C 7dvjkoท ม การอ านออกเส ยง s es

แม้เรียนภาษาอังกฤษมานานแล้ว แต่หลายๆ คนยังคงรู้สึกสับสนเมื่อต้องเติม s และ es หลังคำนามในการพูดและการเขียน มาเรียนรู้หลักการเติม s es หลังคำนามในบทความต่อไปนี้นะคะ

หลักการเติม s/ es ต่อคำนามในภาษาอังกฤษ

ในภาษาอังกฤษ เราจะเติม s/es ต่อท้ายคำนามเพื่อเปลี่ยนคำนามเอกพจน์เป็นคำนามพหูพจน์ อย่างไรก็ตาม หลักการนี้ใช้กับคำนามที่นับได้เท่านั้น หลักการเติม s/ es ต่อคำนาม ดังนี้

สอบก่อนเข้าฟรี

{{(sIndex/sentences.length)*100}}%

{{ sentences[sIndex].text }}.

C 7dvjkoท ม การอ านออกเส ยง s es

เติม s ต่อท้ายคำนามนับได้เอกพจน์เพื่อเปลี่ยนเป็นคำพหูพจน์

ตัวอย่าง:

RoadroadsHorsehorsesBookbooksChairchairsRoserosesImageimagesWindowwindows

เติม es ต่อท้ายคำนามที่ลงท้ายด้วย s, ss, sh, ch, z และ x

ตัวอย่าง:

BusbusesBoxboxesGlassglassesQuizquizzesFoxfoxesChurchchurches

เติม es ต่อท้ายคำนามที่ลงท้ายด้วยพยัญชนะ + o

ตัวอย่าง:

TomatotomatoesPotatopotatoesHeroheroes

หลักการการเติม s/ es ต่อท้ายคำนาม ยกเว้นบางกรณีพิเศษ ดังนี้ สำหรับคำที่ลงท้ายด้วยสระ + o คำนามที่มาจากต่างประเทศ หรือคำย่อ จะได้เติม s ต่อท้ายคำคำนั้นเพื่อเปลี่ยนเป็นคำพหูพจน์

ตัวอย่าง: Radio -> Radios

สำหรับคำนามที่ลงท้ายด้วยพยัญชนะ + y y จะได้เปลี่ยนเป็น i แล้วเติม es ต่อท้ายคำ

ตัวอย่าง

BabybabiesFlyfliesLadyladiesDutydutiesPartypartiesCountrycountries

C 7dvjkoท ม การอ านออกเส ยง s es

คำนามที่ลงท้ายด้วยสระ a, o, u, e, i + y ยังคงเหมือนเดิมและเติม s

ตัวอย่าง:

BoyboysDonkeydonkeysValleyvalleysMonkeymonkeys

สำหรับคำนามที่ลงท้ายด้วย f หรือ fe หลักการเติม s/ es ได้แบ่งออกเป็น 2 ประการ ดังนี้

คำนามที่จะได้เปลี่ยน f หรือ fe เป็น “v” แล้วเติม es ดังนี้

CalfcalvesHalfhalvesKnifeknivesLeafleavesLifelivesLoafloavesSelfselvesShelfshelvesThiefthievesWifewivesWolfwolves

สำหรับกรณีที่เหลือ f หรือ fe ยังคงเหมือนเดิม แล้วเติม s ตามปกติ

ตัวอย่าง:

CliffcliffsSafesafesChiefchiefs

บางกรณีพิเศษเปลี่ยนคำนามเป็นคำนามพหูพจน์

หลักการเติม s/ es ต่อคำนามจะใช้ได้กับคำนามนับได้เอกพจน์เท่านั้น

นอกจากนี้ยังมีบางกรณีพิเศษที่ต้องสังเกตไว้ โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องการพัฒนาทักษะการเขียน ดังนี้:

คำนามมีสระอยู่ตรงกลาง ซึ่งมีรูปแบบพหูพจน์ของตัวเอง จึงไม่ได้เติม s/ es ตามปกติ

ตัวอย่าง:

FootfeetToothteethGoosegeeseManmenWomanwomenMousemiceChildchildren

คำนามบางคำเป็นคำพหูพจน์และใช้พร้อมกับกริยาพหูพจน์เท่านั้น

ตัวอย่าง: Clothes, police, cattle, arms, goods, stairs, riches…

คำนามที่ลงท้ายด้วย s หรือ es แต่เป็นคำเอกพจน์

ตัวอย่าง: News, mumps, darts, bowls, dominoes, shingles…

คำนามที่มาจากต่างประเทศหรือ Latin มีรูปแบบพหูพจน์ของตัวเอง จึงไม่ได้เติม s/ es ตามปกติ

ตัวอย่าง:

RadiusradiiBasisbasesOasisoasesDatumdata

นอกจากนี้ ยังมีคำนามมีรูปแบบพหูพจน์และเอกพจน์เหมือนกัน

ตัวอย่าง: Deer, swine, fish, salmon…

วิธีออกเสียง s/ es ได้อย่างถูกต้องในภาษาอังกฤษ

นอกจากเรียนรู้เกี่ยวกับหลักการเติม s/ es ต่อคำนามแล้ว คุณต้องสังเกตกับวิธีออกเสียง “s” และ “es” เพื่อสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ

s ได้ออกเสียงเป็น /s/ เมื่อคำลงท้ายด้วยพยัญชนะที่ไร้เสียง ไร้การสั่นสะเทือน ได้แก่: /p/, /t/, /k/, /f/, /θ/.

ตัวอย่าง: meets, coats, books, roofs, maps…

s ได้ออกเสียงเป็น /z/ เมื่อคำลงท้ายด้วยพยัญชนะที่ออกเสียงเป็น /b/, /d/, /g/, /v/, /ð/, /m/, /n/, /ŋ, /l/ , /r/ หรือสระที่ออกเสียงสั่นสะเทือน

ตัวอย่าง: hands, girls, boys, birds, cars, windows…

C 7dvjkoท ม การอ านออกเส ยง s es

es ได้ออกเสียงเป็น /ɪz/ เมื่อคำลงท้ายด้วยพยัญชนะที่ออกเสียงลม /s/, /z/, /ʃ/, /ʒ/, /tʃ/, /dʒ/ ปกติคำเหล่านี้จะลงท้ายด้วย ce, x, z, sh, ch, s, ge

ตัวอย่าง: Classes, dishes, rouges, changes, boxes…

แบบฝึกหัดหลักการเติม s/ es

แบบฝึกหัดที่ 1: เปลี่ยนคำนามต่อไปนี้เป็นคำนามพหูพจน์

FanBookClassApplePhoneToyTreeLession

แบบฝึกหัดที่ 2: เลือกคำที่ออกเสียง s/ es แตกต่างกับคำอื่นๆ

1A. grassesB. potatoesC. comprisesD. stretches 2A. singsB. coughsC. sleeps D. stops 3A. signsB. becomesC. profits D. survives4A. mendsB. equalsC. valuesD. develops5A. wishesB. introducesC. practicesD. leaves

คำตอบ

แบบฝึกหัดที่ 1:

FansBooksClassesApplesPhonesToysTreesLessons

แบบฝึกหัดที่ 2:

12345BACDD

ELSA Speak – แอปพลิเคชั่นฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษเหมือนเจ้าของภาษา

หลักการเติม s/ es ต่อคำนามเป็นหนึ่งในหลักไวยากรณ์ที่สำคัญในภาษาอังกฤษ ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้ในการอ่านและการเขียนได้ อย่างไรก็ตาม การแยกแยะและออกเสียง s และ es ให้ถูกต้องไม่ใช่เรื่องง่าย

นอกจากฝึกอ่านเป็นประจำแล้ว คุณยังสามารถใช้แอปฯ ฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษ ELSA Speak เพื่อฝึกการออกเสียงให้เหมือนกับเจ้าของภาษา โดยเฉพาะในการเรียนการสื่อสารภาษาอังกฤษออนไลน์

C 7dvjkoท ม การอ านออกเส ยง s es

ELSA Speak สามารถตรวจจับการออกเสียงที่ผิดพลาดของคุณได้อย่างถูกต้อง โดยการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่มีการจำรู้เสียง นอกจากนี้ ELSA Speak ยังให้คะแนนเพื่อให้คุณทราบว่าทักษะการพูดภาษาอังกฤษของตนอยู่ระดับไหน รวมทั้งให้คำแนะนำการแก้ไขข้อผิดพลาด ซึ่งไม่ใช่แค่เสียง s/es เท่านั้น แต่รวมถึงเสียงอื่นๆ ด้วย ดังนั้น คุณสามารถพัฒนาทักษะการพูดมากขึ้นเรื่อยๆ

ปัจจุบัน ELSA Speak มีมากกว่า 25,000 บทเรียน แบ่งเป็น +290 หัวข้อที่น่าสนใจและใกล้ชิดกับชีวิตประจำวัน ดังนั้น คุณสามารถเลือกหัวข้อที่ชื่นชอบหรือมีประโยชน์ต่อการทำงาน ซึ่งทำให้การเรียนน่าสนใจยิ่งขึ้น

จากบทความนี้ หวังว่าคุณจะเข้าใจหลักการเติม s/ es ต่อคำนาม รวมถึงการออกเสียงที่ถูกต้อง เพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณควรฝึกฝนกับ ELSA Speak 10 นาทีแต่ละวัน อาจไม่นาน คุณจะสามารถเห็นความก้าวหน้าในการเรียนได้อย่างชัดเจน

หลักการเติม s es มีอะไรบ้าง

หลักการเติม s/es ก็คือ.

1. เติม s หลังคำกริยาได้ทั่วๆไปเลย eat eats. walk walks. stay stays..

2. ถ้าคำกริยาลงท้ายด้วย s, sh, ch, x, z และ o เราต้องเติม es หลังกริยานั้นๆ miss misses. wish wishes. watch watches. fix fixes. buzz buzzes. go goes. ประเด็นคือ ให้เราฝึกฟอร์มประโยคบ่อยๆ เพราะเวลาใช้จริงๆ จะได้ไม่ลืม!.

Sอ่าน ออกเสียง อย่างไร

วิธีออกเสียง S ให้ใช้มือแตะที่ลำคอแล้วเปล่งลมออกมา จะสังเกตุได้ว่าภายในลำคอไม่มีการสั่นสะเทือนมากนัก ส่วนวิธีออกเสียง Z ให้ใช้วิธีเดียวกัน แต่เปล่งเสียงออกมาพร้อมกับลม ซึ่งสังเกตความต่างได้ว่าภายในลำคอจะมีการสั่นสะเทือนมากกว่า

เมื่อเติม s esแล้วออกเสียงอย่างไร

หลักการเติม s หรือ es ที่คำกริยา 1. คำกริยาที่เขียนลงท้ายด้วย s,ss,ch,sh,x,z ให้เติม es และ ต้องอ่านออกเสียง อิซ หรือ เอซ เพิ่มอีก 1 พยางค์ เช่น kiss – kisses / wash - washes.

S กับ ES ต่างกันยังไง

ความรู้เพิ่มเติม : หลักการเติม s,es นั้นง่ายนิดเดียว คือ คำกริยาที่ลงท้ายด้วย ch, o, s, ss, sh, x ให้เติม es เมื่อประธานของประโยคเป็นเอกพจน์ (He, She, It) เช่น She washes her car. ประธานของประโยคคือ She ซึ่งเป็นเอกพจน์ คำกริยาคือ wash ที่ลงท้ายด้วย sh จึงต้องเติม es ต่อท้าย