Brown mixture ให คนต งครรภ ได ม ย

Clinical Practice Guideline For Dermatology 2005-2017 Collected from free Download Guideline at Dermatological Society of Thailand website 1

st

Edition 2019

Brown mixture ให คนต งครรภ ได ม ย

Table of CPGs

New Guideline Topic 1 CPG anaphylaxis 2017 1 Topic 2 CPG Urticaria/Angioedema 2015 35 Topic 3 CPG Atopic Dermatitis 2015 66 Topic 4 Dermatological Drugs Smart Use 2015 96 2011 Guideline Topic 5 Clinical practice guideline in dermatology 135 Topic 6 Acne 137 Topic 7 Alopecia Areata 161 Topic 8 Androgenetic Alopecia 168 Topic 9 Atopic Dermatitis 175 Topic 10 Bullous Pemphigoid 194 Topic 11 Molluscum Contagiosum 203 Topic 12 Psoriasis 208 Topic 13 Scabies 243 Topic 14 Superficial Fungal Infection 248 Topic 15 Topical Steroid Usage 266 Topic 16 Urticaria Angioedema 274

Brown mixture ให คนต งครรภ ได ม ย
Brown mixture ให คนต งครรภ ได ม ย

คำนำ หนังสือเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของ โครงการพัฒนาจิตอาสา (บูรณาการรายวิชา 562 369 Experiential Learning in Pharmacy Settings) จัดทำเพื่อเผยแพร่ความรู้เรื่องยาและการ ดแู ลรกั ษาดว้ ยตนเองในเบอื้ งตน้ สำหรับโรคและอาการทีพ่ บบอ่ ยในโรงเรียน ในการจัดทำหนังสือ คู่มือตู้ยาโรงเรียนและแนวทางการรักษาโรคที่พบบ่อย ในครั้ งน้ี ผู้จดั ทำขอขอบคุณ ภญ.ผศ.ดร. อนิ ทิรา กาญจนพบิ ลู ย์ ผู้รับผิดชอบโครงการ ผ้ใู ห้ความรู้ และให้ คำปรึกษา นักศึกษาเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยศิลปากร รุ่นที่ 33 ที่ให้ความร่วมมือในการผลิต หนังสอื เลม่ นี้ ผจู้ ัดทำหวังว่าหนังสือเลม่ นี้จะให้ความรู้ และเป็นประโยชน์แก่ผูอ้ า่ นทุก ๆ ท่าน นักศกึ ษาเภสชั ศาสตร์มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร ร่นุ ที่ 33 ผ้จู ัดทำ ข

กติ ติกรรมประกาศ หนังสอื เลม่ นสี้ ำเร็จลลุ ว่ งไดด้ ้วยความกรณุ าจากภญ.ผศ.ดร. อินทริ า กาญจนพิบูลย์ ผู้รบั ผิดชอบโครงการทไ่ี ด้ให้คำแนะนำ แนวทางในการทำงาน ตลอดจนแก้ไขข้อบกพรอ่ งต่าง ๆ มาโดยตลอด จนหนังสือเลม่ นเ้ี สร็จสมบรู ณ์ ผู้จัดทำจงึ ขอกราบขอบพระคณุ เปน็ อย่างสงู ขอกราบขอบพระคณุ พี่นอส - จริ วชั ร์ อานนทว์ ฒั นา นกั พฒั นาสอ่ื อิสระ เจ้าของเพจ นอสสจึ ้า ท่ไี ด้มาเลา่ ประสบการณ์เร่ืองการสร้างสื่อ online รวมถึงใหค้ วามรู้ คำแนะนำที่เปน็ ประโยชนเ์ กย่ี วกับการสรา้ ง content ตา่ ง ๆ ขอกราบขอบพระคณุ อาจารยส์ ุพัฒนชุ สอนดำรหิ ์ ผ้เู ชี่ยวชาญดา้ นการส่อื สารการตลาด เพอ่ื สังคม สำนกั งานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสขุ ภาพ (สสส.) ท่ีไดใ้ หแ้ นวคิดเกยี่ วกับการ ส่อื สารและเครือ่ งมอื ในการสรา้ งสื่อ online ตลอดจนใหค้ ำแนะนำในการสร้างสื่อ online ให้ นา่ สนใจ สุดทา้ ยขอขอบคณุ เพือ่ น ๆ นกั ศึกษาเภสชั ศาสตรม์ หาวทิ ยาลยั ศิลปากร รุ่นที่ 33 ทีใ่ ห้ ความร่วมมอื และตง้ั ใจชว่ ยกนั สรา้ งหนังสอื เล่มนจ้ี นสำเร็จลุล่วงไปไดด้ ้วยดี นกั ศึกษาเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลยั ศิลปากร รนุ่ ที่ 33 ผูจ้ ัดทำ ค

สารบัญ หนา้ ยาและเวชภณั ฑส์ ำหรบั ตู้ยา 1 2 1. ยาลดไข้ บรรเทาปวด [พาราเซตามอล (Paracetamol)] 4 2. ยาแก้แพ้ ลดนำ้ มกู [คลอร์เฟนริ ามีน (Chlorpheniramine)] 5 3. ยาแก้ไอ [ยาแกไ้ อนำ้ ดำ (Brown mixture)] 4. ยาแก้ไอขับเสมหะสำหรับเดก็ 6 [Ammonium carbonate + Glycyrrhiza Fluidextract] 7 5. ยาแกท้ ้องเสีย [ผงน้ำตาลเกลอื แร่] 8 6. ยาแกท้ ้องอืด ท้องเฟ้อ [ยาธาตนุ ้ำแดง (Stomachic Mixture)] 9 7. ยาแก้ท้องอดื ท้องเฟอ้ [ยาธาตุนำ้ ขาว] 10 8. ยาแกท้ อ้ งอดื ท้องเฟ้อ [โซดามนิ ท์ (Sodamint)] 9. ยาโรคกระเพาะอาหาร [ยาตา้ นกรด/ยาลดกรด 12 ( Aluminium hydroxide + Magnesium hydroxide)] 13 10. ยาถา่ ยพยาธิ [มีเบนดาโซล (Mebendazole)] 14 11. ยาถา่ ยพยาธิ [อัลเบนดาโซล (Albendazole)] 15 12. ยาแกแ้ พ้ แก้ผดผ่ืนคัน [คาลาไมน์โลชัน่ (Calamine lotion)] 16 13. ยาแกป้ วดกลา้ มเน้อื [เมทลิ ซลิ ิไซเลต (Methyl salicylate cream)] 17 14. ยาแกป้ วดกลา้ มเน้อื [ไดโคลฟแิ นค เจล (Diclofenac gel)] 15. ยาแกป้ วดกลา้ มเนื้อ [ยาหม่อง (Balm)] ง

16. ยาทาแผลไฟไหม้ นำ้ ร้อนลวก [ซิลเวอร์ ซลั ฟาไดอาซนี (Silver sulfadiazine)] 18 17. ยาล้างตา [บรอมเฮกซีน (Bromhexine)] 19 18. ยาดมแกว้ ิงเวยี น [แอมโมเนยี (Ammonia)] 20 19. ยาล้างแผล [แอลกอฮอล์(Isopropyl /Ethyl alcohol)] 21 20. นำ้ เกลือลา้ งแผล [นำ้ เกลอื นอร์มัล (Normal saline)] 22 21. ยาใสแ่ ผล [โพวโิ ดน ไอโอดนี (Povidone Iodine/Betadine)] 23 22. ยาโรคหิด เหา [เบนซิลเบนโซเอต (Benzyl benzoate)] 24 23. ยาตา้ นการอกั เสบท่ไี ม่ใชส่ เตยี รอยด์ [ไอบโู พรเฟน (Ibuprofen)] 25 24. ยาตา้ นการอกั เสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ [กรดเมเฟนามกิ (Mefenamic acid)] 26 25. ยาแก้ไอ ขับเสมหะ [บรอมเฮกซีน (Bromhexine)] 27 26. ยาระงบั ไอ [เดกซ์โทรเมทอร์แฟน (Dextromethorphan)] 29 27. ยาบรรเทาปวดประจำเดือน [ไฮออสซนิ (Hyoscine-N-butylbromide)] 30 28. ยาลดการสร้างกรด [รานิทิดีน (Ranitidine)] 31 29. ยาแก้คลื่นไสอ้ าเจยี น [ดอมเพอริโดน (Domperidone)] 32 30. ยาแก้คลนื่ ไสอ้ าเจยี น แก้เมารถ [ไดเมนไฮดรเิ นท (Dimenhydrinate)] 33 31. ยาแกแ้ พ้ [เซทริ ซิ ีน (Cetirizine)] 34 32. ยาแกแ้ พ้ ลดนำ้ มกู แกผ้ ดผ่ืน [ลอราทาดนี (Loratadine)] 35 จ

ยาและเวชภณั ฑ์สาหรบั ตยู้ า ฉ

01 ยาลดไข้ บรรเทาปวด พาราเซตามอล (Paracetamol) พาราเซตามอล หรือ อะเซตามิโนเฟน เป็นยาแก้ปวด ลดไข้ ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย หาซื้อได้งา่ ยและมักจะมีตดิ ไว้ประจำ บ้าน เป็นยาที่ค่อนข้างปลอดภัยเมื่อใช้ถูกวิธี โดยพาราเซตามอลช่วยบรรเทาอาการปวดหลายๆสาเหตุได้ เช่น ปวดศีรษะ ปวดข้อ ปวดกล้ามเน้อื และใชเ้ ปน็ ยาลดไข้ ยานใ้ี ชส้ ำหรบั บรรเทาอาการไขแ้ ละอาการปวดระดบั เล็กน้อยถึงปานกลาง รูปแบบยา • ยาเม็ด ขนาด 500 มิลลิกรมั • ยาน้ำ ความแรง 120 มลิ ลกิ รัม/5 มิลลลิ ิตร วิธใี ช้ยา • เด็กอายตุ ่ำกวา่ 12 ปี รับประทาน 10–15 มลิ ลกิ รมั ต่อนำ้ หนกั ตวั 1 กิโลกรัมตอ่ ครั้ง โดยรับประทานทกุ ๆ 4-6 ชว่ั โมง นำ้ หนัก (กิโลกรัม) รับประทานครั้งละ 10-15 1 ช้อนชา 16-25 26-35 2 ช้อนชา หรอื ½ เมด็ >35 3 ชอ้ นชา 4 ชอ้ นชา หรือ 1 เมด็ • เดก็ อายุ 12 ปขี ้ึนไป และผใู้ หญ่ รบั ประทานครั้งละ 1-2 เม็ด ทุกๆ 4-6 ชว่ั โมง เม่อื มีอาการ ขอ้ ควรระวงั สำหรบั เดก็ ห้ามรับประทานยาน้ีติดตอ่ กนั เกิน 3-5 วนั การรบั ประทานยาน้บี ่อยกว่าท่ีแพทยส์ ่งั ให้ใชอ้ าจเป็นอันตรายตอ่ ตับ 1

02 ยาแก้แพ้ ลดน้ำมกู คลอร์เฟนิรามนี (Chlorpheniramine) คลอรเ์ ฟนิรามนี (Chlorpheniramine) จัดอดยู่ในกลมุ่ ยาแก้แพ้ ออกฤทธโิ์ ดยการต้านการทำงานของสารฮีสตามีนซง่ึ เปน็ สารที่ระบบภูมิคมุ้ กนั ของรา่ งกายสรา้ งขนึ้ และเกิดใหเ้ กดิ ปฏิกิรยิ ายาต่อภูมแิ พ้ ยานี้ใชส้ ำหรับ ● บรรเทาอาการต่างๆจากการแพ้ เชน่ นำ้ มูกไหล น้ำตาไหล คันจมูก จาม คนั ตา ● ใชล้ ดน้ำมกู ในโรคหวดั รปู แบบยา ยาเมด็ ขนาด 4 มิลลกิ รมั ยาน้ำชนิดนำ้ เชือ่ ม ขนาด 2 มิลลิกรมั /5มิลลิลิตร ยาฉดี (มกั ใช้ในโรงพยาบาลโดยบคุ ลากรทางการแพทย์) วธิ ใี ช้ยา รับประทานยานีเ้ ฉพาะเวลามีอาการเท่าน้ัน ● ยาเมด็ ขนาด 4 มลิ ลิกรมั ยาน้สี ามารถทานก่อนหรอื หลงั อาหารก็ได้ แต่ถ้าหากทานยาแล้วมอี าการปวดมวนท้องสามารถทานพรอ้ มอาหาร อายุ ขนาดรับประทาน เด็กต่ำกว่า 6 ปี ควรหลกี เลี่ยงหรอื ปรกึ ษาแพทย์/เภสัชกรก่อนใช้ยา เด็ก6-12 ปี กินครัง้ ละ2 มิลลิกรมั (ครง่ึ เมด็ ) ทุก 4-6 ชว่ั โมง แตไ่ ม่เกิน 6 เม็ด/วนั ผใู้ หญ่/เด็กอายุมากกว่า12 ปี กินครั้งละ4 มลิ ลกิ รมั (1เม็ด) ทกุ 4-6 ช่วั โมง แต่ไมเ่ กนิ 6 เม็ด/วัน 2

● ยานำ้ ชนิดน้ำเช่ือม ขนาด 2 มิลลิกรมั /5มลิ ลิลิตร ยาน้ีสามารถทานก่อนหรอื หลงั อาหารกไ็ ด้ แต่ถา้ หากทานยาแลว้ มอี าการปวดมวนท้องสามารถทานพร้อมอาหาร อายุ ขนาดรบั ประทาน เดก็ อายุต่ำกวา่ 1 ปี ไม่แนะนำให้ใช้ยานี้ เดก็ อายุ 1-2 ปี ครั้งละ ครึ่งช้อนชา วนั ละ 2 ครงั้ (ไม่ควรเกนิ 1 ช้อนชาต่อวัน) เดก็ อายุ 2-6 ปี คร้งั ละ ครึ่งชอ้ นชา ทุก 4-6 ชัว่ โมง (ไมค่ วรเกิน 3 ชอ้ นชาตอ่ วนั ) เดก็ อายุ 6-12 ปี ครัง้ ละ 1 ช้อนชา ทกุ 4-6 ชวั่ โมง (ไม่ควรเกิน 6 ชอ้ นชาตอ่ วนั ) ผูใ้ หญ่และเดก็ อายุ 12 ปีข้ึนไป คร้งั ละ 2 ช้อนชา ทกุ 4-6 ชว่ั โมง (ไม่ควรเกนิ 12 ชอ้ นชาตอ่ วัน) ขอ้ ควรระวงั ● กอ่ นใช้ยาน้ี ควรตรวจสอบให้แนใ่ จว่าไม่ได้ใชย้ าอื่นๆทมี่ สี ่วนผสมของคลอรเ์ ฟนิรามนี หรอื ยาแก้ แพ้ชนิดอนื่ ๆอยู่ เพราะอาจทำใหไ้ ดร้ บั ยาเกนิ ขนาด ● ระมัดระวงั ในการขับขย่ี านยนต์หรือทำงานเกีย่ วกบั เคร่อื งจักรกล หรอื ทำงานที่เสย่ี งตอ่ การพลัด ตกจากที่สูง เพราะยานท้ี ำให้เกดิ การง่วงซึม ● หลีกเล่ยี งการดืม่ เครอื่ งด่ืมท่ีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเพราะอาจทำให้ งว่ งซึมมากขนึ้ ● ควรดมื่ นำ้ มากๆ เพราะยาน้ที ำให้ปากแหง้ เสมหะเหนียวข้น ● สูตรตำรับยาท่ีเปน็ ยาน้ำเช่อื มมีน้ำตาลเปน็ สว่ นประกอบอาจเพม่ิ ความเสี่ยง ในการเกดิ ฟนั ผุได้ ควรดูแลสขุ อนามยั ในช่องปาก 3

03 ยาแก้ไอ ยาแก้ไอน้ำดำ (Brown mixture) ยาแกไ้ อน้ำดำ เป็นยาระงับอาการไอท่ีใช้กันมานานเหมาะสำหรับอาการไอแหง้ คือการไอที่ไมม่ ีเสมหะอาจเกดิ จากการแพ้ฝุ่น ควัน อากาศ เป็นหวัด การใช้ยาบางประเภท เป็นยาน้ำที่ประกอบไปด้วยตัวยาหลายชนิด มีตัวยาที่สำคัญ คือ ฝิ่นที่มีฤทธิ์ระงับ อาการไอ ชะเอมที่มฤี ทธข์ิ ับเสมหะและช่วยทำให้ชุ่มคอนิยมใชจ้ ิบครัง้ ละ 1-2 ชอ้ นชาเมือ่ มอี าการไอ ยาน้ีใชส้ ำหรับ บรรเทาอาการไอ และช่วยขับเสมหะ รูปแบบยา ยาน้ำ วิธใี ช้ยา เขยา่ ขวดกอ่ นใชย้ า • เดก็ อายุ 6-12 ปรี ับประทานครงั้ ละหน่งึ ชอ้ นชาเม่อื มอี าการทุก ๆ 6-8 ช่ัวโมง • เด็กอายุ 12 ปขี นึ้ ไปและผ้ใู หญ่รับประทานครงั้ ละ 1-2 ช้อนชาเม่ือมอี าการทุก ๆ 6-8 ชวั่ โมง ขอ้ ควรระวงั • ห้ามใชย้ าน้ใี นเด็กทีม่ ีอายตุ ่ำกวา่ 6 ปี คนชรา และหญิงตั้งครรภ์ • หา้ มใช้ยาน้ีติดตอ่ กันนานเกิด 3 วัน • ยาน้มี แี อลกอฮอล์เปน็ สว่ นผสม ควรใช้ด้วยความระมดั ระวงั • เกบ็ ยาใหพ้ ้นจากแสงแดด 4

04 ยาแก้ไอขบั เสมหะสำหรับเดก็ Ammonium carbonate + Glycyrrhiza Fluidextract เป็นยาสูตรผสมของ Ammonium Carbonate และ Glycyrrhiza Fluidextract ใชส้ ำหรับแก้ไอ และขบั เสมหะสำหรับเด็ก ยานใ้ี ชส้ ำหรบั • บรรเทาอาการไอ • ขบั เสมหะ รูปแบบยา ยาน้ำ Ammonium Carbonate 0.02 กรมั + Glycyrrhiza Fluidextract 0.25 มิลลิลติ ร วธิ ใี ชย้ า เดก็ อายุ 1-3 ปี รบั ประทานครั้งละ ½ ช้อนชา วนั ละ 3-4 ครั้ง เดก็ อายุ 3-6 ปี รับประทานครง้ั ละ 1 ช้อนชา วันละ 3-4 ครง้ั เด็กอายุ 6-12 ปี รบั ประทานครั้งละ 2 ชอ้ นชา วนั ละ 3-4 คร้งั ข้อควรระวัง • เมอ่ื เปดิ ใชแ้ ล้วมีอายกุ ารใช้งานประมาณ 3 เดือน หรอื เมือ่ ยาเสอื่ มสภาพ • เกบ็ ยานี้ท่อี ณุ หภมู ิตำ่ กว่า 40 องศาเซลเซียส และปอ้ งกนั ไม่ให้ถูกแสงแดด 5

05 ยาแก้ทอ้ งเสีย ผงน้ำตาลเกลือแร่ ผงน้ำตาลเกลอื แร่ (ORS: Oral Rehydration Salts) เป็นสารท่ชี ว่ ยทดแทนการสญู เสียเกลือแร่ มีคุณสมบัตใิ นการชว่ ย เพิม่ พลังงาน เกลือแร่ และนำ้ ในรา่ งกาย รวมทง้ั ป้องกันความรนุ แรงทีอ่ าจเกดิ ขนึ้ จากการสญู เสยี น้ำ และเกลอื แรจ่ ากอาการทอ้ งเสยี และอาเจยี นได้ ORS สามารถหาซ้ือไดเ้ องตามรา้ นขายยาทว่ั ไป แต่ผ้ทู ี่มีประวัติแพ้ ORS หรอื มีระดบั โพแทสเซียมในเลอื ดสงู จะตอ้ ง ปรึกษาแพทยก์ ่อนใช้ ยานี้ใช้สำหรับ ทดแทนการเสียน้ำในรายทม่ี ีอาการท้องรว่ ง หรอื ในรายท่มี อี าเจยี นมากๆ และปอ้ งกันการชอ็ ก เนอ่ื งจากการท่ีร่างกายขาดน้ำ รปู แบบยา ยาชนิดผงแบบละลายน้ำ วิธใี ชย้ า ● เทผงยาทง้ั ซองละลายในน้ำสะอาด เช่น นำ้ ต้มสกุ ท่ีเย็นแล้ว ประมาณ 250 มิลลิลติ ร (1 แกว้ ) ● ให้ด่มื มากๆ เมือ่ เร่ิมมอี าการท้องร่วง ถา้ ถา่ ยบอ่ ยให้ดมื่ บ่อยคร้ังขึ้น ถ้าอาเจยี นด้วยให้ด่มื ทลี ะน้อยแต่บ่อยครั้ง ● เดก็ อายมุ ากกว่า 2 ปี-ผู้ใหญ่ ใหด้ ่มื สารละลายเกลือแรป่ ระมาณ 1 แก้ว (250 มิลลลิ ิตร) ตอ่ การถ่ายอจุ จาระ 1 ครง้ั หรือตาม ความกระหายของผปู้ ว่ ย ข้อควรระวัง ● ผ้ทู เี่ ป็นโรคหัวใจหรือโรคไต ควรปรกึ ษาแพทยก์ ่อนใช้ ● ถา้ ผู้ปว่ ยยงั มีอาการอาเจยี นมาก เหงื่อออกมาก ตัวเย็น ความรสู้ ึกเปลีย่ นแปลงไป หรอื หมดสติ ควรนำผูป้ ่วยสง่ โรงพยาบาล โดยดว่ น 6

06 ยาแกท้ ้องอืด ท้องเฟอ้ ยาธาตนุ ำ้ แดง (Stomachic Mixture) ยาธาตุน้ำแดง (ภาษาองั กฤษ : Stomachic Mixture, Mixture Stomachic หรอื Mixt. Stomachic) เปน็ ยาสามัญประจำ บา้ นทม่ี ีรสหวานเลก็ น้อย เย็น ซา่ และเผ็ดรอ้ นเล็กนอ้ ย มีขอ้ บง่ ใชส้ ำหรบั เป็นยาแก้ท้องขน้ึ จุกเสียด ทอ้ งแนน่ เฟอ้ เรอเหม็นเปรี้ยว โดยตวั ยาหลักจะประกอบดว้ ยโซเดียมไบคาร์บอเนตและ/หรอื สารออกฤทธิอ์ น่ื ๆ ทีส่ ่วนใหญ่จะเป็นสมุนไพรท่มี สี รรพคุณช่วยดดู ซับ แกส๊ ในทางเดินอาหาร แกอ้ าการท้องอืด ไม่สบายทอ้ ง ยาน้ีใช้สำหรับ ขับลมในกระเพาะและลำไส้ ช่วยแก้อาการท้องขึ้น (ท้องอืดท้องเฟ้อ) จุกเสียด แน่นเฟ้อ เรอเหม็นเปรี้ยว แหวะ/สำรอก อาหารออกมา เนื่องจากมีกรดในกระเพาะช่วยบรรเทาอาการปวดท้องเนื่องจากจกุ เสียด ท้องขึ้น ท้องเฟ้อ นอกจากนี้ยังช่วยเจริญ อาหารได้ดว้ ย (มผี ลกระตนุ้ ความอยากอาหารได้บ้าง) รูปแบบยา ยานำ้ แขวนตะกอน วิธใี ชย้ า • ควรเขยา่ ขวดทกุ คร้ังกอ่ นรับประทานยาน้ี • เดก็ อายุ 6-12 ปี ใหร้ บั ประทานยาก่อนอาหารวันละ 3 ครง้ั ครัง้ ละ ½-1 ชอ้ นโต๊ะ • ผใู้ หญ่ ให้รับประทานยาก่อนอาหารวันละ 3 ครงั้ คร้ังละ 1-2 ช้อนโต๊ะ ขอ้ ควรระวัง • เด็กอายุตำ่ กว่า3ปีและสตรีต้งั ครรภ์ไมค่ วรรับประทานยานี้ เน่อื งจากยานมี้ แี อลกอฮอล์เปน็ ส่วนผสมแมจ้ ะมปี รมิ าณนอ้ ยก็ ตาม • หา้ มใชย้ านี้ในผูป้ ่วยทีเ่ ปน็ โรคหัวใจหรือโรคไต • ผปู้ ่วยทเี่ ปน็ โรคตับไม่ควรรับประทานยาธาตนุ ำ้ แดงย่หี ้อทมี่ สี ่วนประกอบของทิงเจอรบ์ อระเพด็ • ควรหลีกเลีย่ งการใช้ยานี้ในผปู้ ว่ ยทม่ี ภี าวะหัวใจวาย • ห้ามใชย้ าน้ีติดตอ่ กนั เป็นเวลานาน 7

07 ยาแกท้ อ้ งอดื ทอ้ งเฟอ้ ยาธาตุน้ำขาว ยาธาตุน้ำขาวเป็นยาน้ำสขี าวในรูปแบบของยาน้ำแขวนตะกอน (Suspension) มีกลน่ิ หอม รสหวาน รบั ประทานง่าย เป็น ยาสามัญประจำบ้านท่ีหาซื้อได้งา่ ย มีราคาถูก สามารถใช้ได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ พบรายงานอาการไม่พึงประสงคน์ ้อย จึงเป็นยาท่ี ได้รับความนยิ มในผู้บรโิ ภคตลอดมา ยาน้ใี ช้สำหรบั • เปน็ ยาฆา่ เชอ้ื โรคในลำไส้ • ใช้แก้โรคทอ้ งร่วงที่ไม่รนุ แรง • เคลือบลำไส้ไม่ใหส้ ัมผสั หรอื ดดู ซมึ สารพิษ • แกป้ วดทอ้ ง แก้ทอ้ งเสีย • แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ • แกจ้ กุ เสียด แน่นท้อง รูปแบบยา ยานำ้ แขวนตะกอน (Suspension) วธิ ีใชย้ า อายุ วธิ ีรับประทาน เด็กอายุ 6-12 ปี รบั ประทานครัง้ ละ ½-1 ช้อนโตะ๊ หลังอาหารเชา้ เด็กอายุ 12 ปีข้ึนไป กลางวัน และเยน็ หรอื ทกุ ๆ 4-6 ช่วั โมง รบั ประทานคร้ังละ 1-2 ชอ้ นโตะ๊ หลังอาหารเช้า กลางวัน และเยน็ หรือทกุ ๆ 4-6 ชว่ั โมง ข้อควรระวงั บางคร้ังอาการปวดท้อง ทอ้ งเสีย ท้องอืด จกุ เสียด อาจมาจากสาเหตอุ ่นื ทไ่ี มส่ ามารถรักษาไดด้ ้วย ยาธาตุน้ำขาว ดงั นั้นหากรับประทานแล้วอาการไม่ดีขึน้ ควรรบี พบแพทย์ 8

08 ยาแก้ทอ้ งอืด ทอ้ งเฟอ้ โซดามินท์ (Sodamint) โซดามินท์ (Sodamint) หรอื โซเดียมไบคารบ์ อเนต (Sodium bicarbonate tablet) เป็นยาสำหรบั รักษาภาวะความเป็น กรดเกินของร่างกายและภาวะอาหารไม่ย่อย ปัจจุบันยาเม็ดโซเดียมไบคาร์บอเนต (โซดามินท์) ถูกจัดให้เป็นยาในบัญชียาหลัก แหง่ ชาติ ยานีใ้ ช้สำหรับ • บรรเทาอาการแสบร้อนกลางอก • ลดอาการระคายเคอื ง เน่อื งจากมกี รดมากในกระเพาะอาหาร • บรรเทาอาการท้องอืด ทอ้ งเฟอ้ จกุ เสียด และแนน่ ท้อง อาหารไมย่ ่อย รูปแบบยา ยาเม็ด วธิ ใี ช้ยา • สำหรบั บรรเทาอาการจกุ เสยี ด ลดอาการระคายเคือง เน่ืองจากมกี รดมากในกระเพาะอาหาร โดยผใู้ หญร่ บั ประทานคร้ังละ 900-1,800 มิลลิกรมั (3-6 เมด็ ) สำหรับเดก็ อายุ 6-12 ปี รบั ประทานคร้ังละ 300-900 มิลลกิ รมั (1-3 เม็ด) และรบั ประทาน ซ้ำทกุ 4-6 ชวั่ โมงเมื่อมอี าการ • สำหรับรกั ษาภาวะอาหารไมย่ อ่ ย ให้รบั ประทานขนาด 1-5 กรมั ตามคำแนะนำของแพทยห์ รือเภสชั กร • ควรรับประทานยานี้หลงั อาหารประมาณ 1-2 ชัว่ โมง ข้อควรระวงั • ไม่ควรใชย้ านี้ตดิ ต่อกนั เกนิ กวา่ 2 สัปดาห์ หากอาการไมด่ ขี ึ้นควรปรึกษาแพทย์ • ไมค่ วรรบั ประทานยานีข้ ณะอิ่มมาก ๆ • ควรลดขนาดยาในผู้ป่วยท่อี ายุมากกวา่ 60 ปี • ผู้ปว่ ยที่เป็นโรคไตหรือโรคหัวใจ ควรปรกึ ษาแพทย์ก่อนใชย้ านี้ 9

09 ยาโรคกระเพาะอาหาร ยาต้านกรด/ยาลดกรด ( Aluminium hydroxide + Magnesium hydroxide) ยาต้านกรด/ยาลดกรด หรอื Aluminium hydroxide + Magnesium hydroxide เปน็ ยาทีใ่ ช้สำหรับปรบั ความเป็นกรดใน กระเพาะให้มีความเป็นกลางโดยนิยมใช้เป็นยาผสมเนื่องจากการใช้ Aluminium hydroxide เพียงอย่างเดียวก่อให้เกิดอาการ ทอ้ งผกู แต่เมอ่ื ใช้รว่ มกบั Magnesium hydroxide ซึง่ มีฤทธริ์ ะบายทำให้ลดผลของอาการท้องผูกไปได้ ยานี้ใช้สำหรับ • บรรเทาอาการอาหารไมย่ อ่ ย • จกุ แนน่ ล้ินป่ี • แสบร้อนกลางทรวงอกจากกรดเกินในกระเพาะอาหาร • แผลในกระเพาะอาหาร • โรคกระเพาะอาหารอักเสบ • ทอ้ งอดื รปู แบบยา ยาเมด็ และ ยานำ้ แขวนตะกอน วิธีใชย้ า • เด็กอายุ 3-6 ปีรบั ประทานคร้ังละ 1⁄2-1 ชอ้ นชา • เดก็ อายุ 6 ปรี ับประทานคร้ังละ 1-2 ช้อนชา หรอื 1⁄2 -1 เมด็ • เด็กอายุ 12 ปขี ้นึ ไป และ ผู้ใหญ่ รบั ประทานคร้งั ละ 1-2 ช้อนโตะ๊ หรือ 1-2 เมด็ หมายเหตุ : รบั ประทานในรูปยาเม็ดตอ้ งเคย้ี วให้ละเอียดกอ่ นกลืน และสำหรับยานำ้ ตอ้ งเขยา่ ขวดกอ่ นรับประทานทกุ ครงั้ ขอ้ ควรระวงั • ผู้ท่ีมีปัญหาโรคตับ โรคไต หรือมภี าวะหวั ใจล้มเหลว ควรปรกึ ษาแพทย์ก่อนการใชย้ าทุกครั้ง เพ่อื ป้องกนั การสะสมของยาใน ปริมาณมากภายในรา่ งกาย • เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ควรขอคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสชั กรก่อนการใชย้ า 10

• ไมค่ วรรบั ประทานยาชนิดนี้ติดต่อกันนานเกิน 2 สัปดาห์ ยกเวน้ แพทยส์ ง่ั • หญิงมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยา เนื่องจากยาลดกรดบางชนิดอาจมีส่วนผสมของโซเดียม ไบคารบ์ อเนต ซง่ึ อาจก่อให้เกิดผลขา้ งเคยี งกบั หญิงมีครรภ์ • ไม่ควรรับประทานยาลดกรดพร้อมกับยาชนิดอื่นภายใน 2-4 ชั่วโมง เพราะอาจดูดซึมฤทธิ์ยาตัวอื่นจนทำให้ออกฤทธิ์ได้ ไม่เต็มที่ 11

10 ยาถา่ ยพยาธิ มเี บนดาโซล (Mebendazole) มีเบนดาโซล (Mebendazole) หรอื ท่ีรู้จกั กนั ในช่อื การคา้ วา่ เบนดา้ 500 (Benda 500), ฟูกาคาร์ (Fugacar) ยาน้ใี ชส้ ำหรับ ถ่ายพยาธเิ ส้นดา้ ย ตวั กลม รปู แบบยา • ยาเม็ดชนิดเคีย้ วขนาด 100 มลิ ลกิ รมั และ 500 มลิ ลกิ รัม/เมด็ • ยาน้ำแขวนตะกอน ความแรง 100 มิลลกิ รัม / 5 มิลลิลิตร วธิ ใี ชย้ า สำหรับพยาธิเส้นดา้ ย • ท้ังเดก็ และผู้ใหญ่ รบั ประทาน 1 เม็ด หลังอาหารเยน็ เพียงคร้งั เดยี ว สำหรับพยาธิตัวกลมอน่ื ๆ • ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ รบั ประทาน 1 เมด็ วันละ 2 ครั้ง หลงั อาหารเชา้ เยน็ ติดต่อกัน 3 วนั ข้อควรระวัง • ไมค่ วรใช้ในหญงิ มีครรภใ์ นระยะ 3 เดือนแรก และผู้ปว่ ยโรคตับ • ห้ามใชย้ ากับเดก็ ท่มี ีอายตุ ำ่ กว่า 2 ปี • ปรึกษาแพทย์ก่อนใชย้ านี้ ถา้ กำลังให้นมบตุ ร เปน็ โรคตับ เปน็ โรคลำไสอ้ ักเสบเร้อื รัง • อยา่ ใชย้ านี้ในขนาดสูงกวา่ แพทยห์ รือเภสชั กรแนะนำ และอย่าใช้ติดตอ่ กันเปน็ เวลานานโดยไมป่ รกึ ษาแพทย์ หรือเภสัชกร เพราะยาอาจกดไขกระดกู ทำใหเ้ ม็ดเลือดขาวต่ำและตดิ เชอ้ื ไดง้ ่าย • อยา่ ใชร้ ่วมกบั ยาต้านแบคทีเรยี ชอื่ เมโทรนดิ าโซล (metronidazole) เนอ่ื งจากอาจทำให้เกดิ อาการแพ้ 12

11 ยาถา่ ยพยาธิ อัลเบนดาโซล (Albendazole) อัลเบนดาโซล (Albendazole) หรอื ทค่ี นทั่วไปรู้จกั กันในชอื่ ทางการค้าว่า อลั บเี มด (Albemed), อลั เบน (Alben) ยานี้ใช้สำหรับ รักษาโรคพยาธิ เชน่ พยาธิไสเ้ ดือน พยาธเิ สน้ ด้าย(พยาธิเข็มหมุด) พยาธปิ ากขอ พยาธแิ ส้มา้ พยาธิตวั ตดื พยาธิใบไม้ในตับ หรือพยาธติ วั จด๊ี รปู แบบยา • ยาเม็ด ขนาด 200,400 มลิ ลกิ รัม • ยานำ้ ความแรง 100 มลิ ลิกรัม /5 มลิ ลิลิตร และ 200 มลิ ลิกรมั /5 มลิ ลิลติ ร วธิ ใี ชย้ า สำหรบั พยาธติ วั กลม พยาธเิ สน้ ดา้ ย(พยาธเิ ขม็ หมุด) พยาธปิ ากขอ พยาธไิ สเ้ ดือน • เดก็ อายุ 2 ปีขึ้นไป และผู้ใหญ่ รบั ประทานขนาดเท่ากัน 1 คร้ัง 400 มลิ ลิกรัม หลงั อาหาร และอาจรบั ประทานอีก 1 ครัง้ ขนาดเท่ากนั 2 สปั ดาห์ตอ่ มา สำหรบั พยาธติ ัวจีด๊ • เดก็ อายุ 2 ปีข้ึนไป และผูใ้ หญ่ รับประทานขนาดเท่ากัน คร้ังละ 400 มิลลกิ รมั หลังอาหาร วนั ละ 2 ครั้ง เช้าและ เย็น ติดต่อกนั เป็นเวลา 21 วัน สำหรับพยาธติ ัวตดื • เด็กอายุ 2 ปขี ้นึ ไป และผ้ใู หญ่ รับประทานขนาดเทา่ กัน ครั้งละ 400 มิลลิกรัม หลังอาหาร วันละ 1 คร้ัง ตดิ ตอ่ กัน 3 วัน และรบั ประทานอกี 1 ชุดซำ้ ขนาดเทา่ กนั ใน 2 สปั ดาห์ต่อมา สำหรับพยาธิใบไมใ้ นตบั • เด็กอายุ 2 ปีขน้ึ ไป และผใู้ หญ่ รับประทานขนาดเท่ากนั คร้งั ละ 400 มลิ ลิกรมั หลงั อาหาร วนั ละ 2 ครั้ง เช้าและ เยน็ ติดตอ่ กนั 3 วนั ***สำหรับยาเม็ด อาจใช้วธิ ีบดผสมกบั น้ำ หรือเค้ียวก่อนกลืน หรือกลืนทง้ั เม็ดเลยก็ได้ ข้อควรระวัง ไม่ควรใช้ในหญิงต้ังครรภ์ 13

12 ยาแกแ้ พ้ แก้ผดผ่ืนคัน คาลาไมนโ์ ลชั่น (Calamine lotion) คาลาไมนโ์ ลช่ัน หรือ ยาคาลาไมน์ (Calamine lotion) เปน็ ยานำ้ แขวนตะกอน ทใ่ี ช้บรรเทาอาการคันตาม (แป้งนำ้ สีชมพู) ผิวหนัง เช่น ผดผื่นคัน ลมพิษ ผื่นแพ้ อีสุกอีใส เริม งูสวัด เป็นต้น โดยมีตัวยาสำคัญ คือ ซิงค์ออกไซด์ (Zinc oxide) หรือซิงค์ คาร์บอเนต (Zinc Carbonate) และยังมีตัวยาอื่นที่ช่วยเสริมฤทธิ์ในการรักษา เช่น ไดเฟนไฮดรามีน (Diphenhydramine HCL) หรอื คลอเฟนริ ามนี (Chlorpheniramine) ที่เปน็ ยาแก้แพ้, การบรู (Camphor) และเมนทอล (Menthol Crystal) ท่ีมีสรรพคุณแก้ ปวดแก้คันทำใหเ้ ย็น ยานใี้ ช้สำหรบั บรรเทาอาการคันเนื่องจากผด ผนื่ คนั ลมพษิ รปู แบบยา ยานำ้ สำหรับทา วธิ ใี ชย้ า • เขย่าขวดกอ่ นใชย้ าทุกคร้ัง ทาบริเวณที่เป็นวันละ 3-4 ครัง้ • หากทายาซ้ำในครง้ั ถัดไปใหล้ ้างยาที่ตดิ อยู่ทผี่ วิ หนังออกก่อน ขอ้ ควรระวัง • หลกี เลี่ยงการสัมผสั กบั ดวงตาหรอื เน้ือเยอ่ื อ่อนของรา่ งกาย • ยาใชภ้ ายนอก หา้ มรับประทาน 14

13 ยาแกป้ วดกล้ามเนอ้ื เมทิลซลิ ิไซเลต (Methyl salicylate cream) เปน็ ยาทใ่ี ช้สำหรับบรรเทาอาการปวดชว่ั คราวทไ่ี ม่รุนแรง เชน่ ปวดกลา้ มเนอ้ื หรอื ข้อท่ีเกิดจากอาการ เคลด็ ขดั ยอก ข้อต่อ อักเสบ ฟกชำ้ หรือปวดหลัง ยานีใ้ ชส้ ำหรบั บรรเทาอาการปวดกล้ามเนือ้ รปู แบบยา ยาครีมสำหรับทา วธิ ีใช้ยา ทาบริเวณทม่ี ีอาการปวด 3-4 คร้งั โดยถูนวดบริเวณท่ปี วดเบาๆ ขอ้ ควรระวงั ● ห้ามทาผวิ หนงั บรเิ วณที่เปน็ แผลเปิด ● หลีกเล่ียงการสมั ผสั ดวงตาหรือเนอื้ เยื่อออ่ นของร่างกาย ● หากมปี ระวัติแพย้ าแอสไพรนิ หรือสว่ นประกอบใดๆในตวั ยาควรปรึกษาแพทยห์ รือเภสัชกร 15

14 ยาแก้ปวดกล้ามเนื้อ ไดโคลฟแิ นค เจล (Diclofenac gel) ไดโคลฟิแนค เจล (Diclofenac gel) เป็นยาแก้ปวดในกลุ่มยาต้านอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ หรือที่เรียกกันว่า เอ็นเสด ใชเ้ พ่อื บรรเทาอาการปวดและอักเสบจากขอ้ เสอื่ มท่ีมอี าการเลก็ น้อย เชน่ ปวดขอ้ ขณะพัก ปวดขอ้ ขณะเคล่ือนไหว ขอ้ บวม อาการ อักเสบบาดเจ็บของเอน็ กล้ามเนอื้ และข้อจากเคลด็ ยอก ตงึ หรอื ฟกช้ำ ยาน้ใี ชส้ ำหรับ บรรเทาอาการเจ็บปวดบวมจากภาวะอักเสบของขอ้ และกลา้ มเนื้อ รปู แบบยา ยาเจลสำหรบั ทา วธิ ใี ชย้ า • ทายาวันละ 3-4 คร้ัง โดยทาบาง ๆ ใหท้ ั่วบรเิ วณที่มีอาการ แลว้ นวดเบา ๆ • ลา้ งมอื หลังจากทายาน้ี ยกเวน้ มีอาการทม่ี อื ข้อควรระวัง • ยานี้ใช้ภายนอกเทา่ นน้ั หา้ มรบั ประทาน • ห้ามทายานบ้ี ริเวณผวิ หนังท่มี แี ผลเปดิ หรอื ฉกี ขาด • ระวงั อยา่ ให้ยานเี้ ขา้ ตา 16

15 ยาแก้ปวดกล้ามเนอ้ื ยาหม่อง (Balm) ยาหมอ่ ง ( Balm ) เปน็ ยาสามญั ประจำบ้านสำหรบั ใชภ้ ายนอก ประกอบดว้ ยสมนุ ไพรและตวั ยาหลายชนิดผสมกัน มีลักษณะเป็นเนือ้ เหลว อ่อนนมุ่ มีท้งั สเี หลือง สขี าว และสอี ่นื ๆ ตามสว่ นผสม อีกทง้ั ยงั มกี ลน่ิ หอมนา่ ใชอ้ กี ดว้ ย ยานใี้ ช้สำหรบั บรรเทาอาการปวด บวม อกั เสบ เนื่องจากแมลงกัดตอ่ ย หรอื ปวดเม่อื ยกล้ามเน้อื รูปแบบยา ยาขผี้ ึง้ สำหรับทา วธิ ใี ชย้ า ทาและนวดบริเวณท่ีมอี าการในปรมิ าณทเี่ หมาะสม ไมม่ ากหรอื น้อยเกนิ ไป ข้อควรระวงั 1. กรณผี ู้ปว่ ยทีถ่ ูกแมลงกดั ต่อยแล้วมีอาการแพ้ บวมแดง ร้อน ควรไปพบแพทย์ ไมค่ วรใชย้ าหมอ่ งทาเพราะอาจทำใหอ้ าการ แพร้ นุ แรงมากขน้ึ 2. ห้ามใชย้ าหม่องทาบรเิ วณท่มี แี ผล ผิวท่แี หง้ แตก แพง้ ่าย หรือผวิ ไหมจ้ ากแสงแดด 3. หากยาหม่องเขา้ ตา จมูก หรือปาก ให้รีบลา้ งออกดว้ ยนำ้ สะอาดทันที 4. ห้ามรับประทาน *** สตรีมคี รรภ์และหญิงใหน้ มบุตรควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ รวมถึงหา้ มใชก้ ับทารกหรอื เดก็ เลก็ หากไมไ่ ดร้ บั คำแนะนำจาก แพทย์ 17

16 ยาทาแผลไฟไหม้ นำ้ รอ้ นลวก ซิลเวอร์ ซลั ฟาไดอาซนี (Silver sulfadiazine) ซิลเวอร์ ซลั ฟาไดอาซนี (Silver sulfadiazine) เปน็ ยาปฏิชวี นะในกลุม่ ยาซลั ฟา ออกฤทธ์ิยับยงั้ การเจรญิ เติบโตของเช้ือ แบคทีเรียและยีสต์ ใช้ทาบนผิวหนังบริเวณทีม่ ีแผลไหมร้ นุ แรง เพื่อป้องกันเชื้อแพร่กระจายไปยังผิวหนังโดยรอบ หรือเข้าสู่กระแส เลอื ดจนอาจทำใหเ้ กิดภาวะติดเช้อื ในกระแสเลือดตามมาได้ นอกจากน้ี อาจใชร้ กั ษาโรคอน่ื ๆ ตามดลุ ยพนิ ิจของแพทยด์ ว้ ย ยานใ้ี ช้สำหรบั • บรรเทาอาการจากแผลไฟไหม้ นำ้ รอ้ นลวก รปู แบบยา • ยาครมี ขผี้ ึง้ วิธใี ชย้ า • ทาผิวหนงั บริเวณท่ีถกู ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก • ก่อนทายาควรลา้ งแผลใหส้ ะอาด • ควรทาบางๆ (หนา 3-5 มลิ ลเิ มตร) บรเิ วณท่เี ป็นหรอื รอบๆบริเวณทเี่ ป็น ไมต่ ้องถูหรือนวด เพราะอาจทำให้เกดิ ระคายเคือง และอกั เสบหรือเกดิ ผื่นแพ้ขึน้ • ควรทายาอยา่ งนอ้ ยวนั ละครัง้ หรือถก่ี ว่าน้ันหากแผลใหญ่ ข้อควรระวงั • การใชใ้ นผทู้ ี่แพก้ ล่มุ ซัลฟา ควรปรกึ ษาแพทย์หรือเภสัชกรกอ่ น • ห้ามเร่มิ ใชย้ า หรอื เปลี่ยนแปลงปรมิ าณยาด้วยตนเองโดยไมป่ รึกษาแพทย์ • ห้ามรับประทาน 18

17 ยาลา้ งตา บรอมเฮกซนี (Bromhexine) น้ำยาล้างตาบอรกิ (Boric solution) คอื สารละลายที่ปลอดเชอ้ื ใชส้ ำหรบั ชำระล้างดวงตาจากฝนุ่ ควนั หรอื ส่ิงสกปรกต่าง ๆ เพอ่ื บรรเทาอาการระคายเคืองหรือแสบตา ซ่ึงในนำ้ ยาล้างตาส่วนใหญ่จะมกี รดบอริกเป็นส่วนประกอบในปริมาณนอ้ ยมากจึงเป็น กรดทปี่ ลอดภัย ทำให้สามารถใชร้ ว่ มกบั ดวงตาได้ ยานี้ใช้สำหรับ ลา้ งตาเพ่ือบรรเทาอาการแสบตา ระคายเคอื งตา ทม่ี ีสาเหตมุ าจากผง ควนั หรือส่ิงสกปรกตา่ ง ๆ รูปแบบยา ยานำ้ สำหรับล้างตา วธิ ีใช้ยา ● ล้างมอื ให้สะอาดและถอดคอนแทคเลนสอ์ อกก่อน ● นำ้ ยาลา้ งตาชนดิ ถ้วยลา้ งตาควรทำความสะอาดถ้วยลา้ งตาดว้ ยนำ้ เปล่าหรอื นำ้ ยาล้างตากอ่ น ● รนิ นำ้ ยาลงในถ้วยท่ีสะอาดและมีขนาดพอเหมาะกับลกู ตา ● ลมื ตาไวใ้ หน้ ำ้ ยาแทรกซึมทั่วลูกตา กรอกตาไปมาใช้เวลาประมาณ 1-2 นาที วนั ละ 1-2 ครง้ั ● เมือ่ ล้างตาเสรจ็ แลว้ ทำความสะอาดถ้วยลา้ งตาเพ่ือปอ้ งกันการติดเช้ือ ข้อควรระวงั ● นำ้ ยาล้างตาท่ีเปิดใช้แล้วจะมอี ายุการใช้งานประมาณ 1 สปั ดาห์ จงึ ควรเลือกนำ้ ยาลา้ งตาที่มขี นาดบรรจุน้อย ๆ ● ไมค่ วรใช้น้ำยาล้างตาเปน็ ประจำเพราะจะทำให้ตาแหง้ ● ห้ามรับประทานเนือ่ งจากภายในนำ้ ยาล้างตามีสว่ นประกอบของกรดบอรกิ ซง่ึ เปน็ อนั ตรายแกร่ า่ งกาย 19

18 ยาดมแกว้ งิ เวยี น แอมโมเนยี (Ammonia) ยาดมแอมโมเนยี เปน็ ยาดมในรูปแบบน้ำใส ไม่มีสี มีกลนิ่ ฉุน สามารถระเหยได้ นิยมนำมาใชแ้ ก้อาการวงิ เวยี น เนื่องจากหา ซอ้ื ได้งา่ ย ราคาไมแ่ พง มกั พบจำหนา่ ยในรูปแบบขวดแกว้ หลายขนาด โดยใชค้ ู่กับสำลี หรอื ก้านสำสีเพอ่ื ใชด้ ม หรอื ใชท้ า ยานใี้ ช้สำหรับ • บรรเทาอาการวงิ เวียน • บรรเทาอาการหนา้ มืด เปน็ ลม • ทาผวิ หนัง บรรเทาอาการจากพษิ แมลงกัดต่อย หรือถูกพืชมีพิษ รปู แบบยา ยานำ้ ใช้ภายนอก สำหรับดม หรือทา วิธีใช้ยา ใช้ชบุ สำลดี ม หรอื ใช้ทา ขอ้ ควรระวัง หา้ มรบั ประทาน และไมค่ วรสดู ดมโดยตรง 20

19 ยาลา้ งแผล แอลกอฮอล์(Isopropyl /Ethyl alcohol) แอลกอฮอล์(Isopropyl /Ethyl alcohol) เป็นยาฆ่าเชื้อเฉพาะที่ ใช้เช็ดผิวหนังรอบแผล เช็ดผิวหนังก่อนผ่าตัดหรือ ก่อนฉีดยา เพื่อลดโอกาสที่เชื้อรอบปากแผลจะเข้าสู่แผล ไม่ควรใช้ล้างแผลเปิด เนื่องจากแอลกอฮอล์จะทำให้แผลแสบร้อน ระคายเคือง ยานีใ้ ช้สำหรบั ทำความสะอาดบาดแผล รปู แบบยา ยาใชภ้ ายนอก สำหรบั ทา วธิ ีใช้ยา ใชท้ ำความสะอาดรอบบาดแผล ขอ้ ควรระวงั ห้ามรบั ประทาน 21

20 นำ้ เกลือลา้ งแผล น้ำเกลอื นอรม์ ัล (Normal saline) ในสูตรตำรับประกอบด้วยตวั ยาสำคัญคือ Sodium Chloride 0.9 % w/v ขนาดบรรจขุ วดละ 500 มิลลลิ ิตร ยานีใ้ ช้สำหรบั ทำความสะอาดบาดแผล รปู แบบยา นำ้ เกลือ วธิ ีใชย้ า ใช้ทำความสะอาดรอบบาดแผล ขอ้ ควรระวัง เก็บในที่อณุ หภูมิต่ำกว่า 40 องศาเซลเซยี ส 22

21 ยาใสแ่ ผล โพวิโดน ไอโอดนี (Povidone Iodine/Betadine) โพวิโดน ไอโอดนี เป็นยาฆ่าเชอ้ื ใช้ภายนอก (topical antiseptic) ทีม่ ีสว่ นประกอบของไอโอดีน มีประสทิ ธภิ าพดีต่อการฆ่า เช้ือแบคทีเรยี เชือ้ รา เช้ือไวรสั และโปรโตซวั ยานี้ใช้สำหรบั รักษาแผลสด รปู แบบยา ยานำ้ ใชภ้ ายนอกสำหรับทา วธิ ใี ช้ยา ใชส้ ำลสี ะอาดชุบยาแล้วทาทแ่ี ผล ข้อควรระวัง • ห้ามรับประทาน • หากมีอาการระคายเคืองหรือผ่ืนแดงใหห้ ลกี เล่ียงการใช้ และระวงั อยา่ ใหเ้ ข้าตา 23

22 ยาโรคหิด เหา เบนซลิ เบนโซเอต (Benzyl benzoate) Benzyl benzoate เปน็ ยาใชภ้ ายนอก ใช้ทาสำหรับรกั ษาหิด เหา และโลน จัดเปน็ สารประกอบอินทรีย์ประเภทเอสเทอร์ (Ester คือสารเคมชี นิดหน่งึ ทไี่ ด้จากกรด) ยานใี้ ชส้ ำหรบั ทารกั ษาหิด เหา และโลน รูปแบบยา โลชนั Benzyl benzoate ความแรง 25% w/v วธิ ใี ชย้ า • สำหรับรักษาหิด อาบน้ำให้สะอาดเช็ดตัวให้แห้ง แล้วทาให้ทั่วตัว ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมงแล้วทาซ้ำอีกครั้ง จนกว่าจะครบอีก 24 ชั่วโมง คอ่ ยอาบนำ้ • สำหรบั รักษาเหา และโลน ใส่ยานีใ้ ห้ท่ัวศรี ษะหรือบริเวณทีเ่ ปน็ โลน ทง้ิ ไว้ 12-20 ช่ัวโมง แลว้ ลา้ งออก เม่ือครบ 7 วนั แล้วยังไมห่ าย ให้ใสย่ าซ้ำ อีกครั้ง ขอ้ ควรระวัง 1. ควรระวงั อย่าให้ยาเข้าตา เพราะจะทำให้ระคายเคือง 2. ไม่ควรใช้ยาน้ีบนผวิ หนงั ที่เป็นแผลสด 3. หากใชย้ านแี้ ลว้ เกดิ อาการระคายเคืองให้หยดุ ใช้ และล้างออกทันที 24

23 ยาตา้ นการอักเสบที่ไมใ่ ช่สเตียรอยด์ ไอบโู พรเฟน (Ibuprofen) เปน็ ยาในกลุ่มต้านอาการอักเสบทไ่ี ม่ใช่สเตียรอยด์ )NSAIDs) นิยมใชบ้ รรเทาอาการปวดและลดอกั เสบ มกั ใชป้ ริมาณ 400 มก./ครง้ั โดยไม่ควรใช้เกิน 6 ครัง้ ตอ่ วนั ยานใ้ี ชส้ ำหรับ • ลดไข้ ลดการอักเสบ แก้ปวดศีรษะท้งั แบบปกติและไมเกรน แก้ปวดฟัน หรอื แก้ปวดจากอาการบาดเจบ็ • ลดอาการปวดประจำเดือน รปู แบบยา ยาเม็ด วิธใี ชย้ า รับประทานยาตามที่ระบุไว้ในฉลาก และควรรับประทานยาหลังอาหารทันทีหรือดื่มน้ำตามมากๆ เพื่อลดอาการไม่พึง ประสงคต์ า่ งๆ ขอ้ ควรระวัง • หลงั จากรบั ประทานยาแล้ว ไมค่ วรอย่ใู นท่านอนราบในช่วง 10-20 นาที เนือ่ งจากยาอาจระคายเคืองหลอดอาหารได้ • อาจสง่ ผลเสียต่อลำไส้และกระเพาะอาหาร ควรหลกี เล่ยี งการรับประทานยาขณะทอ้ งว่าง • สตรมี คี รรภค์ วรหลกี เลยี่ งการใช้ยาหรอื ปรกึ ษาแพทย์กอ่ นใช้ยา • ผปู้ ว่ ยทเ่ี ปน็ โรคหวั ใจและหลอดเลือด โรคล่ิมเลอื ด โรคความดนั โลหิตสงู โรคเบาหวาน คอเลสเตอรอลสงู โรคตับ โรคไต หรอื โรคหอบหืดควรปรกึ ษาแพทย์กอ่ นใชย้ า • ผทู้ เี่ คยมีประวัติเลือดออกในกระเพาะอาหารควรปรึกษาแพทย์กอ่ นใช้ยา • ห้ามใชย้ าไอบูโพรเฟนกับเด็กท่ีมอี ายุตำ่ กวา่ 2 ปีโดยไมไ่ ด้รบั คำแนะนำจากแพทย์ 25

24 ยาตา้ นการอกั เสบทไ่ี มใ่ ชส่ เตียรอยด์ กรดเมเฟนามกิ (Mefenamic acid) กรดเมเฟนามกิ (Mefenamic acid) หรอื ยาทค่ี นท่ัวไปรู้จักกันในชอ่ื การค้าว่า เฟนามิค (Fenamic), มีฟา (Mefa), มีฟาเมด (Mefamed), เมเฟนสตาร์ (Mefenstar), พอนสแตน (Ponstan) เป็นยาในกลุ่มยาแก้ปวดจำพวกเอ็นเสด (NSAIDs) ซึ่งเป็นยาตา้ น การอักเสบทีไ่ ม่ใชส่ เตียรอยด์ นยิ มนำมาใช้เป็นยาบรรเทาอาการปวดท่ีมีอาการเลก็ นอ้ ยถงึ ปานกลางจากสาเหตตุ ่าง ๆ รวมท้ังอาการ ปวดประจำเดือน ยาน้ีใช้สำหรับ ยานี้ใช้สำหรับบรรเทาอาการปวดท้องก่อนมีประจำเดือนหรือระหว่างมีประจำเดือนและใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดจาก สาเหตุอ่นื รปู แบบยา ยาเม็ด ขนาด 250 และ 500 มิลลกิ รมั วิธใี ช้ยา สำหรบั เดก็ อายุ 12 ปขี ้ึนไป และผ้ใู หญ่ รับประทานขนาด 250 มิลลิกรมั ครั้งละ 1 - 2 เมด็ หรือขนาด 500 มลิ ลกิ รัม ครั้ง ละ 1 เม็ด เม่อื มอี าการ หรอื วนั ละ 3 ครั้ง หลังอาหารทนั ที ข้อควรระวัง • รบั ประทานยาพร้อมด่มื น้ำตามหนง่ึ แกว้ ควรรบั ประทานยาหลังอาหารทนั ที เพือ่ ลดอาการไม่สบายท้องที่อาจเกิด จากยา • หากรับประทานยาไม่ตรงกบั มอ้ื อาหารควรหาอาหารวา่ ง รบั ประทานรองท้องกอ่ น เพ่อื ปอ้ งกันอาการระคายเคือง กระเพาะอาหารจากยา ] 26

25 ยาแก้ไอ ขบั เสมหะ บรอมเฮกซนี )Bromhexine) บรอมเฮกซีน (Bromhexine) หรือยาที่รู้จกั ทั่วไปในชื่อทางการค้าว่า ไบโซลวอน (Bisolvon) จัดอยู่ในกลุ่มยาที่เรียกว่า \"ยาละลายเสมหะ\" (Mucolytic agents) ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นยารกั ษาโรคในระบบทางเดนิ หายใจเนื่องมาจากการมีเสมหะมากทำให้ หายใจไม่สะดวกและมีอาการไอตามมาเป็นลำดับต่อไป โดยตัวยาจะช่วยลดความเหนียวหนืดของเสมหะลง จึงช่วยในการ กำจดั เสมหะออกไปไดง้ า่ ย ยานีใ้ ชส้ ำหรับ รักษาอาการมเี สมหะในระบบทางเดินหายใจ รูปแบบยา • ยาเม็ด ขนาด 8 มลิ ลกิ รมั • ยาน้ำ ความแรง 4 มิลลิกรัม / 5มิลลลิ ติ ร (1ช้อนชา) วธิ ีใช้ยา • เด็กอายุ 2-6 ปี รบั ประทานคร้ังละครึ่งชอ้ นชา วันละ 3 ครัง้ ก่อนอาหาร • เดก็ อายุ 6-12 ปี รับประทานครง้ั ละคร่ึงเมด็ หรอื 1 ชอ้ นชา วันละ 3 คร้ัง กอ่ นอาหาร • เดก็ อายุ 12 ปีขึ้นไปและผใู้ หญ่ รบั ประทานคร้ังละ 1 เมด็ หรอื 2 ช้อนชา วันละ 3 ครง้ั กอ่ นอาหาร ข้อควรระวัง • หา้ มแบ่งยาให้ผ้อู น่ื ใช้ • ห้ามใช้ยาหมดอายุ • การใช้ยานี้ในเดก็ อายุต่ำกวา่ 6 ปี หญงิ ตงั้ ครรภ์ หญิงให้นมบุตร และในผสู้ งู อายุ ควรอยูภ่ ายใตค้ ำแนะนำของแพทย์ • ควรระวงั การใช้ยานใ้ี นผ้ทู มี่ ีประวตั ิเป็นโรคหืด เน่อื งจากยาอาจกอ่ ให้เกิดภาวะหลอดลมตีบ • ควรระวงั การใช้ยานี้ในผู้ทีม่ ีประวัตเิ ปน็ โรคกระเพาะอาหารและลำไส้ เนื่องจากยามีฤทธ์ิระคายเคอื งกระเพาะอาหาร และลำไส้ 27

• ควรหลกี เล่ียงการใช้ยานี้ในผู้ที่มีอาการปอดบวมหรือปอดติดเช้อื (ทำใหม้ อี าการหายใจลำบาก มไี ข้ หรือมีอาการปวดอก), ปอดมภี าวะอุดกนั้ เร้อื รัง, มอี าการหอบทไ่ี มส่ ามารถควบคุมได้, มีระบบภมู คิ มุ้ กันต่ำ (เนื่องจากการติดเชื้อเอชไอวีหรือจาก การได้รบั ยา), มีแผลในกระเพาะอาหาร และในผู้ทีม่ ีปญั หาเรือ่ งตับหรอื ไต 28

26 ยาระงับไอ เดกซ์โทรเมทอรแ์ ฟน (Dextromethorphan) เป็นยาสำหรับบรรเทาอาการไอแบบไม่มีเสมหะ อาจเกิดจากการติดเชื้อในอากาศ เช่น ไข้หวัด หรือไซนัสอักเสบ Dextromethorphan จัดเป็นยาระงับการไอ (Antitussives) ออกฤทธิ์ที่ระบบประสาทส่วนกลาง ช่วยลดการไอ แต่ไม่สามารถใช้ รักษาอาการไอเรื้อรัง หรืออาการที่เกิดขึ้นจากปัญหาระบบทางเดินหายใจในระยะยาว เช่น การสูบบุหรี่ โรคถุงลมโป่งพอง (Emphysema) โรคหอบหดื (Asthma) หรือโรคหลอดลมอักเสบ (Bronchitis) เวน้ แตม่ กี ารแนะนำจากแพทยเ์ ทา่ น้นั ยานใ้ี ช้สำหรบั ตวั อย่าง • รักษาอาการไอแหง้ แบบไม่มเี สมหะ รปู แบบยา • ยาเม็ดขนาด 15 มก. วธิ ีใชย้ า • เดก็ อายุ 12 ปีขึ้นไป และผใู้ หญ่ รบั ประทานครงั้ ละ 2 เมด็ วันละ 3-4 คร้ัง หลังอาหารเชา้ กลางวัน เยน็ (กอ่ นนอน) ข้อควรระวงั • เดก็ อายุ 12 ปี ไม่ควรใช้ยาน้ี • ห้ามใชย้ านีใ้ นคนทม่ี ีเสมหะเหนยี ว เน่อื งจากทำให้เสมหะเหนยี วข้น อุดตนั ของทางเดนิ หายใจ ทำใหเ้ ป็นอนั ตรายได้ • ไมค่ วรใชเ้ ปน็ เวลานาน • หลีกเลย่ี งการดม่ื เครอื่ งด่ืมแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้เกิดผลขา้ งเคยี งจากการใช้ยามากขึน้ • ผปู้ ว่ ยควรเข้าพบแพทยห์ ากมีการใช้ยาเกนิ ขนาด ซง่ึ อาจสง่ ผลให้รสู้ กึ กระสบั กระส่าย คล่ืนไส้ มึนงง หัวใจเต้นแรง เห็นภาพ หลอน หรือเกดิ อาการชกั ได้ 29

27 ยาบรรเทาปวดประจำเดือน ไฮออสซิน (Hyoscine-N-butylbromide) Hyoscine Butylbromide (ไฮออสซีน บิวทิลโบรไมด์) หรือยาที่คนทั่วไปรู้จักกันในชื่อทางการค้าว่า บุสโคพาน (Buscopan) เป็นยาในกลุ่มยาบรรเทาอาการปวดเกร็งในช่องท้อง ออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของตัวรับมัสคารินิก (Muscarinic Receptors) คลายกล้ามเน้อื เรยี บ ยานีใ้ ช้สำหรับ • บรรเทาอาการปวดท้องเกร็งชอ่ งทอ้ ง ซงึ่ มีสาเหตจุ ากการหดเกร็งกล้ามเนอื้ ท่บี ริเวณกระเพาะอาหารหรือกระเพาะปสั สาวะ รูปแบบยา ยาเม็ด ขนาด 10 มลิ ลิกรัม ยาน้ำ ความแรง 5 มิลลกิ รมั /5มิลลิลิตร วิธีใชย้ า • เดก็ อายุ 6-12 ปี รบั ประทานคร้ังละ 1 เมด็ หรือ 2 ชอ้ นชาวนั ละ 3-4 ครั้ง • เดก็ อายุ 12 ปีขึ้นไป และผใู้ หญ่ รับประทานครั้งละ 1-2 เมด็ หรือ 2-4 ช้อนชา วันละ 3-4 คร้ัง ยาสามารถรบั ประทานกอ่ นหรอื หลังอาหารกไ็ ด้ ขอ้ ควรระวัง • ห้ามใชย้ านีใ้ นผู้ป่วยทีเ่ ปน็ โรคต้อหนิ ต่อมลกู หมากโต • ยานอ้ี าจทำใหเ้ กิดอาการปากแหง้ ผิวแหง้ ท้องผูก ตาส้แู สงไมไ่ ด้ • ต้องแจ้งแพทย์ทันทีหากมีอาการดังต่อไปนี้ ปวดตา ตาแดงหรือการมองเห็นผิดปกติ หัวใจเต้นเร็วหรือช้าผิดปกติ ถ่าย ปสั สาวะลำบาก หรือเจ็บเมื่อถ่ายปัสสาวะ 30

28 ยาลดการสร้างกรด รานทิ ดิ นี (Ranitidine) เป็นยาที่ใช้ในโรคกระเพาะอาหารที่เกิดจากการหลั่งกรด โดยมีหลักกการคือ ลดปัจจัยที่ทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหาร ทำ หนา้ ทใ่ี นการยบั ย้งั การหล่ังกรด ยานี้ใชส้ ำหรับ รักษาโรคแผลในกระเพาะอาหาร แผลในลำไส้เล็กส่วนต้น โรคกรดไหลย้อน ภาวะมีกรดในกระเพาะอาหารมากเกิน และ ป้องกนั อาการเลือดออกจากกระเพาะอาหารอักเสบจากความเครยี ด รปู แบบยา • ยาเมด็ ขนาด 150 มิลลกิ รัม หรอื 300 มลิ ลิกรัม วิธีใช้ยา • ขนาด 150 มลิ ลกิ รมั เด็กอายุ 12 ปีขึน้ ไป และผใู้ หญ่ รบั ประทานคร้งั ละ 1 เมด็ วันละ 2 ครั้ง กอ่ นหรือหลงั อาหาร • ขนาด 300 มลิ ลกิ รัม เด็กอายุ 12 ปขี ึน้ ไป และผูใ้ หญ่ รบั ประทานคร้ังละ 1 เม็ด กอ่ นนอน • สำหรับขนาดยาที่ใชใ้ นการปอ้ งกนั การกลบั มาเป็นใหม่ของโรคแผลในทางเดินอาหารเทา่ กับคร่งึ หนงึ่ ของขนาดที่ใชร้ ักษา ขอ้ ควรระวงั • ไมค่ วรรบั ประทานยาลดกรดพรอ้ มกบั ยาน้ี หากมคี วามจำเป็นต้องรับประทานยาลดกรด ใหร้ บั ประทาน ก่อนยาน้อี ย่างนอ้ ย 2 ช่ัวโมง หรือหลงั จากรบั ประทานยานี้แลว้ อย่างน้อย 1 ช่ัวโมง • ควรลดขนาดยาในผู้ป่วยท่มี กี ารทำงานของตับหรอื ไตบกพร่อง • ระวังการใชย้ าในหญงิ ตั้งครรภแ์ ละใหน้ มบตุ รเนอื่ งจากยาสามารถผา่ นรกและถูกขับออกทางน้ำนมได้ • หากมีอาการของโรครนุ แรง เช่น อจุ จาระมีสดี ำเข้ม อาเจยี นเป็นเลอื ด ให้รีบไปพบแพทยท์ นั ที 31

29 ยาแกค้ ลน่ื ไสอ้ าเจยี น ดอมเพอรโิ ดน (Domperidone) ยานีเ้ ป็นยาเพิม่ การเคล่ือนไหวของทางเดินอาหาร มชี ือ่ สามัญวา่ ดอมเพอริโดน (Domperidone) ยานี้ใชบ้ รรเทาอาการ คลืน่ ไสอ้ าเจียน อาการอาหารไมย่ ่อย และกรดไหลย้อน ยานใี้ ชส้ ำหรับ บรรเทาอาการคล่นื ไส้อาเจียน อาการอาหารไมย่ ่อย และกรดไหลยอ้ น รูปแบบยา • ยาเมด็ ขนาด 10 มลิ ลกิ รมั • ยานำ้ แขวนตะกอน ขนาด 5 มิลลิกรมั ใน 5 มิลลลิ ิตร วธิ ใี ช้ยา • เด็กอายุ 1-12 ปี : รับประทานครง้ั ละ 0.25 มก./นำ้ หนกั ตวั 1 กก. วนั ละ 3 คร้ัง ก่อนอาหาร 15-30 นาที หรอื ให้ตามน้ำหนกั ตวั ดังนี้ นำ้ หนัก (กก.) รับประทานครงั้ ละ รบั ประทานวันละ 10-15 ½ ชอ้ นชา 3 ครง้ั ก่อนอาหาร 15-30 นาที 16-25 26-35 1 ช้อนชา หรือ ½ เม็ด >35 1½ ช้อนชา 2 ชอ้ นชา หรือ 1 เม็ด • เด็กอายุ 12 ปีขนึ้ ไป และผู้ใหญ่ : รบั ประทานครงั้ ละ 1 เมด็ วันละ 3 คร้งั กอ่ นอาหาร 15-30 นาที ข้อควรระวงั • ปรกึ ษาแพทย์กอ่ นใชย้ านี้หากเป็นโรคไต โรคหวั ใจ แพน้ ้ำตาลแลคโทส หรอื มภี าวะผิดปกติของเกลอื แร่ในกระแสเลอื ด • อย่าใชย้ าน้ีกับเดก็ เลก็ โดยไมป่ รึกษาแพทยห์ รอื เภสัชกร เพราะอาจทำให้เกิดอาการผิดปกตทิ างระบบประสาทได้ • อย่าใชย้ านีเ้ กนิ กวา่ ขนาดท่ีแพทย์สงั่ เพราะอาจเป็นอันตรายต่อหวั ใจ 32

30 ยาแกค้ ลน่ื ไส้อาเจยี น แกเ้ มารถ ไดเมนไฮดริเนท (Dimenhydrinate) ไดเมนไฮดรเิ นท (Dimenhydrinate) หรอื ยาที่คนท่วั ไปรจู้ ักในชื่อทางการค้าว่า ดรามามนี (Dramamine) เปน็ ยาในกลุ่ม ยาแก้แพ้ (Antihistamine) ทถ่ี กู นำมาใชเ้ พ่ือปอ้ งกันและรักษาอาการแพต้ ่าง ๆ เช่น อาการคลืน่ ไส้ อาเจยี น วิงเวียน จากการเมารถ เมาเรือ หรือเมาเครือ่ งบิน และใช้รักษาอาการคลื่นไส้ อาเจียนจากสาเหตุอืน่ ๆ เช่น การแพ้ท้อง อาการบ้านหมุน โดยผลข้างเคียง จากยานี้ที่พบได้บ่อย คือ อาการง่วงนอน มึนงง อย่างไรก็ตาม ยาไดเมนไฮดริเนทยังเป็นที่นิยมใช้กันอยู่ เพราะเป็นยาที่มีราคาถกู และหาซื้อไดง้ า่ ยตามรา้ นขายยาทัว่ ไป ยานใ้ี ช้สำหรับ ป้องกนั และรกั ษาอาการคลน่ื ไส้ อาเจยี น มนึ งง จากการเมารถ เมาเรอื และอาการบ้านหมนุ รปู แบบยา ยาเมด็ ขนาด 50 มลิ ลิกรัม วิธใี ช้ยา สำหรับรกั ษาอาการคล่นื ไส้ อาเจียน และอาการบ้านหมุน • เด็กอายุ 2 – 5 ปี รบั ประทานครัง้ ละ 12.5 - 25 มิลลิกรัม ทุกๆ 6 - 8 ชั่วโมง • เดก็ อายุ 6 – 11 ปี รบั ประทานคร้ังละ 25 - 50 มิลลกิ รัม ทุกๆ 6 - 8 ช่ัวโมง • เด็กอายุ 12 ปีข้นึ ไป และผู้ใหญ่ รบั ประทานครัง้ ละ 50 - 100 มลิ ลิกรมั ทุกๆ 4 - 6 ชั่วโมง สำหรบั ปอ้ งกันอาการเมารถ เมาเรือ • เดก็ อายุ 2 – 5 ปี รบั ประทานครัง้ ละ 12.5 - 25 มลิ ลิกรัม กอ่ นการเดินทางเป็นเวลา 30 นาที หรอื 1 ชั่วโมง • เด็กอายุ 6 – 11 ปี รบั ประทานครงั้ ละ 25 - 50 มิลลกิ รัม กอ่ นการเดินทางเป็นเวลา 30 นาที หรอื 1 ชั่วโมง • เด็กอายุ 12 ปีขน้ึ ไป และผูใ้ หญ่ รับประทานครง้ั ละ 50 - 100 มิลลกิ รมั ก่อนการเดินทางเป็นเวลา 30 นาที หรอื 1 ชั่วโมง ขอ้ ควรระวัง • ไมค่ วรใชย้ านใ้ี นเด็กอายุตำ่ กว่า 2 ปี สตรีมีครรภ์ และสตรใี ห้นมบุตร ยกเว้นกรณีได้รับคำแนะนำจากแพทย์ • ยานอี้ าจทำใหเ้ กดิ อาการงว่ งซมึ ควรระมดั ระวงั ในการขับข่ยี านพาหนะ 33

31 ยาแกแ้ พ้ เซทริ ซิ ีน (Cetirizine) เซทิรซิ ีน (Cetirizine) ใชเ้ ปน็ ยาแก้แพโ้ ดยออกฤทธิข์ ดั ขวางการทำงานของฮสี ตามีนทรี่ ่างกายสร้างขึ้นระหว่างเกิดอาการแพ้ และยาเซทิริซีนไมท่ ำใหเ้ กดิ อาการงว่ งนอน แตใ่ นผู้ป่วยบางรายอาจทำใหเ้ กดิ การงว่ งซึมได้ ยาน้ีใช้สำหรับ • ลดอาการแพ้ เชน่ แพอ้ ากาศ ดอกไม้ หรอื ฝ่นุ ละออง • บรรเทาอาการผ่นื คันและแดงท่ีเกดิ จากลมพิษ • บรรเทาอาการหวดั รูปแบบยา • ยาเมด็ รับประทาน • ยาเมด็ เค้ียว • ยาน้ำเชอ่ื ม วิธใี ชย้ า • ยาเมด็ รบั ประทาน - รบั ประทานคร้ังละ 5-10 มก. วันละ 1 ครัง้ • ยาเมด็ เคีย้ ว - รบั ประทานครงั้ ละ 1 เมด็ ( 5-10 มล./เมด็ ) โดยเคย้ี วใหล้ ะเอียดก่อนกลนื • ยาน้ำเชือ่ ม - รบั ประทานคร้ังละ 5 มล. (1 มก./ มล.) • รับประทานกอ่ นหรือหลังอาหารกไ็ ด้ แตค่ วรรับประทานในช่วงเวลาใกลเ้ คยี งกันทุกวัน ขอ้ ควรระวงั • ระวังการใชใ้ นเด็กอายุตำ่ กว่า 12 ปี • ห้ามด่มื เคร่ืองด่ืมแอลกอฮอลเ์ มือ่ ใชย้ า Cetirizine • ผมู้ ภี าวะตบั และไตเสื่อม ผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์หรืออยู่ในระหว่างใหน้ มบตุ ร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาและควรหลีกเล่ียง การใช้ยาขณะขบั รถ หรอื กจิ กรรมที่ต้องการใช้สมาธอิ ยู่ตลอดเวลา เช่น การทำงานกบั เครือ่ งจกั ร 34

32 ยาแกแ้ พ้ ลดน้ำมกู แก้ผดผ่นื ลอราทาดีน (Loratadine) ยาน้ีเป็นสารต้านฮิสตามนี ใชเ้ พ่อื บรรเทาอาการไข้ละอองฟาง (มสี าเหตุจากการแพ้สารพวกละอองเกสรดอกไม้ ฝุ่นละออง หรอื สารอ่นื ในอากาศ) และอาการแพอ้ ่ืนๆ ไดแ้ ก่ จาม นำ้ มกู ไหล ตาแดง คนั ท่ีตาและน้ำตาไหล คันจมูกและลำคอ นอกจากน้ียังใช้ เพือ่ ชว่ ยบรรเทาอาการคนั และผวิ หนงั แดงท่เี กิดจากผืน่ ลมพษิ แต่ไมส่ ามารถปอ้ งกนั อาการผ่ืนลมพษิ หรือการแพ้อ่ืนๆ ทางผวิ หนงั ได้ ยานี้ใช้สำหรับ • บรรเทาอาการไข้ละอองฟอง จาม นำ้ มกู ไหล น้ำตาไหล ตาแดง คันทีต่ าและจมกู ผน่ื ลมพษิ รปู แบบยา • ยาเม็ด ขนาด 10 มลิ ลกิ รมั • ยาน้ำ ความแรง 5 มลิ ลิกรัม ต่อ 5 มิลลิลิตร วิธีใชย้ า • เดก็ อายุ 2-12 ปี รับประทานครั้งละ 1 ชอ้ นชา วนั ละคร้ัง • เดก็ อายุ 12 ปขี น้ึ ไป และ ผใู้ หญ่ รบั ประทานคร้งั ละ 2 ชอ้ นชา หรือ 1 เม็ด วันละครั้ง รบั ประทานยาน้ไี ด้ทงั้ พร้อมหรอื ไม่พรอ้ มอาหาร แตค่ วรรับประทานยาในชว่ งเวลาเดยี วกนั ทกุ วัน ข้อควรระวงั • ในผปู้ ่วยบางรายยาน้ีอาจทำให้มอี าการง่วงซมึ ได้ ควรหลีกเล่ยี งการขับรถหรอื การทำงานกบั เครอื่ งจกั รกลหลังจาก รับประทานยา • หา้ มใชย้ านี้รกั ษาตมุ่ ผนื่ ลมพษิ ซงึ่ มีอาการฟกชำ้ พพุ อง มสี ผี ดิ ปกติ หรือผ่ืนลมพษิ ท่ีไม่มีอาการคัน และแจง้ ใหแ้ พทย์ทราบ หากท่านมีอาการผื่นดังกลา่ ว • หยดุ ใช้ยาน้ีหากอาการผืน่ ลมพิษไม่ดขี ้ึนภายใน 3 หลงั จากเรม่ิ ใช้ยา หรือในกรณที ่ีผนื่ ลมพิษมอี าการยาวนานมากกว่า 6 สับ ดาห์ และควรปรกึ ษาแพทยถ์ ึงสาเหตขุ องผน่ื ดงั กลา่ ว 35