รถยนต ว ออส ม เ ยงด งเวลาสตาร ท

คงเป็นเรื่องที่หงุดหงิดปวดขมับไม่น้อยหากว่าเช้านี้คุณมีภารกิจจำเป็น ต้องรีบบึ่งรถคู่ใจไปยังที่ทำงานให้ทันเวลา แต่ทว่ารถเจ้ากรรมดันทำผิดสตาร์ทไม่ติดเอาเสียได้ งานนี้คงต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยทิ้งรถไว้บ้านและใช้บริการแท็กซี่คงจะสะดวกที่สุด แต่ทว่าเมื่อกลับมาคงต้องมาปลุกปล้ำกันอีกทีเพื่อหาสาเหตุว่าอะไรที่ทำให้รถคุณสตาร์ทไม่ติด แน่นอนหลายคนคงจะตั้งป้อมให้กับปัญหานี้ไปที่เจ้าแบตเตอรี่ตัวดีแน่ๆ แต่ทว่าถ้าแบตเตอรี่เพิ่งเปลี่ยนไปหมาดๆ ล่ะ แล้วสาเหตุจะเกิดจากอะไรได้บ้าง วันนี้เราก็มีข้อมูลดีๆ มาแนะนำคุณผู้อ่านกัน

หลังจากแน่ใจว่าแบตเตอรี่ก็เพิ่งเปลี่ยนใหม่ ขั้วแบตเตอรี่ไม่มีปัญหา แต่ทว่ารถสตาร์ทไม่ติดเหมือนเดิมอยู่ดี ก็ให้ลองกดแตรรถดูและฟังเสียงว่าดังเป็นปกติหรือไม่ หากฟังดูแล้วเสียงแตรเบากว่าปกติ ก็จะชี้ชัดปัญหาลงไปได้ว่าเกิดจากแบตเตอรี่อ่อนไฟไม่พอ ซึ่งสาเหตุอาจเกิดจากคุณอาจเผลอเปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถทิ้งไว้ วิธีแก้ไขเบื้องต้นให้ลองพ่วงแบตเตอรี่แล้วลองสตาร์ท ซึ่งหากเป็นเกียร์ธรรมดาก็ต้องขอแรงคนรอบข้างช่วยเข็นและสตาร์ทดู หากสตาร์ทติดแล้ว ก็อย่าดีใจรีบดับเครื่อง ให้ขับรถไปเรื่อยๆ สักพัก เพื่อให้แบตเตอรี่ได้ชาร์จไฟเพื่อใช้สตาร์ทครั้งต่อไปด้วยครับ

มอเตอร์สตาร์ทเสื่อม หากรถยนต์ของคุณเกิดอาการดับสนิท สตาร์ทไม่ติดเลย แม้ว่าจะลองพ่วงแบตเตอรี่กับรถยนต์คันอื่นหรือเปลี่ยนแบตเตอรี่แล้วก็ยังสตาร์ทไม่ติด ให้ลองเช็คที่แผงหน้าปัดไฟดู หากหน้าปัดไฟติด แต่สตาร์ทรถไม่ได้หรือมีเสียงแชะๆ ก็อนุมานได้เลยว่า มอเตอร์สตาร์ทอาจมีปัญหา ซึ่งก็มีอยู่หลาย ๆ สาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น ฟิวส์มอเตอร์สตาร์ทขาด, สายไฟที่ต่อไปยังสตาร์ทมอเตอร์อาจชำรุด หรือแปรงถ่านที่อยู่ในมอเตอร์สตาร์ทหมด กรณีนี้ขอแนะนำให้แจ้งอู่ซ่อมรถที่คุณใช้บริการเป็นประจำมาตรวจเช็คจะดีกว่าครับ

ไดชาร์จเสีย ซึ่งหน้าที่หลักคือปั่นไฟเพื่อเข้าไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่ และหากรถคุณดันแจ็คพ็อตเจอกับปัญหาถ้าไดชาร์จเสียเข้าพอดี ก็จะไม่สามารถปั่นไฟเพื่อเข้าไปเก็บในแบตเตอรี่ได้ เมื่อแบตเตอรี่ไม่มีไฟก็ส่งผลทำให้เครื่องยนต์สตาร์ทไม่ติด สำหรับวิธีการเช็คว่าไดชาร์จเสียหรือไม่ ก็สามารถทำได้ด้วยการติดเครื่องยนต์ (พ่วงแบตเตอรี่) แล้วถอดขั้วแบตฯ ออก หากเครื่องยนต์ดับแสดงว่าไดชาร์จลาโลกแน่นอน แต่ถ้าถอดขั้วแบตเตอรี่แล้ว เครื่องยนต์ยังคงทำงานปกติ แสดงว่าไดชาร์จยังปกติครับ

รถยนต ว ออส ม เ ยงด งเวลาสตาร ท

ระบบไฟฟ้ามีปัญหา จริง ๆ สาเหตุดังกล่าวมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เกิด อาการก็ดูง่ายๆ ว่าบิดกุญแจแล้วไฟต่างๆ บนหน้าปัดไม่มีอะไรโชว์ขึ้นเลย อีกทั้งคุณดันจอดทิ้งรถไว้นานๆ สาเหตุอาจเกิดจากมีหนูเข้ามากัดสายไฟจนขาดก็เป็นได้ ซึ่งการตรวจเช็คเบื้องต้น ให้พ่วงแบตเตอรี่และถ้าไม่มีการตอบสนองอะไรเหมือนเดิม แสดงว่าระบบไฟมีปัญหาขึ้นจริงๆ กรณีแนะนำให้เรียกช่างหรือใช้บริการช่วยเหลือฉุกเฉินจากบริษัทประกันนำเพื่อรถเข้าอู่ซ่อมครับ

ปั๊มติ๊กเสีย นับเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รถสตาร์ทไม่ติด เนื่องจากน้ำมันเชื้อเพลิงไม่ถูกส่งมาห้องเผาไหม้เพื่อจุดระเบิด ปัจจัยที่ทำให้ปั๊มติ๊กเสียหายมีหลายสาเหตุ เช่น การปล่อยน้ำมันเชื้อเพลิงในถังเหลือน้อย (ไฟเตือนน้ำมันโชว์) อยู่เป็นประจำ เพราะเวลาที่ไฟเตือนระดับน้ำมันโชว์นั้น แปลว่าน้ำมันในถังเชื้อเพลิงเหลือน้อย น้ำมันที่ไหลผ่านปั๊มติ๊กจะช่วยให้ปั๊มติ๊กไม่ร้อนและมีการหล่อลื่น เมื่อมีน้อยก็ยิ่งต้องทำงานหนักขึ้นในการสูบน้ำมันที่อยู่ระดับต่ำลงไป ประกอบกับไม่มีน้ำมันมาห่อหุ้มเพื่อระบายความร้อนและหล่อลื่น ปั๊มติ๊กก็ทำงานอยู่ตลอดเวลาที่เครื่องติด มันก็ดูดน้ำมันบ้าง อากาศบ้าง แถมน้ำมันที่อยู่รอบตัวมันก็น้อยการระบายความร้อนจากตัวมอเตอร์ที่ทำงานตลอดก็ระบายไม่ได้ ในที่สุดก็ส่งผลมอเตอร์ก็พัง

แต่หากจะให้อุ่นใจ ก็ควรมีประกันรถดีๆ ไว้เคียงข้างอย่างรู้ใจดอทคอมที่มีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินกรณีรถเสียตลอด 24 ชม. ดังนั้นหากรถสตาร์ทไม่ติดและแก้ไขไม่ได้ขึ้นมา ก็เรียกหารู้ใจได้ไม่ต้องกังวล

แบตเตอรี่พึ่งชาทมาเมื่อวาน ใส่แบตสตาร์ทรถทิ้งไว้ประมาณ20นาที ลองดับเครื่องแล้วสตาร์ทใหม่ก็ติด แต่พอมาวันนี้ ไปสตาร์ทรถแล้วมีเสียงเหมือนไฟช็อต สตาร์ทไม่ติด ตอนแรกคิดว่าไฟแบตไม่พอ เลยลองพ่วงแบตดู อาการเป็นเหมือนเดิม สาเหตุมันจะเกิดจากอะไรได้บ้าง รบกวนพี่ๆแนะนำหน่อยค๊าบ ถ้าแก้ไขเองได้จะได้ไม่ต้องไปเรียกช่างมา

0

รถยนต ว ออส ม เ ยงด งเวลาสตาร ท

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้

ความคิดเห็นที่ 7

ครับตามความเห็นที่ 6 เลยเสียงที่ว่าเกิดจากไฟไม่พบมอเตอร์สตาร์ทไม่มีแรงหมุนนะครับ แล้วที่พ่วงไม่ติดเนี่ยผมไม่ทราบว่าใช้สายพ่วงใหญ่ขนาดไหนถ้าเป็นสายพวกที่ขายในห้างราคา 199 - 299 ผมพันธงว่าไม่ติดเเน่สายมันเล็กเกิน ถ้าไม่มีสายใหญ่กว่านี้ใช้วิธีถอดแบตเก่าออกใส่แบตใหม่เลยครับไม่ต้องพ่วง แล้วขับรถเอาแบตเก่าไปชาร์ทไฟใหม่ครับ แล้วถ้าถึงร้านแบตแล้วรบกวนให้เค้าเช็คไฟชาร์ทให้ด้วยเลย ปล.รถยิ่งใช้น้อยจอดมากกว่ายิ่งเสียง่ายนะครับถ้ามีเวลาทุก 2 - 3 วันหรืออย่างมากก็ 5 วัน ก็ขับมันบ้างนะครับให้ระบบไฟชาร์ทได้ทำงาน - พวกลูกยางช่วงล่างจะได้ไม่ตายหมดครับ