ต นซ กมอร เขตภ ม อากาศแบบภาคพ นสม ทร

เผยแพร่: 7 พ.ค. 2548 21:02 โดย: MGR Online

1.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ เปิดสระว่ายน้ำสุวรรณชาด

เมื่อวันที่ 6 พ.ค. เวลา 16.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเปิดสระสุวรรณชาด เป็นการส่วนพระองค์

สำหรับสระว่ายน้ำดังกล่าวใช้ฟื้นฟูสัตว์ป่วย โดยมีสระว่ายน้ำสุนัขทรงเลี้ยงที่วังไกลกังวล หัวหิน เป็นต้นแบบ แบ่งโครงสร้างออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนสระว่ายน้ำ ขนาด 15.35 X 3.80 เมตร ลึก 1.50 เมตร สำหรับสุนัขทั่วไปที่ต้องการออกกำลังกาย และสระกายภาพบำบัด ขนาด 2.35 X 3.80 เมตร ลึก 1.50 เมตร ประกอบด้วย หัวพ่นฟองอากาศจำนวน 4 หัว เพื่อให้เกิดการนวดตามกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของตัวสุนัข และกระตุ้นระบบประสาทที่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม ยังได้ทำรอกที่ใช้พยุงตัวสุนัขที่ป่วยและไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ซึ่งใช้บำบัดสุนัขที่เป็นโรคข้อสะโพกหลวม โรคกระดูก หรือสุนัขที่เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นต้น

นอกจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานเงินรายได้จากการจำหน่ายเสื้อคุณทองแดงให้คณะสัตวแพทยศาสตร์ ดำเนินการโครงการตามพระราชกระแสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หลายโครงการด้วยกัน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯเปิดสระว่ายน้ำสุวรรณชาด 6 พ.ค.เปิดสระสุวรรณชาดรักษาสุนัขป่วย ในหลวงเสด็จพระราชดำเนิน ทรงเปิด "สระสุวรรณชาด"

2.สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เสด็จฯรับพระโอรส และหม่อมศรีรัศมิ์ฯ กลับวังศุโขทัย

เมื่อวันที่ 29 เมษายน หม่อมศรีรัศมิ์ มหิดล ณ อยุธยา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร มีพระประสูติการ พระโอรสในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร หม่อมศรีรัศมิ์ มหิดล ณ อยุธยา ณ รพ.ศิริราช โดยมีพระฤกษ์ประสูติ วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พุทธศักราช 2548 เวลา 18 นาฬิกา 35 นาที 00 วินาที น้ำหนัก 2,680 กรัม ความยาวพระองค์ 47 เซนติเมตร พระเศียร 31 เซนติเมตร ลืมพระเนตรเวลา 19.00 นาฬิกา พระเนตรโต พระนาสิกโด่ง APCAR8,9 (ค่าความแข็งแรงของพระโอรส โดยบ่งบอกสุขภาพนาทีที่หนึ่ง 8 คะแนนและนาทีที่ห้า 9 คะแนน ซึ่งหากวัดค่าได้มากกว่า 7 คะแนน บ่งชี้ว่าสุขภาพมีความแข็งแรง) น้ำหนักสายพระสกุน 550 กรัม

จากนั้น ในวันที่ 6 พฤษภาคม สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯรับพระโอรส และหม่อมศรีรัศมิ์ฯ กลับวังศุโขทัย ท่ามกลางความปลื้มปีติของประชาชนที่รอรับเสด็จนับพัน โดยมีคณะแพทย์สูตินรีเวช และกุมารเวชติดตามถวายการดูแลใกล้ชิดถึงวังฯ โดยหม่อมศรีรัศมิ์ฯ และพระโอรสมีพลานามัยและพระพลานามัยสมบูรณ์ดี

ทรงอุ้มพระโอรสองค์น้อย ให้ประชาชนชื่นชมใกล้ชิด "ชื่นชมพระบารมี" พระบรมฉายาลักษณ์ชุดที่ 2 หม่อมศรีรัศมิ์ฯ มีพระประสูติการพระโอรส 3.โปรดเกล้าฯ“สุดารัตน์”ขึ้นชั้นคุณหญิง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า จำนวน 70 ราย ซึ่งมีรายพระนามและรายนามดังต่อไปนี้

(ฝ่ายหน้า) ปฐมจุลจอมเกล้าได้แก่ นายสงคราม ทรัพย์เจริญ, ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ ได้แก่ 1.ร.อ.สุนทร เรืองเล็ก 2.นายประเทือง เหมทัต 3.พล.ร.อ.ประเจตน์ ศิริเดช 4.นายวิจิตร ศรีสอ้าน 5.พล.ต.อ.จำลอง เอี่ยมแจ้งพันธุ์, ส่วนทุติยจุลจอมเกล้า คือ 1.พล.ร.ต.ประกอบ กรโกสียกาจ 2.นายสวัสดิ์ โชติพานิช 3.นายเทียนฉาย กีระนันทน์ 4.นายไพรัช ธัชยพงษ์ 5.นายวิทย์ รายนานนท์ 6.ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์ โลหะชาละ 7.นายอักขราทร จุฬารัตน 8.นายสามารถ โชคคณาพิทักษ์ 9.นายพิสุทธิ์ วิจารสรณ์ 10.พล.ร.อ.ชุมพล ปัจจุสานนท์

สำหรับตติยจุลจอมเกล้าวิเศษ ได้แก่ 1.นายนิยม วสุหิรัญ 2.นายวุฒิ เกิดทรัพย์ 3.พ.อ.นายแพทย์มนตรี สุขะกุล 4.พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ 5.นายประยูร ผ่องแผ้ว 6.นายสหัส บุญญาวิวัฒน์ 7.นายกนก อภิรดี 8.นายบรรพต หงษ์ทอง 9.นายกำพล อดุลวิทย์ 10.นายสันติ ทักราล 11.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ 12.น.พ.ณรงค์ เลิศอรรฆยมณี ส่วนตติยจุลจอมเกล้า 1.พล.ท.หม่อมราชวงศ์กฤษต กฤดากร สืบราชตระกูล พล.ท.หม่อมเจ้าชิดชนก กฤดากร 2.นายธีร์ วรรณเมธี สืบตระกูลนายแผน วรรณเมธี 3.พล.ร.ท.ทำนุ เนตรโรจน์ สืบตระกูล พล.ร.อ.อนันต์ เนตรโรจน์ 4.นายชัชชัย สาริมาน สืบตระกูลนายเชื้อ สาริมาน 5.นายสุมิตร กฤษณามระ สืบตระกูล พ.ต.อ.เลื่อน กฤษณามระ

(ฝ่ายใน) ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ ซึ่งผู้ได้รับพระราชทานใช้คำนำหน้านามว่า“ท่านผู้หญิง”ได้แก่ 1.คุณหญิงสุวรรณี พัฒน์พงศ์พานิช ส่วนทุติยจุลจอมเกล้า ได้แก่ 1.หม่อมเจ้าภัทรลดา ดิศกุล 2.คุณดารารัตน์ ณ ลำพูน 3.คุณเมตตจิตต์ นวจินดา 4.คุณหญิงประณีตศิลป์ วัชรพล 5.คุณพจนา หันตวงษ์ ส่วนตติยจุลจอมเกล้า ได้แก่ 1.คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ 2.คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา 3.คุณหญิงปานจิตต์ วัฒนายากร 4.คุณหญิงรังสิมา หวั่งหลี 5.คุณหญิงเทวี เจียรวนนท์ 6.คุณหญิงกัติกา อ่วมสำอางค์ 7.คุณหญิงบุพพัณห์ นิมมานเหมินท์ 8.คุณหญิงอุษา เทวกุล ณ อยุธยา 9.คุณปรีดา เลิศดำริห์การ 10.คุณหญิงปัญจา ประจวบเหมาะ 11.คุณหญิงอัจฉรา กะราลัย 12.คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม 13.คุณหญิงสงวนศรี พิทูรกิจจา 14.คุณหญิงพรรณทอง มณีศิลป์ 15.คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา

สำหรับจตุตถจุลจอมเกล้า ได้แก่ 1.นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ 2.นางสาวไธวดี ดุลยจินดา 3.นางโกมุท อุ่นศรีส่ง 4.พ.อ.ญ.อำนวยพร โพธิสอน 5.นางสาวผกาพันธ์ เทหะมาศ 6.นางวิมล ศิริไพบูลย์ 7.น.ส.ประยูรศรี เก้าเอี้ยน 8.นางสาวประภา รัตนเมธานนท์ 9.นางสาวจำลอง แววพานิช 10.นางดรุณี พูลทรัพย์ 11.นางพรนภัส วรรธโนทัย 12.นางนิตยา ม่วงมณี 13.นางสุจิตรา มงคลกิติ 14.นางอัจฉรา ภูวนารถนุรักษ์ 15.นางมัลลิกา วรรณไกรโรจน์ 16.นางเฉิดฉัน แสงรุจิ

"เนวิน"นำคนก.เกษตรฯยินดี"คุณหญิงสุดารัตน์" ทำเนียบ ท่านผู้หญิง – คุณหญิงใหม่ ปี 48 "คุณหญิงสุดารัตน์" หนุนตรวจวุฒิการศึกษา ส.ส.ทั้งสภาฯ

4.ซีทีเอ็กซ์ยังวุ่น!นายกฯขู่ขึ้นบัญชีดำ“จีอีฯ”

คงเป็นเรื่องที่สาธารณชนจับมากที่สุด ณ เวลานี้แม้จะไม่มีใบเสร็จออกมาให้เห็นแบบจะๆแต่ผลการสอบสวนของกลต.สหรัฐที่ถือเป็นต้นเรื่องก็นับเป็นใบเสร็จต่างชาติชิ้นดีที่ประเทศไทยจะอยู่เฉยมิได้

หากลองไร่เรียงพัฒนาการข่าวในรอบสัปดาห์เรื่องการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดจะพบว่า นายกฯได้ส่งสัญญาณในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ให้“จีอี”เคลียร์ข้อกล่าวให้กระจ่างก่อนจะดำเนินการซื้อขายกันต่อไป ซึ่งทบทวนสัญญาการจัดซื้อกับ “จีอีฯ”และพร้อมขู่จะยกเลิกสัญญาดังกล่าวหันไปซื้อเครื่องจาก“เยอรมัน”แทนแม้เครื่องจะประสิทธิภาพจะน้อยลงก็ตาม

ฝั่ง “ประชาธิปัตย์”ก็ดูเหมือนจะคึกคักจับตาการแก้ปัญหาของรัฐบาลแบบตาไม่กระพริบซึ่งไม่ใช่ผลข้างเคียงจาก“สภากาแฟ”แต่อย่างใดนำโดย “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”แสดงความเป็นกังวลหากยกเลิกสัญญากันจริงๆ เพราะเท่ากับรัฐบาลพยายามตัดตอนไม่ให้สาวถึงตัว “ไอ้โม่ง”

ขณะที่“ถาวร”ร่อนหนังสือ7ฉบับทวงถามข้อเท็จจริง 1.เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ผ่านตัวแทนประจำภูมิภาคที่สำนักงานในประเทศไทย 2.รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ 3.กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ 4.เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย 5.ประธานกลต.สหรัฐฯ 6.ผู้ว่าการธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น และ 7.พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีด้าน“สุวโรช พะลัง”ก็ถือโอกาสเดินทางไปดูข้อมูลถึงประเทศสหรัฐโน่น ซึ่งการทำงานทั้งหมดของฝ่ายค้านคงไม่ใช่รักประเทศชาติน้อยกว่านายกฯแต่อย่างใด

ล่าสุด“ทักษิณ”สำทับอีก ให้“จีอีฯ”เคลียร์ข้อกล่าวหาเป็นการด่วนไม่เช่นนั้นจะขึ้นบัญชีดำ (แบล็กลิสต์) คงต้องจับตากันต่อไป ว่าผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร

นายกฯ ยืนยันเลิกสัญญาจีอีแน่ถ้าไม่เคลียร์ตัวเอง สหรัฐรับปากไทยจะให้ก.ยุติธรรมสอบจีอีฯ วุฒิฯซัก“บิ๊กบทม.”จนมุมตอบข้อสงสัยซื้อซีทีเอ็กซ์ไม่ชัดเจน

5.“ทักษิณ”สั่งก.ศึกษาฯสอบวุฒิส.ส.ทั้งสภา

เรื่องของเรื่องนี้คงต้องยกเครดิตให้ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์”รองหัวหน้าพรรคชาติไทย ที่ออกมาเปิดโปงว่ามีส.ส.พรรคไทยรักไทยไม่จบการศึกษาระดับป.ตรีถึง 13 คน

ซึ่งหากคอการเมืองติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดจะพบว่า พรรคไทยรักไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาต่างออกมาท้าให้“ชูวิทย์”เปิดเผยรายชื่อออกมาจริงๆสักทีเพราะถ้าเงียบไปอย่างนี้คนเขาจะหาว่าเป็นเด็กเลี้ยงแกะได้

ฝั่ง“ชูวิทย์”หลังจากที่เงียบหายไป2วันเต็มกลับมาพร้อมข้อมูลในมือแฉเบื้องต้น3รายคือ 1.ส.ส.ในพื้นที่เขตปริมณฑล ชื่อไม่ใช่สันติภาพ จบเพียง ป.4 ในปี พ.ศ.2499แล้วมาฟอกตัวโดยการมาเรียนศึกษาผู้ใหญ่ 2.เป็น ส.ส.อยู่เมืองลิงใช้วุฒิปวส.จาก จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นโรงเรียนเดียวกับนายการุณ โหสกุล อดีตผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคไทยรักไทย เขตดอนเมือง3.เป็นรุ่นลายคราม ซึ่งมี ส.ส.ประเภทนี้เยอะมาก โดยอยู่ จ.ชัยภูมิ ขณะนี้กำลังนั่งรถเข็นอยู่ มีใบสุทธิรับรองว่าจบ ม.ต้น แต่ไม่จบ ม.ปลาย แล้วใช้ใบสุทธิปลอมมาสมัครเรียนต่อปริญญาตรีจนจบ

“ใครที่เลี้ยงแกะ เลี้ยงแพะ สิ่งที่พูดของจริงทั้งนั้น อย่ามาท้า ไอ้พวกลิ้นยาวสองแฉก ขนหน้าแข้งเต็มปาก รองเท้านายมันแพลบ ผมจะตัดลิ้นให้หมดผมเจอนายกฯ แล้ว ท่านบอกว่าชูวิทย์ let‘s it goทำตัวให้มีความสุข 7อย่างตามที่ผมพูดซิ แต่ผมบอกว่าท่านนายกฯลองดึงขากางเกงมาดูซิว่าขนขาแข้งท่านเรียบหรือยัง เพราะนักการเมืองสมัยนี้ลิ้นยาวกันหมดทั้งนี้จะให้เวลานายกฯ 7วันในการจัดการเรื่องนี้”

ด้าน“ทักษิณ”ก็ออกมารับลูกหรือตัดบทไม่แน่ใจสั่งกระทรวงศึกษาตรวจสอบวุฒิการศึกษาของส.ส.ทั้ง500คน

“อดิศัย”เผยสอบวุฒิฯ500ส.ส.เพียงส่วนน้อยมีปัญหา “ทักษิณ”สั่งสอบทั้งสภา-เมิน“ชูวิทย์”เปิดศึกปลอมวุฒิ “ชูวิทย์”ขู่!“แม้ว”7 วันต้องจัดการ-ลั่นฟันไม่เลี้ยง12ส.ส.ปลอมวุฒิฯ

6.ประกาศผลเอนท์ฯ คึกคักขณะที่นร.ยังค้านใช้ GPA

หลังจากที่ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย(ทปอ.)มีมติให้ใช้ GPA ในระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษาใหม่ หรือ แอดมิสชันลดลงจาก 40% เป็น 20 % ในปีการศึกษา 2549 กลุ่มนักเรียนที่จะต้องใช้ระบบแอดมิสชันบางส่วนยังไม่เห็นด้วยและได้มีการล่ารายชื่อคัดค้านการใช้ GPA 20% เพื่อนำเสนอต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรนายกรัฐมนตรี ซึ่งในวันที่ 11 พ.ค.ทปอ.จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาเกณฑ์การรับนักศึกษาของแต่ละคณะหรือกลุ่มวิชาในรายละเอียดอีกครั้ง

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) ได้ประกาศผลการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาหรือ เอนทรานซ์ อย่างเป็นทางการ ท่ามกลางการจัดซุ้มรับน้องของรุ่นพี่ที่มหาวิทยาเกษตรศาสตร์ ซึ่งเป็นสถานที่ประกาศผลเอนทรานซ์อย่างคึกคัก ซึ่งในปีนี้มีนักเรียนตาบอดเอนทรานซ์ติด 2 คน ได้แก่ น.ส.อธิศรี สงเคราะห์ ติดคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ โปรแกรมวิชาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา และนายอภิราม เงาศรี สอบติดคณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร โดยนายปวริศร์ ตระกูลฮุน นักเรียนเตรียมอุดมศึกษา ทำคะแนนสอบได้สูงที่สุดในประเทศไทย ถึงร้อยละ 91.09

นร.ไม่เอาแอดมิสชั่น ล่าชื่อค้านจีพีเอ20% นร.ล่ารายชื่อเสนอนายกฯ ค้านใช้จีพีเอ 20 เปอร์เซ็นต์ ทปอ.ยอมถอย ลด GPA แอมิสชั่นเหลือร้อยละ 20

7. เลื่อนพิพากษาคดีอดีตรมช.สมบัติฟ้อง “ภคพร”

วันที่ 6 พ.ค. ที่ศาลอาญา ศาลนัดอ่านคำพิพากษาในคดีที่ นายสมบัติ อุทัยสาง อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และที่ปรึกษาพรรคไทยรักไทย เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ภคพร สันทานุลัย อดีตลูกจ้างประจำสำนักงานผังเมืองและโยธาธิการ จังหวัดตราด เป็นจำเลยในความผิดฐานกรรโชก รีดเอาทรัพย์, แจ้งความเท็จ และหมิ่นประมาท พร้อมกับเรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท สืบเนื่องจากกรณีที่นางสาวภคพร กล่าวหาและให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่าได้ถูกนายสมบัติ ข่มขืนกระทำชำเราเหตุเกิดที่โรงแรมประดิพัทธ์ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม.เมื่อวันที่ 21 พ.ย.45 ที่ผ่านมา

เมื่อถึงเวลานัด ศาลแจ้งว่าวันนี้ยังไม่สามารถอ่านคำพิพากษาได้ และขอเลื่อนออกไปอีก โดยอ้างเหตุผลว่า เนื่องจากศาลอุทธรณ์ ได้ยืมสำนวนคดีไปประกอบการพิจารณาคดีที่นางสาวภคพร เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสมบัติ และได้ส่งสำนวนมาให้เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ทำให้ศาลไม่สามารถเขียนคำพิพากษาได้ทัน อีกทั้งข้อเท็จจริงที่ทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยเบิกความ มีความยาว บางส่วนยังสับสน ดังนั้น จึงขอเลื่อนไปอ่านคำพิพากษาคดีนี้ เป็นวันที่ 31 พ.ค. เวลา 09.30 น.

หลังศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษา นางสาวภคพร ได้เดินออกจากห้องพิจารณาคดี พร้อมกับเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า จะเดินทางไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสน.พหลโยธิน ในกรณีที่สถานีโทรทัศน์กองทัพบ่อง 5 ได้นำเสนอข่าวเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 5 พ.ค. โดยพาดหัวข่าวในทำนองว่า "ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีรมช.สมบัติฟ้องสาวแสบพรุ่งนี้" ซึ่งคำว่าสาวแสบ ถือเป็นการหมิ่นประมาท จึงจะเดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาน.ส.ภคพร เข้าแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าวที่สน.พหลโยธินกับพ.ต.ท.สมภัทร ทองโกมล พนักงานสอบสวน (สบ.3) โดยตำรวจได้บันทึกปากคำเบื้องต้น ซึ่งน.ส.ภคพรแจ้งความในข้อหาหมิ่นประมาท โดยการโฆษณา และให้ดำเนินคดีกับสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 พล.ท.เลิศฤทธิ์ เวชสวรรค์ ผอ.ททบ.5 และบรรณาธิการข่าว

ศาลเลื่อนนัดพิพากษาอดีต"รมช.สมบัติ"ฟ้อง"ภคพร" ศาลนัดชี้ขาดคดี"ภคพร"อ้างถูกอดีต"รมช.สมบัติ"ข่มขืนพรุ่งนี้ 8. “ทักษิณ” ยาหอมเร่งเพิ่มประสิทธิภาพฝีมือแรงงาน

เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ใช้แรงงานนับหมื่นคนได้เคลื่อนขบวนออกจากลานพระบรมรูปทรงม้า ไปตามถนนราชดำเนิน เพื่อมุ่งหน้าสู่ท้องสนามหลวง โดยบรรยากาศในริ้วขบวนมีการอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มาร่วมในขบวนเพื่อความเป็นสิริมงคลด้วย ขณะที่กลุ่มผู้ใช้แรงงานสวมเสื้อสีฟ้าที่มีตราสัญลักษณ์ของสภาองค์การลูกจ้างแรงงานแห่งประเทศไทยกันอย่างพร้อมเพรียง มีรถขยายเสียงป่าวประกาศข้อเรียกร้องของผู้ใช้แรงงานในด้านต่างๆ พร้อมทั้งสะท้อนปัญหาความเดือดร้อนไปตลอดเส้นทาง ซึ่งริ้วขบวนได้สิ้นสุดที่ท้องสนามหลวงเพื่อทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปเป็นประธานเปิดงานในเวลาประมาณเที่ยงของวันดังกล่าว

ต่อมาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปราศรัยกับพี่น้องแรงงานในโอกาสวันแรงงานแห่งชาติ ว่า ข้อเรียกร้องนั้น มีหลายข้อที่รัฐบาลให้การดูแลอยู่ แต่ก็มีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่รัฐบาลได้ทำไปแล้ว แต่ผู้ใช้แรงงานอาจไม่ทราบ อย่างเช่นเรื่องการขยายโอกาสให้มีงานทำ ในลักษณะของการแก้ไขปัญหาความยากจนทุกรูปแบบ การขยายการลงทุน ซึ่งรัฐบาลและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการเพื่อให้โอกาสกับภาคแรงงานที่ทางเลือกมากขึ้น รวมทั้งรัฐบาลได้ดูแลให้มีการรักษากติกาไม่ให้มีการข่มแหงรังแกกัน โดยเฉพาะผู้ที่มีพลังกว่าข่มเหงผู้ที่อ่อนแอกว่า หรือการเอาเปรียบต่างๆ ดังนั้นเรื่องสวัสดิภาพ สวัสดิการต่างๆ ของผู้ใช้แรงงานนั้น รัฐบาลให้การดูแลเป็นพิเศษ และจะดูแลอย่างต่อเนื่อง ทุกภาคส่วนที่อยู่ในระบบแรงงานจะได้รับการดูแลอย่างครอบคลุม ในส่วนของการยกระดับฝีมือแรงงานนั้น ให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน เพราะถือว่าฝีมือแรงงานที่สูงขึ้นมีส่วนเชื่อมโยงกับอัตราค่าจ้างที่สูงขึ้นโดยตรง ขณะนี้ได้มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการ เข้ามาดูแลยกระดับแรงงานในเรื่องคุณวุฒิการศึกษา โดยรัฐบาลนี้มองว่า ต่อไปแรงงานไทยจะมาพึ่งพิงกับค่าแรงขั้นต่ำไม่ได้ ต้องพัฒนาตัวเองให้มีฝีมือ อย่างน้อยก็ต้องอยู่ในระดับ “กึ่งฝีมือ” และงานใดที่คนไทยไม่ทำถึงจะบริหารจัดการเปิดรับแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำแทน