Ghost house ม นอย ในศาล เต มเร อ

โดยปกติของหนังผีแล้วมักจะถูกสร้างตามวัฒนธรรมของแต่ละพื้นที่ เช่นถ้าเป็นฝรั่งก็จะสร้างหนังผีสไตล์ฝรั่ง มีปีศาจ มีวิญญาณ หรือออกแนวผีที่เป็นพลังงานมีหลักวิทยาศาสตร์หรือตำราอ้างอิง ส่วนถ้าเป็นหนังผีแบบไทยก็จะมีผีสาวใส่ชุดไทยตามล้างแค้นเหล่าตัวละครในเรื่อง

แต่สำหรับหนังผีที่ #เหมียวฟิ้น จะหยิบเอามาพูดถึงต่อไปนี้แปลกออกไป เพราะมันถูกสร้างโดยผู้กำกับชาวอเมริกันแต่กลับเล่าถึงเหตุการณ์และผีแบบไทยๆ!?

Ghost house ม นอย ในศาล เต มเร อ

หนังเรื่องนี้มีชื่อว่า Ghost House กำกับโดย Rich Ragsdale เล่าถึงคู่รักชาวอเมริกันที่เดินทางมาพักผ่อนในประเทศไทย แต่ในระหว่างนั้นดันมีคนแนะนำให้พวกเขาไปเดินเล่นแถวๆ ป่าลึกที่มีศาลพระภูมิวางเรียงรายเต็มไปหมด (ที่มีตั้งเย๊อะตั้งแยะไม่ไปเนาะ)

ด้วยความสงสัยใคร่รู้ พวกเขาเลยหยิบตุ๊กตาในศาลพระภูมิขึ้นมาดู แต่นั่นดันกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสยดสยองและการตามล่าที่พวกเขาไม่คาดคิด…

ผ่าม ผ๊ามมมม!! โชว์สเตปซักหน่อย

Ghost house ม นอย ในศาล เต มเร อ

ตุ๊กตาภายในศาลพระภูมิที่ถูกลบหลู่

Ghost house ม นอย ในศาล เต มเร อ

วิญญาณร้ายที่โกรธเกรี้ยวโดยไร้สาเหตุ

Ghost house ม นอย ในศาล เต มเร อ

ลองชมตัวอย่างเวอร์ชั่นเต็มได้ที่นี่เลย

แต่จากกระแสความเห็นในโลกออนไลน์หลังจากได้ชมตัวอย่างหนังเรื่องนี้แล้ว ดันออกไปทางตลกโปกฮาซะมากกว่า…

Platinum Equinox “บทเรียนชีวิตเลย อย่าไปเอาอะไรที่ไม่ใช่ของคุณมาเด็ดขาด”

WhyteDem0n “แม่สาวผิวขาวนั่นทำอะไรที่โง่มาก สมควรละ”

Boo Radley “คนผิวขาวมักจะทำอะไรเห้ๆ ตอนไปเที่ยวเสมอ บ้าเอ้ย! พวกเอ็งแค่ชื่นชมกับบรรยากาศเฉยๆ ไม่ได้เหรอฟระ”

เรื่องราวของคู่รักอเมริกันที่เดินทางมาเที่ยวไทย และบังเอิญไปเจออาถรรพ์ของศาลพระภูมิเก่าเข้า ทำให้พวกเขาต้องเจอวิญญาณเฮี้ยนตามหลอกตามหลอน จนต้องหาทางออกเพื่อให้หลุดพ้นจากการตามล่าจากวิญญาณร้ายตนนี้

โหยตอนแรกที่ได้เห็นตัวอย่างอะไรต่าง ๆ ยอมรับว่ามันค่อนข้างน่าสนใจมากเลยทีเดียว แต่พอได้มาชมแล้ว อุทานเลยว่านี่มันบ้าอะไรกันวะเนี่ย! อย่างแรกเลยที่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องเป็นผีญี่ปุ่นด้วย มันมีนัยยะทางการเมืองอะไรแอบแฝงหรือเปล่ากับการที่ "วาตาเบ้" ผีสาวญี่ปุ่นที่สิงสู่ในศาลไทย นอกจากนี้ก็ไม่รู้จะอธิบายอะไรเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้เลยครับ ปกติผมเป็นคนกลัวผีมาก แต่หนังเรื่องนี้ไม่ได้สร้างบรรยากาศให้เรารู้สึกกลัวได้เลย ทำได้แค่ตกใจจากการจัมป์สแกร์ของหนังมากกว่า ซึ่งก็ทำได้แย่ และไร้รสนิยม เหมือนกับหนังผีไทยเรื่องนึงที่ผมเคยได้ดูนานแล้วอย่างฮาชิมะโปรเจคเลยทีเดียว เพราะการสร้างบรรยากาศในเรื่องก็ดูปลอมมาก แถมยังเหลือเชื่อมากที่หนังเนรมิตรกรุงเทพฯ ให้ดูเก่าแก่ โบราณ และดูไม่เจริญได้ขนาดนั้น มันคงเป็นมุมมองของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะฟากตะวันตกที่มองประเทศไทยเป็นอย่างนี้จริง ๆ ซึ่งพอเราดูก็จะรู้สึกว่าแม่งตลกเป็นบ้าเลย

"หนังเรื่องนี้ไม่มีความเมคเซนส์อะไรทั้งสิ้นเลยครับ" ดำเนินเรื่องไปอย่างไร้สติ ไร้ทิศทาง ที่จริงมันไร้สติตั้งแต่ตัวละครนางเอกแล้ว ฉะนั้นสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ถูกนำพาไปเจอ ก็ล้วนแล้วแต่ไร้ตรรกะ และน่าตลกสุด ๆ ซึ่งพอถึงฉากจบนั่นคือความตลกแบบที่สุดเท่าที่จะเกิดขึ้นได้ในหนังเรื่องนึงเลยทีเดียว แล้วผมเชื่อว่าทุกคนที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ หลังจากดูไปครึ่งเรื่องก็แทบจะไม่คาดหวังอะไรกันแล้ว สิ่งเดียวที่ขอคือเพียงแค่ต้องการที่จะรู้จุดประสงค์ และเหตุผลของผีมากว่าทำไปทำไม เพื่ออะไร ซึ่งพอเฉลยออกมาแล้ว ก็ตลกจนหนังเรื่องนี้ผันตัวเองจากหนังสยองขวัญเป็น scary movie ไปเลยในท้ายที่สุด

ด้านงานสร้างก็คงไม่ต้องพูดถึง มันบีมากอยู่แล้ว ทั้งโปรดักชั่น การตัดต่อ และการดีไซน์ฉากที่กล่าวไปข้างต้น กรุงเทพฯ นั้นดูลึกลับและเต็มไปด้วยหมอกควันตลอดเวลา ซึ่งไม่เข้าใจว่าจะเป็นอย่างนั้นทำไม ซีนที่ไปต่างจังหวัดก็ยิ่งดูลึกลับและลับแลยิ่งไปใหญ่ จนเริ่มสงสัยว่าในเรื่องเล่าในยุค 2017 หรือ 1957 กันแน่ งงมากจริง ๆ แถมเพลงประกอบก็ยังตลกมากไปอีก

แม้ว่าหนังจะเข้ามาสักพักแล้ว แต่ก็อาจจะมีคนที่ยังไม่ได้ดู ถ้าคุณไม่อยากรู้สึกเสียดายตังค์แนะนำให้ข้ามโปรแกรมนี้ไปแบบไม่ต้องคิดเลยจะดีที่สุดครับ

เป็นหนังที่ดูแล้วลุ้นมาก ไม่ใช่ลุ้นผีออกมานะ แต่ลุ้นให้มันออกมาดีเหอะ สนุกเหอะ เอาใจช่วยมาก ๆ อยากให้ออกมาเป็นหนังเล็กสร้างกระแสได้อย่าง It Follows หรือ Babadook แต่ยิ่งดูหนทางก็ยิ่งจะห่างไกลไปในทิศตรงกันข้าม เรื่องราวของหนังน่าจะถูกบอกเล่ามาหมดแล้วในตัวอย่างหนัง ที่เพิ่มเติมและเป็นจุดน่าสนใจของหนังก็คือ จิม และ จูลี่ ไม่ได้ไปเจอศาลพระภูมิร้างโดยบังเอิญ แต่โดนชายอังกฤษที่มาตีสนิทแล้ววางแผนล่อหลอกให้ทั้งคู่ไปเจอศาลของวาตาเบ แล้วทิ้ง 2 คนนั้นไว้ ถือว่าเป็นการเปิดเรื่องที่น่าสนใจ ว่าจุดประสงค์ของ 2 คนนั้นคืออะไร ทำให้ชวนติดตามแต่คำตอบของปริศนาก็มาเร็วมาก ที่เหลือครึ่งหลังก็เป็นวีรกรรมจองเวรของผีวาตาเบ และ ความพยายามกำจัดผีของจิม

Ghost house ม นอย ในศาล เต มเร อ

ด้วยความที่เป็นหนังที่สร้างโดยสตูดิโอจากฮอลลีวู้ดที่มาเล่าเรื่องราวผีไทย ก็เลยเป็นจุดที่น่าสนใจของหนังที่เราจะได้ดูความน่ากลัวของผีไทย ผ่านมุมมองและทีมงานสร้างมาตรฐานฮอลลีวู้ด ซึ่งรวมกันแล้วมันต้องสยองมากแน่ ๆ และทางสหมงคลเองก็ใช้ตรงนี้เป็นจุดขายของหนังเช่นกัน ยิ่งสร้างความคาดหวังให้กับคนดู สิ่งที่ได้เห็นความแตกต่างในฐานะทีมงานฮอลลีวู้ดคือมุมมอง งานภาพ มุมกล้อง เป็นหนังที่มีเจตนาดีมาก ในฉากเปิดถ่ายทัศนียภาพสวย ๆ ของกรุงเทพฯ เหมือนกับเป็นหนังโฆษณาการท่องเที่ยว แต่ก็แค่นั้นแหละที่ดูมีความแตกต่าง แต่กับมาตรฐานของหนังผี ก็ไม่ได้โดดเด่นหรือแตกต่างจากหนังผีไทยเลย ไปได้ไม่ถึง “คนเห็นผี” หรือ “ชัตเตอร์” ด้วยซ้ำ ผมให้อยู่ในระดับเดียวกับหนังผีค่ายไฟว์สตาร์ในช่วงที่ทำออกมาเยอะ ๆ นั่นล่ะ

Ghost house ม นอย ในศาล เต มเร อ

สำหรับคอหนังผีถ้าอยากได้กรี๊ด ได้ตกใจ ก็มีให้ครบนะ หนังน่ากลัวจริง ผีวาตาเบออกแบบมาน่ากลัว ด้วยความที่ผมขาวกระเซิงหน้าเละ ตาแดง ฉากเปิดตัวที่นั่งบนศาลแล้ว “แว่” ใส่ ฉากนี้น่ากลัวจริง ขนาดเห็นในตัวอย่างหลายครั้งแล้ว มาดูในโรงอีกครั้งก็ยังสะดุ้งนะ การปรากฎตัวครั้งแรก ๆ ของวาตาเบ ชวนลุ้นชวนสะดุ้งอย่างได้ผล ฉากตุ้งแช่ก็มีมาเนือง ๆ ฉากหลอกยาว ๆ ในโรงแรมถือว่าเป็นฉากดีสุดน่ากลัวสุดของเรื่อง แต่พอหลังจากนี้ไปมันเริ่มถี่เกิน และเริ่มเฝือโดยเฉพาะฉากหลัง ๆ มาแบบไม่มีอินโทรเลย นึกจะมาก็มาอารมณ์สยองก็เริ่มลดน้อยลงไป ที่น่าผิดหวังอีกจุดก็คือ “วาตาเบ” ไม่ใช่ผีไทยนะครับ ก็ตัดไปเลยความคาดหวังที่ว่านี่คือหนังผีไทยในมุมมองฮอลลีวู้ด เป็นผีต่างชาติที่มาหลอกคนในประเทศไทย แต่มาอยู่ศาลเจ้าแบบไทย แล้วใช้ทั้งพระไทย , หมอผีไทยมาปราบ ตรรกะมันสับสนงงงวยอยู่นะ

Ghost house ม นอย ในศาล เต มเร อ

จุดด้อยที่สุดของ Ghost House ก็เช่นเดียวกับหนังอีกหลาย ๆ เรื่องคือ “บท” ที่มีแต่ความบังเอิญซ้ำแล้วซ้ำเล่า บังเอิญทีแรก ผมก็เอาใจช่วยอยู่นะ แค่ทีเดียวมันนิดหน่อยน่ะ แต่แล้วพอเข้าครึ่งหลังก็บังเอิญอีก บังเอิญอีก…..จบกัน ครึ่งหลังนี่ถ้าเป็นกราฟก็พาหนังวิ่งดิ่งลงมาก โดยเฉพาะไคลแมกซ์ของหนัง ถ้าหาทางออกให้หนังได้สวย ๆ ก็น่าจะพลิกสถานการณ์ดึงหนังกลับมาได้ แต่กลับกลายเป็นฉากที่มั่วมาก ลงเอยแบบ “ห๊ะ!!แค่เนี้ยเหรอ” หรืออาจจะเพราะเป็นคนไทยมั้งเลยชินชากับภาพหมอผีสู้กับผี ถ้าฝรั่งดูก็อาจจะแปลกตาล่ะมั้ง

Ghost house ม นอย ในศาล เต มเร อ

หนังมีฉากที่ผิดคาดนะ และไม่คิดว่าจะใส่มาด้วย คือฉากเซ็กส์ หนีผี หนีผี มาซั่มกันดีฝ่า สเกาต์ เทย์เลอร์ คอมป์ตัน จาก Haloween รีเมค มารับบท จูลี่ นางเอกของเรื่อง ได้มีบทพูดอยู่ครึ่งเรื่อง พอโดนผีเข้าก็เหลือแต่บทให้ทำหน้าหลอน หน้าเหวออย่างเดียว สเกาต์ โชว์หน่มน้มหลายฉากนะครับ (ผิดคาดอีกครั้งครับ………ที่มันเล็ก)

See also

Ghost house ม นอย ในศาล เต มเร อ

ไมเคิล เอส.นิว ดาราไทยที่มารับบท “โกโก้” ไกด์ไทย เป็นอีกหนึ่งบทนำของเรื่องเลย พอมาอ่านประวัติไมเคิล นี่น่าชื่นชมมากครับ เขาเป็นลูกครึ่งไทย-แคนาเดียน จบวิศวกรรมโยธา จากมหาวิทยาลัย วอเตอร์ลู,ออนตาริโอ แต่บทโกโก้ ต้องพูดโบรเค็นอิงลิชแบบสำเนียงไทยบ้าน ๆ ดูแล้วเชื่อว่านี่มันไกด์ตามถนนข้าวสารเลย

ดาราดังสุดในเรื่องนี้คือ มาร์ค บูน จูเนียร์ บอกชื่อไม่อ๋อกันหรอกแต่คอหนังฮอลลีวู้ดเห็นหน้าก็จำได้แน่ เพราะมาร์ค นี่ถือว่าเป็นตัวประกอบเบอร์ต้น ๆ ของฮอลลีวู้ดเลย เล่นหนังมาแล้ว 148 เรื่อง บท “รีโน” ในเรื่องนี้โผล่มามีบทบาทสำคัญในครึ่งหลัง

Ghost house ม นอย ในศาล เต มเร อ
มาร์ค บูน จูเนียร์ ในบท “รีโน”

สรุปว่า Ghost House อยู่ในมาตรฐานหนังผีไทยสักเรื่อง ที่น่ากลัว ได้สะดุ้ง แต่ทีมงานจากฮอลลีวู้ดไม่ได้สร้างความแตกต่างให้ดูเหนือจากหนังผีที่เมดอินไทยแลนด์กันเอง เป็นหนังที่ดูจบแล้วรู้สึกภูมิใจว่าฝีมือผู้กำกับไทยหลาย ๆ คนก็เก่งกว่าผู้กำกับฝรั่งนะ