ว ธ การขายน ำสม นไพรให ม รายได ด

เมื่อผ่านซุ้มประตูหรูหราหน้าหมู่บ้านแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด กรุงเทพกรีฑาเข้ามาแล้วเลี้ยวซ้ายไปตามถนนที่มีสวนร่มรื่นขนาบอยู่ทางด้านขวา ก็จะพบกับคฤหาสน์สองชั้นโอ่อ่าอลังการที่ได้แรงบันดาลใจจากพระราชวัง Würzburg Residenz ประเทศเยอรมนี ที่อยู่ภายใต้กรรมสิทธิ์ของ คุณช้อนทอง – ดร.ธรรมรัตน์ ธุระทอง นักธุกิจหนุ่มผู้ได้ชื่อว่าเป็น ’New Rich’ ที่น่าจับตาในแวดวงสังคมยุคปัจจุบัน วันนี้ HELLO! เลยถือโอกาสแวะมาเยี่ยมชมความงดงามของบ้านหลังใหม่สไตล์อเมริกันไทม์เลสของคุณช้อนทอง พร้อมเปิดมุมมองแนวคิดและเส้นทางชีวิตจากเด็กต่างจังหวัดสู่นักธุรกิจมือทอง

เปิดประตูสู่คฤหาสน์หลังงาม

เริ่มต้นสู่ความหรูหรากับบริเวณโถงกลางคฤหาสน์ ที่เน้นพื้นที่โปร่งโล่งสบายแบบดับเบิล วอลลุ่ม อันเป็นเอกลักษณ์สำคัญของบ้านหลังนี้ที่ทำให้คุณช้อนทองหลงรัก อีกหนึ่งจุดน่าสนใจคือบนไดวนสู่ชั้นสองของตัวบ้าน ที่มอบความรู้สึกหรูหราเหมือนปราสาทในเทพนิยาย รับกับโคมไฟคริสตัลแชนเดอเลียร์ที่แขวนตัวอยู่เหนือเปียโนหลังใหญ่

เลยลึกเข้าไปทางด้านปีกขวาของตัวบ้าน จัดสรรไว้เป็นมุมรับประทานอาหาร โต๊ะท็อปหินอ่อนสีดำเงาวาวขนาดใหญ่รองรับแขกได้ถึง 10 ที่นั่ง ตกแต่งแจกันดอกไม้สลับกับชุดจานและช้อนจาก Hermès ส่วนแก้วคุณช้อนหลงใหลประกายสุกใสเกรดคริสตัลของแบรนด์ Baccarat

ขณะที่ชั้นสองของตัวบ้าน ถูกแบ่งพื้นที่ออกเป็นสี่ห้องนอน ประกอบด้วยสองห้องนอนใหญ่แยกกันอยู่ทั้งปีกซ้ายและขวา คั่นกลางด้วยห้องทำงานที่มีเตาผิงตกแต่งไว้เป็นลูกเล่น รวมถึงห้องนอนสำหรับแขก และอีกหนึ่งห้องนอนขนาดย่อมที่ถูกปรับพื้นที่ให้เป็นห้องสปาส่วนตัว

บรรยากาศภายในแม้จะรายล้อมไปด้วยความหรูหราจากเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่ง ที่ผสมผสานดีไซน์โมเดิร์นเข้ากับวัสดุเลอค่า ภายใต้เฉดสีหลักอย่างสีขาว ดำ และเอิร์ธโทน ก่อนแต่งแต้มสีทองเพราะเจ้าของชื่อช้อนทอง ด้วยบรรดาของตกแต่งและแอ็คเซสเซอรี่ส์ชิ้นลอยตัวต่างๆ หากทว่าก็ยังสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นผ่อนคลาย ทั้งจากโครงสร้างที่โล่งโปร่ง บวกกับการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยเป็นสัดส่วนอย่างลงตัวเปี่ยมรสนิยม

นอกจากนี้ที่ชั้นล่างของตัวบ้านยังมีห้องดื่มไวน์ที่โดดเด่นด้วยตู้แช่ไวน์สูงจรดเพดาน สามารถนั่งจิบไวน์เพลินๆ พลางชมวิวสวนและสระว่ายน้ำส่วนตัวที่เป็นพื้นที่เชื่อมถึงกันอยู่อีกด้วย

จากเด็กต่างจังหวัดสู่เศรษฐีนักเรียนนอก

จากเด็กหนุ่มที่เกิดและเติบโตในจังหวัดอุดรธานี หลังเรียนจบมัธยมปลายในบ้านเกิด คุณช้อนทองได้เข้าเป็นนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้เพียงแค่หนึ่งเทอม ก่อนค้นพบว่าไม่ใช่สายวิชาที่ตัวเองถนัด จึงตัดสินใจบินข้ามฟ้าสู่เมืองบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย ก่อนที่จะจบการศึกษาระดับปริญญาตรีและโทด้านเศรษฐศาสตร์ จาก The University of Queensland และปริญญาเอก คณะพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อครั้งกลับมาทำงานที่เมืองไทยแล้ว

“สมัยก่อนจนจะตาย ใช้ชีวิตประหยัดมาก (เสียงสูงและลากยาว) แต่ไม่เคยคิดจะขอเงินที่บ้านแม้แต่บาทเดียว ไปเรียนที่บริสเบนก็ดิ้นรนส่งเสียตัวเอง ทำงานในร้านอาหาร ข้าวสามมื้อใส่กล่องมาจากร้าน เอาใส่ตู้เย็นไว้ ก่อนกินก็แบ่งเข้าไมโครเวฟ เงินก็ไม่ค่อยจะมี (หัวเราะ)” คุณช้อนทองเล่าย้อนอดีตชีวิตนักศึกษาต่างแดนด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ แฝงไว้ด้วยท่วงท่าผ่อนคลายอารมณ์ดี ซึ่งสิ่งนี้คือบุคลิกภาพส่วนตัวอันโดดเด่นที่ฉายชัดตลอดการสนทนา

“แต่ด้วยจังหวะและโอกาส แค่ปีเดียวช้อนมีเงินเป็นร้อยกว่าล้าน ด้วยความที่ทุกเทศกาลจะต้องมีการประดับตกแต่งร้าน เจ้าของร้านก็จะมอบหน้าที่นี้ให้เราทำ แล้วเขาเห็นว่าเราทำสวยถูกใจ พอเปิดสาขาใหม่เพิ่มเขาก็มอบหมายให้ช้อนดูแลจัดการทั้งหมด ซึ่งข้าวของตกตแต่งต่างๆ ต้องนำเข้าจากเมืองไทยทั้งหมดเพราะเป็นร้านอาหารไทย ช้อนก็บินกลับมาตลาดนัดสวนจตุจักรบ้าง ไปบ้านถวายที่เชียงใหม่บ้าง จัดหาจัดส่งข้ามประเทศให้ถึงที่ ขอใบรับรองและยื่นภาษีให้ด้วย ครบทุกกระบวนการ แล้วเป็นเรื่องของโชคชะตา คนจะรวยช่วยไม่ได้ ในปีเดียวเขาเปิดถึง 12 ร้าน กำไรต่อช็อปก็ได้เป็นสิบล้าน

กระแสธารแห่งโชคลาภยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น เมื่อคุณช้อนทองเข้าศึกษาปริญญาโท เขาได้รู้จักกับเพื่อนชาวอินโดนีเซียคนหนึ่ง ซึ่งเปรียบเป็นประตูสู่อีกหนึ่งโอกาสดีที่คุณช้อนทองไม่เคยคาดคิด

“เพื่อนชวนไปเที่ยวบ้านเพราะพ่อของเพื่อนบอกให้เขาทำธุรกิจที่บ้าน แต่เพื่อนไม่รู้ว่าจะทำอาชีพอะไร ก็เลยอยากให้เราช่วยแนะนำ บ้านเพื่อนอยู่บนเกาะเป็นเมืองเศรษฐกิจพิเศษเหมือนกับพัทยาบ้านเรา ซึ่งพ่อเพื่อนเป็นนายกของเมือง เขาก็บอกช้อนว่ามาช่วยลูกชายฉันดูหน่อยสิว่าทำอะไรได้บ้าง เราก็คิดในใจว่าจะไปรู้เหรอ (หัวเราะ) ไม่ใช่บ้านเมืองเราซะหน่อย

“วันสุดท้ายก่อนจะกลับ ระหว่างนั่งรถช้อนก็มองเห็นท่อประปาที่อยู่ตามริมถนนมันเป็นท่อพีวีซี ไม่ใช่ท่อยางแบบที่ใช้ในเมืองที่พัฒนาแล้ว เราก็แนะนำเขาไปเล่นๆ ว่าขายท่อที่เป็นยางดูสิ ปรากฎว่าหลังจากนั้นเขาได้สัมปทานทั้งเมือง แล้วเขายกหน้าที่ติดต่อหาท่อยางทั้งหมดนี้มาให้เราทำ แล้วที่นั่นไม่มีการวางเครดิต จ่ายเงินสดทั้งหมดเป็นกระสอบๆ

ด้วยเรื่องราวทั้งหมด หลังคว้าปริญญาโทมาได้สมดังใจ คุณช้อนทองจึงหอบเงินมหาศาลกลับมาเริ่มต้นลงทุนเปิดสถาบันเสริมความงามที่เมืองไทย

บทบาทซีอีโอแถวหน้า

ปัจจุบันคุณช้อนทองรั้งตำแหน่งซีอีโอของ Mersi สถาบันเสริมความงามที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ในปีหน้าก็จะครบ 20 สาขาโดยรอบกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงอีกหนึ่งสาขาในจังหวัดอุดรธานี และมีโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลด้านความงามแบบครบวงจร ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในอีก 4-5 ปีข้างหน้า นอกจากนี้เขายังเป็นเจ้าของเครื่องบินไพรเวทเจ็ทที่ให้บริการเช่าในระยะยาว รวมทั้งบริษัทผลิตปุ๋ยชั้นนำ ซึ่งทั้งหมดเกิดจากหนึ่งสมองและสองมือสร้างสรรค์ของคุณช้อนทองล้วนๆ

“โรงงานปุ๋ยเป็นลักษณะ OEM (Original Equipment Manufacturer) คือเริ่มจากมีเพื่อนคนหนึ่งทำโรงงานปุ๋ย แต่เผอิญเขาติดต่องานไม่ค่อยเก่ง ก็มาเปรยๆ ว่าจะขอยืมเงินเรา ช้อนก็บอกว่าไม่ต้องขอยืมหรอก ขายโรงงานให้ฉันเลย แต่ไม่ใช่เอาเงินซื้อแล้วจบนะ เธอต้องสอนวิธีการทำงานให้ฉันด้วย ช้อนก็ไปอยู่กินคอยดูเลยว่าต้องทำแบบไหน พอเริ่มจับทางได้แล้วช้อนก็ขอเข้าไปคุยกับบริษัทใหญ่ๆ เลย รายอื่นเขาประเมินราคามาเท่าไหร่ ช้อนเสนอราคาต่ำกว่า แต่คุณภาพสามารถเช็คได้เลยว่าไม่ต่างกันกับรายอื่นๆ เรายอมขาดทุนเพื่อให้ได้คุณมาเป็นลูกค้า คือตอนนั้นเราเป็นเด็กน้อย ก็เข้าไปคุยกับเขาแบบชัดเจนตรงประเด็น เขามองว่าเราเหมือนเป็นเด็กสร้างบ้านที่ดูตั้งใจจริง เขาก็เลยเอ็นดูให้เครดิตเรามา ปัจจุบันโรงงานปุ๋ยของเราร่วมงาานกับบริษัทใหญ่ๆ ทั่วประเทศ โดยที่บริษัทรายแรกๆ ที่ช้อนเข้าไปคุย ก็ยังไว้วางใจกันยาวนานมาจนถึงทุกวันนี้

ไลฟ์สไตล์โดดเด่นของ New Rich

ปัจจุบันเรามีคำนิยามให้กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังเยาว์ว่า ‘New Rich’ หรือ ’New Money’ ซึ่งคุณช้อนทองก็ดูจะปลื้มปริ่มกับคำจำกัดความนี้เป็นอย่างดี

“ช้อนไม่ติดใจอะไรเลยถ้าใครจะมาเรียกเราแบบนี้ ดีซะอีก เพราะ New Rich เท่ากับว่าเราสร้างขึ้นมาด้วยความสามารถของเราเอง” ดร.ธรรมรัตน์ ธุระทอง

วิถีของ New Rich คือการแสดงออกถึงตัวตน ความมั่นใจ และความภาคภมิใจ โดยสะท้อนผ่านข้าวของหรูหราเลอค่า ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับแบรนด์เนม บ้านหลังใหญ่ รถคันหรู ของสะสมหายาก ตลอดจนวิถีการกินดื่มและท่องเที่ยวในระดับห้าดาว

ในส่วนของคุณช้อนทอง เขามีความสุขและสนุกกับการแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าซูเปอร์แบรนด์ที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะวาระออกงานสังคมและทริปท่องเที่ยวต่างประเทศ คุณช้อนทองจะจัดเต็มชนิดที่โดดเด่นสะดุดทุกสายตา

“ช้อน addicted อยู่สองอย่าง อย่างแรกคือรองเท้า มีประมาณ 200 คู่ ช้อนคิดว่าคนเราใช้ชีวิตในการเดินมากที่สุด เราก็ควรจะซื้อรองเท้าดีๆ เพื่อช่วยรองรับน้ำหนักและการเคลื่อนไหวของร่างกาย มันเหมือนถ้าฐานรากดี เรายืนเดินได้อย่างมั่นคงแข็งแรง ก็พร้อมที่จะก้าวไปสู่เป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ได้

“อีกอย่างคือเพชร ช้อนก็สู้ตายนะ (หัวเราะ) อย่างวันนี้ช้อนก็ใส่กำไลเพชรหลายวงซ้อนกันจนเกือบถึงครึ่งแขน” ว่าพลางคุณช้อนทองก็ยื่นแขนมาอวดใกล้ๆ พร้อมหัวเราะสนุก “อย่างกำไลตะปูของคาร์เทียร์ คนอื่นอาจจะใส่วงเล็กๆ แต่ช้อนเลือกวงยักษ์ตะโกนๆ ไปเลย แหวนเพชรก็ขอเป็นวงใหญ่เพชรเม็ดละกะรัตในวันปกติทั่วไป แต่ถ้าออกงานต้องเวอร์วังกว่านั้น เม็ดนึง 10 กะรัตช้อนก็ใส่ ดีไซน์เรียบๆ ไม่หวือหวา แต่เพชรต้องเม็ดใหญ่ เป็นความน้อยแต่มากแบบตะโกนสุดเสียง

“สำหรับช้อนถือว่าลงทุนซื้อมาแล้วก็อยากจะได้สวมใส่เฉิดฉายออกงานด้วย แล้วมองในระยะไกลถ้าจะขายมันก็ได้กำไร สไตล์ของช้อนคือถ้าอยากซื้อไว้เพื่อการลงทุน ต้องซื้อเพชรเม็ดใหญ่ที่ไม่ใช่แบรนด์ เพราะมันแสดงถึงมูลค่า ส่วนเพชรจากแบรนด์ชื่อดังมันแสดงถึงรสนิยมและคุณค่าทางจิตใจและสังคม ไม่ใช่มีเงินแค่ซื้อเพชร แต่มันคือการซื้อมาสวมใส่เพื่อยกระดับตัวเราเองด้วย เพราะแต่ละแบรนด์ก็มีเอกลักษณ์และประวัติศาสตร์ของตัวเอง”

ส่วนเรื่องเดินทางท่องเที่ยว คุณช้อนทองชัดเจนว่าเลือกเฉพาะเมืองดังยอดนิยม พร้อมเช็คอินเข้าพักในโรงแรมระดับห้าเท่านั้น จึงจะตอบทุกโจทย์ความเลอเลิศที่ใฝ่ฝัน

“ชอบเมืองศิวิไลซ์เริดๆ อย่างปารีส ลอนดอน มิลาน โรม เวนิส โมนาโค นีซ ดูไบ ถามว่าทำไมถึงชอบ ตอบเลยว่าเพราะเป็นคนบ้านนอกไง (หัวเราะ) ชีวิตมันอยู่กับธรรมชาติมาตั้งแต่เกิดแล้ว ก็เลยเหมือนเป็นการเติมเต็มสิ่งที่ขาด โรงแรมก็ต้องเลือกห้าดาว ชีวิตลำบากมามากแล้ว ขอเก็บกำไรชีวิต เผื่อพรุ่งนี้ล้มลงปุ๊บ อย่างน้อยๆ ก็ยังได้ใช้เงินที่เราสร้างมา

“อย่างล่าสุดช้อนไปมอนติคาร์โล ก็บินเฟิร์สคลาส มีรถลีมูซีนมารับถึงสนามบิน กินคาเวียร์จนหายอยาก นอนโรงแรม Hotel de Paris Monte-Carlo ก็มีความสุขอิ่มใจ ได้เติมเต็มสิ่งที่ขาดหายสมัยเด็ก ได้ไปชมสถาปัตยกรรมยุโรปที่อลังการเวอร์วังโลกแตก เราก็ตื่นตาตื่นใจ คือช้อนไม่ได้หมายความว่าคนที่ชอบเที่ยวธรรมชาติ หรือคนที่มีวิถีชีวิตเรียบง่ายอยู่ในเมืองเล็กๆ แล้วเขาจะไม่มีความสุขนะ แต่เผอิญว่าช้อนชอบที่จะมีความสุขแบบนี้ และเราสามารถตอบสนองความต้องการเหล่านี้ให้กับตัวเองได้ มันทำให้เราได้เปิดหูเปิดตา ได้เห็นในสิ่งที่เราไม่เคยเห็น

“มันก็เป็นไลฟ์สไตล์ของพวกเศรษฐีใหม่นั่นแหละ แต่ในเมื่อเป็นเงินที่เราหามาได้ด้วยตัวเอง เราก็ภูมิใจที่จะใช้มันสร้างความสุขให้แก่ตัวเราเอง สิ่งสำคัญคือ เราต้องยอมรับในสิ่งที่เราเป็น แล้วมีความสุขกับมันก็แค่นั้นเอง” – ดร.ธรรมรัตน์ ธุระทอง