ต.หนองไฮ อ.วาป ปท ม จ.มหาสารคาม

โดนอีกราย! ศาลฎีกาฯ พิพากษาเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต ‘บุญเถิง พิลาลัย’ รองนายก อบต.หนองไฮ อ.ปีปทุม มหาสารคาม จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน ป.ป.ช. แจ้งเตือนแล้วเพิกเฉย จําคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท โทษจําคุกรอการลงโทษ 1 ปี


สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2565 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาว่า นายบุญเถิง พิลาลัย รองนายกองค์การบริหารส่วนตําบล (อบต.) หนองไฮ อําเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม ผู้ถูกกล่าวหา จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ผู้ร้อง และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน กรณีพ้นจากตําแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบล (อบต.) หนองไฮ ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหาตลอดไป จําคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจําคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจําคุกมาก่อน โทษจําคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกําหนด 1 ปี รายละเอียดดังนี้

ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง

นายบุญเถิง พิลาลัย ผู้ถูกกล่าวหา

เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน

ผู้ร้องยื่นคําร้องขอให้วินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลหนองไฮ อําเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน กรณีพ้นจากตําแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลหนองไฮ ขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหา กับลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81, 114 วรรคสอง (1), 167 และ 188

ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ

พิเคราะห์คําร้อง ประกอบเอกสารท้ายคําร้อง และคําให้การของผู้ถูกกล่าวหาแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลหนองไฮ อําเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 และพ้นจากตําแหน่งเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2561 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตําแหน่งแล้วเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2558 และมีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตําแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลหนองไฮแต่ผู้ถูกกล่าวหามิได้ยื่น ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งเตือนให้ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินแล้ว ผู้ถูกกล่าวหาเพิกเฉย ต่อมาผู้ร้องมีหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาและให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงข้อเท็จจริง ผู้ถูกกล่าวหาแจ้งความ ประสงค์ขอชี้แจงข้อกล่าวหาภายในวันที่ 29 พฤษภาคม 2564 แต่เมื่อถึงกําหนดดังกล่าวผู้ถูกกล่าวหามิได้ชี้แจงข้อกล่าวหาแต่อย่างใด

มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน กรณีพ้นจากตําแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลหนองไฮหรือไม่

เห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาดํารงตําแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลหนองไฮ และพ้นจากตําแหน่งเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2561 ซึ่งเป็นเวลาภายหลังจากที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มีผลใช้บังคับแล้วในวันที่ 22 กรกฎาคม 2561 อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตําแหน่ง ยังมิได้มีประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติที่ออกโดยอาศัยอํานาจตามพระราชบัญญัติดังกล่าวเพื่อกําหนดตําแหน่งผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินใช้บังคับ จึงต้องใช้ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กําหนดตําแหน่งผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2554 และประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กําหนดตําแหน่งผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 ที่ออกโดยอาศัยอํานาจตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 บังคับแก่คดี ทั้งนี้ตามบทเฉพาะกาล มาตรา 188 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 เมื่อผู้ถูกกล่าวหาดํารงตําแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลตามที่ระบุไว้ในประกาศคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติดังกล่าว ผู้ถูกกล่าวหาจึงเป็นรองผู้บริหารท้องถิ่นและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 4 ผู้ถูกกล่าวหามีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตําแหน่งและกรณีพ้นจากตําแหน่งภายในระยะเวลา ที่กฎหมายกําหนด ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 102 (9) และมาตรา 105 การยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องเป็นหน้าที่สําคัญของรองผู้บริหารท้องถิ่นที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย อันเป็นมาตรการในการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน เพื่อป้องปรามผู้ใช้อํานาจรัฐโดยมิชอบ ทั้งผู้ถูกกล่าวหาเคยยื่นบัญชี แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตําแหน่งแล้ว ถือได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาทราบถึง รายละเอียดและที่มาแห่งทรัพย์สินของตนเป็นอย่างดี เมื่อผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีพ้นจากตําแหน่งไว้ ประกอบกับผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ พฤติการณ์ มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าผู้ถูกกล่าวหามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินและหนี้สิน จึงฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตําแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลหนองไฮ มีผลให้ผู้ถูกกล่าวหาต้องถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 วรรคหนึ่งและวรรคสอง และการกระทําของผู้ถูกกล่าวหายังเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่า มีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน กรณีพ้นจากตําแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลหนองไฮ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 167 ด้วย

พิพากษาว่า นายบุญเถิง พิลาลัย ผู้ถูกกล่าวหา จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องและมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน กรณีพ้นจากตําแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลหนองไฮ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคสอง (1) ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหาตลอดไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 วรรคหนึ่งและวรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 167 จําคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจําคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจําคุกมาก่อน โทษจําคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกําหนด 1 ปี ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชําระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30. (คดีหมายเลขแดงที่ อม.17/2565 วันที่ 18 สิงหาคม 2565)

สำนักข่าวอิศรารายงานว่า ก่อนหน้านี้มีนักการเมืองท้องถิ่นจำนวนหลายรายถูกศาลฎีกาฯพิพากษาเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไปกรณีจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และหรือจงใจยื่นบัญชีฯเท็จ ต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช.