำเภอพระโขนง จังหวัดพระนคร (ปัจจุบันคือ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ถนนสุขุมวิท ซอยสุขุมวิท 23 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนากรุงเทพมหานคร) รหัสไปรษณีย์ 10110 ตามประกาศของกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 3กรกฎาคมพ.ศ.2495ดังสำเนาต่อไปนี้ “ด้วยกระทรวงศึกษาธิการให้พิจารณาเห็นสมควรจัดเปิดการสอนชั้นมัธยมศึกษาขึ้นที่บริเวณโรงเรียนฝึกหัดครูชั้นสูง ที่ถนนประสานมิตร อำเภอพระโขนง จังหวัดพระนคร จึงให้เปิดโรงเรียนชั้นมัธยมศึกษาวิสามัญ ณ ท้องที่ดังกล่าว ตั้งแต่ปีการศึกษา 2495 เป็นต้นไป ให้ชื่อสถานศึกษาแห่งนี้ว่า “โรงเรียนประสานมิตร”และใช้อักษรย่อตามโรงเรียนว่า “ป.ม.”ประกาศ ณ วันที่3 กรกฎาคม พ.ศ. 2495โดย ม.พรหมโยธี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ” โรงเรียนนี้เปิดสอนวันแรกเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2495 มีอาคาร 2 หลัง เป็นอาคารเรียน1 หลัง รับนักเรียนเข้าเรียนมัธยม 1 จำนวน 64 คน และเปิดสอนชั้นสูงขึ้น ปีละชั้นตามลำดับ พ.ศ.2497 โรงเรียนฝึกหัดครูชั้นสูง ประสานมิตรได้รับการยกฐานะโรงเรียนฝึกหัดครูชั้นสูง ขึ้นเป็นวิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตร ตาม พ.ร.บ. วิทยาลัยวิชาการศึกษา โรงเรียนประสานมิตร จึงเปลี่ยนเป็นโรงเรียนมัธยมสาธิตวิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตร เรียกย่อว่า ม.ว.ศ. พ.ศ. 2508 โรงเรียนได้รับงบประมาณก่อสร้างอาคารพร้อมกัน 5 หลัง สร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2509 วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2517 คณะรัฐมนตรีให้ยกฐานะวิทยาลัยวิชาการศึกษาเป็นมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 28มิถุนายน พ.ศ. 2517 ดังนั้นโรงเรียนสาธิตแห่งนี้เปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนมัธยมสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ใช้ชื่อย่อว่า ม.มศว. ตามชื่อย่อของมหาวิทยาลัยและใช้รูปแบบของตรามหาวิทยาลัยเป็นตราของโรงเรียน วันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2534 ผู้บริหารมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประกาศรวมโรงเรียนประถมสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตรและโรงเรียนมัธยมสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร เป็นโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร วันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2538 ผู้บริหารมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประกาศให้แยกการบริหารโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร เป็นฝ่ายมัธยม และฝ่ายประถมโดยให้มีผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม)และผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (ฝ่ายประถม) เป็นผู้บริหารงานของแต่ละโรงเรียน พ.ศ. 2539 ทางโรงเรียนได้รับงบประมาณก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ 8 ชั้นพื้นที่ 16,000 ตารางเมตร งบประมาณค่าก่อสร้าง 140 ล้านบาท เป็นเงินที่ได้รับการจัดสรรจากสำนักงบประมาณ 110 ล้านบาท และทางโรงเรียนหาสมทบอีก 30 ล้านบาท จัดพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 8 ตุลาคมพ.ศ. 2539 โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์เจ้าอาวาสวัดสระเกศ กรุงเทพมหานคร เป็นองค์ประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ และในการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์หลังนี้ต้องรื้ออาคารเดิมออก 3 หลังคืออาคาร 3 อาคาร 4และอาคารพยาบาล เมื่อก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์หลังนี้แล้วเสร็จจะต้องรื้ออาคาร1ออกเพื่อปรับปรุงสภาพภูมิสถาปัตย์ให้สวยงามร่มรื่น พ.ศ. 2544 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี เสด็จทรงเปิดอาคารอเนกประสงค์8 ชั้น (อาคารวิทยวิโรฒ) และทรงบรรยายพิเศษเกี่ยวกับเด็กพิเศษ ณ ห้องสมุด ชั้น 2 อาคารวิทยวิโรฒ พ.ศ. 2547 ทางโรงเรียนได้รับงบประมาณก่อสร้างอาคารปฏิบัติการภาษาและเทคโนโลยี 9 ชั้น พื้นที่ 14,290 ตารางเมตร งบประมาณค่าก่อสร้าง 150 ล้านบาท เป็นเงินที่ได้รับการจัดสรรจากสำนักงบประมาณ 120 ล้านบาท และทางโรงเรียนหาสมทบอีก 30 ล้านบาท เมื่อก่อสร้างอาคารปฏิบัติการภาษาและเทคโนโลยี 9 ชั้นแล้วเสร็จโรงเรียนได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานชื่ออาคารปฏิบัติการภาษาและเทคโนโลยีว่า“อาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม2550”เพื่อใช้ในการเรียนการสอนของโครงการหลักสูตรนานาชาติ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (ดนตรี) กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (นาฏศิลป์)กลุ่มสาระการเรียนรู้พลศึกษา และศูนย์ศักยวิโรฒ พ.ศ. 2556 เริ่มก่อตั้งศูนย์เด็กเล็ก รับนักเรียนตั้งแต่อายุ 6 เดือน – 2 ปี รับนักเรียนที่เป็นบุตรหลาน ของบุคลากรโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม)และมหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ พ.ศ. 2557 เริ่มก่อตั้งศูนย์ส่งเสริมพัฒนากีฬาและสุขภาพ โดยมีทำงานแบ่งเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วย งานศูนย์กีฬาและงานส่งเสริมศักยภาพนักกีฬา ในปี พ.ศ. 2560 มีการจัดสร้างสระว่ายน้ำ งบประมาณ 22 ล้านบาท ปัจจุบันโรงเรียนเปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6ในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นแบ่งห้องเรียนระดับชั้นละ6 ห้องเรียน ส่วนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ประกอบด้วย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 แบ่งห้องเรียนเป็น18 ห้องเรียน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5แบ่งห้องเรียนเป็น14 ห้องเรียน และระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6แบ่งห้องเรียนเป็น12 ห้องเรียน รวมห้องเรียนทั้งสิ้น62 ห้องเรียน มีนักเรียนประมาณ 2,479 คนสายวิชาการและสายปฏิบัติการ 227 คน พนักงานบริการ และลูกจ้างประจำ 29 คนมีพื้นที่ประมาณ 13 ไร่ 3 งาน การจัดการศึกษาโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม) ดำเนินการจัดการศึกษาตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ ปีการศึกษา 2495-2508 การจัดการศึกษาด้านวิชาการของโรงเรียน ในระยะแรกจัดขึ้นตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ โดยเน้น พุทธศึกษา จริยศึกษา พลศึกษาและหัตถศึกษา เปิดสอนระดับมัธยมศึกษาวิสามัญศึกษา 6 ปีดังนี้
ปีการศึกษา 2509 กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศให้โรงเรียนมัธยมสาธิต วิทยาลัยวิชาการศึกษา (ประสานมิตร) จัดการศึกษาในรูปของโรงเรียนมัธยมแบบประสม ซึ่งเป็นโรงเรียนแห่งแรกของกรุงเทพมหานคร ที่มีการบริหารด้านวิชาการเป็นแบบโรงเรียนมัธยมแบบประสม ผลการเรียนการสอน“มัธยมแบบประสม” นี้ทำให้กระทรวงศึกษาธิการหันมาสนใจจัดตั้งโรงเรียนมัธยมแบบประสมทั้งในกรุงเทพมหานคร (ที่โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย) และต่างจังหวัดอีกเกือบ 50 โรงเรียน ทดลองวิธีการอยู่เกือบ 10 ปี จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาระดับมัธยมครั้งใหญ่คือหลักสูตรมัธยมศึกษาพุทธศักราช 2521 ปีการศึกษา 2521 โรงเรียนมัธยมสาธิต วิทยาลัยวิชาการศึกษา (ประสานมิตร) ได้เปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนมัธยมสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร และได้เปลี่ยนแปลงการเรียนการสอน “แบบประสม” เป็นจัดการเรียนการสอนเฉพาะสายสามัญ ตามหลักสูตรมัธยมศึกษาพุทธศักราช 2521ที่ประกอบด้วยสายศิลป์และสายวิทยาศาสตร์ และโรงเรียนได้รับคัดเลือกให้เป็นโรงเรียนทดลองนำร่องการสอนแบบสืบสวนสอบสวนของ สสวท. ในด้านวิทยาศาสตร์ ปีการศึกษา 2538 มีการจัดการเรียนการสอนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ดังนี้
ปีการศึกษา 2546 มีการจัดการเรียนการสอนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ดังนี้
ปีการศึกษา 2547 จัดแยกผู้เรียนตามความถนัดโดยเปลี่ยนจากแผนการเรียนเป็นวิชาเอก 9 วิชาเอก ประกอบด้วย
ปีการศึกษา 2548 มีการจัดการเรียนการสอนเป็น 12 วิชาเอก ประกอบด้วย
ปีการศึกษา 2549 มีการเริ่มต้นโครงการพัฒนาศักยภาพตามวิชาเอก กิจกรรมโครงการภาษาและวัฒนธรรม 1 ปีการศึกษา โดยศึกษาในประเทศ 2 ปีการศึกษา และในต่างประเทศ 1 ปีการศึกษา หรือเรียกว่า “โครงการ 2+1” โดยเริ่มต้นสำหรับวิชาเอกภาษาจีน และวิชาเอกภาษาญี่ปุ่นและโรงเรียนในต่างประเทศที่ได้ทำความร่วมมือกับโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร(ฝ่ายมัธยม) ได้แก่ ประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สวิสเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส จีนและญี่ปุ่นโดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1.เพื่อส่งเสริมศักยภาพของนักเรียน ในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร 2.เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนรายบุคคลและส่งเสริมนักเรียนที่มีพัฒนาการในทางที่ดี หรือแก้ไขในส่วนที่นักเรียนบกพร่อง 3.เพื่อศึกษาวัฒนธรรมและเรียนรู้การดำรงชีวิตในต่างประเทศ ปีการศึกษา 2553 โรงเรียนได้เปิด“หลักสูตรนานาชาติ(SatitPrasarnmit International Programme(SPIP)” โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้การศึกษาในระบบนานาชาติกับผู้เรียนที่มาจากครอบครัวไทย เพื่อสร้างให้ผู้เรียนมีความมั่นใจ มีมุมมองที่เป็นสากล และมีความพร้อมในทุก ๆ ด้านที่จะเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาหลักสูตรนานาชาติในประเทศและระดับอุดมศึกษาต่างประเทศ ดำเนินการเรียนการสอนโดยยึดตามแบบของหลักสูตร British Curriculum เป้าหมาย ให้การศึกษาที่มีคุณภาพ เพื่อพัฒนาผู้เรียนทั้งทางด้านวัยวุฒิ คุณวุฒิ และคุณธรรมด้วยการพัฒนาแบบองค์รวม ซึ่งเป็นการศึกษาที่มุ่งพัฒนาทักษะในทุกด้านเพื่อนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และคุณค่าที่เป็นเอกลักษณ์ของความเป็นไทย ปีการศึกษา 2554 การจัดการเรียนการสอนเป็น 13 วิชาเอกได้แก่
ปีการศึกษา 2555เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 มีการก่อตั้ง “ศูนย์ศักยวิโรฒ” โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม)สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดอาคารเฉลิมพระเกียรติ80 พรรษา5 ธันวาคม 2550 และศูนย์ต้นแบบพัฒนาเด็กที่มีความต้องการพิเศษ และพระราชทานชื่อว่า“ศูนย์ศักยวิโรฒ” ณ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม)ศูนย์ศักยวิโรฒเป็นการจัดการศึกษาสำหรับนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่1-มัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งรูปแบบการจัดการศึกษาแบบเรียนร่วมนักเรียนในโครงการศูนย์ศักยวิโรฒเข้าเรียนและเข้าร่วมกิจกรรมกับนักเรียนทั่วไป โดยมีครูการศึกษาพิเศษ และอาจารย์ประจำวิชาร่วมกันดูแลอย่างใกล้ชิด รวมทั้งมีการวัดและประเมินผลตามเกณฑ์ปกติ ซึ่งมีขั้นตอนมารองรับในกรณีที่นักเรียนไม่สามารถผ่านเกณฑ์ตามปกติได้ โดยจะมีครูการศึกษาพิเศษเป็นผู้ดูแล มีการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบเรียนร่วมเต็มเวลา รับผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษเข้าศึกษา5 ประเภท ได้แก่ ผู้เรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ผู้เรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา (ระดับเรียนได้) ผู้เรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน สามารถสื่อสารด้วยการพูดได้ ผู้เรียนที่มีภาวะสมาธิสั้นและผู้เรียนที่ภาวะออทิสซึม โดยผู้เรียนในโครงการศูนย์ศักยวิโรฒเข้าเรียนร่วมในห้องกับผู้เรียนทั่วไปซึ่งโครงการศูนย์ศักยวิโรฒมีกระบวนการพัฒนาผู้เรียนตามทฤษฎี “พหุปัญญา” เพื่อพัฒนาผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษให้พัฒนาทักษะต่างๆได้อย่างเต็มศักยภาพ จึงต้องอาศัยครูที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญชำนาญการ ตลอดจนการจัดการแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม ปีการศึกษา 2555 การจัดการเรียนการสอนเป็น 14 วิชาเอก ได้แก่
ปีการศึกษา2557 มีการก่อตั้ง “ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม)”โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นสวัสดิการของบุคลากรของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โดยจะรองรับเฉพาะบุตรของบุคลากรที่มีอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไปทางโรงเรียนมีแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยอิงหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย 2546 มีกิจกรรมหลัก6 กิจกรรม คือ กิจกรรมเสริมประสบการณ์ กิจกรรมสร้างสรรค์ กิจกรรมกลางแจ้ง กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ กิจกรรมเสรีและกิจกรรมเกมการศึกษา ปีการศึกษา 2558 มีการดำเนิน “โครงการต้นแบบพัฒนาศักยภาพเด็กทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม” โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1.เพื่อส่งเสริมและพัฒนานักเรียนที่มีทักษะทางวิทยาศาสตร์อย่างเต็มศักยภาพ 2.เพื่อผลิตนักเรียนให้มีความรู้ ความสามารถทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และมีทัศนคติที่ดีต่อวิชาชีพทางวิทยาศาสตร์ 3.เพื่อเป็นโรงเรียนต้นแบบของการบริหารจัดการในการจัดการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีโดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง สถานศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอกประเทศ 4.เพื่อส่งเสริมบรรยากาศทางวิชาการ อันนำไปสู่การพัฒนาศักยภาพของผู้สอนและผู้เรียนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ของโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร(ฝ่ายมัธยม) 5.เพื่อสนองต่อพันธกิจของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒในด้านการบริการวิชาการอย่างมีส่วนร่วมเพื่อให้ชุมชนเข้มแข็งและยั่งยืน สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ 15 ปี ของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (พ.ศ. 2553 - พ.ศ. 2567) ด้านการบริการวิชาการอย่างมีส่วนร่วมเพื่อให้ชุมชนเข้มแข็งและยั่งยืน |